1 ยอห์น 2–4; 2 ยอห์น
แสดงความรักที่มีต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์
เมื่อใครสักคนรู้สึกได้รับความรักหรือรักผู้อื่น การกระทำของคนๆ นั้นมักจะเปลี่ยนแปลง ยอห์นสอนว่าความรักของเราต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์สามารถจูงใจให้เรารักษาพระบัญญัติของพระองค์ บทเรียนนี้มีเจตนาจะช่วยให้ท่านเข้าใจว่า ท่านสามารถแสดงความรักต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ได้อย่างไรโดยการรักษาพระบัญญัติ
กิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจทำได้
การคุ้มครองที่เปี่ยมด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้า
ระหว่างที่อยู่บนชายหาดในออสเตรเลีย เอ็ลเดอร์ วอน จี. คีทช์ (1960–2018) แห่งสาวกเจ็ดสิบได้พบปะกับนักโต้คลื่นบางคนที่เคยเดินทางไปที่นั่นครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาบ่นเกี่ยวกับตาข่ายแนวกั้นที่แน่นหนาบนน่านน้ำ ซึ่งคอยป้องกันไม่ให้พวกเขาสามารถโต้คลื่นลูกใหญ่ได้
หากต้องการค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้น ให้ดูวีดิทัศน์ “บรรดาผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้รับพรและเป็นสุข” (5:41) จากรหัสเวลา 0:00 ถึง 2:34 วีดิทัศน์นี้มีให้รับชมได้ที่ ChurchofJesusChrist.org หรืออ่านเรื่องราวต่อไปนี้
ขณะที่นักเล่นกระดานโต้คลื่นชาวอเมริกันเริ่มอารมณ์เสียมากขึ้น ความสนใจของข้าพเจ้าไปอยู่ที่นักเล่นกระดานโต้คลื่นอีกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นชายที่มีอายุและเป็นคนในพื้นที่ ดูเหมือนว่าเขามีความอดทนน้อยลงขณะฟังคำพร่ำบ่นที่มากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแนวกั้น
ในที่สุด เขาลุกขึ้นและเดินไปยังคนกลุ่มนั้น โดยไม่พูดอะไรเลย เขาดึงกล้องส่องทางไกลออกมาจากกระเป๋าเป้และยื่นให้นักเล่นกระดานโต้คลื่นคนหนึ่ง พร้อมชี้ไปที่แนวกั้น นักเล่นกระดานโต้คลื่นมองผ่านกล้องส่องทางไกลทีละคน เมื่อถึงคราวข้าพเจ้า ด้วยการขยายของภาพ ข้าพเจ้าสามารถมองเห็นบางสิ่งที่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นมาก่อน นั่นคือครีบปลา—มีฉลามขนาดใหญ่กำลังกินอาหารใกล้แนวปะการังซึ่งอยู่อีกฝั่งของแนวกั้น
คนกลุ่มนั้นสงบลงอย่างรวดเร็ว นักเล่นกระดานโต้คลื่นผู้อาวุโสรับกล้องส่องทางไกลของเขาคืนและหันหลังเดินกลับไป ในขณะนั้นเขาพูดสิ่งที่ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม “อย่าวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแนวกั้นมากไปนักเลย” เขากล่าว “มันเป็นสิ่งเดียวที่ป้องกันพวกคุณจากการถูกเขมือบ”
ขณะยืนบนหาดทรายที่สวยงามนั้น มุมมองของเราเปลี่ยนไปทันทีทันใด แนวกั้นซึ่งเคยดูเหมือนแข็งทื่อเกะกะและจำกัดขอบเขต—ดูเหมือนทำให้ความสนุกและความน่าตื่นเต้นของการโต้คลื่นลูกใหญ่นั้นลดลง—กลายเป็นบางสิ่งที่แตกต่างไปมาก ด้วยความเข้าใจใหม่ของเราเกี่ยวกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผิวน้ำ ขณะนี้แนวกั้นคือการปกป้อง ความปลอดภัย และสันติสุข
(วอน จี. คีทช์, “บรรดาผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้รับพรและเป็นสุข,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 115–116)
-
เจตคติอะไรบ้างที่ผู้คนอาจมีเกี่ยวกับการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า?
เขียนคำตอบของคำถามต่อไปนี้ลงในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน
-
ฉันรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า? เหตุใดฉันจึงต้องรักษาหรือไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ?
การรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
เราทุกคนต่างมีเหตุผลของเราเองที่ส่งผลต่อการที่เราเลือกรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า อ่านคำกล่าวต่อไปนี้แล้วมองหาสิ่งที่อัครสาวกยอห์นสอนซึ่งจะกระตุ้นให้เรารักษาพระบัญญัติต่อไป อาจเป็นประโยชน์ที่จะจดจำว่า ยอห์นเขียนสาส์นของเขาถึงผู้เชื่อที่เคยเผชิญกับคำสอนเท็จ
(อาจเป็นประโยชน์ที่จะอ่านคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดใน ยอห์น 14:15, 23–24)
-
ท่านพบความจริงอะไรบ้าง?
-
การทราบความจริงบางข้อเหล่านี้จะเพิ่มความปรารถนาของบางคนในการรักษาพระบัญญัติได้อย่างไร?
ยอห์นสอนความจริงที่หลากหลายจากข้อเหล่านี้ หนึ่งในความจริงที่ท่านอาจระบุได้คือ ยิ่งเรารู้จักและรักพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากเท่าใด เราก็ยิ่งเต็มใจที่จะรักษาพระบัญญัติของพระองค์มากเท่านั้น (ดู 1 ยอห์น 1:5–7 ; 2:3–6 ; 2 ยอห์น 1:6–9)
-
เหตุใดการรักษาพระบัญญัติจึงเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงความรักที่มีต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์?
-
ท่านทราบอะไรเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ที่ช่วยดลใจท่านให้รักษาพระบัญญัติของพระองค์? เหตุใดการทราบเช่นนั้นจึงสร้างแรงจูงใจให้ท่าน?
-
ท่านได้เรียนรู้สิ่งใดเกี่ยวกับพระองค์ขณะที่ท่านรักษาพระบัญญัติของพระองค์?
ท่านจะแสดงความรักของท่านที่มีต่อพระบิดาบนสวรรค์ได้อย่างไร?
ดูภาพนี้และนึกถึงสิ่งที่ท่านทราบเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระบิดาบนสวรรค์ รวมทั้งสิ่งที่พระองค์ทรงรู้สึกเกี่ยวกับตัวท่าน ท่านอาจคิดเกี่ยวกับความรู้สึกของท่านที่มีต่อพระองค์ด้วย
แม้ว่าอาจดูเป็นเรื่องยากที่จะแสดงความรักของเราต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์เพราะพระองค์มิได้ประทับอยู่กับเราทางกายภาพ แต่เราสามารถแสดงความรักของเราต่อพระองค์โดยการรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ใช้เวลาไตร่ตรองสิ่งที่ท่านต้องการจดจำหรือทำเนื่องจากบทเรียนนี้ ดูบางวิธีที่ท่านอาจทำเช่นนี้ได้ดังต่อไปนี้:
-
เขียนวิธีหนึ่งที่ท่านอยากรู้จักและรักพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น
-
นึกถึงพระบัญญัติที่ท่านกำลังรักษาและเหตุผลที่ท่านรักษา พิจารณาว่าท่านมีแรงจูงใจจากความรักต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ หรือท่านอาจต้องพัฒนาในประเด็นดังกล่าว
-
ระบุพระบัญญัติอย่างน้อยหนึ่งข้อที่ท่านสามารถรักษาได้อย่างเต็มที่มากกว่านี้เพื่อแสดงความรักของท่านที่มีต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ วางแผนว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติเหล่านี้อย่างเต็มที่มากกว่านี้อย่างไร
บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง
พระบัญญัติเป็นการแสดงให้ประจักษ์ถึงความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีให้เราอย่างไร?
ประธานโธมัส เอส. มอนสัน (1927–2018) ระบุว่า
พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทานพระบัญญัติเพื่อทำให้เราท้อแท้หรือเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขของเรา แต่ตรงกันข้าม พระองค์ผู้ทรงสร้างเราและทรงรักเราอย่างสมบูรณ์ทรงทราบว่าเราต้องดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะมีความสุขมากที่สุด พระองค์ทรงจัดเตรียมแนวทางซึ่งถ้าเราดำเนินตาม จะเห็นเราฟันฝ่าการเดินทางที่มักไม่ปลอดภัยนี้ไปอย่างปลอดภัย …
… พระองค์เข้าพระทัยว่าเมื่อเรารักษาพระบัญญัติ ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้น สัมฤทธิผลมากขึ้น และซับซ้อนน้อยลง เราจะทนรับความท้าทายและปัญหาของเราได้ง่ายขึ้น เราจะได้รับพรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
(โธมัส เอส. มอนสัน, “รักษาพระบัญญัติ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 83)
การรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าแสดงความรักของฉันต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร?
เอ็ลเดอร์ วอน จี. คีทช์ (1960–2018) แห่งสาวกเจ็ดสิบระบุดังนี้:
เราแสดงความรักต่อพระเจ้า—และศรัทธาของเราในพระองค์—โดยการทำให้ดีที่สุดทุกวันในการทำตามแนวทางที่พระองค์ทรงวางไว้สำหรับเรา และโดยการรักษาพระบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานให้เรา เราแสดงให้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งศรัทธาและความรักในสถานการณ์ซึ่งเราไม่เข้าใจเหตุผลอันสมบูรณ์ของพระบัญชาของพระเจ้าหรือเส้นทางที่พระองค์ทรงบัญชาให้เราเดิน
(วอน จี. คีทช์, “บรรดาผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้รับพรและเป็นสุข,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 116)
ฉันจะเพิ่มความรักของฉันต่อพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร?
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟในฝ่ายประธานสูงสุดขณะนั้นอธิบายว่า
เราเพิ่มความรักของเราต่อพระบิดาบนสวรรค์ และแสดงออกถึงความรักนั้นโดยให้ความคิดและการกระทำของเราอดคล้องกับพระคำของพระผู้เป็นเจ้า ความรักที่บริสุทธิ์ของพระองค์จะนำและกระตุ้นเราให้สะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราดำเนินในความชอบธรรม—ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือข้อผูกมัดแต่เกิดจากความปรารถนาจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเพราะเรารักพระองค์
(ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ความรักของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2009, 28)