อนุชนที่ต้านบาป
เมื่อท่านสอน นำ และรักเด็กๆ ท่านจะได้รับการเปิดเผยส่วนตัวที่จะช่วยท่านสร้างและปกป้องเด็กๆ ผู้กล้าหาญที่ต้านบาป
หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันพูดถึงความจำเป็นที่ต้อง “สอนและช่วยเลี้ยงดูอนุชนที่ต้านบาป”1 วลีที่ว่า “อนุชนที่ต้านบาป” —มีความหมายทางวิญญาณต่อดิฉันอย่างลึกซึ้ง
เราให้เกียรติเด็กๆ ที่พยายามดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และเชื่อฟัง ดิฉันเห็นความเข้มแข็งของเด็กหลายคนทั่วโลก พวกเขายืนอย่างมั่นคง “แน่วแน่และไม่หวั่นไหว”2 ในสภาพแวดล้อมและสภาพการณ์ต่างๆ ที่ท้าทาย เด็กเหล่านี้เข้าใจอัตลักษณ์อันสูงส่ง รู้สึกถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อพวกเขา และพยายามเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์
อย่างไรก็ตาม ยังมีเด็กที่ประสบปัญหาในการยืนอย่าง “แน่วแน่และไม่หวั่นไหว” จิตใจอันละเอียดอ่อนของพวกเขาบาดเจ็บ”3พวกเขาถูกโจมตีรอบด้านจาก “ลูกศรเพลิงของปฏิปักษ์”4 ต้องการกำลังเสริมและความช่วยเหลือ เด็กเป็นแรงจูงใจอย่างท่วมท้นให้เราลุกขึ้นสู้กับบาปโดยการนำเด็กๆ มาหาพระคริสต์
ขอให้ฟังถ้อยคำของเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี ที่พูดไว้เกือบ 43 ปีที่แล้ว
“ในฐานะที่เป็นสมาชิกศาสนจักร เรามีส่วนในความขัดแย้งอย่างรุนแรง เราอยู่ในสงคราม เราเข้าร่วมในอุดมการณ์ของพระคริสต์เพื่อต่อสู้กับลูซิเฟอร์ …
“สงครามใหญ่ที่ลุกลามไปทุกด้านและน่าเสียดายที่ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับเสียชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ …
“เวลานี้ทุกคนไม่มีและไม่สามารถมีความเป็นกลางในสงครามครั้งนี้”5
ปัจจุบันสงครามยังคงทวีความรุนแรง การสู้รบส่งผลต่อเราทุกคน และเด็กๆ ของเราอยู่ในแนวหน้ากำลังเผชิญกับกองกำลังฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างมากที่เราต้องเสริมสร้างยุทธวิธีทางวิญญาณของเรา
การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เด็กต้านบาปคืองานและพรของบิดามารดา ปู่ย่าตายาย สมาชิกครอบครัว ครู และผู้นำ เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบที่จะช่วยเหลือ แต่พระเจ้าประทานคำแนะนำอย่างเจาะจงแก่ บิดามารดา ให้สอนลูกๆ “เข้าใจหลักคำสอนเรื่องการกลับใจ, ศรัทธาในพระคริสต์พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์, และเรื่องบัพติศมาและของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์” และ “สวดอ้อนวอน, และให้ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงต่อพระพักตร์พระเจ้า”6
วิธี “เลี้ยงดูลูกของ [เรา] ในแสงสว่างและความจริง”7 อาจเป็นคำถามที่ท้าทายเพราะเป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละครอบครัวและของเด็กแต่ละคน แต่พระบิดาบนสวรรค์ประทานแนวทางทั่วไปที่จะช่วยเรา พระวิญญาณจะทรงดลใจเราถึงวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เราจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันทางวิญญาณให้เด็กของเราได้
อันดับแรก การมีวิสัยทัศน์ถึงความสำคัญของหน้าที่รับผิดชอบนี้เป็นสิ่งจำเป็น เราต้องเข้าใจอัตลักษณ์อันสูงส่งและจุดประสงค์ของเรา—และของพวกเขา—ก่อนที่เราจะสามารถช่วยให้เด็กเห็นว่าพวกเขาเป็น ใคร และ พวกเขาอยู่ที่นี่เพราะ เหตุใด เราต้องช่วยให้พวกเขารู้โดยไม่มีข้อสงสัยว่าพวกเขาคือบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราและรู้ว่าพระองค์ทรงมีความคาดหวังอันสูงส่งกับพวกเขา
สอง การเข้าใจหลักคำสอนเรื่องการกลับใจเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสามารถในการต้านบาป การต้านบาปไม่ได้หมายความว่าไม่มีบาป แต่มีนัยที่บ่งบอกว่ากลับใจ ระมัดระวัง และองอาจอยู่เสมอ บางทีการต้านบาปอาจเป็นพรที่มาจากการต้านบาปครั้งแล้วครั้งเล่า ดังที่ยากอบกล่าวว่า “จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป”8
นักรบหนุ่ม “องอาจยิ่งในด้านความกล้าหาญ … แต่ดูเถิด, นี่ไม่ใช่ทั้งหมด—พวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตตลอดเวลาในเรื่องใด ๆ ก็ตามที่พวกเขาได้รับมอบหมาย แท้จริงแล้ว … พวกเขาได้รับการสอนให้รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงต่อพระพักตร์พระองค์”9 ชายหนุ่มเหล่านี้ไปทำสงครามโดยมีคุณธรรมเหมือนพระคริสต์เป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับปฏิปักษ์ของพวกเขา ประธานโธมัส เอส. มอนสันเตือนเราว่า “การเรียกให้กล้าหาญมาสู่เราตลอดเวลา ทุกวันในชีวิตเราต้องการความกล้าหาญ—ไม่เฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติเท่านั้น แต่บ่อยครั้งเมื่อเราต้องตัดสินใจหรือตอบสนองต่อสภาวการณ์ต่างๆ รอบตัว”10
เด็กจะสวมเกราะทางวิญญาณเมื่อพวกเขาสร้างแบบแผนของการเป็นสานุศิษย์เป็นส่วนตัวทุกวัน บางทีเราอาจประเมินความสามารถของเด็กต่ำเกินกว่าที่จะคิดว่าพวกเขาเข้าใจแนวคิดของการเป็นสานุศิษย์ทุกวัน ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์แนะนำเราว่า “เริ่มต้นแต่เนิ่นๆ และมุ่งมั่น”11 ดังนั้นสิ่งสำคัญประการที่สามในการช่วยให้เด็กต้านบาปคือเริ่มสอนหลักคำสอนและหลักธรรมพระกิตติคุณพื้นฐานให้พวกเขาด้วยความรักเมื่ออายุยังน้อย—สอนจากพระคัมภีร์ หลักแห่งความเชื่อ จุลสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน เพลงปฐมวัย เพลงสวด และประจักษ์พยานส่วนตัวของเรา—สิ่งเหล่านี้จะช่วยนำเด็กไปหาพระผู้ช่วยให้รอด
การสร้างนิสัยของการสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ การสังสรรค์ในครอบครัว และการนมัสการในวันสะบาโตอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เป็นคนดี เสมอต้นเสมอปลาย และยึดมั่นในศีลธรรม—กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความซื่อสัตย์สุจริตทางวิญญาณ ในโลกทุกวันนี้ ที่ไร้ความซื่อสัตย์สุจริต เด็กของเราควรเข้าใจว่าความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริงคืออะไรและเหตุใดจึงสำคัญมาก—โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเตรียมพวกเขาให้พร้อมทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์เมื่อรับบัพติศมาและในพระวิหาร ดังที่ สั่งสอนกิตติคุณของเรา สอนว่า “การรักษาคำมั่นสัญญาเตรียมให้ผู้คน [รวมถึงคนที่อายุน้อยมาก] พร้อมที่จะทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์”12
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์สอนว่า “เมื่อเราพูดถึงการรักษาพันธสัญญา เรากำลังพูดถึงความสำคัญของจุดประสงค์ในความเป็นมรรตัยของเรา”13 มีอำนาจพิเศษในการทำและรักษาพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์ ปฏิปักษ์รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงบิดเบือนแนวคิดของการทำพันธสัญญา14 การช่วยให้เด็กเข้าใจ ทำ และรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการสร้างอนุชนที่ต้านบาป
เราจะเตรียมเด็กของเราให้พร้อมทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรขณะที่พวกเขาเข้าสู่และดำเนินไปตามเส้นทางแห่งพันธสัญญา การสอนให้เด็กรักษาคำสัญญาที่เรียบง่ายเมื่อพวกเขาอายุยังน้อยจะทำให้พวกเขามีพลังที่จะรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปในภายหน้า
ดิฉันขอเล่าตัวอย่างเรียบง่ายเรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง ที่การสังสรรค์ในครอบครัว คุณพ่อถามว่า “ครอบครัวจะเข้ากันดีได้อย่างไร” ลิซซีวัยห้าขวบบ่นว่าเควิน พี่ชายของเธอแกล้งเธอมากเกินไปและทำร้ายความรู้สึกของเธอ เควินยอมรับอย่างไม่เต็มใจนักว่าลิซซีพูดถูก คุณแม่ของเควินถามเขาว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เข้ากับน้องสาวได้ดีขึ้น เควินคิดและตัดสินใจว่าเขาจะสัญญากับลิซซีว่าจะไม่แกล้งเธอเลยทั้งวันเป็นเวลาหนึ่งวัน
เมื่อวันรุ่งขึ้นสิ้นสุด ขณะทุกคนมารวมกันสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว คุณพ่อถามเควินถึงการรักษาสัญญาของเขา คำตอบของเควินคือ “พ่อครับ ผมรักษาสัญญาของผม!” ลิซซีเห็นชอบอย่างมีความสุข และครอบครัวแสดงความยินดีกับเควิน
จากนั้นคุณแม่แนะนำว่าหากเขาสามารถรักษาสัญญาได้หนึ่งวัน ทำไมจะรักษาสัญญาเพิ่มเป็นสองวันไม่ได้ เควินตกลงใจว่าจะลองอีกครั้ง สองวันผ่านไป เควินประสบความสำเร็จในการรักษาคำสัญญาของเขา และลิซซีถึงกับขอบคุณเขามากขึ้น! เมื่อคุณพ่อถามว่าทำไมเขาถึงรักษาสัญญาได้ดี เควินพูดว่า “ผมรักษาสัญญาเพราะผมพูดว่าผมจะทำ”
เมื่อประสบความสำเร็จในการรักษาสัญญาเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จะนำไปสู่ความซื่อสัตย์สุจริต การฝึกรักษาสัญญาอย่างสม่ำเสมอคือการเตรียมทางวิญญาณให้เด็กรับพันธสัญญาแรกของบัพติศมาและของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพวกเขาทำพันธสัญญาว่าจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์15 คำสัญญาและพันธสัญญาแยกจากกันไม่ได้
ในหนังสือของดาเนียล เราเรียนรู้ว่าชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกไม่ยอมนมัสการรูปเคารพของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์16 กษัตริย์เตือนว่าพวกเขาจะถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกไหม้หากไม่ให้ความร่วมมือ พวกเขาปฏิเสธและกล่าวว่า
“ข้าแต่พระราชา ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ …
“ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า พวกข้าพระบาทจะไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท”17
“ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น” ขอให้พิจารณาความหมายของวลีนี้และวิธีที่วลีนี้เชื่อมโยงกับการรักษาพันธสัญญา ชายหนุ่มสามคนนี้ไม่ยอมให้การเชื่อฟังของพวกเขาขึ้นอยู่กับการได้รับความช่วยเหลือ แม้พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือ พวกเขาก็จะรักษาสัญญาต่อพระเจ้าเพราะพวกเขาพูดว่าจะทำ การรักษาพันธสัญญามักไม่ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์เสมอไป ชายหนุ่มสามคนนี้ เช่นเดียวกับนักรบหนุ่ม พวกเขาคือแบบอย่างที่ดีเยี่ยมของการต้านบาปให้เด็กๆ ของเรา
แบบอย่างเหล่านี้จะประยุกต์ใช้ในบ้านและครอบครัวของเราได้อย่างไร “บรรทัดมาเติมบรรทัด, กฎเกณฑ์มาเติมกฎเกณฑ์”18 เราช่วยให้เด็กลิ้มรสความสำเร็จทีเล็กทีละน้อย เมื่อพวกเขารักษาคำสัญญา พวกเขาจะรู้สึกถึงพระวิญญาณในชีวิต เอ็ลเดอร์โจเซฟ บี. เวิร์ธลินสอนว่า “รางวัลสูงสุดของความสุจริตคือความเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของพระวิญญาณบริสุทธิ์”19 เมื่อนั้นเด็กจะมี “ความมั่นใจที่แข็งแกร่งขึ้นในการประทับอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า”20 ความซื่อสัตย์สุจริตทำให้เกิดอนุชนต้านบาปที่ทรงพลัง
พี่น้องทั้งหลาย ขอให้ท่านใกล้ชิดกับเด็กเล็กๆ —ใกล้มากพอที่พวกเขาจะเห็นพฤติกรรมประจำวันทางศาสนาของท่านและมองเห็นว่าท่านรักษาคำสัญญาและพันธสัญญา “เด็กคือผู้เลียนแบบที่ดี ดังนั้นจงเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้พวกเขาทำตาม”21อันที่จริง เรากำลังช่วยสอนและเลี้ยงดูอนุชนที่ต้านบาปของพระเจ้าทีละสัญญา ทีละพันธสัญญา
ดิฉันเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงนำศาสนจักรนี้ เมื่อท่านสอน นำ และรักเด็กในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด ท่านจะได้รับการเปิดเผยส่วนตัวที่จะช่วยท่านสร้างและปกป้องเด็กๆ ผู้กล้าหาญที่ต้านบาป ดิฉันสวดอ้อนวอนขอให้เด็กของเราจะกล่าวย้ำถ้อยคำของนีไฟ “พระองค์จะทรงทำให้ข้าพระองค์สั่นต่อสิ่งที่ปรากฏเป็นบาปหรือ”22 ดิฉันเป็นพยานว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงไถ่เราจากบาปของโลก23—เพราะพระองค์ตรัสว่าจะทรงไถ่เรา—และพระองค์ทรงรักเรามากเกินกว่าเราผู้เป็นเพียงมนุษย์จะเข้าใจได้24—เพราะพระองค์ตรัสว่าจะทรงรักเรา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน