วันสะบาโต
การถ่ายทอดผ่านดาวเทียมเซมินารีและสถาบันศาสนา•4สิงหาคม 2015
ข้าพเจ้ายินดีที่ได้อยู่กับท่านวันนี้และได้รับการสอนอย่างดีที่ผ่านมา สุขใจจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะทราบถึงความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อท่านกับความขอบคุณอันลึกซึ้งและความเคารพที่ข้าพเจ้ามีต่อทุกท่านและสิ่งที่ท่านทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คริสตีภรรยาของข้าพเจ้าอยู่ด้วยกันที่นี่ วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 25 ปีของเรา เราจึงคิดว่าคงจะสนุกที่ได้เฉลิมฉลองกับเพื่อนที่ใกล้ชิด 98,000 คนของเรา เป็นสิ่งเหลือเชื่อมากที่ท่านกับคู่สมรสของท่านทำในองค์การนี้ ขอบคุณสำหรับผลงานของท่าน และขอบคุณที่มาอยู่ที่นี่ ช่างวิเศษยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้กับพวกท่านทุกคน
เกี่ยวเนื่องกับการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุดของศาสนจักร การอบรมสำหรับเจ้าหน้าชั้นผู้ใหญ่ที่จัดขึ้นเรื่องการรักษาวันสะบาโตและทำให้เป็นวันปีติยินดี โควรัมควบคุมของศาสนจักรมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในงานสำคัญยิ่งทั่วโลกเพื่อสอนความสำคัญของการถือปฏิบัติวันสะบาโตที่โบสถ์และในบ้าน มีการสอนในภาค สภาประสานงาน และสภาสเตค ประธานสเตคได้อบรมอธิการ และจะสอนสมาชิกสเตคตลอดจนสมาชิกวอร์ดของพวกเขาต่อไป
การอบรมจัดขึ้นสำหรับผู้นำของศาสนจักร
มีวีดิทัศน์หลายชุดมาจากการอบรมของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ซึ่งทำเสร็จแล้วและจะเปิดรับชมได้ในเว็บไซต์ของเรา1 ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะรับชม ทบทวนด้วยความละเอียดถี่ถ้วน และใช้แหล่งข้อมูลสำคัญเหล่านี้ วันนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านชมการนำเสนอสองส่วนจากการอบรมดังกล่าว อันดับแรกท่านจะได้ฟังจากประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน จากนั้นเอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดจะเป็นผู้พูดท่านต่อไป
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน: “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแสดงความรักอันลึกซึ้งและความชื่นชมที่ข้าพเจ้ามีต่อท่านแต่ละคน …ฝ่ายประธานสูงสุดได้เน้นย้ำเช้าวันนี้ถึงการที่เรามีความกังวลมากเกี่ยวกับผู้ที่หลงหายไปจากโบสถ์ ไม่รู้จัก แข็งขันน้อย เมื่อเรามุ่งเน้นที่ปัญหาดังกล่าว เราจึงอยากมุ่งเน้นการป้องกันปัญหาในลักษณะนั้นเช่นกัน ดังนั้น ในภาคการอบรมของวันนี้และพรุ่งนี้เราจะเน้นเรื่องการสร้างศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า การสร้างศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ การสร้างศรัทธาในการชดใช้ของพระองค์ …ในฐานะอัครสาวกที่ได้รับแต่งตั้งคนหนึ่งของพระองค์ ข้าพเจ้าขอบพระทัยอย่างยิ่งสำหรับงานมอบหมายนี้ที่ให้ข้าพเจ้าพูดในหัวข้อนี้ พระบัญญัติของพระเจ้าที่จะทำให้วันสะบาโตบริสุทธิ์และรักษาให้ศักดิ์สิทธิ์เป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องทำจริงและทำอย่างจริงจังมาก ถ้าเราทำเช่นนั้นได้จริง—ถ้าเราทำเช่นนั้นได้จริง—เราจะช่วยสมาชิกของเราสร้างศรัทธาในพระเจ้าและทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระองค์และศาสนจักรของพระองค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น … ขณะที่เราเรียนรู้มากขึ้นว่าจะทำให้วันสะบาโตบริสุทธิ์อย่างไร ศรัทธาจะเพิ่มขึ้นทั่วโลก”
เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด: “พี่น้องทั้งหลาย ฝ่ายประธานสูงสุดขอต้อนรับท่านสู่การอบรมการประชุมใหญี่สำคัญนี้ ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองใช้เวลาหลายชั่วโมงระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาทบทวนการค้นคว้าที่มีอยู่เกี่ยวกับหลักคำสอนและหลักธรรมของศาสนจักรที่เพิ่มศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ตลอดจนการชดใช้ของพระองค์ ดังที่ท่านทราบ เรากังวลต่อไปเกี่ยวกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ยั่งยืน การรักษาพันธสัญญา ครอบครัวที่มีสมาชิกหลายรุ่น และการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิญญาณให้สมาชิกศาสนจักร ทั้งหมดของการเปลี่ยนแปลงองค์การหรือนโยบายหรือการอบรมเกี่ยวกับหลักคำสอนที่จะเร่งงานแห่งความรอดในเวลานี้ เรามีมติว่าการยกระดับวิญญาณและพลังอำนาจของวันสะบาโตจะมีอิทธิพลมากที่สุดในการดึงสมาชิกและครอบครัวให้เข้าใกล้พระเจ้า พระเยซูคริสต์มากขึ้น”
ประธานเนลสันกล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความไม่แข็งขันและความจำเป็นที่จะเสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ท่านสัญญาว่า “ขณะที่เราเรียนรู้ดีขึ้นว่าจะทำให้วันสะบาโตบริสุทธิ์อย่างไร ศรัทธาจะเพิ่มขึ้นทั่วโลก”
ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านสังเกตเช่นกันว่าเอ็ลเดอร์บัลลาร์ดกล่าวดังนี้ “ทั้งหมด ของการเปลี่ยนแปลงองค์การหรือนโยบายหรือการอบรมเกี่ยวกับหลักคำสอนที่จะเร่งงานแห่งความรอดในเวลานี้ เรามีมติว่าการยกระดับวิญญาณและพลังอำนาจของวันสะบาโตจะมีอิทธิพลมากที่สุดในการดึงสมาชิกและครอบครัวให้เข้าใกล้พระเจ้า พระเยซูคริสต์มากขึ้น”2
บทบาทของเซมินารีและสถาบันศาสนา
ในความพยายามทั่วโลกนี้ เซมินารีและสถาบันศาสนาได้รับการกำกับดูแลในทิศทางที่กำหนดไว้เป็นพิเศษจากคณะกรรมการการศึกษาของศาสนจักรที่จะ ช่วยเหลือ โดยมุ่งเน้นไปที่การสอนหลักธรรมของการถือปฏิบัติวันสะบาโตและหลักคำสอนที่เกี่ยวเนื่องกับศีลระลึก ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากเยาวชนและคนหนุ่มสาวของศาสนจักรที่จะพากเพียรให้เข้าใจดีขึ้นและดำเนินชีวิตตามหลักธรรมเหล่านี้ เราทำเช่นนั้นโดยการเน้นย้ำความสำคัญของหลักธรรมดังกล่าวเมื่อหลักธรรมปรากฏขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในการสอนตามลำดับพระคัมภีร์และในโครงร่างหลักสูตร นั่นเป็นโอกาสดีเยี่ยมที่จะรวมความพยายามของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้นซึ่งนำเราในฐานะศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย โดยการทำเช่นนั้น วัตถุประสงค์ของเราจะมีสัมฤทธิผลดีขึ้นในการช่วยให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวเข้าใจและพึ่งพาคำสอนตลอดจนการชดใช้ของพระเยซูคริสต์
เพื่อแสดงว่าเราจะสอนหลักธรรมเกี่ยวกับวันสะบาโตและศีลระลึกอย่างไรในวิธีที่จะเพิ่มศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเลือกแบบอย่างส่วนใหญ่จากพันธสัญญาเดิมเพราะหลายท่านจะสอนพันธสัญญาเดิมในหลายเดือนข้างหน้า
วันสะบาโต
1. สะบาโตเป็นหมายสำคัญจากพระเจ้าถึงเรา
หลักธรรมหนึ่งที่สำคัญมากเกี่ยวกับวันสะบาโตมาจาก อพยพ 31:
“จงรักษาวันสะบาโตของเราไว้ เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับพวกเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า เพื่อจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระเจ้าทั้งหลายให้บริสุทธิ์ …
“ดังนั้น ชนชาติอิสราเอลจึงรักษาวันสะบาโต … เป็นพันธสัญญาเนืองนิตย์”3
แนวคิดที่ว่าสะบาโตเป็นหมายสำคัญของพันธสัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำกับเราเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพราะเราแต่ละคนเผชิญกับภาวะวิกฤติ นั่นคือ “ไม่มีสิ่งไม่สะอาดใดๆ จะพำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าได้4และเรารู้ว่า “เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”5 วิธีแก้ปัญหา ดังที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 60:7 คือ “เราสามารถทำให้เจ้าบริสุทธิ์” และนั่นทำให้สำเร็จได้ แน่นอน โดยผ่านพระเยซูคริสต์ พระผู้ทรงเป็นศูนย์กลางในแผนแห่งการไถ่ของพระบิดา หรือดังที่อัครสาวกเปาโลสอนว่า “พระเจ้าทรงซื้อ [เรา] ไว้แล้วด้วยราคาสูง”6
ราคานั้นคือพระชนม์ชีพ ความทุกขเวทนา และการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรที่ดีพร้อมของพระผู้เป็นเจ้า แล้วอะไรคือหลักฐานของการซื้อ อะไรคือใบเสร็จรับเงิน สะบาโตเป็นหมายสำคัญที่ต่อเนื่องของสัมฤทธิผลแห่งพันธสัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำไว้กับบุตรธิดาของพระองค์ หมายสำคัญที่พระองค์ทรงสามารถทำให้เราศักดิ์สิทธิ์
2. สะบาโตเป็นหมายสำคัญจากเราถึงพระเจ้า
ไม่เพียงสะบาโตเท่านั้นที่เป็นหลักฐานของการซื้อ หมายสำคัญที่พระเจ้าจะทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ แต่เป็นหมายสำคัญจาก เรา ถึง พระองค์ เช่นกันว่าเรารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา—เรารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเสียสละ ของพระองค์ และเรารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพันธสัญญา ของเรา
ประธานเนลสันสอนในการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุดของศาสนจักรว่า “ในสมัยที่ข้าพเจ้ายังหนุ่ม ข้าพเจ้าศึกษางานของผู้อื่นที่รวบรวมรายการสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่ทำ ไม่ได้ ในวันสะบาโต ภายหลังข้าพเจ้าจึงเรียนรู้จากพระคัมภีร์ว่าพฤติกรรมและเจตคติของข้าพเจ้าเกี่ยวกับวันสะบาโตนั้นเป็นการส่ง สัญญาณ ระหว่างข้าพเจ้ากับพระบิดาบนสวรรค์ ด้วยความเข้าใจนั้น ข้าพเจ้าไม่ต้องใช้รายการสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้อีกต่อไป เมื่อข้าพเจ้าต้องตัดสินใจว่ากิจกรรมนี้เหมาะสมสำหรับวันสะบาโตหรือไม่ ข้าพเจ้าเพียงถามตนเองว่า “ข้าพเจ้าต้องการส่ง สัญญาณ อะไรให้พระผู้เป็นเจ้า” คำถามนั้นทำให้การเลือกของข้าพเจ้าเกี่ยวกับวันสะบาโตชัดเจนมาก”7
การเลือกแต่ละอย่างที่เกี่ยวกับสะบาโตเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเครื่องพลีบูชาส่วนบุคคล หมายสำคัญของการสำนึกคุณที่พระองค์เต็มพระทัยทำให้เราศักดิ์สิทธิ์ โดยปราศจากเจตนาที่จะแนะนำรายการสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่ทำไม่ได้ ข้าพเจ้า อยาก กล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นพยานถึงเยาวชนและคนหนุ่มสาวทั่วโลกผู้เลือกรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ หลายคนเลือกไม่ทำงานในวันอาทิตย์ คนอื่นๆ ตั้งเป้าหมายที่จะไม่ศึกษาในวันอาทิตย์ เยาวชนหญิงคนหนึ่งในประเทศไทยเสี่ยงต่อการสูญเสียเพื่อนเพราะเธอเลือกที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมในวันสะบาโต (แนวคิดที่เพื่อนๆ ของเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน) ข้าพเจ้ารู้จักนักฟุตบอลหนุ่มอนาคตไกลในแคลิฟอร์เนีย ผู้ที่ต้านแรงกดดันมหาศาลจากเพื่อนๆ และครูฝึกและเสี่ยงกับโอกาสของทุนการศึกษาอันมีค่า เขาตั้งใจว่าจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมกีฬาในวันสะบาโต
ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงยกย่องคนหนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้เพราะพวกเขาถวายเกียรติพระองค์โดยการเลือกรักษาวันของพระองค์ให้ศักดิ์สิทธิ์ เราสอนนักเรียนของเราว่าเจตคติและการกระทำของเราในวันสะบาโตเป็นหมายสำคัญถึงพระเจ้าว่าเรารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพันธสัญญาของเราและ “การรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของการรักษาพันธสัญญาทั้งหมด”8
3. สะบาโตเป็นวันปีติยินดี
หลักธรรมอีกหนึ่งข้อจากพันธสัญญาเดิม:
“ถ้าเจ้าหันเท้าจากการเหยียบย่ำวันสะบาโตคือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเราและเรียกสะบาโตว่าวันปีติยินดี และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระยาเวห์ว่าวันมีเกียรติ ถ้าเจ้าให้เกียรติวันนั้น ไม่ไปตามทาง ของเจ้า เอง ไม่ทำตามความพอใจ ของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
“แล้ว เจ้าจะปีติยินดีในพระยาห์เวห์”9
อพยพ 16 เป็นการแสดงออกอันงดงามของหลักธรรมข้อนี้ เมื่อลูกหลานชาวอิสราเอลพากันบ่นว่าเกี่ยวกับความหิวโหยและต้องการกลับไปยัง “หม้อเนื้อ” ของอียิปต์ พระเจ้าตรัสว่า
“เราจะให้อาหารตกลงมาเหมือนฝนจากท้องฟ้าสำหรับพวกเจ้า และทุกๆ วันก็ให้ประชาชนออกไปเก็บแต่พอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ ลองใจ ว่า พวกเขาจะดำเนินตามบัญญัติของเราหรือไม่?
“ในวันที่หก เมื่อพวกเขาเตรียมมานาที่นำมา ก็ให้เก็บเพิ่มเป็น สองเท่า ของที่พวกเขาเก็บในวันอื่นๆ”10
มีหลักธรรมเพิ่มเติมอย่างน้อยสองข้อในข้อพระคัมภีร์เหล่านั้น ข้อหนึ่งคือพระเจ้าทรงทดสอบการเชื่อฟังของเราในวันสะบาโต อีกข้อหนึ่งคือพระเจ้าทรงพิทักษ์และเตรียมทางให้เราสามารถรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ขอให้นึกว่าสิ่งนั้นเกิดสัมฤทธิผลกับคำสัญญาที่จะให้วันสะบาโตเป็นวันปีติยินดีอย่างไร หากท่านทำงานทุกวัน เก็บรวบรวมมานาเพื่อดำรงชีวิต และวันหนึ่งพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าไม่ต้องทำงานวันนี้ แต่เราจะยังคงเลี้ยงดูเจ้าประหนึ่งเจ้ามี” นั่นจะไม่ปีติยินดีหรอกหรือ
ข้าพเจ้าเคยฟังเรื่องนี้ในรูปแบบสมัยใหม่จากซิสเตอร์และเอ็ลเดอร์บีเชอร์ คู่ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ในแอฟริกา พวกเขาเขียนว่า
“เราอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่ยากจนมากของเคนยาในเขตพรมแดนยูกันดา ประธานสาขาคนหนึ่งของเรา … เป็นชาวไร่อาศัยอยู่บนที่ดินของญาติพี่น้องในครอบครัว เขาเป็นเด็กหนุ่มกับครอบครัวเล็กๆ …
“… สมาชิกในสาขาบอกเขา…ว่าพวกเขามาโบสถ์วันอาทิตย์ไม่ได้เพราะ…กลัวจะทิ้งบ้านไว้ไม่ให้มีใครอยู่ เกรงว่าเพื่อนบ้านจะขโมยพืชผลของพวกเขา … [นี่] เป็นข้อกังวลที่เป็นเรื่องจริง …อันที่จริง ผู้คน…รอคอยจะเพาะปลูกเมื่อเพื่อนบ้านคนอื่นปลูกพืชผลเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงลดโอกาสที่จะทำการเก็บเกี่ยวแต่เนิ่นๆ …”
“[พวกเขา] กล่าวด้วยว่าพวกเขาไม่สามารถไปโบสถ์ในวันอาทิตย์เพราะพวกเขาต้องทำงาน…เนื่องจากยากจนมาก”
“[ประธานสาขา] กล่าวต่อไปว่า ‘ผมบอกพวกเขาว่า “ผมออกจากบ้านทุกวันอาทิตย์และอยู่ที่โบสถ์เป็นเวลาหลายชั่วโมงในวันอาทิตย์ ผมไม่ทำงานในวันสะบาโต เมื่อผมกลับบ้าน ผมพบว่าบ่อยครั้งที่เพื่อนบ้านขโมย [ข้าวโพด] ไก่ ไข่ไก่ ผลไม้ของผมเพราะว่าพวกเขาหิวและไม่มีอาหาร แต่ผมยังพบว่าเมื่อเวลาเก็บเกี่ยวมาถึง ผมได้รับพรเพราะที่ดินของผมมีผลผลิตมากกว่าพวกเขา—แม้ว่าพวกเขาจะทำงานทุกวันอาทิตย์ ที่ดินของผมมีผลผลิตมากกว่า และผมได้รับพรเพราะผมรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์’”
“เมื่อได้ยินความคิดเห็นของ [ประธานสาขาคนนี้] [ ประธานสาขา] อีกท่านหนึ่งพูดว่า ‘ผมพิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างนั้นเช่นกัน ผมมี [ข้าวโพด] 2 เอเคอร์ (5 ไร่) เพื่อนบ้านของผมปลูก 10 เอเคอร์ (25 ไร่) เขาทำงานทุกวันอาทิตย์ ผมไม่ทำ เมื่อเวลาเก็บเกี่ยวมาถึง ผมมีเหลือเฟือ เพื่อนบ้านมาขออาหารจากผมเพราะพวกเขามีไม่พอ ผมได้รับพรเช่นกันเพราะผมดำเนินชีวิตตามกฎของวันสะบาโต’”11
ทางของพระเจ้าสูงกว่าทางของเรา—และเช่นกันกับการคำนวณตัวเลขของพระองค์ ซึ่งแตกต่างจากของเรา เป็นความจริงกับส่วนสิบไม่ใช่หรือ กับส่วนสิบ 10 ลบด้วย 1 ผลลัพธ์ไม่เท่ากับ 9 พระเจ้าประทานพรเราด้วยสิ่งที่จำเป็นสำหรับเราและมากกว่า นั่นเป็นความจริงเช่นกันสำหรับวันสะบาโต หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน แต่ทำงานทั้งหมดหกวันจากเจ็ดวันทำให้เราได้รับมากกว่าจริงๆ ไม่ใช่น้อยกว่า ในสิ่งที่เราจำเป็นจริงๆ ท่านเกือบได้ยินพระเจ้าตรัสว่า “จงลองดูเราในเรื่องนี้ … เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่”12
วันสะบาโตไม่เพียงเป็นวันพักผ่อนจากการงานทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นวันแห่งความชุ่มชื่นทางวิญญาณด้วย เป็นวันแห่งการพักผ่อนจากความกังวลของโลก
ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธสอนว่าการพักผ่อนของพระเจ้า “หมายความว่าการเข้าไปสู่ความรู้และความรักของพระผู้เป็นเจ้า การมีศรัทธาในจุดประสงค์และแผนของพระองค์…ไม่หันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง หรือด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง”13 (นึกถึงอำนาจของคำสัญญา นั้น ซึ่งสัมพันธ์กับลำดับความสำคัญอันดับแรกที่จะช่วยนักเรียนของเราแสวงหาความจริงและแยกแยะความจริงจากความเท็จ)
ข้าพเจ้าต้องกล่าวถึงพรอีกประการหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดจากแหล่งอ้างอิงทางพระคัมภีร์ อพยพ 31 ใช้วลีที่ว่า “ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า”14 และ อิสยาห์ 58 ให้สัญญาว่าพระเจ้าจะทรง “เลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบ”15 เมื่อท่านศึกษาข้อพระคัมภีร์เหล่านี้และการอบรมที่จัดโดยผู้นำศาสนจักรของเรา ท่านจะตระหนักว่าพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของการรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์จะเกิดกับลูกหลานท่าน ทุกวันอาทิตย์เป็นโอกาสที่จะสอนลูกของท่านถึงสิ่งที่ท่านจัดลำดับความสำคัญในชีวิตและท่านเต็มใจจะเสียสละความใฝ่ฝันส่วนตัวเพื่อรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า
สิ่งนี้จะเป็นพรอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา จะช่วยสร้างครอบครัวที่ประกอบด้วยคนหลายรุ่นและเป็นสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ การรู้ว่าพรเหล่านี้และพรอื่นๆ เกี่ยวเนื่องกับวันสะบาโต นั่นจะไม่เป็นวันปีติยินดีหรอกหรือ
4. สะบาโตรักษาเราให้หมดจดจากโลก
หลักธรรมอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับวันสะบาโตพบในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 59 “และเพื่อเจ้าจะรักษาตัวให้หมดจดจากโลกได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น, เจ้าจงไปยังบ้านแห่งการสวดอ้อนวอนและถวายศีลระลึกของเจ้าในวันศักดิ์สิทธิ์ของเรา”16
มีโอกาสมากมายในพันธสัญญาเดิมที่จะสอนหลักธรรมนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านสอนพันธสัญญาของอับราฮัมท่านจะมีโอกาสสอนเยาวชนของเราให้อยู่ในโลกแต่ไม่เป็นของโลก ท่านจะมีโอกาสอีกครั้งหนึ่งเมื่อท่านสอน 1 ซามูเอล 8
ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ใช้บทนี้เพื่อสอนบทเรียนอันลึกซึ้ง ท่านกล่าวว่า
“พระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ซามูเอลของพระองค์ผิดหวังและโศกเศร้า … แต่ผู้คนกล่าวร้องต่อกษัตริย์ ‘ว่าเราก็เป็นเหมือนทุกประชาชาติ’ …
“ไม่แตกต่างกับที่เราเป็นในเวลานี้! เราต้องการสีสรรพ์และสิ่งไม่สลักสำคัญของโลก ไม่ตระหนักอยู่เสมอถึงโทษทัณฑ์จากความเขลาของเรา ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก [แสวงหาสิ่งบันเทิงในวันสะบาโต เราต้องการได้รับความบันเทิง] แม้ว่า ในหลายกรณี สิ่งนี้หมายถึงการละทิ้งกิจกรรมวันสะบาโตและการละเมิดวันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า คนร่วมสมัยของเรามีการแต่งงานนอกรีต—เราต้องลอกเลียนรูปแบบและแบบแผนทุกอย่าง แม้เป็นการเติมสีสรรพ์ให้โลกและเลิกให้ความสำคัญแก่ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีแต่งงานที่แท้จริง …
“รูปแบบสร้างสรรค์โดยคนหยาบและฝักใฝ่อยู่แต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง วิ่งจากความสุดโต่งของที่นี่ไปที่โน่นเพื่อให้หลุดพ้นจากความล้าสมัย …เราตายเสียดีกว่าถ้า ‘ไม่ทันสมัย’ …’เราต้องมีผู้ที่โดดเด่นและเป็นหนึ่งดังประชาชาติอื่นๆ!’
“พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงมีชนชาติของพระองค์แต่เราไม่ปรารถนาจะเป็น …
“เมื่อ โอ้ เมื่อ วิสุทธิชนยุคสุดท้ายของเราจะยืนหยัดอย่างมั่นคง จัดตั้งมาตรฐานของตนเอง ทำตามแบบอย่างที่ถูกต้องและดำเนินชีวิตอันรุ่งโรจน์ด้วยตนเองตามแบบแผนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระกิตติคุณ”17
เมื่อเยาวชนของเราต่อสู้กับหลักปรัชญาและขนบประเพณีทางโลกตลอดจนมาตรฐานและรูปแบบของโลก จงช่วยให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นชนชาติของพระองค์ เป็นอิสระจากอิทธิพลของโลก18 จงช่วยพวกเขาให้เห็นว่าการรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์เป็นวิธีที่จะทำเช่นนั้น วิธีที่จะรักษาตนเองให้หมดจดจากโลก
ศีลระลึก
จุดประสงค์ของศีลระลึก
ทีนี้ขอให้เราเปลี่ยนไปพูดเกี่ยวกับจุดประสงค์ของศีลระลึกสักครู่หนึ่ง
เมื่อเรารับส่วนศีลระลึกใน ความระลึกถึง พระวรกายและพระโลหิตของพระบุตร นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าประทานพระองค์เองเพื่อศีลระลึกเมื่อพระองค์ทรงกำหนดพิธีนี้เป็นการส่วนพระองค์ทั้งในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และทวีปอเมริกา19 พิธีนี้ควรเป็นส่วนสำคัญในประสบการณ์ของเราทุกสัปดาห์ ศีลระลึกเป็นโอกาสที่จะระลึกถึงพระองค์และทั้งหมดที่พระวรกายและพระโลหิตของพระองค์เป็นเครื่องหมายแทนการฟื้นคืนพระชนม์อย่างแท้จริง การไถ่จากบาปของเรา และพระคุณที่เพียงพอต่อการเผชิญความท้าทายทุกอย่างในชีวิต
เรา เป็นพยาน ถึงพระผู้เป็นเจ้า พระบิดานิรันดร์ ที่เราเต็มใจรับเอาพระนามของพระบุตรของพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ด้วยวิธีนั้นเพื่อต่อพันธสัญญา ทั้งหมด ของเรา ท่านจินตนาการได้หรือไม่ว่าหากเราแต่ละคนทำเช่นนั้นอย่างจริงใจทุกสัปดาห์ การประชุมศีลระลึกจะเป็นงานเลี้ยงฉลองทางวิญญาณ มีผลสูงสุดด้วยคำสัญญาของพระเจ้าที่เราจะ “มีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเรา” นำมาซึ่งความหวัง การรักษา ความเข้มแข็ง การปลอบโยน และการให้อภัย20
เราทุกคนต้องการให้ผู้อื่นให้อภัยเราและการเยียวยา และพวกเราบางคนต้องให้อภัยและปล่อยความรู้สึกขมขื่นที่เรายึดมั่นมานานเกินไป การชดใช้และศีลระลึกให้โอกาสเราทำสิ่งนั้นแล้ว
มีโอกาสที่จะสอนจุดประสงค์ของศีลระลึกทั่วทั้งพระคัมภีร์และในหลักสูตรทั้งหมดของเรา ข้าพเจ้าจะแนะนำว่าเรามองหาวิธีที่เจาะจงอย่างน้อยสองวิธีในการทำสิ่งนี้ วิธีแรก เวลาใดก็ตามที่เราสอนเกี่ยวกับ รูปแบบหรือสัญลักษณ์ของพระผู้ช่วยให้รอด เรามีโอกาสสอนจุดประสงค์ของศีลระลึก และสอง เมื่อใดก็ตามที่เราสอนหลักธรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับ พันธสัญญา เรามีโอกาสประยุกต์ใช้หลักธรรม เหล่านั้น กับศีลระลึก
ข้าพเจ้าขอแบ่งปันเพียงหนึ่งตัวอย่างจากสองรูปแบบของโอกาสเหล่านี้ (จากพันธสัญญาเดิมอีกครั้ง)
1. รูปแบบและสัญลักษณ์ชี้ไปยังพระเยซูคริสต์
ตัวอย่างแรก ซึ่งแสดงการใช้รูปแบบและสัญลักษณ์ของพระผู้ช่วยให้รอด มาจากเลวีนิติบทที่ 1 ที่นั่นพระเจ้าทรงสอนลูกหลานชาวอิสราเอลที่จะถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าอย่างสมัครใจ เครื่องบูชาเป็นสัตว์เลี้ยงเพศผู้ที่ไม่มีตำหนิ ซึ่งจะเป็นที่ยอมรับเพื่อทำการชดใช้แทนคนที่มานมัสการ แล้วให้คนนั้นฆ่าสัตว์ตัวนั้น และปุโรหิตเอาเลือดมาประพรมแท่นบูชาทุกด้าน21
เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นสัญลักษณ์และความสัมพันธ์กับพิธีศีลระลึกและตระหนักว่าขณะที่บุคคลคนนั้นได้รับการทำให้ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าพระองค์เองจะทรงแบกรับความป่วยไข้ ความเศร้าโศก และบาป ข้าพเจ้าคิดว่านั่นเป็นปฏิทรรศน์ที่โดดเด่นที่คนชอบธรรมคือคนเหล่านั้นที่ “อาภรณ์ของพวกเขาขาวโดยทางโลหิตของพระเมษโปดก”22 แต่ “พระเจ้าจะทรงสีแดงในพัสตราภรณ์ของพระองค์” เพราะพระองค์ตรัสว่า “เลือดของพวกเขานั้น เราทำให้กระเซ็นมาบนอาภรณ์ของเรา, และเปรอะเปื้อนเครื่องนุ่งห่มทั้งหมดของเรา”23
ช่างน่าตื่นตาตื่นใจที่จะเห็นพระเจ้าทรงสีแดง ห้อมล้อมด้วยเหล่าเทพในชุดขาว เพราะการทนทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสต์ “ถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงเหมือนผ้าแดง ก็จะเป็นอย่างขนแกะ”24
ต่อไป เครื่องบูชาถูกหั่นเป็นชิ้นๆ —หัว เครื่องใน ขา และไขมันตามลำดับ25 ส่วนหัวแทนความนึกคิดของเรา เครื่องในแทนหัวใจของเรา ความรู้สึกของเรา และขาแทนการกระทำของเรา สัญลักษณ์นี้เตือนเราถึงพิธีศีลระลึกเมื่อเรายอมตนที่จะรักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดใจ พลัง ความนึกคิด และพละกำลัง26
อีกนัยหนึ่ง เมื่อเอ็ลเดอร์นีล เอ. แมกซ์เวลล์ สอนว่า “การเสียสละที่แท้จริงไม่ใช่การวางสัตว์ไว้บนแท่นบูชา แต่คือความเต็มใจที่จะวางสัตว์ในตัวเราไว้บนแท่นบูชาและเผาให้มอดไหม้”27
เราใช้บทบาทของปุโรหิต บรรดาบุตรของอาโรนได้เช่นกัน28 เพื่อสอนเยาวชนชายของเราถึงความสำคัญยิ่งของบทบาทที่พวกเขาปฏิบัติระหว่างพิธีศีลระลึก จงสอนปุโรหิตของเราว่า พวกเขา เป็นบุตรของอาโรน พวกเขาต้องออกห่างจากโลก พวกเขาเป็นตัวแทนของพระผู้ช่วยให้รอด จงสอนบรรดาผู้สอนของฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนว่าพวกเขาจะยืนอยู่ในสถานที่ของโยเซฟจากอาริมาเธีย เตรียมพระศพของพระคริสต์ (ท่านบางคนมีประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ของการเตรียมศพเพื่อประกอบพิธีฝัง ท่านจินตนาการถึงประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ของโยเซฟจากอาริมาเธียได้หรือไม่29) จงช่วยให้เยาวชนชายของเราเข้าใจว่าการประชุมศีลระลึกเป็น พิธีรำลึก ในความระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอด
ประธานสเตคสอนแนวคิดนี้ให้โควรัมของผู้สอน เวลานี้ประธานโควรัมผู้สอนที่มีอายุ 15 ปีให้ทั้งโควรัมของเขามาก่อนการประชุมศีลระลึก 30 นาทีทุกวันอาทิตย์ พวกเขาอ่านพระคัมภีร์และสวดอ้อนวอนด้วยกัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดเตรียมศีลระลึก
เราสอนมัคนายกถึงบทบาทที่พวกเขาปฏิบัติได้เช่นกัน ท่านวาดมโนภาพถึงการเป็นผู้หามหีบพระศพพระผู้ช่วยให้รอดที่พิธีรำลึกได้หรือไม่
จงช่วยพวกเขาทุกคนให้รู้ว่าพวกเขากำลังให้เกียรติฐานะปุโรหิตของตนเองในวิธีที่ช่วยเราแต่ละคนให้เข้าถึงพระโลหิตแห่งเกทเสมนี เพื่อรับการอภัยบาปและการรักษาที่จัดไว้
2. การสอนเกี่ยวกับพันธสัญญาให้โอกาสเราสอนศีลระลึก
โอกาสอีกครั้งหนึ่งที่จะสอนศีลระลึกเมื่อเราสอนหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพันธสัญญา
ตัวอย่างอีกหนึ่งเรื่องพบในหนังสือของโฮเชยา ซึ่งใช้สัญลักษณ์ของสามี เจ้าสาวของเขา การทรยศของเธอ และการทดสอบพันธสัญญาการแต่งงานเพื่อสอนความสัมพันธ์ของพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์ พระเจ้าตรัสกับโฮเชยาว่า “ไปซี ไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยาและเกิดลูกชู้กับนาง”30 ดังนั้นโฮเชยาจึงรับโกเมอร์เป็นภรรยาของเขา แต่หลังจากที่รับเธอมา เลี้ยงดูเธอ แสดงความรักต่อเธอ เธอก็กลับไปสู่รูปแบบการดำเนินชีวิตแบบเดิมและทรยศเขา
ท่านจะรู้สึกอย่างไรหากท่านเป็นโฮเชยา และกระนั้น จงฟังว่าโฮเชยามีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการทรยศนี้
“เราจะเกลี้ยกล่อมนาง พานางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และปลอบใจนาง
“และเราจะให้นางมีสวนองุ่น…”31
และจากนั้นในพระคัมภีร์มีเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นจากโฮเชยาและโกเมอร์ถึงพระเจ้าและชาวอิสราเอลในพันธสัญญาเมื่อพระองค์ตรัสกับเราว่า “เรา จะหมั้น เจ้า ไว้สำหรับ เรา เป็นนิตย์ เออ เราจะหมั้นเจ้าไว้ด้วยความชอบธรรม ความยุติธรรม ความรักมั่นคงและความกรุณา”32
จงดูวิธีที่โฮเชยารู้สึกเกี่ยวกับพันธสัญญาของเขา และตระหนักว่านั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าทรงรู้สึกเกี่ยวกับพันธสัญญาของพระองค์กับเรา เป็นพรที่ยิ่งใหญ่แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะรักเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเพราะคำปราศรัยของประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ บางท่านอาจอยู่ที่นั่นเมื่อท่านกล่าวถึงประสบการณ์การสอนพันธสัญญาเดิมในเซมินารี “มีเหตุผลมากมายเกินกว่าข้าพเจ้าจะอธิบายได้ หลายวันระหว่างการสอนเรื่องโฮเชยา ข้าพเจ้ารู้สึกถึงบางอย่างที่ใหม่ บางอย่างที่มีพลังมากขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการติดต่อทางธุรกิจระหว่างหุ้นส่วน … นี่เป็นเรื่องราวความรัก เป็นเรื่องราวของพันธสัญญาการแต่งงานที่ผูกพันด้วยความรัก ด้วยรักที่แน่วแน่ สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกหลังจากนั้น และสิ่งนี้ทวีขึ้นปีแล้วปีเล่า คือพระเจ้า ผู้ที่ข้าพเจ้ารับพรให้ทำพันธสัญญากับพระองค์ ทรงรักข้าพเจ้า และท่าน และคนที่เราสอน ด้วยความแน่วแน่ที่ข้าพเจ้าพิศวงมาโดยตลอดและที่ข้าพเจ้าต้องการทำตามด้วยสุดใจของข้าพเจ้า”33
เรื่องราวนี้ยังมีอีกมากมาย แต่ข้าพเจ้าจะฝากไว้ให้ท่านทบทวนคำพูดที่ยอดเยี่ยมของประธานอายริงก์ ที่ให้ไว้ในการประชุมสัมมนาวิชาการซีอีเอสปี 1995 ประเด็นสำคัญคือเรามีโอกาสสอนพันธสัญญา และเมื่อเราสอน จงช่วยให้นักเรียนของเรารู้สึกในสิ่งที่ประธานอายริงก์รู้สึกว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา และพระองค์ทรงปีติยินดีที่จะประทานพรเราผ่านพันธสัญญาของเรา เมื่อเราเข้าใจว่าศาสนพิธีและพันธสัญญาเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าและความปรารถนาที่จะทำให้เราสูงส่ง ศีลระลึกจะเปลี่ยนเราตลอดกาล
สรุป
ท่านจินตนาการได้หรือไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหากเยาวชนและคนหนุ่มสาวของศาสนจักรเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกทุกสัปดาห์และระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดอย่างแท้จริง สำนึกคุณต่อการชดใช้ของพระองค์ เป็นพยานต่อพระบิดาว่าพวกเขาจะรับพระนามของพระผู้ช่วยให้รอดทุกวัน พยายามรักษาพระบัญญัติของพระองค์และดำเนินชีวิตอย่างมีค่าควรกับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และจากนั้น ระหว่างสัปดาห์ พวกเขาเข้าชั้นเรียนเซมินารีและสถาบันที่ มุ่งเน้น บทบาทศูนย์กลางของพระผู้ช่วยให้รอดในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา และเตือนพวกเขาถึงคำมั่นสัญญาที่จะเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ ถ้าพวกเขาพูดถึงสิ่งเหล่านี้ในบ้านกับบิดามารดา และวางแผนที่จะทำวันสะบาโตให้เป็นศูนย์กลางของสัปดาห์ด้วยกัน34 เราคงนึกไม่ออกว่าพรที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้รอเรานั้นมากมายเพียงใด
ข้าพเจ้าขอทิ้งท้ายด้วยประจักษ์พยานของข้าพเจ้าว่าหากเราสอนหลักคำสอนนี้ด้วยพลัง เราต้องดำเนินชีวิตเช่นนั้นก่อน หากเราจะรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์และระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อเราต่อพันธสัญญา ของเรา ทุกวันอาทิตย์ สะบาโตจะเป็นวันปีติยินดีสำหรับ เรา และจะเป็นพรแก่เราตลอดจนครอบครัวหลายรุ่น จะเสริมสร้างความสามารถที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างสำคัญยิ่งให้นักเรียนที่รักของเราเพื่อที่พวกเขาจะตระหนักว่าการรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้ พวกเขา เข้าใจและพึ่งพาคำสอนและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ สิ่งนี้จะทำให้การเห็นคุณค่าและคำมั่นสัญญาต่อพันธสัญญาของพวกเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้นในฐานะสานุศิษย์พระผู้ช่วยให้รอดของโลก
ขอให้เราระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน
© 2015 โดย Intellectual Reserve, Inc. สงวนสิทธิ์ทุกประการ. อนุมัติภาษาอังกฤษ 6/15. อนุมัติการแปล: 6/15. แปลจาก “The Sabbath Day.” Thai. PD10054335 425