การประชุมใหญ่สามัญ
จงมาหาพระคริสต์ แต่อย่ามาคนเดียว
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2021


10:19

จงมาหาพระคริสต์ แต่อย่ามาคนเดียว

วิธีดีที่สุดที่ท่านจะทำให้โลกดีขึ้นคือเตรียมโลกให้พร้อมรับพระคริสต์โดยเชื้อเชิญให้ทุกคนติดตามพระองค์

ดิฉันเพิ่งได้รับจดหมายจากเยาวชนหญิงผู้อยากรู้คนหนึ่ง เธอเขียนว่า: “หนูไปต่อไม่ได้ … หนูไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นใคร แต่รู้สึกว่าหนูอยู่ที่นี่เพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่”

ท่านเคยมีความรู้สึกค้นหาแบบนั้นไหม ที่สงสัยว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงทราบไหมว่าท่านเป็นใครและทรงต้องการท่านหรือไม่? เยาวชนที่รักและทุกท่าน ดิฉันเป็นพยานว่าคำตอบคือ ใช่! พระเจ้าทรงมีแผนสำหรับเรา พระองค์ทรงเตรียมท่านไว้สำหรับยุคนี้ ตอนนี้ ให้เป็นพลังและกำลังขับเคลื่อนความดีในงานอันเกรียงไกรของพระองค์ เราต้องการท่าน! งานจะไม่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหากไม่มีท่าน!

ภายใต้สภาวการณ์ศักดิ์สิทธิ์ ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเราประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน เคยทำให้ดิฉันนึกถึงความจริงเรียบง่ายสองข้อที่เป็นรากฐานของงานอันยิ่งใหญ่และทรงเกียรติของท่าน

ขณะดิฉันนั่งบนโซฟากับสามี ศาสดาพยากรณ์ดึงเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ จนเข่าแทบชนกัน และดวงตาสีฟ้าอันเฉียบคมของท่านมองมาที่ดิฉัน ดิฉันไม่แน่ใจว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วมากหรือหยุดเต้นไปเลยขณะท่านเรียกดิฉันให้รับใช้เป็นประธานเยาวชนหญิงสามัญ ท่านถามคำถามที่ยังก้องอยู่ในใจดิฉันว่า “บอนนี่ อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ [เยาวชน] ต้องรู้?”

ดิฉันไตร่ตรองสักครู่และตอบว่า “พวกเขาต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร”

“ใช่!” ท่านเปล่งเสียง “และต้องรู้จุดประสงค์ของตนเองด้วย”

อัตลักษณ์อันสูงส่งของเรา

ท่านเป็นลูกที่รักและน่าทะนุถนอมของพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงรักท่านมากจนส่งพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ มาชดใช้ให้ท่านและดิฉัน1 พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักเราไม่เสื่อมคลาย—แม้เมื่อเราผิดพลั้ง! ไม่มีสิ่งใดแยกเราจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าได้2 การจดจำความรักนี้จะช่วยท่านผลักความสับสนของโลกที่พยายามบั่นทอนความมั่นใจในอัตลักษณ์อันสูงส่งของท่านและปิดบังศักยภาพของท่าน

ที่การประชุม FSY ดิฉันพบเยาวชนหญิงสองคนที่ประสบปัญหา ทั้งคู่บอกว่าพวกเธอหันไปหาปิตุพรเพื่อค้นพบความรักและการนำทางที่พระเจ้าทรงมีให้เธอเป็นส่วนตัวอีกครั้ง จงหาปิตุพรของท่าน ถ้าฝุ่นจับก็ปัดออก แต่จงศึกษาบ่อยๆ หากท่านยังไม่มี จงรีบมี—เร็วๆ อย่ารอช้าที่จะค้นพบว่าพระเจ้าทรงต้องการบอกอะไรท่านเวลานี้เกี่ยวกับตัวตนของท่าน

จุดประสงค์นิรันดร์ของเรา

ความจริงข้อสองที่ประธานเนลสันพูดกับเราในวันนั้นคือการรู้จุดประสงค์ของเรา นี่คือหน้าที่อันยิ่งใหญ่และสูงส่งของเรา

หลายปีก่อน แทนเนอร์ลูกชายดิฉันอายุราวห้าขวบเมื่อเขาลงแข่งขันฟุตบอลครั้งแรก เขาตื่นเต้นมาก!

เมื่อมาถึงการแข่งขัน เราจึงได้รู้ว่าทีมของเขาใช้ประตูฟุตบอลขนาดปกติ—ไม่ใช่ประตูเล็กๆ แบบยกได้ แต่มีตาข่ายใหญ่มากจนดูใหญ่เกินไปสำหรับเด็กห้าขวบ

การแข่งขันเป็นระดับตำนานทันทีเมื่อดิฉันเห็นแทนเนอร์เป็นผู้รักษาประตู ดิฉันแปลกใจมาก เขาเข้าใจจริงๆ ถึงจุดประสงค์ของการเฝ้าตาข่ายไหม?

เสียงนกหวีดดังขึ้น และเรามัวแต่ดูการแข่งขันจนลืมแทนเนอร์ไปเลย ทันใดนั้นคนหนึ่งในฝ่ายตรงข้ามได้บอลและเลี้ยงบอลอย่างรวดเร็วไปหาเขา ดิฉันมองไปทางแทนเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่าเขาพร้อมยืนหยัดปกป้องประตู แล้วก็เห็นบางอย่างที่คาดไม่ถึง

เด็กผู้ชายทำหน้าที่ผู้รักษาประตู

ช่วงหนึ่งในการแข่งขัน แทนเนอร์เสียสมาธิและเริ่มเอาแขนซ้ายสอดเข้าไปในรูตาข่ายหลายๆ อัน แล้วก็เอาแขนขวาทำแบบเดียวกัน ตามด้วยเท้าซ้าย สุดท้ายก็เท้าขวา แทนเนอร์ติดอยู่ในตาข่ายเต็มๆ เขาลืมจุดประสงค์ของตัวเองและสิ่งที่เขาถูกฝากฝังให้ทำ

เด็กผู้ชายติดอยู่ในตาข่าย

แม้อาชีพนักฟุตบอลของแทนเนอร์จะอยู่ได้ไม่นาน แต่บทเรียนที่ได้จากเขาวันนั้นไม่มีวันลบเลือน บางครั้งเราต่างเสียสมาธิไปจากเหตุผลที่เรามาอยู่ที่นี่และทุ่มเทพลังงานไปในทางอื่น อาวุธทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งของซาตานคือการทำให้เราเสียสมาธิด้วยอุดมการณ์ที่ดีและดีกว่า ซึ่งอาจบดบังสายตาและผูดมัดเราในยามจำเป็นให้อยู่ห่างจากอุดมการณ์ที่ดีที่สุด—งานที่เรียกเรามาในโลกนี้3

จุดประสงค์นิรันดร์ของเราคือการมาหาพระคริสต์และร่วมงานอันยิ่งใหญ่กับพระองค์อย่างแข็งขัน ซึ่งเรียบง่ายพอๆ กับการทำตามสิ่งที่ประธานเนลสันสอน: “เมื่อใดก็ตามที่เราทำสิ่งที่ช่วยคนอื่นให้ทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เรากำลังช่วยรวบรวมอิสราเอล”4 และเมื่อเราทำงานของพระองค์ร่วมกับพระองค์ เราจะรู้จักและรักพระองค์ยิ่งขึ้น

เราพยายามเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านศรัทธา การกลับใจ และการรักษาพันธสัญญา เมื่อเราผูกมัดตนเองกับพระองค์ผ่านพันธสัญญาและศาสนพิธี ชีวิตเราจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ5 ความคุ้มครอง6 และปีติอันลึกซึ้งยั่งยืน7

เมื่อเรามาหาพระองค์ เราจะมองผู้อื่นผ่านสายพระเนตรของพระองค์8 จงมาหาพระคริสต์ มาตอนนี้ แต่อย่ามาคนเดียว!9

พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไม่ใช่แค่ ดี แต่ จำเป็น ต่อทุกคน “ไม่มีทางหรือวิธีอื่นใดซึ่งโดยทางนั้น [เรา] จะได้รับการช่วยให้รอดได้, เว้นแต่ในและโดยผ่านพระคริสต์”10 เราต้องมีพระเยซูคริสต์! โลกต้องมีพระเยซูคริสต์11

จำไว้ว่าวิธีดีที่สุดที่ท่านจะทำให้โลกดีขึ้นคือเตรียมโลกให้พร้อมรับพระคริสต์โดยเชื้อเชิญให้ทุกคนติดตามพระองค์

มีเรื่องราวในพระคัมภีร์มอรมอนที่กล่าวอย่างทรงพลังถึงพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ที่ทรงใช้เวลากับชาวนีไฟ ท่านนึกภาพออกไหมว่าเป็นอย่างไร?

ขณะพระคริสต์ทรงประกาศว่าพระองค์ทรงต้องกลับไปหาพระบิดา “พระองค์ทอดพระเนตรฝูงชน โดยรอบอีก12 เมื่อทรงเห็นน้ำตาของผู้คน ทรงทราบว่าใจพวกเขาอยากให้พระองค์อยู่ต่อ

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื้อเชิญให้ชาวนีไฟมารับการรักษา

พระองค์ตรัสถามว่า: “เจ้ามีผู้ใดที่เจ็บป่วยในบรรดาพวกเจ้าไหม? จงนำเขามาที่นี่. “พวกเจ้ามีคนใดที่เป็นง่อย, หรือตาบอด, … หูหนวก, หรือที่รับทุกข์ด้วยประการใดๆ ไหม? จงนำพวกเขามาที่นี่และเราจะรักษาพวกเขา.”13

ด้วยพระเมตตาสงสาร พระองค์ไม่ทรงกีดกั้นและทรงเรียกหาทุกคน “ที่รับทุกข์ด้วยประการใดๆ” ดิฉันชอบที่ไม่มีอะไรใหญ่น้อยเกินไปที่พระเยซูคริสต์จะทรงรักษา

พระองค์ทรงทราบความทุกข์ ของเรา ด้วย และทรงขอให้นำคนกังวลหดหู่ คนเมื่อยล้า คนจองหองและถูกเข้าใจผิด คนโดดเดี่ยว หรือคนที่ “รับทุกข์ด้วยประการใดๆ” ออกมา

พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำลังรักษา

และทุกคน “ออกไป … ; และพระองค์ทรงรักษาเขาทุกคน. …

“… ทั้งพวกที่ได้รับการรักษาและผู้ที่สมประกอบ, น้อมกายลงแทบพระบาท, และนมัสการพระองค์”14

ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ดิฉันถามตนเองว่า: ดิฉันจะพาใครมาหาพระคริสต์? ท่าน จะพาใครมา?

เรามอง โดยรอบอีก เหมือนพระเยซูได้ไหมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่พลาดใครและเชื้อเชิญให้ทุกคนมารู้จักพระองค์?

ดิฉันขอยกตัวอย่างว่าเป็นเรื่องง่ายได้ขนาดไหน เพย์ตันเพื่อนวัย 15 ปีของดิฉันมีเป้าหมายอ่านพระคัมภีร์วันละห้าข้อตอนอาหารเช้า แต่เธอไม่ได้อ่านคนเดียว เพย์ตันมองอีกครั้งและเชื้อเชิญพ่อแม่พี่น้อง แม้กระทั่งน้องชายวัยห้าขวบ การกระทำที่ดูเหมือนเล็กน้อยนี้คือสิ่งที่พระคริสต์ทรงสอนเมื่อทรงเชื้อเชิญให้ “นำพวกเขามาที่นี่”

พระดำรัสเชิญนี้จากพระเจ้ายังมีอยู่ในปัจจุบัน เยาวชนชายหญิงทั้งหลาย เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ในบ้านท่านเอง ท่านจะสวดอ้อนวอนทูลถามพระบิดาบนสวรรค์หรือไม่ว่า ท่าน จะสนับสนุน บิดามารดา ขณะพวกเขามาหาพระคริสต์ได้อย่างไร? พวกเขาต้องการท่านมากพอๆ กับที่ท่านต้องการพวกเขา

แล้ว มองอีกครั้ง ไปยังพี่น้อง มิตรสหาย และเพื่อนบ้านของท่าน ท่านจะพาใครมาหาพระคริสต์?

พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า “ดูเถิดเราคือแสงสว่าง; เราทำตัวอย่างไว้ให้เจ้า”15 พวกเราจะรู้สึกถึงความรักและสันติสุขของพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อเราร่วมกับพระองค์ในการช่วยครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้าให้รอด เพราะทรงสัญญาว่า “คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”16

ช่างเป็นเวลาน่ายินดีที่จะร่วมในอุดมการณ์ของพระคริสต์!

ใช่ ท่านอยู่ที่นี่เพื่อ บางอย่างที่ยิ่งใหญ่ ดิฉันเห็นด้วยกับประธานเนลสันผู้กล่าวว่า: “พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านเปลี่ยนแปลงโลก เมื่อท่านยอมรับและทำตามพระประสงค์ ท่านจะพบว่าท่านทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้!”17

ดิฉันเป็นพยานอย่างองอาจว่าพระเจ้าทรงทราบว่าท่านเป็นใคร และทรงรักท่าน! เราจะพร้อมใจกันทำให้จุดประสงค์ของพระองค์ก้าวหน้าจนถึงวันยิ่งใหญ่นั้นเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาแผ่นดินโลกและทรงเรียกเราแต่ละคนให้มา “ที่นี่” เราจะมารวมกันอย่างเบิกบาน เพราะเราคือคนที่มาหาพระคริสต์ และเราไม่ได้มาคนเดียว ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน