2016
ศีลระลึกช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้
พฤศจิกายน 2016


ศีลระลึกช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

ให้พิจารณาวิธีห้าประการที่จะเพิ่มผลลัพธ์และพลังในการมีส่วนร่วมของเราในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศีลระลึก

ความทรงจำแรกสุดของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการประชุมศีลระลึกคือครั้งที่จัดขึ้นที่บ้านของเราในเมืองวอร์นัมบูล ประเทศออสเตรเลีย สาขาเรามีผู้เข้าร่วมประชุม 10–15 คน และคุณพ่อข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในผู้ดำรงฐานะปุโรหิตสามคนที่มีโอกาสสวดให้พรศีลระลึกอยู่เป็นประจำ ข้าพเจ้าจำความรู้สึกที่มีต่อการอ่านคำสวดศีลระลึกที่นอบน้อมและตั้งใจของคุณพ่อได้ บ่อยครั้งที่เสียงท่านจะสั่นขณะรู้สึกถึงพระวิญญาณ บางครั้งท่านต้องหยุดเพื่อควบคุมอารมณ์ก่อนจะสวดต่อจนจบ

โดยที่เพิ่งอายุห้าขวบ ข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าใจความหมายของสิ่งที่พูดและการกระทำทั้งหมดได้ แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าสิ่งพิเศษกำลังเกิดขึ้น ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความสงบและอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้สบายใจขณะคุณพ่อทบทวนความรักของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเรา

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่า “สิ่งนี้เจ้าจงปฏิบัติเสมอแก่คนที่กลับใจและรับบัพติศมาในนามของเรา; และเจ้าจงทำด้วยความระลึกถึงโลหิตของเรา, ซึ่งเราหลั่งเพื่อเจ้า, เพื่อเจ้าจะเป็นพยานต่อพระบิดาว่าเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลา. และหากเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลาเจ้าจะมีพระวิญญาณของเราอยู่กับเจ้า” (3 นีไฟ 18:11)

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญทุกท่านให้พิจารณาวิธีห้าประการที่จะเพิ่มผลลัพธ์และพลังในการมีส่วนร่วมของเราในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศีลระลึก ศาสนพิธีที่ช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

1. เตรียมตัวล่วงหน้า

เราเริ่มเตรียมตัวสำหรับศีลระลึกได้อย่างดีก่อนการประชุมศีลระลึกเริ่ม วันเสาร์อาจเป็นเวลาดีที่จะใคร่ครวญความก้าวหน้าและความพร้อมทางวิญญาณของเรา

เตรียมตัวสำหรับวันอาทิตย์

ความเป็นมรรตัยเป็นของประทานสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ เราจำเป็นต้องรับการทดลองและความยากลำบากเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเติบโต กษัตริย์เบนจามินสอนว่า “มนุษย์ปุถุชนเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้า, … และจะเป็นไป, ตลอดกาลและตลอดไป, เว้นแต่เขาจะยอมต่อการชักจูงของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, และทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนและกลับเป็นวิสุทธิชนโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์พระเจ้า” (โมไซยาห์ 3:19) การมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศีลระลึกทำให้เราถวายใจและจิตวิญญาณแด่พระผู้เป็นเจ้าได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในการเตรียมตัว ใจเราต้องชอกช้ำขณะแสดงความสำนึกคุณต่อการชดใช้ของพระคริสต์ เรากลับใจจากความผิดพลาดและข้อบกพร่อง และขอให้พระบิดาทรงช่วยในการเดินทางต่อไปสู่ความเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น จากนั้นเราสามารถมองหาโอกาสที่ศีลระลึกจะทำให้เราระลึกถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์และต่อคำมั่นสัญญาในพันธสัญญาที่เราทำทั้งหมด

2. มาโบสถ์ แต่เช้า

ประสบการณ์ศีลระลึกจะดีขึ้นเมื่อเรามาโบสถ์ก่อนการประชุมเริ่มและนั่งไตร่ตรองขณะมีการบรรเลงเพลงก่อนการประชุม

มาการประชมศีลระลึกแต่เช้า

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์สอนว่า “เพลงก่อนการประชุมที่เล่นด้วยความคารวะช่วยบำรุงเลี้ยงวิญญาณและทำให้เกิดการดลใจ”1 “นี่ไม่ใช่เวลา” ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบาย “สำหรับการสนทนาหรือส่งข่าวสารแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการตรึกตรองร่วมกับการสวดอ้อนวอนในฐานะผู้นำและสมาชิกเพื่อเตรียมพร้อมด้านวิญญาณสำหรับศีลระลึก”2

3. ร้องเพลงและเรียนรู้จากเนื้อเพลงสวดศีลระลึก

เพลงสวดศีลระลึกเป็นส่วนสำคัญยิ่งในประสบการณ์ศีลระลึกของเรา ดนตรีช่วยยกระดับความคิดและความรู้สึก เพลงสวดศีลระลึกจะยิ่งทวีอิทธิพลดียิ่งขึ้นเมื่อเราเอาใจใส่ต่อคำร้องและหลักคำสอนอันทรงพลังของเพลง เราเรียนรู้มากมายจากเนื้อเพลงตัวอย่างเช่น “พบความชอกช้ำเพื่อเรา”3 “ให้เราจดจำและมั่นใจว่า ใจและมือเราพิสุทธิ์ผ่องแผ้ว”4 และ “ซึ่งความเที่ยงธรรมความรักเมตตา ประสานปรองดองเมืองฟ้า!”5

ขับร้องและเรียนรู้จากเพลงสวด
ตั้งใจฟังคำร้องของเพลงสวด

ขณะเราขับร้องเพลงสวดเพื่อเตรียมรับส่วนแห่งเครื่องหมาย คำร้องจะเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาในพันธสัญญาของเราได้ ให้พิจารณาดังตัวอย่าง “เรารักพระองค์ ใจเราอิ่มเอิบ จะเดินทางพระองค์เลือก”6

4. มีส่วนร่วมทางวิญญาณในการสวดศีลระลึก (ดูโมโรไน 4–5)

แทนที่จะฟังคำสวดศีลระลึกที่คุ้นเคยไปตามความเคยชิน เราสามารถเรียนรู้มากมายและอาจรู้สึกมากขึ้นขณะเรามีส่วนร่วมทางวิญญาณโดยพิจารณาถึงคำมั่นสัญญาและพรที่ตามมาในคำสวดอันศักดิ์สิทธิ์นี้

การให้พรขนมปัง

มีการประทานพรและทำให้ขนมปังและน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่จิตวิญญาณของเรา สิ่งนี้เตือนให้เราระลึกถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดและเพื่อให้พระองค์ทรงช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

คำสวดอธิบายว่าเรารับส่วนขนมปังเพื่อระลึกถึงพระวรกายของพระบุตร ซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นค่าไถ่เพื่อคนทั้งปวงจะมีคุณสมบัติพร้อมรับการฟื้นคืนชีวิต และเราดื่มน้ำเพื่อระลึกถึงพระโลหิตของพระบุตรซึ่งหลั่งเพื่อเราจะได้รับการไถ่ภายใต้เงื่อนไขการกลับใจ

คำสวดแนะนำพันธสัญญาด้วยวลี “ว่าพวกเขาเต็มใจ” โมโรไน 4:3วลีนี้มีพลังต่อเราในอนาคตอย่างมาก เราเต็มใจที่จะรับใช้และมีส่วนร่วมหรือไม่ เราเต็มใจที่จะเปลี่ยนหรือไม่ เราเต็มใจที่จะแก้ไขความอ่อนแอของเราหรือไม่ เราเต็มใจที่จะเอื้อมออกไปเป็นพรแก่ผู้อื่นหรือไม่ เราเต็มใจที่จะวางใจในพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่

ขณะกล่าวคำสัญญาและขณะเรารับส่วน เรายืนยันในใจเราว่าเราเต็มใจที่จะ:

  • รับพระนามของพระเยซูคริสต์

  • พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาพระบัญญัติทุกข้อ

  • ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา

คำสวดจบลงด้วยคำเชิญและสัญญาอันล้ำเลิศ: “เพื่อพวกเขาจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา” (โมโรไน 4:3)

เปาโลเขียนว่า “ผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน [และ] การรู้จักบังคับตน” (กาลาเทีย 5:22–23) เมื่อเรารักษาพันธสัญญา เราจะได้รับพรและของประทานอันประเสริฐ

5. ไตร่ตรองและระลึกถึงพระองค์ขณะส่งผ่านเครื่องหมายศีลระลึก

ช่วงเวลาแห่งความคารวะขณะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตส่งผ่านศีลระลึกมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อเราได้

ส่งผ่านขนมปัง

ขณะส่งผ่านขนมปัง เราอาจใคร่ครวญถึงความรักอันล้นเหลือที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา พระผู้ช่วยให้รอด “ทรงรับเอาความตาย เพื่อพระองค์จะทรงทำให้สายรัดแห่งความตายที่ผูกมัดผู้คนของพระองค์หลุดออก” (แอลมา 7:12)

เราอาจระลึกถึงพรอันรุ่งโรจน์แห่งการฟื้นคืนชีวิตซึ่ง “จะเกิดแก่คนทั้งปวง, … ทั้งทาสและไท, ทั้งชายและหญิง, ทั้งคนชั่วร้ายและคนชอบธรรม; และแม้ผมบนศีรษะของพวกเขาสักเส้นเดียวก็จะไม่หายไป; แต่พระองค์จะทรงนำทุกสิ่งกลับคืนสู่โครงร่างอันสมบูรณ์” (แอลมา 11:44)

ส่งผ่านน้ำ

ขณะส่งผ่านน้ำ เราอาจระลึกถึงคำวิงวอนของพระผู้ช่วยให้รอด:

“เพราะดูเถิด, เรา. พระผู้เป็นเจ้าทนทุกข์กับสิ่งเหล่านี้เพื่อทุกคน, เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทนทุกข์ หากพวกเขาจะกลับใจ; …

“ซึ่งความทุกขเวทนานี้ทำให้ตัวเรา, แม้พระผู้เป็นเจ้า, ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสิ่งทั้งปวง, ต้องสั่นเพราะความเจ็บปวด, และเลือดออกจากทุกขุมขน, และทนทุกข์ทั้งร่างกายและวิญญาณ—และปรารถนาที่เราจะไม่ต้องดื่มถ้วยอันขมขื่น, และชะงักอยู่” (คพ. 19:16, 18)

เราระลึกถึงที่พระองค์ทรงรับเอา “ความทุพพลภาพของพวกเขา, เพื่ออุทรของพระองค์จะเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา, ตามเนื้อหนัง, เพื่อพระองค์จะทรงรู้ตามเนื้อหนังว่าจะทรงช่วยผู้คนของพระองค์ตามความทุพพลภาพของพวกเขาได้อย่างไร” (แอลมา 7:12)

ขณะเราพิจารณาประสบการณ์ศีลระลึกของเรา เราอาจถามตนเองดังนี้

  • ฉันจะทำอะไรในสัปดาห์นี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับศีลระลึกให้ดีขึ้น

  • ฉันจะอุทิศตนให้มีความคารวะและการเปิดเผยอยู่ด้วยในช่วงเวลาเริ่มการประชุมศีลระลึกได้หรือไม่

  • หลักคำสอนใดสอนไว้ในเพลงสวดศีลระลึก

  • ฉันได้ยินและรู้สึกอย่างไรขณะฟังคำสวดศีลระลึก

  • ฉันคิดถึงเรื่องอะไรขณะมีการส่งผ่านศีลระลึก

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ สอนว่า “ศาสนพิธีศีลระลึกคือการเชื้อเชิญอันศักดิ์สิทธิ์และซ้ำๆ หลายครั้ง เพื่อให้เรากลับใจอย่างจริงใจและเริ่มต้นใหม่ทางวิญญาณ โดยนัยเช่นนี้ การรับส่วนศีลระลึกไม่ทำให้เกิดการปลดบาป แต่เมื่อเราเตรียมอย่างตั้งใจและมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยใจชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด เมื่อนั้น สัญญาที่ว่าเราจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับเราตลอดเวลาจะเป็นจริง และโดยพลังของการชำระให้บริสุทธิ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะเพื่อนที่ยั่งยืนเราสามารถทำให้การปลดบาปของเรามีอยู่เสมอ7

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพรมากมายมีไว้ให้เราเมื่อเราเตรียมตัวและมีส่วนร่วมทางวิญญาณมากขึ้นในศาสนพิธีศีลระลึก ข้าพเจ้าเป็นพยานอีกว่าพรเหล่านี้มีไว้ให้เราเนื่องด้วยความรักของพระบิดาในสวรรค์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันไม่มีที่สิ้นสุดของพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แม้พระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. บอยด์ เค.แพคเกอร, “Personal Revelation: The Gift, the Test, and the Promise,Ensign, Nov. 1994, 61.

  2. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การนมัสการในการประชุมศีลระลึก,” เลียโฮนา, สิงหาคม 2004, หน้า 13.

  3. “เยซูแห่งนาซาเร็ธ,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 82.

  4. “ยามเรารับส่วนแห่งเครื่องหมายนี้,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 80.

  5. “ปัญญาและความรักยิ่งใหญ่” เพลงสวด, บทเพลงที่ 88.

  6. As Now We Take the Sacrament, Hymns, no. 169.

  7. เดวิด เอ. เบดนาร์, “การปลดบาปของท่านจะมีอยู่เสมอ,” เลียโฮนา, พฤษภาคม 2016, หน้า 61–62.