คลังค้นคว้า
หมายมั่นให้ได้คำของเราก่อน


หมายมั่นให้ได้คำของเราก่อน

การถ่ายทอดผ่านดาวเทียมของเซมินารีและสถาบันศาสนา • 4 สิงหาคม2015

คำนำ

ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ได้อยู่ที่นี่และชอบเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้เช่นเดียวกับท่าน

ในการเตรียมพูดวันนี้ข้าพเจ้าให้ครอบครัวช่วยอ่านสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดและขอคำติชม…คำติชมแทบทั้งหมดเป็นประโยชน์คำติชมที่ข้าพเจ้าแบ่งรับแบ่งสู้—และมั่นใจว่าท่านไม่เคยได้รับในชั้นเรียน—คือแอนนีลูกสาววัย12ขวบของเราหลับเมื่ออ่านได้ครึ่งเดียวดังนั้นทั้งข้าพเจ้าและเธอจึงหวังว่าฉบับนี้จะดีขึ้น!

สองปีหลังนี้บราเดอร์แชดเว็บบ์เชื้อเชิญให้เราช่วยนักเรียนมีประสบการณ์การศึกษาพระคัมภีร์ในระดับที่ทำให้ศรัทธาของพวกเขาในพระผู้ช่วยให้รอดลึกซึ้งขึ้น1ปีที่ผ่านมามีนักเรียนอ่านพระคัมภีร์มากกว่าแต่ก่อนพวกเขาใช้เวลาเกิน9ล้านชั่วโมง2ในการศึกษาส่วนตัวขอบคุณสำหรับความพยายามของท่าน!

วันนี้เราจะเชื้อเชิญอีกครั้งท่านจะยินดีช่วยให้นักเรียนเซมินารีและสถาบันแต่ละคนมีประสบการณ์ที่มีความหมายในการศึกษาพระคัมภีร์แต่ละวันไหมและถึงแม้จะมีพันธสัญญาเดิมหลายตอนที่นักเรียนอ่านยากและไม่ค่อยเข้าใจแต่ข้าพเจ้าเชื่อจริงๆว่าเราไม่จำเป็นต้องแอบอยู่ข้างหลังนักเรียนและ“กระซิบ[พันธสัญญาเดิม]ใส่หู[ของพวกเขา]”3

บราเดอร์เว็บบ์เชื้อเชิญให้เราสนทนาเช่นกันว่า“เราจะให้พระคัมภีร์ที่เราสอนเป็นจุดศูนย์รวมมากขึ้นได้อย่างไร”4เขาถามคำถามหลายข้อเกี่ยวกับบทบาทของพระคัมภีร์ในการสอนของเราหลายท่านพิจารณาคำถามเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วนขอบคุณครับ!วันนี้เราจะพูดสักเล็กน้อยเกี่ยวกับบทบาทของพระคัมภีร์ในการเตรียมสอนของเรา

ในเดือนพฤษภาคมปี1829โจเซฟกับเอ็มมาสมิธอยู่ในเมืองฮาร์โมนีย์รัฐเพนน์ซิลเวเนียไฮรัมสมิธมาเยี่ยมและหวังจะเรียนรู้บทบาทของเขาในการฟื้นฟูที่จะเกิดขึ้นท่านศาสดาพยากรณ์ทูลถามพระเจ้าและพระองค์ทรงเตือนว่าคำของพระองค์“มีชีวิตและทรงพลัง,คมกว่าดาบสองคม”5ต่อจากนั้นพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนไฮรัมและเราให้รู้หลักธรรมและลำดับความสำคัญสำหรับครู“อย่าหมายมั่นจะประกาศคำของเรา,แต่ก่อนอื่นจงหมายมั่นให้ได้คำของเรา,และจากนั้นเราจะปลดปล่อยลิ้นของเจ้า;จากนั้น,หากเจ้าปรารถนา,เจ้าจะมีพระวิญญาณของเราและคำของเรา,แท้จริงแล้ว,อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าในการสร้างความเชื่อมั่นแก่มนุษย์”6

ได้พระคำ:ต้องรุ่มร้อนภายในตัวเราก่อน

การพยายามสอนไม่ได้เริ่มจากการเตรียมบทเรียนหรือพิจารณาว่าจะสอนอย่างไรหรือไม่ได้เริ่มจากการทบทวนหลักสูตรการพยายามสอนเริ่มที่adfontesหรือ“ที่แหล่งกำเนิด”7ไม่มีการเตรียมสอนใดดีไปกว่าการดื่มน้ำพุที่น้ำออกมาจากดิน8ดังประธานแมเรียน จี.รอมนีย์กล่าวถ้าเราต้องการสอนพระคัมภีร์ด้วยพลังถ้าเราต้องการให้นักเรียนรู้สึกถึงความจริงและความสำคัญของข้อนั้นเราต้องเริ่มจากความตื่นเต้นสดๆร้อนๆในตัวเรา9

ประธานรอมนีย์แนะนำว่า“เพื่อเป็นครูสอนพระกิตติคุณที่มีประสิทธิภาพ…เราต้องทำและศึกษา…จนกว่าคำสอน[ของพระเจ้า]กลายเป็นคำสอนของเราเมื่อนั้นเราจะพร้อมพูดด้วยพลังและความเชื่อมั่นถ้าเราเลือกเตรียมตามเส้นทางอื่น…เราจะลงเอยด้วยการถ่ายทอดแนวคิดของเราหรือแนวคิดของคนอื่นๆและ[ไม่มีหลักประกันว่าเราจะประสบความสำเร็จ]”10

ได้พระคำ:สิ่งที่ต้องมองหาในการศึกษาของเรา

ขณะที่ท่านและข้าพเจ้าหมายมั่นให้ได้พระคำในระดับที่พระคัมภีร์รุ่มร้อนภายในตัวเราข้าพเจ้าจะพูดถึงแนวคิดที่เรียบง่ายสองประการซึ่งควรจะเป็นมาตรฐานในการแสวงหาของเรา

หนึ่งมีลำดับชั้นในหมู่ความจริงและการฝึกแยกแยะลำดับชั้นดังกล่าวจะเป็นพรเราและนักเรียนของเรา

สองพระคัมภีร์มีการเชื่อมโยงแบบแผนและสาระสำคัญ11รวมทั้งรูปแบบและรูปลักษณ์ซึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอด

ลำดับชั้นของความจริง

ประการแรกเอ็ลเดอร์นีล เอ.แม็กซ์เวลล์เขียนเกี่ยวกับ“ชนชั้นในหมู่ความจริง”และบอกว่าความจริงบางอย่างคู่ควรแก่ความจงรักของเราคำนี้บ่งบอกถึงความซื่อสัตย์หรือการเชื่อฟังและความภักดี

“บางอย่างเป็นได้ทั้งจริงและไม่สำคัญ…เราต้องไม่เพียงแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งเท่านั้นแต่รู้ด้วยว่าเรื่องจริงเรื่องใดมีค่าควรแก่ความจงรัก

“พระกิตติคุณของพระเยซูทำให้เราสนใจความเป็นจริงที่ว่ามีชนชั้นในหมู่ความจริงความจริงบางอย่างสำคัญกว่าความจริงอื่นอย่างเห็นได้ชัดและเป็นนิจ!”12

ข้อพระคัมภีร์ส่วนใหญ่มีรายละเอียดพอสมควรและรายละเอียดที่ได้รับการดลใจซึ่งอยู่ในนั้นจะให้ความเข้าใจลึกซึ้งแก่หลักธรรม13ที่มุ่งหมายจะอธิบาย14

เราควรเป็นนักเรียนที่เก่งทั้งรายละเอียดและหลักคำสอนในพระคัมภีร์สำคัญที่ต้องเข้าใจว่ารายละเอียดในพระคัมภีร์ที่สอนแยกจากหลักคำสอนเป็นเพียงข้อมูลให้รู้การสอนเช่นนั้น“จะไม่ทำร้ายเราถ้าพระวิญญาณอยู่ด้วยหรือไม่ช่วยเราถ้าพระวิญญาณไม่อยู่”15อีกนัยหนึ่งคือการสอนที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องส่วนตัวข้อคิดส่วนตัวและความรู้สึกอันเกิดจากการสนทนาแต่ขาดสาระซึ่งจำเป็นของพระคัมภีร์ต่อการสอนความจริงและสร้างแรงบันดาลใจยังถือว่าไม่ดีพอนักเรียนของเราจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากครูที่เก่งพระคัมภีร์และเข้าใจบทบาทสำคัญของพระวิญญาณบริสุทธิ์16

ข้าพเจ้าเคยได้ยินบางคนพูดถึง“การสอนให้เลื่อมใส”ที่ขาดวิชาการและเคยได้ยินหลายคนพูดถึงการสอนวิชาการที่ขาดเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสการสอนให้เลื่อมใสหรือการสอนวิชาการแต่อย่างเดียวไม่สนองความต้องการของการศึกษาศาสนาบราเดอร์โรเบิร์ต เจ.แมทธิวส์กล่าวไว้ว่า“คำว่า‘ศาสนา’หมายถึง‘ยึดให้ติดกับ’ซึ่งเชื่อมโยงกับคำว่าเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อกับกระดูกศาสนาควรยึดบุคคลที่มีศาสนาให้ติดกับพระผู้เป็นเจ้าและเรื่องศักดิ์สิทธิ์”17และนั้นคือสิ่งที่การศึกษาศาสนาควรทำสำหรับนักเรียนของเรา

รายละเอียดในพระคัมภีร์มักจะชี้ให้เห็นความจริงอันล้ำค่าเมื่อสอนด้วยประจักษ์พยานจะเชื้อเชิญการเปิดเผยและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำการชดใช้ไปใช้ในชีวิตของเรา18เพิ่มการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเราต่อพระผู้ช่วยให้รอด19และคำมั่นสัญญาของเราที่จะทำตามแผนของพระบิดาบนสวรรค์

แน่นอนว่าพันธสัญญาเดิมมี“เรื่องตื่นเต้นเร้าใจขนบธรรมเนียมน่าหลงใหลและรูปแบบวรรณกรรมที่สวยงาม”20สำคัญที่เราต้องจำไว้ว่ารายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่จุดประสงค์ของพระคัมภีร์และการสอนของเราต้องสะท้อนให้เห็นอย่างนั้นเราได้รับการสอนว่า“พระคัมภีร์เขียนไว้เพื่ออนุรักษ์หลักธรรม”21หลักธรรมพระกิตติคุณเหล่านี้“เป็นแก่นสารและจุดประสงค์สำหรับการเปิดเผย”22

สุดท้ายแม้ในหลักธรรมก็มีลำดับเพราะ“หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด”23

การแยกรายละเอียดจากหลักธรรมและการฝึกมองลำดับชั้นที่อยู่ในหลักธรรมเหล่านั้นให้ออกจะเป็นงานชั่วชีวิตถ้าเราสอนรายละเอียดทั้งหมดของประวัติศาสตร์และกฎถ้าเราสอนองค์ประกอบทั้งหมดของการเดินทางของอิสราเอลแต่เราพลาดข่าวสารในแผนของพระบิดาบนสวรรค์และการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดในพันธสัญญาเดิม24เราจะไม่เรียนรู้ข่าวสารของพันธสัญญาเดิม25

เปาโลกำลังพูดถึงข้าพเจ้าแน่นอนและอาจจะพูดถึงนักเรียนบางคนของเราเมื่อเขากล่าวว่า“เขาทั้งหลายอ่านพันธสัญญาเดิมผ้าคลุมนั้นยังคงอยู่”เขาให้กุญแจไขปัญหานี้เมื่อกล่าวว่า“ผ้าคลุมนั้นจะถูกเปิดออกโดยพระคริสต์”และ“ถ้า[ใจเรา]หันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าผ้าคลุมนั้นก็จะถูกเปิดออก”26

ถ้าการสอนของเราจะให้พระผู้ช่วยให้รอดเป็นศูนย์กลาง27และถ้าเราสามารถช่วยให้จิตใจและความนึกคิดของนักเรียนของเราหันไปหาพระองค์ผ้าคลุมจะเปิดออกเมื่อพวกเขาอ่านพันธสัญญาเดิมและที่สำคัญกว่านั้นเมื่อนักเรียนฝึกมองหาพระผู้ช่วยให้รอดในการศึกษาพระคัมภีร์พวกเขาจะเรียนรู้บทเรียนคล้ายกันและเริ่มมองหาพระองค์และพระหัตถ์ของพระบิดาบนสวรรค์ในชีวิตพวกเขาเช่นกัน

ตัวอย่างของลำดับชั้น

ข้าพเจ้ามีข้อเสนอแนะประการหนึ่งที่จะช่วยเราเข้าใจความจริงในพระคัมภีร์คือเลือกมาหนึ่งข้ออ่านและถามตัวท่านว่า“อะไรคือรายละเอียดในข้อนี้”ขีดเส้นใต้ชื่อคนสถานที่เวลาและโครงเรื่องดูบริบทที่กว้างขึ้นและขีดเส้นใต้รายละเอียดของบริบทที่ท่านพบคู่มือของเราแนะนำให้สังเกต“การหยุดตามธรรมชาติ”28ที่แนวคิดหรือเนื้อหาเปลี่ยนไป

ตอนนี้ให้ดูข้อความอีกครั้งคราวนี้ให้ถามตัวท่านเองว่า“มีหลักธรรมหรือความจริงอะไรที่‘รวบรวมไว้ให้ประยุกต์ใช้’29ซึ่งถ้าเข้าใจจะ‘[นำไป]สู่การเชื่อฟัง’”30ศึกษาบริบทที่กว้างขึ้นของหลักคำสอนในข้อความนี้ทำเครื่องหมายหลักธรรมแต่ละข้อต่างจากเมื่อท่านทำเครื่องหมายรายละเอียดถ้ามีหลักธรรมแฝงอยู่31ให้ใช้เวลาจด

การพยายามทำเช่นนี้จะยากในตอนแรกเราจะต้องตั้งอกตั้งใจและใช้เวลาพรส่วนหนึ่งของการมีวินัยในเรื่องนี้คือจะเชื้อเชิญเราให้ถามตลอดเวลาว่า“ข้อนี้มีรายละเอียดอะไรบ้างและมุ่งหมายจะสอนหลักธรรมอะไร”

ตามที่เราพูดไปแล้วหลักธรรมบางข้อสำคัญกว่าข้ออื่นเชื้อเชิญการดลใจชีวิตและความรอดมากกว่าข้ออื่นเพราะชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอดจงดูข้อความนั้นอีกครั้งคราวนี้ให้ดูผ่านเลนส์อีกเลนส์หนึ่งและถามว่า“ข้อนี้ออกแบบไว้32เพื่อดึงความสนใจฉันไปที่พระผู้ช่วยให้รอดอย่างไรอะไรในข้อนี้ทำให้เข้าใจสำนึกคุณวางใจพระองค์และแผนของพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น”

สุดท้ายจงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันเคยพูดอะไรที่จะเพิ่มข้อคิดความเข้าใจและการดลใจให้แก่ข้อนั้น

หลังจากศึกษาในลักษณะนี้แล้วเมื่อเรากลับไปดูหลักสูตรความเข้าใจเพิ่มเติมข้อเสนอแนะและคำแนะนำที่ให้ไว้จะผนวกกับข้อคิดการดลใจและประสบการณ์ที่เราเคยมีในพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์จากนั้นหลักสูตรจะยืนยันขัดเกลาและยกระดับการเตรียมของเราที่จะประกาศพระคำด้วยพลัง

ตัวอย่างเช่นเมื่อเราศึกษาหนังสือนางรูธปีนี้เราอาจจะเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสูญเสียและความภักดีหรือพิจารณาถึงลำดับชั้นของความจริงนี้เราอาจจะสังเกตเห็นว่านางรูธสูญเสียสามีเธอเดินทางไปเบธเลเฮม33และเธอพบโบอาสในเบธเลเฮมจากนั้นเราอาจจะเห็นว่าโบอาสให้สิ่งที่นางรูธต้องการให้ขนมปังกับน้ำส้มแก่เธอ34ขอร้องแทนเธอที่ประตูเมือง35และในฐานะญาติของนางซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า“ผู้ไถ่”36เขาซื้อนางรูธ37รับเธอเป็นภรรยาของเขา38และจะไม่นิ่งเฉยจนกว่าเขาจะพูดได้ว่า“สำเร็จแล้ว”39นั่นอาจจะทำให้เราเริ่มรู้สึกถึงประจักษ์พยานของความรักและการไถ่เช่นเดียวกับการสั่งสอนและการดลใจจากการรับรู้ว่าองค์พระญาติที่ยิ่งใหญ่40ทรงทำแบบเดียวกันเพื่อเรา

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการค้นคว้าพระคัมภีร์ครูที่รอบคอบจะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนมีประสบการณ์แบบนี้ด้วยตนเองขณะนักเรียนพึ่งพาตนเองทางวิญญาณได้41

พี่น้องทั้งหลายในพระคัมภีร์แต่ละหน้าเราทำการเลือกที่ส่งผลต่อพลังการเรียนการสอนในชั้นเรียนของเราการเลือกนั้นคือเราจะหันความคิดจิตใจและศรัทธาของนักเรียนเข้าหาความจริงใดการเลือกนี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงในส่วนของพระคำ42ที่พวกเขารับไว้ในความคิดและการดำเนินชีวิตถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรในเรื่องดังกล่าวถ้าข้าพเจ้าเลือกให้ความจริงที่สำคัญน้อยกว่า“ครอบงำการสอนของข้าพเจ้า”ตามที่ประธานเฮนรีย์ บี.อายริงก์กล่าวเมื่อนั้น“ข้าพเจ้าก็ได้นำตนเองออกจากการโต้แย้งเกือบทั้งหมดเพื่อช่วยนักเรียนต้านคลื่นทะเลแห่งความสกปรก”43

การเชื่อมโยงสาระสำคัญและรูปแบบ

แนวคิดที่สองควบคู่กับการรับรู้ลำดับชั้นของความจริงที่อาจช่วยให้เราได้พระคำคือพระคัมภีร์เต็มไปด้วยการเชื่อมโยงสาระสำคัญและรูปแบบข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่างสั้นๆของแต่ละอย่างจากพันธสัญญาเดิม

การเชื่อมโยง

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ.เบดนาร์อธิบายว่า“การเชื่อมโยงคือความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดผู้คนสิ่งของหรือเหตุการณ์”44

การเชื่อมโยงที่เราอาจสังเกตเห็นคือพันธสัญญาเดิมเต็มไปด้วยเรื่องราวความสำเร็จและความล้มเหลวซึ่งต่างกันแต่สอนคู่กันอาทิคาอินกับอาเบลโยเซฟกับพี่ๆยาโคบกับเอซาวอาบีกายิลกับนาดับและอีกหลายคน

ประธานอายริงก์พูดถึงกุญแจดอกนี้ว่า“ในการบรรยายความล้มเหลวมีรูปลักษณ์ของหนทางสู่ความสำเร็จ…วัฏจักรของความเสื่อมถอยและการฟื้นตัวทางวิญญาณ…อาจให้ความหวังและเป็นคำสอนแก่นักเรียนของท่านได้”45

สาระสำคัญ

เอ็ลเดอร์เบดนาร์ยังอธิบายว่า“สาระสำคัญคือคุณสมบัติหรือแนวคิดที่ครอบคลุมเกิดขึ้นซ้ำและรวมเป็นหนึ่งเดียวเหมือนเส้นด้ายถักทอทั่วผืนผ้า”46สาระสำคัญที่เราจะสังเกตเห็นปีนี้อยู่ในประโยคที่ว่า“พวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า”47

ช่วงเกิดภัยพิบัติก่อนการปลดปล่อยพวกเขาและปาฏิหาริย์หลังจากนั้นพระเจ้ารับสั่งกับลูกหลานอิสราเอลว่าโดยสิ่งเหล่านั้น“เจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”48

การสังหารโกลิอัท49การรักษานาอามาน50เอลียาห์กับผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล51และประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามของดาเนียลกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์52ล้วนบันทึกไว้พร้อมเจตนาจะประกาศว่า“เพื่อทั้งโลกนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่งในอิสราเอล”53

ทั่วหนังสือสดุดี,54อิสยาห์55และเอเสเคียล56ในหนังสือ17เล่มของพันธสัญญาเดิมและ80กว่าครั้งพระเยโฮวาห์ทรงย้ำทรงเน้นและทรงรับรองว่าอิสราเอลและเราจะเห็นพระองค์และพระหัตถ์ของพระองค์ในเหตุการณ์และคำสอนของพันธสัญญาเดิมทั้งนี้เพื่อเราและลูกๆของเรา“จะรู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้นและจากที่ตะวันตกว่า…เราคือยาห์เวห์และไม่มีผู้อื่นอีก”57

ขณะที่เราศึกษาสาระสำคัญของพระคัมภีร์ในชั้นเรียนสถาบันของหลักสูตรสำคัญขั้นพื้นฐานชุดใหม่58พระคัมภีร์จะ“ถักทอเข้าด้วยกันจนเมื่อ[เรา]ศึกษาข้อหนึ่ง[เราจะ]ถูกดึงไปอีกข้อหนึ่ง”59ถ้าตัวพระคัมภีร์เป็นการศึกษาหลักของชั้นเรียนเหล่านี้พระคัมภีร์จะ“เติบโตไปด้วยกัน”และนำนักเรียนของเรา“มาสู่ความรู้เกี่ยวกับพันธสัญญา[ของพวกเขา]”60“กระบวนการค้นหาและค้นพบสาระสำคัญในพระคัมภีร์”เอ็ลเดอร์เบดนาร์กล่าว“นำเรา…ไปสู่ความจริงนิรันดร์ที่เชื้อเชิญพยานยืนยันของพระวิญญาณบริสุทธิ์วิธีได้น้ำธำรงชีวิตจากแอ่งพระคัมภีร์เป็นวิธีที่เข้มงวดและเรียกร้องมากที่สุดอีกทั้งให้การอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุดด้วย”61ซึ่งจะเรียกร้องจากครูอย่างเรามากขึ้นไม่ใช่น้อยลง62

รูปแบบและรูปลักษณ์ของพระคริสต์

จากรูปแบบมากมายในพันธสัญญาเดิม63มีรูปแบบหนึ่งเชื้อเชิญให้เราเอาใจใส่และพยายามเป็นพิเศษนั่นคือการมองหาประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์.แม็คคองกีกล่าวว่า“เรา…สมควรมองหาอุปมาถึงพระคริสต์ทุกแห่งและใช้บ่อยๆเพื่อให้พระองค์และกฎของพระองค์สำคัญที่สุดในความคิดของเรา”64

การเริ่มเขียนรูปแบบและรูปลักษณ์ของพระผู้ช่วยให้รอดออกมาเป็นข้อๆแทบจะเหมือนกับการนับหยดน้ำในแม่น้ำหรืออนุภาคของแสงในวันแดดจัดอย่างไรก็ตาม“สิ่งทั้งปวงที่พระผู้เป็นเจ้าประทาน,ให้มนุษย์,นับจากกาลเริ่มต้นของโลก,เป็นการแสดงสัญลักษณ์ถึงพระองค์.”65

การสร้าง66งูทองสัมฤทธิ์67มานา68การปลดปล่อยอิสราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์โดยทาเลือดแกะที่วงกบประตู69และกฎของโมเสสทั้งหมดพร้อมด้วยระบบการพลีบูชาและการระลึกถึงล้วนตั้งใจออกแบบไว้ให้เป็น“ผู้ควบคุมเราไปหาพระคริสต์”70

การที่อับราฮัม71เต็มใจถวายอิสอัค72เป็นเครื่องบูชาชื่อของเมลคีเซเดค73รวมไปถึง“เจ้าชายแห่งสันติ”74การที่โยเซฟช่วยบรรดาพี่ๆที่ขายท่าน75และการที่โมเสสปลดปล่อย76ลูกหลานอิสราเอลล้วนเป็นสัญลักษณ์ถึงพระองค์“ผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง”77

อาดัมเป็นคนดีรอบคอบ78ผู้ซึ่งขณะอยู่ในสวนได้เลือก79สละชีวิตเพื่อให้เรามีชีวิต80

กษัตริย์คิดจะตั้งดาเนียลให้ดูแลอาณาจักรทั้งหมดเพราะ“วิญญาณเลิศสถิตกับท่าน”81“อภิรัฐมนตรีและอุปราชทั้งหลาย”82ผู้มีอำนาจที่เกลียดดาเนียล“หาเหตุฟ้อง[ท่าน]…แต่ก็หาความผิดไม่ได้”83ต่อจากนั้นคนชั่วเหล่านี้“ได้ตกลงกัน”84และระหว่างนั้นดาเนียลปลีกตัวไปยังที่ที่ท่านเคยไป85และสวดอ้อนวอนที่นั่น86เมื่อทราบเรื่องนี้กษัตริย์“ตั้งพระทัย…ช่วยกู้ดาเนียล”87และต่อมาหลังจากดาเนียลถูกส่งไปรับความตาย“เขานำศิลาก้อนหนึ่งมาปิดปากถ้ำไว้”88“พอเช้าตรู่”กษัตริย์ตื่นบรรทม“รีบเสด็จไปยังถ้ำสิงโต”89เมื่อถึงที่นั่นเขาพบว่าทูตสวรรค์ไปที่นั่นแล้ว90และเขา“เอาดาเนียลออกจากถ้ำไม่ปรากฏว่ามีอันตรายอย่างใดที่ตัวท่านเลย”91

อัลเฟรดเอเดอร์ชีมกล่าวว่าพันธสัญญาเดิมทั้งเล่ม“มุ่งหมายจะชี้ไปที่พระคริสต์…ไม่เฉพาะกฎเท่านั้นซึ่งเป็นผู้ควบคุม…ไม่เฉพาะรูปแบบซึ่งเป็นรูปลักษณ์ของ[พระองค์]ไม่เฉพาะคำพยากรณ์ซึ่งทำนายถึง[พระองค์]แต่ประวัติศาสตร์พันธสัญญาเดิมทั้งหมดเต็มไปด้วยพระคริสต์…สิ่งหนึ่งต่อจากนี้คือการศึกษาพระคัมภีร์จะเพียงพอหรือได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราเรียนเพื่อรู้จัก[พระผู้ช่วยให้รอด]”92

ตลอดชั้นเรียนและแม้ในบ้านและครอบครัวท่านยินดีจะใช้เวลาถามนักเรียนและลูกๆของท่านหรือไม่ว่าพวกเขากำลังเรียนรู้อะไรและนั่นช่วยให้พวกเขาเข้าใจและพึ่งพาพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไรตั้งแต่วันแรกของชั้นเรียนท่านยินดีจะสอนนักเรียนให้ตั้งใจมองหาพยานอันล้ำเลิศหล่านี้ที่เป็นเจตนาของผู้เขียนที่ได้รับการดลใจเหล่านี้หรือไม่

สรุป

พี่น้องทั้งหลายพระคัมภีร์มีบทบาทอันไม่อาจหาสิ่งใดมาแทนที่ได้ในการสอนของเราและในการเตรียมสอนของเรา!จงจำคำเตือนนี้จากประธานรอมนีย์

“เราได้รับมอบหมายให้ถ่ายทอดสิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้า(พระคัมภีร์)แก่ผู้ที่เราสอนบางครั้ง[เราอาจ]พยายามจะถ่ายทอดก่อนโดยยังไม่ได้รับ …

“…[เราอาจต้องการ]ที่จะออกไปและสั่งสอนก่อน[ให้]โอกาสพระเจ้าที่จะทรงเตรียม[เรา]”93

ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าวข้าพเจ้าจึงขอเพิ่มคำถามบางข้อรวมกับข้อที่เราได้จากบราเดอร์เว็บบ์เมื่อปีที่แล้วและเชื้อเชิญให้เราพิจารณาในการเตรียมสอนของเรา

  • การเตรียมสอนชั้นเรียนของฉันเริ่มด้วยการค้นคว้าพระคัมภีร์หรือไม่

  • ฉันปีติยินดีใน94พระคัมภีร์ที่ฉันสอนวันนี้หรือไม่และพระคัมภีร์เป็น“ไฟไหม้อัดอยู่ในกระดูกของ[ฉัน]”95หรือไม่

  • ฉันเข้าใจทั้งรายละเอียดและหลักคำสอนซึ่งผู้เขียนที่ได้รับการดลใจต้องการให้ฉันเห็นและเข้าใจหรือไม่

  • ฉันได้ค้นคว้าถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์สำหรับการเน้นย้ำความเข้าใจลึกซึ้งและประจักษ์พยานของพวกท่านเกี่ยวกับข้อความพระคัมภีร์หรือไม่

  • และในทุกกรณีฉันค้นคว้าและพบวิธีที่ข้อนั้นเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ของพระองค์หรือไม่96

ขอให้พระคำคมกว่าดาบสองคม97ในห้องเรียนของเราเพราะพระคัมภีร์รุ่มร้อนในตัวเรา!ขอให้เรามีความตั้งใจว่าจะแยกแยะรายละเอียดกับหลักคำสอนที่ควรค่าแก่ความจงรัก!ขอให้เราช่วยนักเรียนค้นพบพยานที่สวยงามในพระคัมภีร์ถึงแผนของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักมากที่สุดของพระองค์!98

ข้าพเจ้าเพิ่มเติมประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเข้ากับของท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักของพระบิดาบนสวรรค์99ที่ประจักษ์ชัดและมีผลผ่านการชดใช้อันน่าอัศจรรย์ของพระบุตรข้าพเจ้าแสดงความสำนึกคุณต่อสิทธิพิเศษของการได้มีส่วนในการฟื้นฟูอันน่าอัศจรรย์ซึ่งคือการทำให้พระนามของพระองค์“เป็นที่รู้จักไป[ทั่ว]โลกตลอดกาล100ในพระนามของพระเยซูคริสต์เอเมน

Notes

  1. SeeChad H.Webb,“AnInvitationtoStudytheDoctrineandCovenants”(SeminariesandInstitutesofReligionsatellitebroadcast,Aug. 5,2014),lds.org/broadcasts.

  2. Anestimated200,000seminarystudentsreadtheDoctrineandCovenantslastyear.Iftheyreadfor15minutesperdayandreadfor180schooldays,thatequals9millionhoursofpersonalscripturestudy.

  3. J. ReubenClark Jr.,TheChartedCourseoftheChurchinEducation,rev.ed.(1994), 9.

  4. Chad H.Webb,“AnInvitationtoStudytheDoctrineandCovenants,”lds.org/broadcasts.

  5. DoctrineandCovenants11:2.

  6. DoctrineandCovenants11:21.

  7. ElderBruce R.McConkietaughtthatthefirstkeytounderstandingtheBibleistoreadtheBible:

    “Couldanykeybemoreobviousthanthis?Simplyreadthebookitself.Unlessanduntilwedo,nothingelsewillfallintoplace.Wecannotdootherthanratethiskeyasatenonourscale.Allbiblicalscholarshipandunderstandingbeginwithreadingthebasicsourcematerial.

    “OneofourproblemsisthatwereadwhatothershavesaidabouttheBible. …

    “Readthebookitself.‘Searchthescriptures’(John5:39).TreasureuptheLord’sword.Gotothesource”(“TheBible,aSealedBook”[ChurchEducationalSystemsymposium,Aug. 17,1984] 4,si.lds.org).

  8. PresidentMarion G.Romneysaid,“WhenIdrinkfromaspringIliketogetthewaterwhereitcomesoutoftheground,notdownthestreamafterthecattlehavewadedinit.…Iappreciateotherpeople’sinterpretation,butwhenitcomestothegospelweoughttobeacquaintedwithwhattheLordsays”(fromanaddresstoreligiouseducators,quotedbyJ. RichardClarke,“MySoulDelightethintheScriptures,”Ensign,Nov.1982, 15).

  9. PresidentHarold B.Leetaught:“Youcannotliftanothersouluntilyouarestandingonhighergroundthanheis.Youmustbesure,ifyouwouldrescuetheman,thatyouyourselfaresettingtheexampleofwhatyouwouldhavehimbe.Youcannotlightafireinanothersoulunlessitisburninginyourownsoul”(“StandYeinHolyPlaces,”Ensign,Oct.2008, 47).ElderNeal A.Maxwellsaid:“Partofwhatmaybelacking,attimes,inthedecentteacherisafresheningpersonalexcitementoverthegospelwhichcouldprovehighlycontagious.Sincewecanonlyspeakthesmallestpartofwhatwefeel,weshouldnotletthat‘smallestpart’shrinkinitssize”(“TeachingbytheSpirit—‘TheLanguageofInspiration’”(ChurchEducationalSystemsymposiumontheOldTestament,Aug. 15,1991, 5,si.lds.org).

  10. Marion G.Romney,“TheMessageoftheOldTestament”(ChurchEducationalSystemsymposiumontheOldTestament,Aug. 17,1979), 1,si.lds.org.

  11. SeeDavid A.Bednar,“AReservoirofLivingWater”(ChurchEducationalSystemfiresideforyoungadults,Feb. 4,2007),speeches.byu.edu(text),LDS.org(video).

  12. Neal A.Maxwell, TheSmallestPart(1973), 4;seealsoNeal A.Maxwell,“TheInexhaustibleGospel,”Ensign,Apr.1993, 69.

  13. ElderRichard G.Scottsaid,“Principlesareconcentratedtruth,packagedforapplicationtoawidevarietyofcircumstances”(“AcquiringSpiritualKnowledge,”Ensign,Nov.1993, 86;seealsoGospelTeachingandLearning:AHandbookforTeachersandLeadersinSeminariesandInstitutesofReligion[2012],5–7).BrotherChadWebbhassuggestedthattodetermineifsomethingisaprinciple,wemightaskourselves,“Isitalwaystrue?Isitapplicableineverycondition,everytime,everycircumstance,andtoeverypeople?”

  14. ElderScottalsotaught:“Asyouseekspiritualknowledge,searchforprinciples.Carefullyseparatethemfromthedetailusedtoexplainthem”(“AcquiringSpiritualKnowledge,” 86;seealsoGospelTeachingandLearning,26–31).

  15. Boyd K.Packer,LetNotYourHeartBeTroubled(1991),15.

  16. SeeC. S.Lewis,“MeditationinaToolshed,”inGodintheDock:EssaysonTheologyandEthics,ed.WalterHooper(1970),212–15.

  17. Robert J.Matthews,“WhatisReligiousEducation?”(unpublishedaddresstoreligiouseducators,Aug. 31,1989), 2.

  18. ElderD. ToddChristoffersontaught,“ThegiftoftheHolyGhost…isthemessengerofgracebywhichthebloodofChristisappliedtotakeawayoursinsandsanctifyus”(“ThePowerofCovenants,”Ensign,May2009, 22;seealsoAreaDirectors’Convention,2011,sessionon“TheRoleoftheHolyGhost”).

  19. SeeAlma23:5–7.

  20. Henry B.Eyring,“TeachingtheOldTestament”(ChurchEducationalSystemsymposiumontheOldTestament,Aug. 10,1999), 5,si.lds.org.

  21. Marion G.Romney,“TheMessageoftheOldTestament,” 3,si.lds.org;seealsoGospelTeachingandLearning,26–28.

  22. Boyd K.Packer,“Principles,”Ensign,Mar.1985, 8;seealsoGospelTeachingandLearning,26–28.

  23. JosephSmith,inHistoryoftheChurch,3:30.Expandedquotation:“ThefundamentalprinciplesofourreligionarethetestimonyoftheApostlesandProphets,concerningJesusChrist,thatHedied,wasburied,androseagainthethirdday,andascendedintoheaven;andallotherthingswhichpertaintoourreligionareonlyappendagestoit.”

  24. PresidentMarion G.Romneytaught,“ThemessageoftheOldTestamentisthemessageofChristandhiscomingandhisatonement”(“TheMessageoftheOldTestament,” 4,si.lds.org).

  25. See1 Nephi6:4;D&C76:40–43.PresidentEzraTaftBensondefinedthegospelin“TheGospelTeacherandHisMessage”([addresstoreligiouseducators,Sept. 17,1976],si.lds.org).PresidentHenry B.Eyringdefined“twoviewsofthegospel”in“EyestoSee,EarstoHear”([ChurchEducationalSystemsymposiumontheNewTestament,Aug. 16,1984],si.lds.org;alsoquotedinTeachingandLearning, 54).SeealsotheuseofthewordgospelinJ. ReubenClark Jr.,“TheChartedCourseoftheChurchinEducation.”

  26. 2 Corinthians3:14, 16;seealsoJosephSmithTranslation,2 Corinthians3:14, 16.

  27. PresidentBoyd K.PackertaughtthattheAtonement“istheveryrootofChristiandoctrine.Youmayknowmuchaboutthegospelasitbranchesoutfromthere,butifyouonlyknowthebranchesandthosebranchesdonottouchthatroot,iftheyhavebeencutfreefromthattruth,therewillbenolifenorsubstancenorredemptioninthem”(“TheMediator,”Ensign,May1977, 56;alsoquotedinGospelTeachingandLearning, 1).

  28. GospelTeachingandLearning, 52.

  29. Richard G.Scott,“AcquiringSpiritualKnowledge,” 86;seealsoGospelTeachingandLearning, 26.

  30. Henry B.Eyring,“ConvertingPrinciples”(remarksataneveningwithElderL. TomPerry,Feb. 2,1996), 1,si.lds.org;alsoquotedinGospelTeachingandLearning, 54.

  31. SeeGospelTeachingandLearning,26–27.

  32. TheProphetJosephSmithtaught,“Wemayconclude,thatthoughthereweredifferentdispensations,yetallthingswhichGodcommunicatedtoHispeoplewerecalculatedtodrawtheirmindstothegreatobject,andtoteachthemtorelyuponGodaloneastheauthoroftheirsalvation”(TeachingsofPresidentsoftheChurch:JosephSmith[2007], 49).

  33. SeeRuth1:19.

  34. SeeRuth2:14.

  35. SeeRuth4:1.

  36. “Thewordhererendered‘redeemer’wetranslateliterallyfromHebrewgo’elandthisisitspropertranslation.Itisrenderedmerely‘kinsman’intheKingJamesEnglishtranslation.Thefunctionofago’elwastomakeitpossibleforawidowwhohadlosthomeandpropertytoreturntoherformerstatusandsecurityandtohaveseedtoperpetuateherfamily.

    “ItiseasytoseewhythelaterprophetsborrowedthiswordfromthesociallawsofIsraelandusedittodescribethefunctionsofHimwhowouldbecometheDivineRedeemer:ThinkofwhatHedoestorestoreustoproperstatuswithGod,andtogiveusfuturesecurityandeternal‘seed’”(Ellis T.Rasmussen,AnIntroductiontotheOldTestamentandItsTeachings,Part 1(syllabusforReligion 301,1972), 157;andOldTestamentStudentManual:Genesis–2 Samuel(ChurchEducationalSystemmanual,2003), 263.

  37. SeeRuth4:10.

  38. SeeRuth4:13;seealsoRuth 4chapterheading.

  39. John19:30;seeRuth3:18.

  40. Thisbeautifulstory“speaksofandsymbolicallydemonstratesGod’sredeemingpower;itteachesusofhowwecanaccessthatpowerandexemplifieshowweshouldemulateourRedeemer.NumerouselementsofthestoryserveastypesofChrist.ItisabouthopeinIsrael.[Perhapspartof]thereasonwelovethestorysomuchisbecause…oursoulsintuitivelyresonatewiththeredemptionofRuth;welongforwhathappenedtoheronamortalleveltohappentousinbothamortalandeternalway.Ruthsatisfiessomeofoursoul’syearningfordeliverance.Ithighlightsourreasonsforhope”(KerryMuhlestein,“Ruth,Redemption,Covenant,andChrist,”inD. KellyOgden,Jared W.Ludlow,andKerryMuhlstein,eds.,TheGospelofJesusChristintheOldTestament,38thAnnualBrighamYoungUniversitySidney B.SperrySymposium[2009],187–88).

  41. SeeBoyd K.Packer,“Self-Reliance”(BrighamYoungUniversityfireside,Mar. 2,1975),speeches.byu.edu.

  42. SeeAlma12:9–11;3 Nephi26:1–11(especiallyverses9–10).ElderJeffrey R.Hollandstated:“Whencrisescomeinourlives—andtheywill—thephilosophiesofmeninterlacedwithafewscripturesandpoemsjustwon’tdo.Arewereallynurturingouryouth…inawaythatwillsustainthemwhenthestressesoflifeappear?OrarewegivingthemakindoftheologicalTwinkie—spirituallyemptycalories?PresidentJohnTayloroncecalledsuchteaching‘friedfroth,’thekindofthingyoucouldeatalldayandyetfinishfeelingtotallyunsatisfied.Duringaseverewinterseveralyearsago,PresidentBoyd K.Packernotedthatagoodlynumberofdeerhaddiedofstarvationwhiletheirstomachswerefullofhay.Inanhonestefforttoassist,agencieshadsuppliedthesuperficialwhenthesubstantialwaswhathadbeenneeded.Regrettablytheyhadfedthedeerbuttheyhadnotnourishedthem”(“ATeacherComefromGod,”Ensign,May1998,26–27).

  43. Henry B.Eyring,“EyestoSee,EarstoHear,”si.lds.org;alsoquotedinGospelTeachingandLearning, 54.

  44. David A.Bednar,“AReservoirofLivingWater,” 4,speeches.byu.edu.

  45. Henry B.Eyring,“TeachingtheOldTestament,” 2,si.lds.org.

  46. David A.Bednar,“AReservoirofLivingWater,” 6,speeches.byu.edu.

  47. Exodus6:7.

  48. Exodus7:17;seealsoExodus7:5;8:10, 22;9:14,16, 29;10:2;11:7;14:4, 18;16:6, 12;29:46.

  49. See1 Samuel17:46.

  50. See2 Kings5:15.

  51. See1 Kings18:37.

  52. SeeDaniel4:17, 26.

  53. 1 Samuel17:46.

  54. SeePsalm59:13;67:2;83:18;109:27.

  55. SeeIsaiah5:19;9:9;19:21;37:20;41:20,22–23;41:26;43:10;45:3, 6;49:23,26;52:6;60:16.

  56. SeeEzekiel6:10, 14;7:4,9, 27;11:10,12;12:15–16;13:9,14,21, 23;14:8;15:7;16:62;17:21, 24;20:20;22:16;24:27;25:7;35:4,12, 15.

  57. Isaiah45:6.

  58. Seethesection“WhyAreWeMakingTheseChanges?”on“NewReligionandInstituteCourses:AdditionalInformation,”si.lds.org/announcement-new-religion-courses.

  59. Boyd K.Packer,“Scriptures,”Ensign,Nov.1982, 53.

  60. 2Nephi3:12.

  61. David A.Bednar,“AReservoirofLivingWater,” 6,speeches.byu.edu.

  62. ElderNeal A.Maxwelldescribeditthisway:“ClusteryourscripturestogethersothattheOldTestamentscriptureonaparticulartopicisrelated[totheotherbooksofscripture]andtotheutterancesoflivingprophets.ThescripturesoftheChurchneedeachother.…Andtheyhelpeachother. …

    “… [Then]youwill…maketheteachingmomentmoresignificant.…

    “… Helpyourstudentsavoidthetendencytoskimlightlyoverthesurfaceofthescriptures.…Encouragethemtoclusterthescripturestopically,asiftheywereabunchofgrapesfromwhichyouwouldthensqueezeallthejuice,anddistillallthemeaning”(“TheOldTestament:RelevancywithinAntiquity”[ChurchEducationalSystemsymposiumontheOldTestament,Aug. 16,1979],1–2,si.lds.org.

  63. SeeOldTestamentStudentManual:Genesis–2 Samuel,111–15.

  64. Bruce R.McConkie,ThePromisedMessiah:TheFirstComingofChrist(1978), 453.

  65. 2 Nephi11:4;seealsoHosea12:10;Alma30:23–60(especiallyverses40–41);Moses6:59–63.

  66. SeeMoses6:63.ElderBruce R.McConkietaught:“TherevealedaccountsoftheCreationaredesignedtoaccomplishtwogreatpurposes.Theirgeneralpurposeistoenableustounderstandthenatureofourmortalprobation,aprobationinwhichallmenarebeingtriedandtested‘toseeiftheywilldoallthingswhatsoevertheLordtheirGodshallcommandthem.’(Abr.3:25.)TheirspecificpurposeistoenableustounderstandtheatoningsacrificeoftheLordJesusChrist,whichinfiniteandeternalAtonementistheveryfoundationuponwhichrevealedreligionrests”(“ChristandtheCreation,”Ensign,June1982, 13).

  67. SeeAlma33:19;seealsoTopicalGuide,“JesusChrist,Typesof,inAnticipation”.

  68. “Yourfathersdideatmannainthewildernessandaredead.

    “Thisisthebreadwhichcomethdownfromheaven,thatamanmayeatthereof,andnotdie.

    “Iamthelivingbread”(John6:49–51);seealsoExodus17:6;1 Corinthians10:4;TopicalGuide,“JesusChrist,Typesof,inAnticipation.”

  69. SeeExodus12:5–14.

  70. Galatians3:24.

  71. Fatherofamultitude.OriginallycalledAbram,‘exaltedfather.’”(BibleDictionary,“Abraham”).

  72. ElderDallin H.Oaksexplained:“Thisstory…showsthegoodnessofGodinprotectingIsaacandinprovidingasubstitutesohewouldnothavetodie.Becauseofoursinsandourmortality,we,likeIsaac,arecondemnedtodeath.Whenallotherhopeisgone,ourFatherinHeavenprovidestheLambofGod,andwearesavedbyhissacrifice”(“BibleStoriesandPersonalProtection,”Ensign,Nov.1992, 37).

  73. “KingofSalem”(Hebrews7:1–2);“thekingofheaven”(JosephSmithTranslation,Genesis14:36[intheBibleappendix]);“Kingofrighteousness”(Hebrews7:2);seealsoTopicalGuide,“JesusChrist,Typesof,inAnticipation.”

  74. JosephSmithTranslation,Genesis14:33(intheBibleappendix);seealsoTopicalGuide,“JesusChrist,Typesof,inAnticipation.”

  75. SeeGenesis37:27–28.

  76. SeeMoses1:26;seealsoDeuteronomy18:15;3 Nephi20:23;ThePearlofGreatPriceTeacherManual(ChurchEducationalSystemmanual,2000),9–11.

  77. Romans5:14.

  78. See2 Nephi2:23.

  79. SeeMoses4:18.

  80. See2 Nephi2:25.

  81. Daniel6:3.

  82. Daniel6:3–4,6–7.

  83. Daniel6:4;seealsoverse 5.

  84. Daniel6:6–7.

  85. Luke22:39;seeDaniel6:10.

  86. SeeDaniel6:10.

  87. Daniel6:14.

  88. Daniel6:17.

  89. Daniel6:19.

  90. SeeDaniel6:22.

  91. Daniel6:23.

  92. AlfredEdersheim,BibleHistory:OldTestament,onevol.ed.(1982), xiii;alsoquotedinOldTestamentStudentManual:Genesis–2 Samuel, 22.

  93. Marion G.Romney,“TheMessageoftheOldTestament,” 1,si.lds.org.

  94. SeePsalm1:2–3.

  95. Jeremiah20:9;seealsoGospelTeachingandLearning,29–30. PresidentBoyd K.Packerexplained:

    “‘Thereisagreatbodyofevidence,’Brother[Wilford B.]Leewrote,‘toindicatethat,inmoralbehaviorespecially,peopledonotactinaccordancewiththeirknowledge.’Andheobservedthatonecouldhardlyfindanobesepersonwhodoesnotknowthat,ifheistoreducehisweight,apartofwhathemustdoistoreducehisintakeoffood.Canyouimagineamedicaldoctorwhousescigarettesanddoesnotknowthatsmokingisdetrimentaltohishealth?Wereyoueveracquaintedwithadivorceofparentsinwhichbothofthepartiesdidn’tknowfullwellthattragiceffectswouldbevisitedupontheirchildren?Insuchcasesthepersonsknowtherightcoursebutstillfailtofollowit.

    “Asregardsrighteousbehavior,then,toknowintellectuallyisnotenough.Thefeelingsmustbeengaged”(LetNotYourHeartBeTroubled[1991], 14).

  96. InTheChartedCourseoftheChurchinEducation,PresidentJ. ReubenClark Jr.taughtthatinourstudyandteaching,thereareactually“twoprimethingswhichmaynotbeoverlooked,forgotten,shaded,ordiscarded.”Thefirst,ofcourse,istheSaviorandHisAtonement.“ThesecondofthetwothingstowhichwemustallgivefullfaithisthattheFatherandtheSonactuallyandintruthandverydeedappearedtotheProphetJosephinavisioninthewoods”(1–2).

  97. InitscommentaryforDoctrineandCovenants6:2,theDoctrineandCovenantsStudentManualcontainsthefollowingexplanation:“Manyswordsofancienttimeshadonlyonecuttingedge.Whensomeonedecidedtomakeatwo-edgedsword,theeffectivenessoftheweaponwasincreasedtremendously.Nowitcouldcutinanydirection,nomatterhowtheblowwasstruck.Thus,thelikeningofthewordofGodtothetwo-edgedswordisavividsimile.Justasasharpswordcancutdeepenoughtoseverlimbsanddestroylife,sothewordoftheLordispowerfulenoughthatitcanbringdestructionofthesoul(spiritualdeath)tothosewhodonotgiveheedtoit(seeHebrews4:12;Revelation1:16;2:12, 16).ThewordofGodalsohaspowertopiercethesoulasaswordandpenetratetotheinmostpartsofman(see3 Nephi11:3;D&C85:6).Itcancutthrougherrorandfalsehoodwithdouble-edgedefficiency”([ChurchEducationalSystemmanual,2001], 15).

  98. SeeMormon5:14.

  99. See1Nephi11:22.

  100. Abraham1:19.

พิมพ์