2016
เกรงว่าท่านจะลืม
พฤศจิกายน 2016


เกรงว่าท่านจะลืม

ข้าพเจ้ากระตุ้นท่าน โดยเฉพาะในยามวิกฤติ ให้นึกถึงเวลาที่ท่านรู้สึกถึงพระวิญญาณและประจักษ์พยานของท่านเข้มแข็ง จงจดจำรากฐานทางวิญญาณที่ท่านสร้างไว้

สวัสดีพี่น้องที่รักทั้งหลาย เราได้รับพรเพียงใดระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ปีแรกของข้าพเจ้าในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกทำให้ข้าพเจ้าอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุด เป็นปีที่ต้องพยายามมาก ต้องพัฒนาตนเองและทูลวิงวอนพระบิดาในสวรรค์ของข้าพเจ้าอย่างจริงใจตลอดเวลา ข้าพเจ้ารู้สึกถึงการสวดอ้อนวอนสนับสนุนของครอบครัว เพื่อนๆ และสมาชิกศาสนจักรทุกคนทั่วโลก ขอบคุณที่ท่านคิดถึงและสวดอ้อนวอนให้ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้ามีโอกาสพบกับเพื่อนรักด้วย บางคนจากอดีตและหลายคนที่ข้าพเจ้าเพิ่งพบเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากพบกับเพื่อนรักคนหนึ่งที่รู้จักและรักกันมาหลายปีข้าพเจ้ารู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้เตรียมคำพูดวันนี้

เมื่อเราพบกัน เพื่อนรักของข้าพเจ้าเผยว่าเขากำลังมีปัญหา เขารู้สึกว่ากำลังประสบกับคำที่เขาเรียกว่า “วิกฤติศรัทธา” และขอคำแนะนำจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่เขาอยากแบ่งปันความรู้สึกและความกังวลกับข้าพเจ้า

เขาบอกว่าเขาโหยหาสิ่งที่เคยรู้สึกทางวิญญาณและสิ่งที่เวลานี้เขาคิดว่ากำลังสูญเสีย ขณะที่เขาพูดข้าพเจ้าตั้งใจฟังและสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจขอให้รู้ว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าพูดอะไร

เพื่อนของข้าพเจ้าอาจจะเหมือนบางท่าน เขาถามคำถามที่กล่าวไว้ชัดเจนในเพลงปฐมวัยว่า “พระบิดาสวรรค์ ทรงอยู่ที่นั่นไหม”1 สำหรับท่านที่อาจถามคำถามเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าประสงค์จะแบ่งปันคำแนะนำที่ข้าพเจ้าจะให้กับเพื่อน และหวังว่าแต่ละท่านจะพบศรัทธาของท่านเข้มแข็งขึ้นและตั้งใจใหม่อีกครั้งว่าจะเป็นสานุศิษย์ที่มุ่งมั่นของพระเยซูคริสต์

ข้าพเจ้าเริ่มโดยเตือนท่านว่าท่านเป็นบุตรหรือธิดาของพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและความรักของพระองค์มีอยู่เสมอ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านจำความรู้สึกเชื่อมั่นในความรักนั้นได้ยากเมื่อท่านกำลังประสบปัญหาหรือการทดลอง ความผิดหวังหรือฝันสลาย

พระเยซูคริสต์ทรงรู้ปัญหาและการทดลองร้ายแรงของเรา พระองค์ประทานพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อเรา ช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์โหดร้ายเกินกว่าเราจะเข้าใจ แต่การเสียสละของพระองค์เพื่อเราแต่ละคนเป็นการแสดงความรักอันบริสุทธิ์ของพระองค์ขั้นสูงสุด

ไม่มีความผิดพลาด บาป หรือการเลือกใดจะเปลี่ยนความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อเรา นี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เอาผิดเมื่อทำบาป ทั้งไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีพันธะต้องกลับใจเมื่อทำบาป แต่ อย่าลืม ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักและรักท่านแต่ละคน และทรงพร้อมช่วยเหลือเสมอ

ขณะไตร่ตรองสถานการณ์ของเพื่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าใคร่ครวญคำสั่งสอนที่ดียิ่งนี้ในพระคัมภีร์มอรมอน “และบัดนี้, ลูกพ่อ, จงจำ, จงจำไว้ว่าบนศิลาของพระผู้ไถ่ของเรา, ผู้ทรงเป็นพระคริสต์, พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า, ที่ลูกต้องสร้างรากฐานของลูก; เพื่อเมื่อมารจะส่งลมอันมีกำลังแรงของเขามา, แท้จริงแล้ว, เมื่อลูกเห็บของเขาและพายุอันมีกำลังแรงของเขาทั้งหมดจะกระหน่ำมาบนลูก, มันจะไม่มีพลังเหนือลูกเพื่อลากเอาลูกลงไปสู่ห้วงแห่งความเศร้าหมองและวิบัติอันหาได้สิ้นสุดไม่, เพราะศิลาซึ่งบนนั้นลูกได้รับการสร้างขึ้น, ซึ่งเป็นรากฐานอันแน่นอน, รากฐานซึ่งหากมนุษย์จะสร้างบนนั้นแล้วพวกเขาจะตกไม่ได้.”2

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่า “ห้วงแห่งความเศร้าหมองและวิบัติอันหาได้สิ้นสุดไม่” เป็นที่ที่ไม่มีใครอยากอยู่ เพื่อนของข้าพเจ้ารู้สึกว่าเขาอยู่บนขอบห้วงนั้น

เมื่อข้าพเจ้าแนะนำแต่ละคน อย่างเช่นเพื่อนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสำรวจการตัดสินใจที่พวกเขาทำตลอดหลายปีซึ่งชักนำพวกเขาให้ลืมประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ บั่นทอน และสงสัย ข้าพเจ้ากระตุ้นพวกเขาเช่นเดียวกับกระตุ้นท่านตอนนี้ โดยเฉพาะในยามวิกฤติ ให้นึกถึงเวลาที่ท่านรู้สึกถึงพระวิญญาณและประจักษ์พยานของท่านเข้มแข็ง จงจดจำรากฐานทางวิญญาณที่ท่านสร้างไว้ ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าถ้าท่านจะทำเช่นนี้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่เสริมสร้างและไม่ทำให้ประจักษ์พยานของท่านเข้มแข็งหรือดูถูกความเชื่อของท่าน เวลามีค่าเหล่านั้นเมื่อประจักษ์พยานของท่านรุ่งเรืองจะเปลี่ยนเป็นความทรงจำอีกครั้งผ่านการสวดอ้อนวอนและการอดอาหาร ข้าพเจ้ารับรองกับท่านว่าท่านจะรู้สึกถึงความปลอดภัยและความอบอุ่นของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อีกครั้ง

เราแต่ละคนต้องทำให้ตนเองเข้มแข็งทางวิญญาณก่อนแล้วจึงทำให้คนรอบข้างเข้มแข็ง ไตร่ตรองพระคัมภีร์เป็นประจำ และจดจำความคิดและความรู้สึกที่ท่านประสบขณะอ่าน แสวงหาแหล่งอื่นของความจริงด้วย แต่เอาใจใส่คำเตือนนี้จากพระคัมภีร์ “แต่การเป็นผู้คงแก่เรียนย่อมดี หาก พวกเขาสดับฟังคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้า”3 จง เข้าร่วมการประชุมของศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมศีลระลึก และรับส่วนศีลระลึกและต่อพันธสัญญา รวมถึงคำสัญญาว่าจะระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลาเพื่อพระวิญญาณจะอยู่กับท่านตลอดไป

ไม่ว่าเราจะทำผิดพลาดอะไรหรือรู้สึกถึงความไม่ดีพร้อมเพียงใด เราสามารถเป็นพรและหนุนใจผู้อื่นได้เสมอ การยื่นมือช่วยเหลือพวกเขาในการรับใช้เฉกเช่นพระคริสต์จะช่วยให้เรารู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าลึกซึ้งในใจเรา

เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจดจำคำแนะนำอันทรงพลังในเฉลยธรรมบัญญัติ “รักษาจิตวิญญาณของตนให้ดี เกรงว่าท่านจะลืม สิ่งที่นัยน์ตาได้เห็นนั้น และเกรงว่าสิ่งเหล่านั้นจะสูญไปจากใจของท่านตลอดชีวิตของท่าน จงทำให้ลูกและหลานของท่านทราบเรื่องเหล่านี้”4

คนหลายรุ่นได้รับผลจากการเลือกที่เราทำ จงแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านกับครอบครัว กระตุ้นพวกเขาให้จดจำว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับพระวิญญาณในชีวิตพวกเขาและเขียนความรู้สึกเหล่านั้นในบันทึกส่วนตัวและประวัติส่วนตัวเผื่อว่าเมื่อจำเป็นคำของพวกเขาจะทำให้พวกเขาจำได้ว่าพระเจ้าทรงดีต่อพวกเขาเพียงใด

ท่านคงจำได้ว่านีไฟกับพี่ๆ กลับไปเยรูซาเล็มเพื่อนำแผ่นจารึกทองเหลืองที่มีบันทึกประวัติของผู้คนกลับมาด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่อพวกเขาจะไม่ลืมอดีตของตน

ในพระคัมภีร์มอรมอน ฮีลามันตั้งชื่อบุตรชายตาม “บิดาแรก” ของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะไม่ลืมพระคุณความดีของพระเจ้า:

“ดูเถิด, ลูกพ่อ, พ่อปรารถนาให้ลูกจดจำที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า … ดูเถิด, พ่อตั้งชื่อลูกตามบิดามารดาแรกของเราผู้ออกมาจากแผ่นดินแห่งเยรูซาเล็ม; และการนี้พ่อทำไปเพื่อว่าเมื่อลูกนึกถึงชื่อของลูก ลูกก็จะนึกถึงพวกท่าน; และเมื่อลูกนึกถึงพวกท่าน ลูกจะนึกถึงงานของพวกท่าน; และเมื่อลูกนึกถึงงานของพวกท่าน ลูกจะรู้ว่าเรื่องนี้มีกล่าวไว้, และเขียนไว้ด้วย, ว่างานของพวกท่านประเสริฐ.

“ฉะนั้น, ลูกพ่อ, พ่ออยากให้ลูกทำสิ่งที่ดี, เพื่อลูกจะเป็นที่กล่าวขวัญ, และเขียนไว้ด้วย, แม้ดังที่พวกท่านเป็นที่กล่าวขวัญและเขียนไว้.”5

ผู้คนมากมายทุกวันนี้มีประเพณีการตั้งชื่อบุตรธิดาตามวีรบุรุษในพระคัมภีร์หรือบรรพชนที่ซื่อสัตย์อันเป็นวิธีกระตุ้นพวกเขาไม่ให้ลืมมรดกตกทอดของตน

เมื่อข้าพเจ้าเกิด ข้าพเจ้ามีชื่อว่าโรนัลด์ เอ. ราสแบนด์ ชื่อสุดท้ายของข้าพเจ้าเป็นเกียรติแก่บรรพชนฝ่ายบิดา ชื่อย่อตัว เอ. ให้ไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่เดนิช แอนเดอร์สันบรรพชนฝ่ายมารดาข้าพเจ้า

เจนส์ แอนเดอร์สันคุณพ่อของตาทวดข้าพเจ้ามาจากเดนมาร์ก และในปี 1861 พระเจ้าทรงนำผู้สอนศาสนามอรมอนสองคนไปบ้านของเจนส์กับอเน แคธรีน แอนเดอร์สัน ที่ๆ ผู้สอนศาสนาแนะนำพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูให้กับพวกท่านและบุตรชายวัย 16 ปี ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มมรดกแห่งศรัทธาซึ่งข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นผู้รับประโยชน์ ครอบครัวแอนเดอร์สันอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและรับบัพติศมาหลังจากนั้นไม่นาน ปีต่อมาครอบครัวแอนเดอร์สันเอาใจใส่การเรียกของศาสดาพยากรณ์ให้ข้ามแอตแลนติกไปสมทบกับวิสุทธิชนในอเมริกาเหนือ

น่าเศร้าที่เจนส์เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลางมหาสมุทร แต่ภรรยากับลูกชายของเขาเดินทางต่อจนมาถึงหุบเขาซอลท์เลควันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1862 แม้จะมีความยากลำบากและความปวดร้าวใจ แต่ศรัทธาของพวกเขาไม่สั่นคลอน และศรัทธาของลูกหลานมากมายของพวกเขาไม่สั่นคลอนเช่นกัน

ภาพวาดในห้องทำงานของเอ็ลเดอร์ราสแบนด์

ในห้องทำงานข้าเจ้ามีภาพวาดแขวนไว้6 ที่เก็บภาพอย่างสวยงามซึ่งเป็นตัวแทนเตือนใจของการพบกันครั้งแรกของบรรพชนของข้าพเจ้าและผู้สอนศาสนาผู้อุทิศตนในยุคแรก ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่ลืมมรดกที่สืบทอดมาจากบรรพชน และด้วยชื่อของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะจดจำมรดกแห่งความซื่อสัตย์และการเสียสละของพวกเขา

อย่าลืม อย่าสงสัย หรือเมินเฉยต่อประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวทางวิญญาณ แผนของปฏิปักษ์คือทำให้เราเขวจากพยานทางวิญญาณ ส่วนความปรารถนาของพระเจ้าคือให้ความสว่างและให้เรามีส่วนในงานของพระองค์

ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างส่วนตัวเกี่ยวกับความจริงนี้ ข้าพเจ้าจำได้ชัดเจนในเวลาเมื่อได้รับการกระตุ้นเตือนในคำตอบของการสวดอ้อนวอนที่ทรงพลัง คำตอบชัดเจนและแรงกล้า แต่ข้าพเจ้าไม่ทำตามการกระตุ้นเตือนทันที และช่วงเวลาหนึ่งหลังจากนั้น ข้าพเจ้าเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกนั้นจริงหรือไม่ บางท่านอาจเคยหลงเชื่อคำหลอกลวงเช่นนั้นของปฏิปักษ์เช่นกัน

หลายวันต่อมา ข้าพเจ้าตื่นนอนพร้อมกับข้อพระคัมภีร์ที่เปี่ยมด้วยพลังเหล่านี้ในความคิดข้าพเจ้า:

“ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, หากเจ้าปรารถนาพยานอีก, จงหวนระลึกถึงคืนที่เจ้าร้องหาเราในใจเจ้า, …

“เรามิได้พูดให้ความสงบแก่จิตใจเจ้าหรือเกี่ยวกับเรื่องนี้? เจ้าจะมีพยานใดดีไปกว่าจากพระผู้เป็นเจ้าเล่า?”7

ประหนึ่งพระเจ้ากำลังตรัสว่า “โรนัลด์ ตอนนี้เราบอกสิ่งที่เจ้าต้องทำแล้ว ทำสิ!” ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อการแก้ไขและการนำทางด้วยความรักนั้น! การกระตุ้นเตือนทำให้ข้าพเจ้าสบายใจทันทีและสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยรู้ในใจว่าพระองค์ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้าแล้ว

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าแบ่งปันประสบการณ์นี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าจิตใจเราลืมเร็วเพียงใดและประสบการณ์ทรงวิญญาณนำทางเราอย่างไร ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าต้องทะนุถนอมช่วงเวลาเช่นนั้น “เกรงว่าข้าพเจ้าจะลืม”

ถึงเพื่อนของข้าพเจ้า และถึงทุกคนที่ปรารถนาจะเสริมสร้างศรัทธาของพวกเขา ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเมื่อท่านดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อย่างซื่อสัตย์และทำตามคำสอนในนั้น ประจักษ์พยานของท่านจะได้รับการปกป้องและเติบโต จงรักษาพันธสัญญาที่ท่านทำไว้โดยไม่คำนึกถึงการกระทำของคนรอบข้าง จงเป็นบิดามารดา พี่น้องชายหญิง ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาและมิตรสหายผู้เพียรพยายามทำให้คนที่พวกท่านรักเข้มแข็งด้วยประจักษ์พยานส่วนตัวและแบ่งปันประสบการณ์ทางวิญญาณ จงซื่อสัตย์และแน่วแน่เสมอแม้มรสุมของความสงสัยรุกรานชีวิตท่านผ่านการกระทำของผู้อื่น จงแสวงหาสิ่งซึ่งจะจรรโลงใจและเพิ่มพลังทางวิญญาณให้ท่าน หลีกเลี่ยงเครื่องถวายปลอมที่เรียกกันผิดๆ ว่า “ความจริง” ซึ่งแพร่ไปทั่ว และจำไว้ว่าต้องบันทึกความรู้สึกของท่านถึง “ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน [และ] การรู้จักบังคับตน”8

ท่ามกลางมรสุมครั้งใหญ่สุดของชีวิต อย่าลืม มรดกอันสูงค่าของท่านในฐานะบุตรหรือธิดาของพระผู้เป็นเจ้า หรือจุดหมายนิรันดร์ของท่านที่จะกลับไปอยู่กับพระองค์วันหน้า มรดกซึ่งจะล้ำค่ากว่าทุกสิ่งที่โลกมอบให้ จงจดจำคำพูดที่อ่อนหวานและนุ่มนวลของแอลมา “ดูเถิด, ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่าน, พี่น้องข้าพเจ้า, หากท่านประสบกับการเปลี่ยนแปลงในใจแล้ว, และหากท่านรู้สึกอยากร้องเพลงสดุดีความรักที่ไถ่, ข้าพเจ้าจะถาม, ท่านรู้สึกเช่นนั้นขณะนี้ได้หรือไม่?”9

ถึงทุกคนที่รู้สึกว่าต้องเพิ่มพลังศรัทธาของตน ข้าพเจ้าขอร้องท่านว่า อย่าลืม! โปรดอย่าลืม

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านเห็นและพูดกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ดังบันทึกไว้ด้วยคำพูดของท่านเอง ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งที่ท่าน ไม่ลืม เขียนประสบการณ์นั้นเพื่อให้เราทุกคนรู้ประจักษ์พยานของท่าน

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานที่จริงจังถึงพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงพระชนม์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์และทรงเป็นประมุขของศาสนจักรนี้ ข้าพเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง ไม่ได้พึ่งเสียงหรือพยานของใคร และข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้ท่านและข้าพเจ้า ไม่มีวันลืม ความจริงนิรันดร์อันศักดิ์สิทธิ์—ที่สำคัญที่สุดคือเราเป็นบุตรและธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงพระชนม์และรักเรา ผู้ปรารถนาเพียงความสุขนิรันดร์ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงความจริงเหล่านี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน