2010–2019
หวนคืนและได้รับ
เมษายน 2017


NaN:NaN

หวนคืนและได้รับ

การหวนคืนสู่ที่ประทับของพระพระผู้เป็นเจ้าและการได้รับพรนิรันดร์ที่มาจากการทำและรักษาพันธสัญญาเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดสองอย่างที่เราตั้งได้

พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้งานมอบหมายของข้าพเจ้าคือพูดกับท่านและงานมอบหมายของท่านคือฟัง เป้าหมายของข้าพเจ้าคือพูดให้จบก่อนท่านจะฟังจบ ข้าพเจ้าจะทำให้ดีที่สุด

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าสังเกตว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกคือผู้มีวิสัยทัศน์ในชีวิต พร้อมทั้งเป้าหมายที่ช่วยให้พวกเขามุ่งไปยังวิสัยทัศน์และแผนซึ่งมียุทธวิธีบรรลุเป้าหมายนั้น การรู้จุดหมายและวิธีไปถึงจุดหมายของท่านสามารถนำความหมาย จุดประสงค์ และความสำเร็จมาสู่ชีวิต

บางคนพบว่าการแยกแยะความแตกต่างระหว่างเป้าหมายกับแผนเป็นเรื่องยากจนกระทั่งพวกเขารู้ว่าเป้าหมายคือจุดหมายหรือ จุดสิ้นสุด ขณะที่แผนคือเส้นทางซึ่งนำท่านไปที่นั่น ตัวอย่างเช่น เราอาจมีเป้าหมายที่จะขับรถไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคย และดังที่สตรีบางคนทราบดี พวกผู้ชายมักจะคิดว่าเรารู้ทาง—เรามักจะบอกว่า “ผมรู้—เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงแล้ว” ภรรยาผมกำลังยิ้มอยู่แน่นอน เป้าหมายนั้นชัดเจน แต่ไม่มีแผนที่ดีซึ่งจะนำไปสู่จุดหมายนั้น

การตั้งเป้าหมายคือ “การเริ่มต้นโดยมีจุดสิ้นสุดอยู่ในใจ” และการวางแผนคือการคิดหาหนทางที่นำไปสู่จุดสิ้นสุดนั้น กุญแจสู่ความสุขอยู่ในความเข้าใจว่าจุดหมายใดสำคัญอย่างแท้จริง—จากนั้นใช้เวลา ความพยายาม และความสนใจของเราในสิ่งซึ่งสร้างหนทางที่แน่นอนเพื่อจะไปถึงจุดหมายนั้น

พระผู้เป็นเจ้า พระบิดาบนสวรรค์ ประทานแบบอย่างการตั้งเป้าหมายและการวางแผนที่ดีที่สุดแก่เรา เป้าหมายของพระองค์คือ “การทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”1 วิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นคือแผนแห่งความรอด

แผนของพระบิดาบนสวรรค์ได้แก่การประทานชีวิตมรรตัยให้เราเติบโต ทำสุดกำลัง และเรียนรู้ ซึ่งโดยสิ่งนั้นเราจะเป็นเหมือนพระองค์ได้มากขึ้น การสวมวิญญาณนิรันดร์ไว้ในร่างกายของเรา การดำเนินชีวิตตามคำสอนและพระบัญญัติของพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์ และการสร้างครอบครัวนิรันดร์ ทั้งหมดนี้โดยผ่านการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของพระผู้เป็นเจ้าอันได้แก่ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์สำหรับบุตรธิดาของพระองค์กับพระองค์ในอาณาจักรซีเลสเชียล

การตั้งเป้าหมายที่ฉลาดได้แก่การเข้าใจว่าเป้าหมายระยะสั้นจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อนำไปสู่เป้าหมายระยะยาวที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน ข้าพเจ้าเชื่อว่ากุญแจสำคัญสู่ความสุขอย่างหนึ่งคือการเรียนรู้วิธีตั้งเป้าหมายและสร้างแผนของตนเองขึ้นมาภายในกรอบของแผนนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ ถ้าเรามุ่งเน้นที่เส้นทางนิรันดร์นี้ เราจะมีคุณสมบัติคู่ควรแก่การกลับคืนสู่ที่ประทับของพระองค์แน่นอน

เป็นเรื่องดีที่จะมีเป้าหมายและแผนสำหรับงานอาชีพ การศึกษา หรือแม้แต่การเล่นกอล์ฟของเรา เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่จะมีเป้าหมายสำหรับชีวิตแต่งงาน ครอบครัว สภาและการเรียกในศาสนจักร เรื่องนี้เป็นความจริงโดยเฉพาะกับผู้สอนศาสนา แต่เป้าหมายยิ่งใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของเราควรสอดคล้องกับแผนนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ พระเยซูตรัสว่า “เจ้าจงแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์เสียก่อน, และสิ่งทั้งหมดนี้จะมีเพิ่มเติมมาให้เจ้า”2

ผู้เชี่ยวชาญการตั้งเป้าหมายบอกเราว่ายิ่งเป้าหมายนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมามากเท่าไร ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น เมื่อเราสามารถลดเป้าหมายลงจนเหลือเพียงภาพชัดเพียงภาพเดียวหรือคำสัญลักษณ์ที่มีพลังหนึ่งหรือสองคำ เป้าหมายนั้นจึงจะเป็นส่วนหนึ่งของเราและนำทางเราเกือบทุกสิ่งที่เราคิดและทำ ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่สองคำในบริบทนี้ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเป้าหมายที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราและเป้าหมายสำคัญที่สุดสำหรับตัวเราเอง คือคำว่า หวนคืน และ ได้รับ

การ หวนคืน สู่ที่ประทับของพระองค์และการ ได้รับ พรนิรันดร์ที่มาจากการทำและรักษาพันธสัญญาเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดสองอย่างที่เราตั้งได้

เรา หวนคืน และ ได้รับ โดยการมี “ศรัทธาอันไม่สั่นคลอนใน [พระเจ้าพระเยซูคริสต์], โดยวางใจอย่างเต็มที่ในคุณงามความดีของพระองค์ … มุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์, โดยมีความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง, และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง …  ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่”3

ลูซิเฟอร์ไม่ยอมรับแผนของพระบิดาที่ช่วยให้เรา หวนคืน สู่ที่ประทับของพระองค์และ ได้รับ พรของพระองค์ อันที่จริง ลูซิเฟอร์กบฏและพยายามดัดแปลงแผนทั้งหมดของพระบิดา โดยต้องการรับรัศมีภาพ เกียรติ และเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าไว้กับตนเอง ผลก็คือเขาถูกขับออกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยบริวารของเขาและ “กลายเป็นซาตาน, แท้จริงแล้ว, แม้มาร, บิดาของความเท็จทั้งปวง, ที่จะหลอกลวงและทำให้มนุษย์มืดบอด, และชักนำพวกเขาไปเป็นทาสตามความประสงค์ของเขา, แม้มากเท่าที่จะไม่สดับฟังเสียงของ [พระเจ้า]”4

เพราะการเลือกของซาตานในโลกก่อนเกิด เขาจึงไม่สามารถ หวนคืน หรือ ได้รับ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือต่อต้านแผนของพระบิดาโดยใช้สิ่งเย้ายวนและการล่อลวงทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อดึงเราลงมาและทำให้เราเศร้าหมองเหมือนเขา5 แผนในการบรรลุเป้าหมายชั่วร้ายของซาตานใช้ได้กับทุกคน ทุกรุ่น ทุกวัฒนธรรม และทุกสังคม เขาใช้เสียงอึกทึก—เสียงที่ต้องการกลบพระสุรเสียงสงบแผ่วเบาของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแสดงให้เราเห็น “สิ่งทั้งปวง” ที่เราควรทำเพื่อจะ หวนคืน และ ได้รับ6

เสียงเหล่านี้เป็นของคนที่ไม่สนใจความจริงแห่งพระกิตติคุณและใช้อินเทอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อสังคมออนไลน์ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์ นำเสนอการผิดศีลธรรม ความรุนแรง ภาษาหยาบคาย สิ่งสกปรก และความทุจริตในวิธีที่เย้ายวนใจซึ่งทำให้เราเขวไปจากเป้าหมายและแผนซึ่งเรามีไว้เพื่อนิรันดร

เสียงเหล่านี้อาจรวมถึงบุคคลที่ปรารถนาดีแต่มืดบอดโดยปรัชญาทางโลกของชายหญิงตลอดจนผู้ที่หมายมั่นจะทำลายความเชื่อและเบี่ยงเบนจุดมุ่งหมายนิรันดร์ของผู้ที่พยายามจะ หวนคืน สู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและ ได้รับ “ทุกสิ่งที่พระบิดา [ของเรา] มี”7

