2022
การมีศีลระลึกที่บ้านเป็นสิ่งที่ดี เหตุใดพระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับไปที่โบสถ์?
กันยายน 2022


“การมีศีลระลึกที่บ้านเป็นสิ่งที่ดี เหตุใดพระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับไปที่โบสถ์?,” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, ก.ย. 2022.

คำถาม และ คำตอบ

“การรับศีลระลึกที่บ้านเป็นสิ่งที่ดี เหตุใดพระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับไปที่โบสถ์?”

รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“พระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับไปโบสถ์เพราะพระองค์ทรงต้องการให้เราใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น พระองค์ทรงต้องการให้เรารวมกันเป็นพี่น้องหนึ่งเดียวกัน การไปโบสถ์ทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือกัน และแสดงความขอบคุณทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา นอกจากนี้ เรายังได้เพิ่มพูนศรัทธาของเราให้ลึกซึ้งขึ้นและเรียนรู้คำสอนใหม่ๆ ด้วย”

เมลานี เอ็ม. อายุ 13 ปี, เม็กซิโก

ความเข้มแข็งผ่านจำนวน

เยาวชนชาย

“ศีลระลึกที่บ้านยอดเยี่ยมเพราะเป็นการนำพระวิญญาณเข้ามาในบ้านของเราและช่วยให้เราตระหนักว่าเราควรนำศาสนจักรเข้ามาในบ้านของเราแทนที่จะให้ความสำคัญแค่สัปดาห์ละครั้ง อย่างไรก็ตาม บางครั้งการเข้าโบสถ์ที่บ้านอาจทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยว การไปโบสถ์แบบเจอหน้ากันมีความสำคัญเพราะสามารถสร้างความเข้มแข็งผ่านจำนวนคนที่อยู่ที่นั่นได้”

นาธาน จี. อายุ 15 ปี, แอริโซนา สหรัฐอเมริกา

สร้างความสัมพันธ์

เยาวชนหญิง

“ที่โบสถ์มีสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมด้วยความรัก ที่นั่น คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์และเป็นพรแก่ชีวิตของผู้อื่น พร้อมกับได้รับพรไปด้วย นอกจากนี้ โบสถ์ยังมีความสำคัญต่อการเพิ่มพูนความรู้ของคุณเกี่ยวกับพระกิตติคุณเช่นกัน พระเจ้าทรงต้องการให้เราสั่งสอนพระกิตติคุณแก่คนรอบข้างและสร้างไซอัน”

อมีเลีย ดับเบิลยู. อายุ 16 ปี, ยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

อยู่เคียงข้างผู้อื่น

เยาวชนหญิง

“เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก ฉันกังวลว่าเราจะรับศีลระลึกไม่ได้ แต่อธิการให้เรารับศีลระลึกที่บ้านแทน! บางคนสงสัยว่าทำไมเราควรกลับไปที่โบสถ์ แต่ฉันคิดว่าเราต้องกลับไปให้ความสว่างแก่คนอื่น—เพื่อพูดคุยหรือช่วยเหลือใครซักคน เราต้องไปโบสถ์เพื่อมอบความรักและแบ่งปันประสบการณ์ของเรา”

ทามาร่า เอ็ม. อายุ 17 ปี, เม็กซิโก

ต่อพันธสัญญา

เยาวชนชาย

“พระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับไปโบสถ์เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรับศีลระลึกในบ้านของตนได้ ปู่ของผมบอกว่าในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิต ผมควรแน่ใจว่าทุกคนได้รับโอกาสนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องไปโบสถ์ เพื่อเราทุกคนจะได้ต่อพันธสัญญาของเราได้”

เอสเตบัน เอ็ม. อายุ 16 ปี, อาร์เจนตินา