ใจทรหดและทุ่มเทหมดทั้งใจ
ขอให้เราค้นหาเส้นทางใหม่หากจำเป็น และเฝ้ารอด้วยความหวังและศรัทธา ขอให้เรามี “ใจทรหด” โดยการเป็นผู้กล้าและ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ”
เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วหลานสาววัยเยาว์ของเราวิ่งมาหาข้าพเจ้าและร้องบอกด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณตาขา คุณตา วันนี้หนูเล่นฟุตบอลยิงได้ตั้งสามประตูค่ะ!”
ข้าพเจ้าตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “เยี่ยมมาก ซาราห์!”
แม่ของเธอขยิบตากับข้าพเจ้าและบอกว่า “คะแนนคือสองประตูต่อหนึ่ง”
ข้าพเจ้าไม่กล้าถามว่าใครชนะ!
การประชุมใหญ่เป็นเวลาของการใคร่ครวญ การเปิดเผย และบางครั้ง การเปลี่ยนแปลงทิศทาง
มีบริษัทรถเช่าด้วยระบบนำทางอัตโนมัติแห่งหนึ่งชื่อ ไม่มีวันหลง หากท่านเลี้ยวผิดหลังจากท่านกำหนดสถานที่ปลายทางแล้ว เสียงของระบบนำทางจะไม่พูดว่า “โง่จัง!” แต่จะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “กำลังค้นหาเส้นทางใหม่—กลับรถเมื่อถึงจุดกลับรถตามกฏหมาย”
ในเอเสเคียลเราพบคำสัญญาที่ยอดเยี่ยมว่า
“ถ้าคนอธรรมคนใดหันกลับจากบาปทั้งหมดซึ่งเขาได้ทำไป และรักษากฎเกณฑ์ทั้งหมดของเรา ทั้งทำความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย
“การละเมิดทั้งหมดซึ่งเขาได้ทำแล้วนั้นจะไม่ถูกจดจำไว้เพื่อเอาโทษเขา”1
ช่างเป็นคำสัญญาที่ยอดเยี่ยม แต่เรียกร้อง ทั้งหมด อยู่สองข้อเพื่อรับคำสัญญาของข้อสาม หันกลับจากทั้งหมด รักษาทั้งหมด จากนั้นอภัยทั้งหมด จึงเรียกร้องให้เรา “ทุ่มเทหมดทั้งใจ”
เราไม่ควรเป็นเหมือนชายที่หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ลงข่าวว่า เขาส่งจดหมายพร้อมเงินสดโดยไม่ระบุชื่อผู้ส่งไปยังกรมสรรพากร แจ้งว่า “เรียนกรมสรรพากร ผมส่งเงินภาษีค้างจ่ายที่ผมเป็นหนี้ท่านมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ป.ล. หลังจากนี้ถ้ามโนธรรมยังสะกิดใจผมอยู่ ผมจะส่งเงินที่เหลือมาให้ท่าน”2
นี่ไม่ใช่วิธีที่เราทำ! เราไม่ถอยกลับเพื่อประเมินว่าอะไรคือสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่จะนำความรอดมาให้เราได้ พระเจ้าทรงเรียกร้องใจและความคิดที่เต็มใจ3 ทั้งหมดของใจเรา! เมื่อเรารับบัพติศมา เราจุ่มลงไปในน้ำทั้งตัวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคำสัญญาว่าจะติดตามพระผู้ช่วยให้รอดอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ เมื่อเรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่และ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนเพื่อความดีของเรา4 เมื่อเราไม่เต็มใจหรือมุ่งมั่นเพียงบางส่วน เราจะสูญเสียพรที่เลิศเลอที่สุดจากฟ้าสวรรค์5
หลายปีก่อน ข้าพเจ้าพากลุ่มลูกเสือไปตั้งค่ายที่ทะเลทราย เด็กชายเหล่านั้นนอนรอบกองไฟกองใหญ่ที่พวกเขาก่อไว้ และเช่นเดียวกับผู้นำลูกเสือที่ดีคนอื่นๆ ข้าพเจ้าไปนอนที่ท้ายรถกระบะของข้าพเจ้า รุ่งเช้าข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่งมองไปที่ค่าย ข้าพเจ้าเห็นลูกเสือคนหนึ่ง ชื่อพอล ซึ่งดูเหมือนเมื่อคืนจะนอนไม่ค่อยหลับ ข้าพเจ้าถามเขาว่าหลับสบายไหม เขาตอบว่า “ไม่ค่อยสบายครับ”
เมื่อข้าพเจ้าถามถึงเหตุผล เขากล่าวว่า “ผมหนาวครับ กองไฟมอด”
ข้าพเจ้าตอบว่า “ไฟก็ต้องมอดอยู่แล้ว ถุงนอนของเธอไม่อุ่นเหรอ”
ไม่มีคำตอบ
ลูกเสืออีกคนหนึ่งจึงตะโกนขึ้นมาว่า “พอลไม่ได้ใช้ถุงนอนครับ”
ข้าพเจ้าถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมไม่ใช้ล่ะ พอล”
พอลนิ่ง—สุดท้ายพอลตอบอย่างเจื่อนๆ ว่า “ผมคิดว่าถ้าผมไม่ปูถุงนอน ผมก็ไม่ต้องเก็บมัน”
นี่คือเรื่องจริง พอลหนาวเหน็บหลายชั่วโมงเพราะพยายามประหยัดเวลาทำงานห้านาที เราอาจจะคิดว่า “โง่อะไรเช่นนี้! ใครจะไปทำอย่างนั้น” จริงๆ แล้วเราทำอย่างนี้เสมอในวิธีที่อันตรายกว่านี้มาก เราปฏิเสธที่จะปูถุงนอนทางวิญญาณเมื่อเราไม่มีเวลาสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจ ศึกษา และดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณอย่างจริงจังในแต่ละวัน ไม่เพียงไฟเท่านั้นที่จะมอด แต่เราจะไม่ได้รับการปกป้องและเราจะหนาวเย็นทางวิญญาณมากขึ้นด้วย
เมื่อเราชะล่าใจกับพันธสัญญาของเรา เราต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา พระเจ้าทรงแนะนำให้เรา “ระวังเกี่ยวกับตัวเจ้า, ที่จะใส่ใจอย่างเข้มงวดกวดขันต่อถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์”6 และพระองค์ยังทรงประกาศอีกว่า “โลหิตของเราจะไม่ชำระพวกเขาหากพวกเขาหาฟังเราไม่”7
ในความเป็นจริงนั้น นับว่าง่ายกว่ามากที่จะ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” แทนที่จะทำบางส่วน เมื่อเราทำบางส่วนหรือไม่ทุ่มเทหมดทั้งใจ เราจะมีความรู้สึกเหมือนสำนวนในภาพยนตร์ สตาร์วอร์ นั่นคือ “ความรู้สึกปั่นป่วนในพลัง” เราไม่ได้เชื่อมความรู้สึกกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเราจึงไม่ได้เชื่อมความรู้สึกกับธรรมชาติของความสุข8 อิสยาห์กล่าวดังนี้
“คนอธรรมนั้นเหมือนทะเลที่กำเริบซึ่งนิ่งสงบอยู่ไม่ได้และน้ำของมันก็กวนตมและเลนขึ้นมา
“ไม่มีสันติสุขแก่คนอธรรม พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัส”9
โชคดีที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือเคยอยู่ที่ไหน เราไม่อยู่ไกลเกินเอื้อมของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ตรัสว่า “ฉะนั้น, ผู้ใดที่กลับใจและมาหาเราดังเด็กเล็ก ๆ, เราจะรับเขา, เพราะสำหรับคนเช่นนั้นคืออาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า. ดูเถิด, เพื่อคนเช่นนั้นเราจึงสละชีวิตของเรา, และมีชีวิตขึ้นมาอีก”10
เมื่อเรากลับใจอย่างต่อเนื่องและพึ่งพาพระเจ้า เราจะเข้มแข็ง เมื่อเรากลับมาอ่อนน้อมถ่อมตนและมีศรัทธาของเด็กเล็กๆ11 เราสร้างเสริมปัญญาซึ่งมาจากประสบการณ์ในชีวิต โยบประกาศว่า “คนชอบธรรมจะยึดมั่นอยู่กับทางของเขาและผู้มีมือสะอาดก็จะแข็งแรงยิ่งขึ้น”12 เทนนีสัน กวีชาวอังกฤษเขียนว่า “พละกำลังของข้าเท่ากับคนสิบคน เพราะใจข้าบริสุทธิ์”13 พระเจ้าทรงแนะนำว่า “เจ้าจงยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, และไม่หวั่นไหว”14
จัสตินบุตรชายข้าพเจ้าสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 19 หลังจากต่อสู้โรคร้ายมาตลอดชีวิต สิ่งที่เขาพูดในการประชุมศีลระลึกไม่นานก่อนจะสิ้นชีวิต เขาเล่าเรื่องที่ต้องมีความหมายต่อเขามากเกี่ยวกับพ่อและลูกชายที่เข้าไปในร้านขายของเล่น ที่นั่นมีถุงลมสำหรับซ้อมมวยทำเป็นรูปคน เด็กชายชกไปที่มนุษย์ถุงลมจนหงายหลังและเด้งกลับมาทุกหมัด พ่อถามลูกชายว่าทำไมเขาถึงกระเด้งกลับมาทุกครั้ง เด็กชายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ไม่ทราบสิครับ ผมคิดว่าคนที่ยืนอยู่ในนั้นทรหดมาก” เพื่อจะ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” เราต้องมี “ใจทรหด” “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”15
ใจเราทรหดเมื่อเราอดทนรอให้พระเจ้าทรงนำหนามในเนื้อเราออกไป16 หรือประทานพลังให้เราอดทนหนามในเนื้อได้ หนามเช่นนั้นอาจจะเป็นโรคร้าย ความพิการ การเจ็บป่วยทางจิตใจ ความตายของคนที่เรารัก และปัญหาอื่นๆ มากมาย
ใจเราทรหดเมื่อเรายกมือที่อ่อนแรง ใจเราทรหดเมื่อเราปกป้องความจริงจากคนชั่วร้ายและจากความรู้ของโลกที่เพิ่มความขัดแย้งกับความสว่าง ที่เรียกความชั่วว่าความดีและเรียกความดีว่าความชั่ว17 และ “กล่าวโทษคนชอบธรรมเพราะความชอบธรรมของพวกเขา”18
การมีใจทรหดแม้ในยามยากลำบากอยู่ในวิสัยที่ทำได้เพราะมโนธรรมที่ชัดเจน เพราะความเชื่อมั่นที่ให้พลังและการปลอบโยนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเพราะมุมมองนิรันดร์ที่เกินความเข้าใจของมรรตัย19 ในชีวิตก่อนเกิดเราโห่ร้องด้วยปีติที่มีโอกาสรับประสบการณ์มรรตัย20 เราได้ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” เมื่อเราตัดสินใจอย่างตื่นเต้นว่าจะเป็นผู้อารักขาที่องอาจให้แผนของพระบิดาบนสวรรค์ ถึงเวลาแล้วที่จะยืนคุ้มกันแผนของพระองค์อีกครั้ง!
บิดาข้าพเจ้าอายุ 97 ปีเพิ่งถึงแก่กรรมเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อใดก็ตามที่มีคนถามท่านว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านจะตอบเสมอว่า “จากคะแนน 1–10 ผมได้ 25!” แม้ว่าบิดาที่รักของข้าพเจ้าไม่สามารถยืนหรือนั่งได้อีกต่อไป และพูดได้อย่างยากลำบาก แต่คำตอบของท่านยังเหมือนเดิม ใจท่านทรหดเสมอ
เมื่อบิดาข้าพเจ้าอายุ 90 เราอยู่ในสนามบิน ข้าพเจ้าถามท่านว่าท่านต้องการเก้าอี้เข็นหรือไม่ ท่านตอบว่า “ไม่ แกรีย์—พ่อยังไม่แก่” และท่านเสริมว่า “อีกอย่าง ถ้าพ่อเดินแล้วเหนื่อย เดี๋ยวพ่อวิ่งแทนก็ได้” หากเราไม่สามารถ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” ในทางที่เราเดินเวลานี้ บางทีเราอาจต้องวิ่ง บางทีเราอาจต้องค้นหาเส้นทางใหม่ เราอาจจำเป็นต้องเลี้ยวกลับ เราอาจต้องศึกษาหนักขึ้น สวดอ้อนวอนอย่างจริงจังมากขึ้น หรือปล่อยวางบางอย่างบ้างเพื่อน้อมรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ เราอาจต้องปล่อยวางเรื่องทางโลกเพื่อน้อมรับนิรันดร บิดาข้าพเจ้าเข้าใจเรื่องนี้
เมื่อท่านประจำการกองทัพเรือระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง มีคนอยู่ในอาคารใหญ่และกว้าง21ที่เยาะเย้ยหลักธรรมของท่าน แต่มีกะลาสีเรือสองคน เดล แมดดอกซ์และดอน เดวิดสันคอยสังเกตแต่ไม่ทำเช่นนั้น พวกเขาถามท่านว่า “เซบิน ทำไมคุณทำตัวต่างจากทุกคนมากเลย คุณมีศีลธรรมสูงส่ง ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ไม่สบถ แต่คุณดูสงบและมีความสุข”
ความประทับใจที่พวกเขามีต่อบิดาข้าพเจ้าไม่ตรงกับสิ่งที่เขารู้มาเกี่ยวกับมอรมอน บิดาข้าพเจ้าสอนและบัพติศมากะลาสีเรือสองคนนี้ พ่อแม่ของเดลไม่พอใจมากและเตือนว่าหากเขาเข้าร่วมศาสนจักรเขาจะสูญเสีย แมรีย์ โอลีฟ คนรักของเขา แต่เธอพบกับผู้สอนศาสนาตามที่เดลขอและเธอรับบัพติศมาเช่นกัน
ช่วงใกล้ สิ้นสุดสงคราม ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนทร์เรียกผู้สอนศาสนา รวมทั้งชายที่แต่งงานแล้ว ในปี 1946 เดลกับ แมรีย์ โอลีฟ ภรรยาของท่าน ตัดสินใจว่าเดลควรไปรับใช้แม้ว่าพวกเขากำลังจะมีบุตรคนแรก ในที่สุดพวกเขามีลูกเก้าคน ชายสามหญิงหก ทั้งเก้าคนรับใช้งานเผยแผ่ ตามด้วยเดลและแมรีย์ โอลีฟผู้รับใช้งานเผยแผ่ของตนเองสามครั้ง หลานหลายสิบคนรับใช้เช่นเดียวกัน บุตรชายสองคนของพวกเขา จอห์นและแมทธิว แมดดอกซ์ปัจจุบันเป็นสมาชิกคณะนักร้องประสานเสียงแทเบอร์นาเคิล เช่นเดียวกับไรอันบุตรเขยของแมทธิว เวลานี้ครอบครัวแมดดอกซ์มีสมาชิกทั้งหมด 144 คนและเป็นแบบอย่างที่วิเศษมากของการ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ”
เมื่อเราจัดเอกสารของคุณพ่อ เราพบจดหมายฉบับหนึ่งจากเจนนิเฟอร์ ริชาร์ดส์ บุตรสาวคนหนึ่งจากห้าคนของดอน เดวิดสันกะลาสีเรืออีกคนหนึ่ง เธอเขียนว่า “ความชอบธรรมของคุณเปลี่ยนชีวิตของเรา คงยากจะเข้าใจว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีศาสนจักร คุณพ่อดิฉันถึงแก่กรรมแล้วโดยที่ยังคงรักพระกิตติคุณและพยายามดำเนินชีวิตตามนั้นจนสิ้นใจ”22
เป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลความดีที่แต่ละคนสามารถทำได้ด้วยใจทรหด บิดาข้าพเจ้าและกะลาสีเรือทั้งสองคนไม่ใยดีกับเสียงของผู้คนในอาคารใหญ่และกว้างที่กำลังชี้นิ้วเยาะเย้ย23 พวกท่านรู้ว่าเป็นการดีกว่ามากที่จะติดตามพระผู้สร้างแทนฝูงชน
อัครสาวกเปาโลสามารถอธิบายเกี่ยวกับวันเวลาของเราเมื่อท่านบอกทิโมธีว่า “บางคนหันออกจากเป้าหมายเหล่านี้ไปสู่การพูดที่ไร้สาระ”24 มี “การพูดไร้สาระ” มากมายในโลกทุกวันนี้ เป็นการสนทนาของคนที่อยู่ในอาคารใหญ่และกว้าง25 บ่อยครั้งจะเป็นรูปแบบของการหาเหตุผลมาแก้ตัวให้ความชั่วร้ายหรือรู้ได้ด้วยตนเองว่าหลงทางและต้องเร่งความเร็ว บางครั้งมาจากคนที่ไม่ยอมจ่ายราคาเพื่อจะ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” และเลือกตามมนุษย์ปุถุชนซึ่งตรงกันข้ามกับศาสดาพยากรณ์
ขอบคุณที่เรารู้ว่าคนซื่อสัตย์จะลงเอยอย่างไร เมื่อเรา “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” เรารวบรวมคำสัญญาทั้งหมดไว้ว่า “เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า”26 เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์กล่าวไว้ว่า “อย่ากลัว จงใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง”27
พ่อตาของข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่บีวายยู ท่านชอบทีมอเมริกันฟุตบอลของบีวายยูมากแต่ไม่กล้าไปดูเกมการแข่งขันเพราะกังวลมากเกี่ยวกับผลแพ้ชนะ จากนั้นมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้น นั่นคือ—การประดิษฐ์ เครื่องวีซีอาร์ ซึ่งทำให้บันทึกเกมการแข่งขันให้ท่านได้ หากบีวายยูชนะท่านจะดูบันทึกนั้นอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตอนจบการแข่งขัน! หากทีมบีวายยูถูกตัดสินลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม บาดเจ็บ หรือตามหลังในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ท่านจะไม่เครียดเพราะรู้ว่าพวกเขาจะทำได้! อาจกล่าวได้ว่าท่านมี “ความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง”!28
เราเองก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเราซื่อสัตย์ เรามั่นใจได้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะลงเอยด้วยดี คำสัญญาของพระเจ้านั้นแน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่ามหาวิทยาลัยแห่งความเป็นมรรตัยนี้จะเป็นเรื่องง่ายหรือไม่มีน้ำตา แต่ดังที่เปาโลเขียนไว้ว่า “และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์”29
พี่น้องทั้งหลาย ไม่มีใครมีบาปของวันพรุ่งนี้ ขอให้เราค้นหาเส้นทางใหม่หากจำเป็น และเฝ้ารอด้วยความหวังและศรัทธา ขอให้เรามี “ใจทรหด” โดยการเป็นผู้กล้าและ “ทุ่มเทหมดทั้งใจ” ขอให้เราบริสุทธิ์และกล้าหาญในการอารักขาแผนของพระบิดาบนสวรรค์และพันธกิจของพระบุตรของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ข้าพเจ้าขอแสดงประจักษ์พยานแก่ท่านว่าพระบิดาของเราทรงพระชนม์ พระเยซูคือพระคริสต์ และแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขเป็นความจริง ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ท่านมีพรที่ดีที่สุดของพระเจ้าอยู่กับท่าน และสวดอ้อนวอนดังนี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน