หมายมั่นให้ได้คำของเราก่อน
การถ่ายทอดผ่านดาวเทียมของเซมินารีและสถาบันศาสนา • 4 สิงหาคม2015
คำนำ
ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ได้อยู่ที่นี่และชอบเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้เช่นเดียวกับท่าน
ในการเตรียมพูดวันนี้ข้าพเจ้าให้ครอบครัวช่วยอ่านสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดและขอคำติชม…คำติชมแทบทั้งหมดเป็นประโยชน์คำติชมที่ข้าพเจ้าแบ่งรับแบ่งสู้—และมั่นใจว่าท่านไม่เคยได้รับในชั้นเรียน—คือแอนนีลูกสาววัย12ขวบของเราหลับเมื่ออ่านได้ครึ่งเดียวดังนั้นทั้งข้าพเจ้าและเธอจึงหวังว่าฉบับนี้จะดีขึ้น!
สองปีหลังนี้บราเดอร์แชดเว็บบ์เชื้อเชิญให้เราช่วยนักเรียนมีประสบการณ์การศึกษาพระคัมภีร์ในระดับที่ทำให้ศรัทธาของพวกเขาในพระผู้ช่วยให้รอดลึกซึ้งขึ้น1ปีที่ผ่านมามีนักเรียนอ่านพระคัมภีร์มากกว่าแต่ก่อนพวกเขาใช้เวลาเกิน9ล้านชั่วโมง2ในการศึกษาส่วนตัวขอบคุณสำหรับความพยายามของท่าน!
วันนี้เราจะเชื้อเชิญอีกครั้งท่านจะยินดีช่วยให้นักเรียนเซมินารีและสถาบันแต่ละคนมีประสบการณ์ที่มีความหมายในการศึกษาพระคัมภีร์แต่ละวันไหมและถึงแม้จะมีพันธสัญญาเดิมหลายตอนที่นักเรียนอ่านยากและไม่ค่อยเข้าใจแต่ข้าพเจ้าเชื่อจริงๆว่าเราไม่จำเป็นต้องแอบอยู่ข้างหลังนักเรียนและ“กระซิบ[พันธสัญญาเดิม]ใส่หู[ของพวกเขา]”3
บราเดอร์เว็บบ์เชื้อเชิญให้เราสนทนาเช่นกันว่า“เราจะให้พระคัมภีร์ที่เราสอนเป็นจุดศูนย์รวมมากขึ้นได้อย่างไร”4เขาถามคำถามหลายข้อเกี่ยวกับบทบาทของพระคัมภีร์ในการสอนของเราหลายท่านพิจารณาคำถามเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วนขอบคุณครับ!วันนี้เราจะพูดสักเล็กน้อยเกี่ยวกับบทบาทของพระคัมภีร์ในการเตรียมสอนของเรา
ในเดือนพฤษภาคมปี1829โจเซฟกับเอ็มมาสมิธอยู่ในเมืองฮาร์โมนีย์รัฐเพนน์ซิลเวเนียไฮรัมสมิธมาเยี่ยมและหวังจะเรียนรู้บทบาทของเขาในการฟื้นฟูที่จะเกิดขึ้นท่านศาสดาพยากรณ์ทูลถามพระเจ้าและพระองค์ทรงเตือนว่าคำของพระองค์“มีชีวิตและทรงพลัง,คมกว่าดาบสองคม”5ต่อจากนั้นพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนไฮรัมและเราให้รู้หลักธรรมและลำดับความสำคัญสำหรับครู“อย่าหมายมั่นจะประกาศคำของเรา,แต่ก่อนอื่นจงหมายมั่นให้ได้คำของเรา,และจากนั้นเราจะปลดปล่อยลิ้นของเจ้า;จากนั้น,หากเจ้าปรารถนา,เจ้าจะมีพระวิญญาณของเราและคำของเรา,แท้จริงแล้ว,อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าในการสร้างความเชื่อมั่นแก่มนุษย์”6
ได้พระคำ:ต้องรุ่มร้อนภายในตัวเราก่อน
การพยายามสอนไม่ได้เริ่มจากการเตรียมบทเรียนหรือพิจารณาว่าจะสอนอย่างไรหรือไม่ได้เริ่มจากการทบทวนหลักสูตรการพยายามสอนเริ่มที่adfontesหรือ“ที่แหล่งกำเนิด”7ไม่มีการเตรียมสอนใดดีไปกว่าการดื่มน้ำพุที่น้ำออกมาจากดิน8ดังประธานแมเรียน จี.รอมนีย์กล่าวถ้าเราต้องการสอนพระคัมภีร์ด้วยพลังถ้าเราต้องการให้นักเรียนรู้สึกถึงความจริงและความสำคัญของข้อนั้นเราต้องเริ่มจากความตื่นเต้นสดๆร้อนๆในตัวเรา9
ประธานรอมนีย์แนะนำว่า“เพื่อเป็นครูสอนพระกิตติคุณที่มีประสิทธิภาพ…เราต้องทำและศึกษา…จนกว่าคำสอน[ของพระเจ้า]กลายเป็นคำสอนของเราเมื่อนั้นเราจะพร้อมพูดด้วยพลังและความเชื่อมั่นถ้าเราเลือกเตรียมตามเส้นทางอื่น…เราจะลงเอยด้วยการถ่ายทอดแนวคิดของเราหรือแนวคิดของคนอื่นๆและ[ไม่มีหลักประกันว่าเราจะประสบความสำเร็จ]”10
ได้พระคำ:สิ่งที่ต้องมองหาในการศึกษาของเรา
ขณะที่ท่านและข้าพเจ้าหมายมั่นให้ได้พระคำในระดับที่พระคัมภีร์รุ่มร้อนภายในตัวเราข้าพเจ้าจะพูดถึงแนวคิดที่เรียบง่ายสองประการซึ่งควรจะเป็นมาตรฐานในการแสวงหาของเรา
หนึ่งมีลำดับชั้นในหมู่ความจริงและการฝึกแยกแยะลำดับชั้นดังกล่าวจะเป็นพรเราและนักเรียนของเรา
สองพระคัมภีร์มีการเชื่อมโยงแบบแผนและสาระสำคัญ11รวมทั้งรูปแบบและรูปลักษณ์ซึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอด
ลำดับชั้นของความจริง
ประการแรกเอ็ลเดอร์นีล เอ.แม็กซ์เวลล์เขียนเกี่ยวกับ“ชนชั้นในหมู่ความจริง”และบอกว่าความจริงบางอย่างคู่ควรแก่ความจงรักของเราคำนี้บ่งบอกถึงความซื่อสัตย์หรือการเชื่อฟังและความภักดี
“บางอย่างเป็นได้ทั้งจริงและไม่สำคัญ…เราต้องไม่เพียงแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งเท่านั้นแต่รู้ด้วยว่าเรื่องจริงเรื่องใดมีค่าควรแก่ความจงรัก
“พระกิตติคุณของพระเยซูทำให้เราสนใจความเป็นจริงที่ว่ามีชนชั้นในหมู่ความจริงความจริงบางอย่างสำคัญกว่าความจริงอื่นอย่างเห็นได้ชัดและเป็นนิจ!”12
ข้อพระคัมภีร์ส่วนใหญ่มีรายละเอียดพอสมควรและรายละเอียดที่ได้รับการดลใจซึ่งอยู่ในนั้นจะให้ความเข้าใจลึกซึ้งแก่หลักธรรม13ที่มุ่งหมายจะอธิบาย14
เราควรเป็นนักเรียนที่เก่งทั้งรายละเอียดและหลักคำสอนในพระคัมภีร์สำคัญที่ต้องเข้าใจว่ารายละเอียดในพระคัมภีร์ที่สอนแยกจากหลักคำสอนเป็นเพียงข้อมูลให้รู้การสอนเช่นนั้น“จะไม่ทำร้ายเราถ้าพระวิญญาณอยู่ด้วยหรือไม่ช่วยเราถ้าพระวิญญาณไม่อยู่”15อีกนัยหนึ่งคือการสอนที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องส่วนตัวข้อคิดส่วนตัวและความรู้สึกอันเกิดจากการสนทนาแต่ขาดสาระซึ่งจำเป็นของพระคัมภีร์ต่อการสอนความจริงและสร้างแรงบันดาลใจยังถือว่าไม่ดีพอนักเรียนของเราจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากครูที่เก่งพระคัมภีร์และเข้าใจบทบาทสำคัญของพระวิญญาณบริสุทธิ์16
ข้าพเจ้าเคยได้ยินบางคนพูดถึง“การสอนให้เลื่อมใส”ที่ขาดวิชาการและเคยได้ยินหลายคนพูดถึงการสอนวิชาการที่ขาดเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสการสอนให้เลื่อมใสหรือการสอนวิชาการแต่อย่างเดียวไม่สนองความต้องการของการศึกษาศาสนาบราเดอร์โรเบิร์ต เจ.แมทธิวส์กล่าวไว้ว่า“คำว่า‘ศาสนา’หมายถึง‘ยึดให้ติดกับ’ซึ่งเชื่อมโยงกับคำว่าเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อกับกระดูกศาสนาควรยึดบุคคลที่มีศาสนาให้ติดกับพระผู้เป็นเจ้าและเรื่องศักดิ์สิทธิ์”17และนั้นคือสิ่งที่การศึกษาศาสนาควรทำสำหรับนักเรียนของเรา
รายละเอียดในพระคัมภีร์มักจะชี้ให้เห็นความจริงอันล้ำค่าเมื่อสอนด้วยประจักษ์พยานจะเชื้อเชิญการเปิดเผยและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำการชดใช้ไปใช้ในชีวิตของเรา18เพิ่มการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเราต่อพระผู้ช่วยให้รอด19และคำมั่นสัญญาของเราที่จะทำตามแผนของพระบิดาบนสวรรค์
แน่นอนว่าพันธสัญญาเดิมมี“เรื่องตื่นเต้นเร้าใจขนบธรรมเนียมน่าหลงใหลและรูปแบบวรรณกรรมที่สวยงาม”20สำคัญที่เราต้องจำไว้ว่ารายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่จุดประสงค์ของพระคัมภีร์และการสอนของเราต้องสะท้อนให้เห็นอย่างนั้นเราได้รับการสอนว่า“พระคัมภีร์เขียนไว้เพื่ออนุรักษ์หลักธรรม”21หลักธรรมพระกิตติคุณเหล่านี้“เป็นแก่นสารและจุดประสงค์สำหรับการเปิดเผย”22
สุดท้ายแม้ในหลักธรรมก็มีลำดับเพราะ“หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด”23
การแยกรายละเอียดจากหลักธรรมและการฝึกมองลำดับชั้นที่อยู่ในหลักธรรมเหล่านั้นให้ออกจะเป็นงานชั่วชีวิตถ้าเราสอนรายละเอียดทั้งหมดของประวัติศาสตร์และกฎถ้าเราสอนองค์ประกอบทั้งหมดของการเดินทางของอิสราเอลแต่เราพลาดข่าวสารในแผนของพระบิดาบนสวรรค์และการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดในพันธสัญญาเดิม24เราจะไม่เรียนรู้ข่าวสารของพันธสัญญาเดิม25
เปาโลกำลังพูดถึงข้าพเจ้าแน่นอนและอาจจะพูดถึงนักเรียนบางคนของเราเมื่อเขากล่าวว่า“เขาทั้งหลายอ่านพันธสัญญาเดิมผ้าคลุมนั้นยังคงอยู่”เขาให้กุญแจไขปัญหานี้เมื่อกล่าวว่า“ผ้าคลุมนั้นจะถูกเปิดออกโดยพระคริสต์”และ“ถ้า[ใจเรา]หันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าผ้าคลุมนั้นก็จะถูกเปิดออก”26
ถ้าการสอนของเราจะให้พระผู้ช่วยให้รอดเป็นศูนย์กลาง27และถ้าเราสามารถช่วยให้จิตใจและความนึกคิดของนักเรียนของเราหันไปหาพระองค์ผ้าคลุมจะเปิดออกเมื่อพวกเขาอ่านพันธสัญญาเดิมและที่สำคัญกว่านั้นเมื่อนักเรียนฝึกมองหาพระผู้ช่วยให้รอดในการศึกษาพระคัมภีร์พวกเขาจะเรียนรู้บทเรียนคล้ายกันและเริ่มมองหาพระองค์และพระหัตถ์ของพระบิดาบนสวรรค์ในชีวิตพวกเขาเช่นกัน
ตัวอย่างของลำดับชั้น
ข้าพเจ้ามีข้อเสนอแนะประการหนึ่งที่จะช่วยเราเข้าใจความจริงในพระคัมภีร์คือเลือกมาหนึ่งข้ออ่านและถามตัวท่านว่า“อะไรคือรายละเอียดในข้อนี้”ขีดเส้นใต้ชื่อคนสถานที่เวลาและโครงเรื่องดูบริบทที่กว้างขึ้นและขีดเส้นใต้รายละเอียดของบริบทที่ท่านพบคู่มือของเราแนะนำให้สังเกต“การหยุดตามธรรมชาติ”28ที่แนวคิดหรือเนื้อหาเปลี่ยนไป
ตอนนี้ให้ดูข้อความอีกครั้งคราวนี้ให้ถามตัวท่านเองว่า“มีหลักธรรมหรือความจริงอะไรที่‘รวบรวมไว้ให้ประยุกต์ใช้’29ซึ่งถ้าเข้าใจจะ‘[นำไป]สู่การเชื่อฟัง’”30ศึกษาบริบทที่กว้างขึ้นของหลักคำสอนในข้อความนี้ทำเครื่องหมายหลักธรรมแต่ละข้อต่างจากเมื่อท่านทำเครื่องหมายรายละเอียดถ้ามีหลักธรรมแฝงอยู่31ให้ใช้เวลาจด
การพยายามทำเช่นนี้จะยากในตอนแรกเราจะต้องตั้งอกตั้งใจและใช้เวลาพรส่วนหนึ่งของการมีวินัยในเรื่องนี้คือจะเชื้อเชิญเราให้ถามตลอดเวลาว่า“ข้อนี้มีรายละเอียดอะไรบ้างและมุ่งหมายจะสอนหลักธรรมอะไร”
ตามที่เราพูดไปแล้วหลักธรรมบางข้อสำคัญกว่าข้ออื่นเชื้อเชิญการดลใจชีวิตและความรอดมากกว่าข้ออื่นเพราะชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอดจงดูข้อความนั้นอีกครั้งคราวนี้ให้ดูผ่านเลนส์อีกเลนส์หนึ่งและถามว่า“ข้อนี้ออกแบบไว้32เพื่อดึงความสนใจฉันไปที่พระผู้ช่วยให้รอดอย่างไรอะไรในข้อนี้ทำให้เข้าใจสำนึกคุณวางใจพระองค์และแผนของพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น”
สุดท้ายจงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันเคยพูดอะไรที่จะเพิ่มข้อคิดความเข้าใจและการดลใจให้แก่ข้อนั้น
หลังจากศึกษาในลักษณะนี้แล้วเมื่อเรากลับไปดูหลักสูตรความเข้าใจเพิ่มเติมข้อเสนอแนะและคำแนะนำที่ให้ไว้จะผนวกกับข้อคิดการดลใจและประสบการณ์ที่เราเคยมีในพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์จากนั้นหลักสูตรจะยืนยันขัดเกลาและยกระดับการเตรียมของเราที่จะประกาศพระคำด้วยพลัง
ตัวอย่างเช่นเมื่อเราศึกษาหนังสือนางรูธปีนี้เราอาจจะเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสูญเสียและความภักดีหรือพิจารณาถึงลำดับชั้นของความจริงนี้เราอาจจะสังเกตเห็นว่านางรูธสูญเสียสามีเธอเดินทางไปเบธเลเฮม33และเธอพบโบอาสในเบธเลเฮมจากนั้นเราอาจจะเห็นว่าโบอาสให้สิ่งที่นางรูธต้องการให้ขนมปังกับน้ำส้มแก่เธอ34ขอร้องแทนเธอที่ประตูเมือง35และในฐานะญาติของนางซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า“ผู้ไถ่”36เขาซื้อนางรูธ37รับเธอเป็นภรรยาของเขา38และจะไม่นิ่งเฉยจนกว่าเขาจะพูดได้ว่า“สำเร็จแล้ว”39นั่นอาจจะทำให้เราเริ่มรู้สึกถึงประจักษ์พยานของความรักและการไถ่เช่นเดียวกับการสั่งสอนและการดลใจจากการรับรู้ว่าองค์พระญาติที่ยิ่งใหญ่40ทรงทำแบบเดียวกันเพื่อเรา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการค้นคว้าพระคัมภีร์ครูที่รอบคอบจะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนมีประสบการณ์แบบนี้ด้วยตนเองขณะนักเรียนพึ่งพาตนเองทางวิญญาณได้41
พี่น้องทั้งหลายในพระคัมภีร์แต่ละหน้าเราทำการเลือกที่ส่งผลต่อพลังการเรียนการสอนในชั้นเรียนของเราการเลือกนั้นคือเราจะหันความคิดจิตใจและศรัทธาของนักเรียนเข้าหาความจริงใดการเลือกนี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงในส่วนของพระคำ42ที่พวกเขารับไว้ในความคิดและการดำเนินชีวิตถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรในเรื่องดังกล่าวถ้าข้าพเจ้าเลือกให้ความจริงที่สำคัญน้อยกว่า“ครอบงำการสอนของข้าพเจ้า”ตามที่ประธานเฮนรีย์ บี.อายริงก์กล่าวเมื่อนั้น“ข้าพเจ้าก็ได้นำตนเองออกจากการโต้แย้งเกือบทั้งหมดเพื่อช่วยนักเรียนต้านคลื่นทะเลแห่งความสกปรก”43
การเชื่อมโยงสาระสำคัญและรูปแบบ
แนวคิดที่สองควบคู่กับการรับรู้ลำดับชั้นของความจริงที่อาจช่วยให้เราได้พระคำคือพระคัมภีร์เต็มไปด้วยการเชื่อมโยงสาระสำคัญและรูปแบบข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่างสั้นๆของแต่ละอย่างจากพันธสัญญาเดิม
การเชื่อมโยง
เอ็ลเดอร์เดวิด เอ.เบดนาร์อธิบายว่า“การเชื่อมโยงคือความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดผู้คนสิ่งของหรือเหตุการณ์”44
การเชื่อมโยงที่เราอาจสังเกตเห็นคือพันธสัญญาเดิมเต็มไปด้วยเรื่องราวความสำเร็จและความล้มเหลวซึ่งต่างกันแต่สอนคู่กันอาทิคาอินกับอาเบลโยเซฟกับพี่ๆยาโคบกับเอซาวอาบีกายิลกับนาดับและอีกหลายคน
ประธานอายริงก์พูดถึงกุญแจดอกนี้ว่า“ในการบรรยายความล้มเหลวมีรูปลักษณ์ของหนทางสู่ความสำเร็จ…วัฏจักรของความเสื่อมถอยและการฟื้นตัวทางวิญญาณ…อาจให้ความหวังและเป็นคำสอนแก่นักเรียนของท่านได้”45
สาระสำคัญ
เอ็ลเดอร์เบดนาร์ยังอธิบายว่า“สาระสำคัญคือคุณสมบัติหรือแนวคิดที่ครอบคลุมเกิดขึ้นซ้ำและรวมเป็นหนึ่งเดียวเหมือนเส้นด้ายถักทอทั่วผืนผ้า”46สาระสำคัญที่เราจะสังเกตเห็นปีนี้อยู่ในประโยคที่ว่า“พวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า”47
ช่วงเกิดภัยพิบัติก่อนการปลดปล่อยพวกเขาและปาฏิหาริย์หลังจากนั้นพระเจ้ารับสั่งกับลูกหลานอิสราเอลว่าโดยสิ่งเหล่านั้น“เจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”48
การสังหารโกลิอัท49การรักษานาอามาน50เอลียาห์กับผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล51และประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามของดาเนียลกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์52ล้วนบันทึกไว้พร้อมเจตนาจะประกาศว่า“เพื่อทั้งโลกนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าองค์หนึ่งในอิสราเอล”53
ทั่วหนังสือสดุดี,54อิสยาห์55และเอเสเคียล56ในหนังสือ17เล่มของพันธสัญญาเดิมและ80กว่าครั้งพระเยโฮวาห์ทรงย้ำทรงเน้นและทรงรับรองว่าอิสราเอลและเราจะเห็นพระองค์และพระหัตถ์ของพระองค์ในเหตุการณ์และคำสอนของพันธสัญญาเดิมทั้งนี้เพื่อเราและลูกๆของเรา“จะรู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้นและจากที่ตะวันตกว่า…เราคือยาห์เวห์และไม่มีผู้อื่นอีก”57
ขณะที่เราศึกษาสาระสำคัญของพระคัมภีร์ในชั้นเรียนสถาบันของหลักสูตรสำคัญขั้นพื้นฐานชุดใหม่58พระคัมภีร์จะ“ถักทอเข้าด้วยกันจนเมื่อ[เรา]ศึกษาข้อหนึ่ง[เราจะ]ถูกดึงไปอีกข้อหนึ่ง”59ถ้าตัวพระคัมภีร์เป็นการศึกษาหลักของชั้นเรียนเหล่านี้พระคัมภีร์จะ“เติบโตไปด้วยกัน”และนำนักเรียนของเรา“มาสู่ความรู้เกี่ยวกับพันธสัญญา[ของพวกเขา]”60“กระบวนการค้นหาและค้นพบสาระสำคัญในพระคัมภีร์”เอ็ลเดอร์เบดนาร์กล่าว“นำเรา…ไปสู่ความจริงนิรันดร์ที่เชื้อเชิญพยานยืนยันของพระวิญญาณบริสุทธิ์วิธีได้น้ำธำรงชีวิตจากแอ่งพระคัมภีร์เป็นวิธีที่เข้มงวดและเรียกร้องมากที่สุดอีกทั้งให้การอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุดด้วย”61ซึ่งจะเรียกร้องจากครูอย่างเรามากขึ้นไม่ใช่น้อยลง62
รูปแบบและรูปลักษณ์ของพระคริสต์
จากรูปแบบมากมายในพันธสัญญาเดิม63มีรูปแบบหนึ่งเชื้อเชิญให้เราเอาใจใส่และพยายามเป็นพิเศษนั่นคือการมองหาประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์.แม็คคองกีกล่าวว่า“เรา…สมควรมองหาอุปมาถึงพระคริสต์ทุกแห่งและใช้บ่อยๆเพื่อให้พระองค์และกฎของพระองค์สำคัญที่สุดในความคิดของเรา”64
การเริ่มเขียนรูปแบบและรูปลักษณ์ของพระผู้ช่วยให้รอดออกมาเป็นข้อๆแทบจะเหมือนกับการนับหยดน้ำในแม่น้ำหรืออนุภาคของแสงในวันแดดจัดอย่างไรก็ตาม“สิ่งทั้งปวงที่พระผู้เป็นเจ้าประทาน,ให้มนุษย์,นับจากกาลเริ่มต้นของโลก,เป็นการแสดงสัญลักษณ์ถึงพระองค์.”65
การสร้าง66งูทองสัมฤทธิ์67มานา68การปลดปล่อยอิสราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์โดยทาเลือดแกะที่วงกบประตู69และกฎของโมเสสทั้งหมดพร้อมด้วยระบบการพลีบูชาและการระลึกถึงล้วนตั้งใจออกแบบไว้ให้เป็น“ผู้ควบคุมเราไปหาพระคริสต์”70
การที่อับราฮัม71เต็มใจถวายอิสอัค72เป็นเครื่องบูชาชื่อของเมลคีเซเดค73รวมไปถึง“เจ้าชายแห่งสันติ”74การที่โยเซฟช่วยบรรดาพี่ๆที่ขายท่าน75และการที่โมเสสปลดปล่อย76ลูกหลานอิสราเอลล้วนเป็นสัญลักษณ์ถึงพระองค์“ผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง”77
อาดัมเป็นคนดีรอบคอบ78ผู้ซึ่งขณะอยู่ในสวนได้เลือก79สละชีวิตเพื่อให้เรามีชีวิต80
กษัตริย์คิดจะตั้งดาเนียลให้ดูแลอาณาจักรทั้งหมดเพราะ“วิญญาณเลิศสถิตกับท่าน”81“อภิรัฐมนตรีและอุปราชทั้งหลาย”82ผู้มีอำนาจที่เกลียดดาเนียล“หาเหตุฟ้อง[ท่าน]…แต่ก็หาความผิดไม่ได้”83ต่อจากนั้นคนชั่วเหล่านี้“ได้ตกลงกัน”84และระหว่างนั้นดาเนียลปลีกตัวไปยังที่ที่ท่านเคยไป85และสวดอ้อนวอนที่นั่น86เมื่อทราบเรื่องนี้กษัตริย์“ตั้งพระทัย…ช่วยกู้ดาเนียล”87และต่อมาหลังจากดาเนียลถูกส่งไปรับความตาย“เขานำศิลาก้อนหนึ่งมาปิดปากถ้ำไว้”88“พอเช้าตรู่”กษัตริย์ตื่นบรรทม“รีบเสด็จไปยังถ้ำสิงโต”89เมื่อถึงที่นั่นเขาพบว่าทูตสวรรค์ไปที่นั่นแล้ว90และเขา“เอาดาเนียลออกจากถ้ำไม่ปรากฏว่ามีอันตรายอย่างใดที่ตัวท่านเลย”91
อัลเฟรดเอเดอร์ชีมกล่าวว่าพันธสัญญาเดิมทั้งเล่ม“มุ่งหมายจะชี้ไปที่พระคริสต์…ไม่เฉพาะกฎเท่านั้นซึ่งเป็นผู้ควบคุม…ไม่เฉพาะรูปแบบซึ่งเป็นรูปลักษณ์ของ[พระองค์]ไม่เฉพาะคำพยากรณ์ซึ่งทำนายถึง[พระองค์]แต่ประวัติศาสตร์พันธสัญญาเดิมทั้งหมดเต็มไปด้วยพระคริสต์…สิ่งหนึ่งต่อจากนี้คือการศึกษาพระคัมภีร์จะเพียงพอหรือได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราเรียนเพื่อรู้จัก[พระผู้ช่วยให้รอด]”92
ตลอดชั้นเรียนและแม้ในบ้านและครอบครัวท่านยินดีจะใช้เวลาถามนักเรียนและลูกๆของท่านหรือไม่ว่าพวกเขากำลังเรียนรู้อะไรและนั่นช่วยให้พวกเขาเข้าใจและพึ่งพาพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไรตั้งแต่วันแรกของชั้นเรียนท่านยินดีจะสอนนักเรียนให้ตั้งใจมองหาพยานอันล้ำเลิศหล่านี้ที่เป็นเจตนาของผู้เขียนที่ได้รับการดลใจเหล่านี้หรือไม่
สรุป
พี่น้องทั้งหลายพระคัมภีร์มีบทบาทอันไม่อาจหาสิ่งใดมาแทนที่ได้ในการสอนของเราและในการเตรียมสอนของเรา!จงจำคำเตือนนี้จากประธานรอมนีย์
“เราได้รับมอบหมายให้ถ่ายทอดสิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้า(พระคัมภีร์)แก่ผู้ที่เราสอนบางครั้ง[เราอาจ]พยายามจะถ่ายทอดก่อนโดยยังไม่ได้รับ …
“…[เราอาจต้องการ]ที่จะออกไปและสั่งสอนก่อน[ให้]โอกาสพระเจ้าที่จะทรงเตรียม[เรา]”93
ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าวข้าพเจ้าจึงขอเพิ่มคำถามบางข้อรวมกับข้อที่เราได้จากบราเดอร์เว็บบ์เมื่อปีที่แล้วและเชื้อเชิญให้เราพิจารณาในการเตรียมสอนของเรา
-
การเตรียมสอนชั้นเรียนของฉันเริ่มด้วยการค้นคว้าพระคัมภีร์หรือไม่
-
ฉันปีติยินดีใน94พระคัมภีร์ที่ฉันสอนวันนี้หรือไม่และพระคัมภีร์เป็น“ไฟไหม้อัดอยู่ในกระดูกของ[ฉัน]”95หรือไม่
-
ฉันเข้าใจทั้งรายละเอียดและหลักคำสอนซึ่งผู้เขียนที่ได้รับการดลใจต้องการให้ฉันเห็นและเข้าใจหรือไม่
-
ฉันได้ค้นคว้าถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์สำหรับการเน้นย้ำความเข้าใจลึกซึ้งและประจักษ์พยานของพวกท่านเกี่ยวกับข้อความพระคัมภีร์หรือไม่
-
และในทุกกรณีฉันค้นคว้าและพบวิธีที่ข้อนั้นเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ของพระองค์หรือไม่96
ขอให้พระคำคมกว่าดาบสองคม97ในห้องเรียนของเราเพราะพระคัมภีร์รุ่มร้อนในตัวเรา!ขอให้เรามีความตั้งใจว่าจะแยกแยะรายละเอียดกับหลักคำสอนที่ควรค่าแก่ความจงรัก!ขอให้เราช่วยนักเรียนค้นพบพยานที่สวยงามในพระคัมภีร์ถึงแผนของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักมากที่สุดของพระองค์!98
ข้าพเจ้าเพิ่มเติมประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเข้ากับของท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักของพระบิดาบนสวรรค์99ที่ประจักษ์ชัดและมีผลผ่านการชดใช้อันน่าอัศจรรย์ของพระบุตรข้าพเจ้าแสดงความสำนึกคุณต่อสิทธิพิเศษของการได้มีส่วนในการฟื้นฟูอันน่าอัศจรรย์ซึ่งคือการทำให้พระนามของพระองค์“เป็นที่รู้จักไป[ทั่ว]โลกตลอดกาล100ในพระนามของพระเยซูคริสต์เอเมน
© 2015โดยIntellectualReserve,Inc.สงวนสิทธิ์ทุกประการ.อนุมัติภาษาอังกฤษ6/15.อนุมัติการแปล:6/15.แปลจาก“FirstSeektoObtainMyWord.”Thai.PD10054335425