ข้าพเจ้าพบว่าหากจะแน่วแน่ต่อ การหวนคืน และ การได้รับ พรที่สัญญาไว้ ข้าพเจ้าต้องแบ่งเวลาถามตนเองอย่างสม่ำเสมอว่า “ฉันทำได้แค่ไหนแล้ว”

ลักษณะเหมือนกับเรารับการสัมภาษณ์ส่วนตัวกับตัวเราเอง และหากฟังดูไม่ปกติ ลองคิดตามนี้ ใครในโลกนี้ที่รู้จักท่านดีกว่าตัวท่านเอง ท่านรู้ความคิด รู้การกระทำส่วนตัว ความปรารถนาและความใฝ่ฝัน เป้าหมาย และแผนของตัวท่านเอง และท่านรู้ดีกว่าใครอื่นว่าท่านก้าวหน้าไปเพียงใดบนถนนสู่ การหวนคืน และ การได้รับ

เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการทบทวนส่วนตัวนี้ ข้าพเจ้าชอบอ่านและไตร่ตรองถ้อยคำสะท้อนแนวคิดซึ่งพบในแอลมาบทที่ห้า แอลมาถามว่า “ท่านเกิดทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือ? ท่านได้รับรูปลักษณ์ของพระองค์ไว้ในสีหน้าท่านแล้วหรือ? ท่านประสบกับการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งในใจท่านแล้วหรือ?”8 คำถามของแอลมาเป็นเครื่องเตือนใจว่าเป้าหมายและแผนของเราควรประกอบด้วยอะไรบ้างจึงจะ หวนคืน และ ได้รับ

จงระลึกถึงพระดำรัสเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดว่า “บรร‌ดาผู้เหน็ด‍เหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมา‍หาเรา และเราจะให้ท่าน‍ทั้ง‍หลายได้หยุด‍พัก

“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะ‍ว่าเราสุภาพ‍อ่อน‍โยนและใจอ่อน‍น้อม และจิต‍ใจของพวก‍ท่านจะได้หยุด‍พัก”9

เมื่อเราเพิ่มศรัทธาในเดชานุภาพของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ที่จะทำให้จิตวิญญาณของเราหยุดพักโดยประทานอภัยบาป ไถ่ความสัมพันธ์ที่บกพร่อง เยียวยาบาดแผลทางวิญญาณที่ระงับการเติบโต เสริมกำลังและทำให้เราสามารถพัฒนาคุณลักษณะของพระคริสต์ เราจะซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้งต่อความยิ่งใหญ่แห่งการชดใช้ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์10

ในตลอดหลายสัปดาห์ที่จะมาถึง จงหาเวลาทบทวนเป้าหมายและแผนของชีวิตท่านและให้แน่ใจว่าสิ่งเหล่านั้นสอดคล้องกับแผนอันสำคัญยิ่งของพระบิดาบนสวรรค์เพื่อความสุขของเรา หากท่านต้องกลับใจและเปลี่ยนแปลง จงลงมือทำเดี๋ยวนี้ จงใช้เวลาคิดร่วมกับการสวดอ้อนวอนถึงการปรับเปลี่ยนที่ท่านต้องการเพื่อช่วยให้ท่านมี “ดวงตาที่เห็นแก่รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว”11

เราต้องรักษาหลักคำสอนและพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไว้ที่ศูนย์กลางของเป้าหมายและแผนของเรา หากปราศจากพระองค์ ไม่มีเป้าหมายนิรันดร์ใดเป็นไปได้ และแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายนิรันดร์ของเราจะล้มเหลวแน่นอน

เอกสาร “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์”

ความช่วยเหลืออีกอย่างหนึ่งคือ “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก”12 ซึ่งนำเสนอต่อศาสนจักรเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 จงวางไว้ในที่ซึ่งท่านมองเห็นได้ และใช้เวลาทบทวนถ้อยแถลงแต่ละข้อที่พบในประจักษ์พยานซึ่งมาจากการดลใจถึงพระคริสต์โดยมีพยานพิเศษของพระองค์ลงนามไว้

“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” และถ้อยแถลงครอบครัว

ข้าพเจ้าขอกระตุ้นให้ท่านศึกษา “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ไปพร้อมกันด้วย เรามักจะพูดถึงถ้อยแถลงเรื่องครอบครัว แต่พึงจำไว้ว่าให้อ่านในบริบทของอำนาจแห่งการช่วยให้รอดของพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ หากปราศจากพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ ความคาดหวังที่เราต้องการมากที่สุดจะไม่เกิดสัมฤทธิผล ดังที่ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวกล่าวไว้ว่า “แผนแห่งความสุขจากพระผู้เป็นเจ้าทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดำเนินต่อไปหลังความตาย ศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความเป็นไปได้สำหรับแต่ละบุคคลที่จะกลับไปยังที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อที่ครอบครัวจะเป็นหนึ่งเดียวชั่วนิรันดร์”13

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์คือพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงชดใช้และพระผู้ไถ่ของโลก

ในการนี้ ท่านอาจค้นหาพระคัมภีร์เพื่อขยายความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับความจริงจำเพาะที่พบใน “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์”

การอ่าน “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” ร่วมกับการสวดอ้อนวอนก็เหมือนการอ่านประจักษ์พยานของมัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น และศาสดาพยากรณ์ของพระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งจะเพิ่มศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดและช่วยให้ท่านยังคงจดจ่ออยู่ที่พระองค์เมื่อท่านทำตามแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนิรันดร์ของท่าน

แม้เราจะมีความผิดพลาด ข้อบกพร่อง การหลงทาง และบาป แต่การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ช่วยให้เรากลับใจ เตรียมพร้อมที่จะ หวนคืน และ ได้รับ พรอันหาที่เปรียบมิได้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้—คือการได้อยู่กับพระบิดาและพระบุตรชั่วนิรันดร์ในระดับสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียล14

ดังที่ทุกท่านทราบ ไม่มีใครหนีพ้นความตาย ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายและแผนระยะยาวของเราควรเป็นว่าเมื่อเรา หวนคืน สู่พระบิดาบนสวรรค์ เราจะ ได้รับ ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงวางแผนให้เราแต่ละคน15

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าไม่มีเป้าหมายใดในความเป็นมรรตัยจะยิ่งใหญ่กว่าการได้อยู่กับพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าพระเยซูคริสต์ชั่วนิรันดร์ แต่ทั้งหมดนี้เป็นมากกว่าเป้าหมาย ของเรา เท่านั้น นี่คือเป้าหมาย ของพระองค์ เช่นกัน ทั้งสองพระองค์ทรงมีความรักที่สมบูรณ์สำหรับเรา ทรงพลังเกินกว่าเราจะเข้าใจได้ พระองค์ทรงอยู่ในแนวที่สอดคล้องต้องกันกับเราโดยสมบูรณ์ชั่วนิรันดร์เราคืองานและรัศมีภาพของพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใดอื่น พระองค์ทรงต้องการให้เรากลับบ้าน—เพื่อ หวนคืน และ ได้รับ ความสุขนิรันดร์ในที่ประทับของพระองค์

พี่น้องที่รัก ในอีกหนึ่งสัปดาห์ เราจะฉลองวันอาทิตย์ใบปาล์ม—การระลึกถึงวันที่พระคริสต์เสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มอย่างผู้มีชัยชนะ ในอีกสองสัปดาห์ เราจะฉลองวันอาทิตย์อีสเตอร์—การระลึกถึงชัยชนะของพระผู้ช่วยให้รอดเหนือความตาย

เมื่อใจเรามุ่งไปที่พระผู้ช่วยให้รอดระหว่างวันอาทิตย์ที่พิเศษสองวันนี้ ขอให้เราระลึกถึงพระองค์และต่อคำมั่นสัญญาตลอดชีวิตที่จะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ขอให้เรามองดูชีวิตเราอย่างลึกซึ้ง ตั้งเป้าหมายส่วนตัวและทำให้แผนของเราสอดคล้องต้องกันกับแผนของพระผู้เป็นเจ้าในวิธีซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำเราไปสู่สิทธิพิเศษอันล้ำค่าที่จะ หวนคืน และ ได้รับ—นี่คือคำสวดอ้อนวอนอันนอบน้อมของข้าพเจ้าในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน