2016
ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ
พฤศจิกายน 2016


ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ

เมื่อศูนย์กลางชีวิตเราอยู่ที่พระเยซูคริสต์กับพระกิตติคุณของพระองค์ เราจะรู้สึกปีติได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น—หรือไม่เกิดขึ้น—ในชีวิตเรา

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า วันนี้ข้าพเจ้าต้องการสนทนาถึงหลักธรรมหนึ่งซึ่งเป็นกุญแจสู่การอยู่รอดทางวิญญาณของเรา เป็นหลักธรรมซึ่งจะมีความสำคัญมากขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์น่าสลดใจและมีเรื่องเหลวไหลรอบข้างเรามากขึ้น

วันเวลาเหล่านี้เป็นยุคสุดท้าย เราไม่ควรประหลาดใจเมื่อเราเห็นคำพยากรณ์เกิดสัมฤทธิผล ศาสดาพยากรณ์หลายท่าน รวมถึงอิสยาห์ เปาโล นีไฟ และมอรมอนมองเห็นล่วงหน้าว่าเวลาที่น่ากลัวจะมาถึง1 ในสมัยของเราโลกจะอยู่ในความโกลาหล2 มนุษย์จะ “เห็นแก่ตัว … ไร้มนุษยธรรม … รักความสนุกมากกว่ารักพระเจ้า”3 และหลายคนจะเป็นผู้รับใช้ของซาตานผู้สนับสนุนงานของปฏิปักษ์4 แท้ที่จริง ข้าพเจ้ากับท่าน “ต่อสู้กับ… พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ [และ] ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน”5

เมื่อความขัดแย้งระหว่างประชาชาติเพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้ก่อการร้ายที่ขลาดเขลาทำให้ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ และเมื่อความทุจริตทุกอย่างตั้งแต่ธุรกิจไปจนถึงรัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น อะไรจะช่วยเราได้ อะไรจะช่วยเราแต่ละคนกับการต่อสู้ดิ้นรนและความท้าทายอย่างหนักหนาสาหัสของการดำเนินชีวิตในยุคสุดท้ายนี้

ศาสดาพยากรณ์ลีไฮสอนหลักธรรมเพื่อความรอดทางวิญญาณในเบื้องต้น ขอให้เราพิจารณาสภาวการณ์ของท่านก่อน ท่านถูกข่มเหงเนื่องจากสั่งสอนความจริงในเยรูซาเล็ม ท่านได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้ทิ้งทรัพย์สมบัติของท่านและพาครอบครัวหนีเข้าไปในแดนทุรกันดาร ท่านอาศัยอยู่ในกระโจมและมีชีวิตรอดด้วยอาหารที่หาได้ตามทางไปสู่จุดหมายที่ไม่อาจล่วงรู้ ท่านเห็นเลมันกับเลมิวเอลบุตรชายสองคนของท่านกบฏต่อต้านคำสอนของพระเจ้าและทำร้ายนีไฟกับแซม พี่น้องของพวกเขา

เห็นได้ชัดว่า ลีไฮรู้จักการตรงกันข้าม ความวิตกกังวล ความปวดร้าวใจ ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และโทมนัส กระนั้นท่านยังประกาศหลักธรรมข้อหนึ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยอย่างกล้าหาญและโดยไม่ลังเลว่า “มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ”6 ลองนึกดูว่า จากคำทุกคำที่ท่านสามารถใช้อธิบายธรรมชาติวิสัยและจุดประสงค์ของชีวิตเราที่นี่ในความเป็นมรรตัย ท่านเลือกคำว่า ปีติ!

ชีวิตเต็มไปด้วยทางเบี่ยงและทางตัน การทดลองและความท้าทายทุกรูปแบบ เราแต่ละคนคงมีหลายครั้งที่ความทุกข์ยาก ความปวดร้าว และความสิ้นหวังเกือบครอบงำเรา แต่เราอยู่ที่นี่เพื่อมีปีติอย่างนั้นหรือ

ใช่แล้ว! คำตอบคือใช่อย่างชัดเจน แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร และเราต้องทำอะไรเพื่อจะรับปีติที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงเก็บไว้ให้เรา

เอไลซา อาร์. สโนว์ ประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญคนที่สองให้คำตอบที่น่าสนใจ เนื่องจากคำสั่งอื้อฉาวให้ถอนรากถอนโคนในมิสซูรี ซึ่งประกาศในช่วงต้นฤดูหนาวอันทรหดในปี 18387 เธอและวิสุทธิชนคนอื่นๆ ถูกบังคับให้หนีออกจากรัฐในฤดูหนาวนั้น เย็นวันหนึ่ง ครอบครัวของเอไลซาอยู่ในบ้านไม้ซุงหลังเล็กที่วิสุทธิชนผู้อพยพใช้อยู่ ไม้ที่แตกระหว่างท่อนซุงส่วนใหญ่ถูกคนที่มาถึงก่อนพวกเขาดึงออกมาทำเป็นฟืนก่อกองไฟ จึงมีช่องห่างหลายช่องระหว่างซุงท่อนใหญ่ กว้างพอที่แมวจะคลานลอดไปมาได้ อากาศหนาวยะเยือก อาหารของพวกเขาเย็นจนแข็ง

คืนนั้นมีคนประมาณ 80 คนเบียดเสียดกันในบ้านไม้หลังเล็ก ซึ่งกว้างเพียง 20 ตารางฟุต (6.1 ตารางเมตร) บางคนนั่งหรือยืนตลอดคืนเพื่อพยายามให้ตนเองอบอุ่น ด้านนอก ผู้ชายกลุ่มหนึ่งอยู่นอกบ้านทั้งคืน รอบกองไฟที่กำลังปะทุ บางคนร้องเพลงสวดและบ้างก็เผามันฝรั่งที่เป็นน้ำแข็ง เอไลซาบันทึกไว้ว่า “ไม่มีเสียงพร่ำบ่น—ทุกคนรื่นเริง และดูจากสภาพภายนอกแล้ว คนแปลกหน้าคงเข้าใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวหาความสุขมากกว่ากลุ่มคนที่ถูกขับออกจากรัฐ”

เอไลซาเล่าว่าคืนที่อ่อนเพลีย หนาวเหน็บไปถึงกระดูกนั้นเป็นคืนที่ทุกคนมองโลกในแง่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เธอประกาศว่า “นั่นเป็นคืนที่สนุกสนานร่าเริงมาก คงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากวิสุทธิชนที่จะมีความสุขได้ภายใต้สภาวการณ์ทุกรูปแบบ”8

ใช่แล้ว! วิสุทธิชนมีความสุขได้ภายใต้สภาวการณ์ทุกรูปแบบ เรารู้สึกปีติได้แม้เมื่อเรามีวันที่หนัก สัปดาห์ที่หนัก หรือแม้แต่ปีที่หนัก!

พี่น้องที่รัก ปีติที่เรารู้สึกแทบไม่เกี่ยวกับสภาพการณ์ในชีวิตและทุกอย่างที่เราทำกับศูนย์กลางชีวิตเรา

เมื่อศูนย์กลางชีวิตเราอยู่ที่แผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งประธานโธมัส เอส. มอนสันเพิ่งสอนเราและพระเยซูคริสต์กับพระกิตติคุณของพระองค์ เราจะรู้สึกปีติได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น—หรือไม่เกิดขึ้น—ในชีวิตเรา ปีติมาจากพระองค์และมาเพราะพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่มาของปีติทั้งปวง เรารู้สึกถึงความสุขนั้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อเราร้องเพลง “พระทรงบังเกิด โลกจงสุขี”9 เรารู้สึกอย่างนั้นได้ตลอดทั้งปี สำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พระเยซูคริสต์คือปีติ

นั่นคือสาเหตุที่ผู้สอนศาสนาจากบ้านของพวกเขาไปสั่งสอนพระกิตติคุณของพระองค์ เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกศาสนจักร แต่ผู้สอนศาสนาของเราสอนและให้บัพติศมา10เพื่อนำปีติไปสู่ผู้คนในโลก11

พระผู้ช่วยให้รอดประทานสันติสุข “ที่เกินความเข้าใจ”12 ฉันใด พระองค์ประทานความเข้มข้น ความลึกซึ้ง และความกว้างของปีติที่ท้าทายตรรกของมนุษย์หรือความเข้าใจของมรรตัยฉันนั้น ตัวอย่างเช่น อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกปีติเมื่อลูกของท่านทุกข์ทรมานด้วยโรคที่รักษาไม่หาย หรือเมื่อท่านตกงาน หรือเมื่อคู่ครองของท่านนอกใจ แต่นั่นคือปีติที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานจริงๆ ปีติของพระองค์เสมอต้นเสมอปลาย ให้ความมั่นใจต่อเราว่า “ความทุกข์ของ (เรา) จะอยู่เพียงชั่วครู่”13 และทรงอุทิศให้เป็นพรของเรา14

แล้วเราจะรับปีตินั้นได้อย่างไร เราเริ่มต้นได้โดย “จับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ”15 “ในความนึกคิดทุกอย่าง”16 เราสามารถน้อมขอบพระทัยพระองค์เสมอในคำสวดอ้อนวอนของเรา โดยการรักษาพันธสัญญาที่เราทำกับพระองค์และพระบิดาบนสวรรค์ เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงประจักษ์ชัดต่อเรามากขึ้นและเมื่อเราทูลขอปีติจากพระองค์เพื่อประทานแก่เรา ปีติของเราจะเพิ่มขึ้น

ปีติเปี่ยมด้วยพลัง และการจับตามองไปที่ปีตินำพลังอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าเข้ามาสู่ชีวิตเรา ดังเช่นในทุกสิ่ง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างสูงสุดของเรา “พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์”17 จงนึกดู! เพื่อที่พระองค์จะทรงทนต่อประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดที่เคยทนบนแผ่นดินโลก พระผู้ช่วยให้รอดของเราจับตามองไปที่ ปีติ!

ปีติอะไรหรือที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ แน่นอนว่ารวมถึงปีติของการชำระให้บริสุทธิ์ การรักษา และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เรา ปีติของการจ่ายค่าบาปของคนทั้งปวงที่จะกลับใจ ปีติของการทำให้เป็นไปได้ที่ท่านและข้าพเจ้าจะกลับบ้าน—สะอาดและมีค่าควร—ในการอยู่กับพระบิดามารดาและครอบครัวบนสวรรค์ของเรา

หากเราจับตามองไปที่ปีติที่จะมาสู่เรา หรือสู่คนที่เรารัก เราจะทนอะไรได้ที่ขณะนี้ดูเหมือนน่าหนักใจ เจ็บปวด น่ากลัว ไม่ยุติธรรม หรือเพียงแต่เป็นไปไม่ได้

บิดาคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานการณ์อันตรายทางวิญญาณจับตามองไปที่ปีติของการเป็นคนสะอาดและชอบธรรมกับพระเจ้าในที่สุด—ปีติของการเป็นอิสระจากความรู้สึกผิดและละอายใจ—ปีติของการมีสันติสุขในใจ การจับตามองนั้นทำให้เขามีความกล้าหาญที่จะสารภาพต่อภรรยาและอธิการของเขาเกี่ยวกับปัญหาสื่อลามกและการนอกใจที่ตามมา ตอนนี้เขาทำทุกสิ่งที่อธิการแนะนำให้เขาทำและพยายามสุดหัวใจเพื่อให้ได้ความไว้วางใจจากภรรยาที่รักของเขากลับคืนมา

เยาวชนหญิงคนหนึ่งจับตามองไปที่ปีติของการดำรงความบริสุทธิ์ทางเพศเพื่อช่วยให้เธออดทนต่อการล้อเลียนจากเพื่อนๆ ขณะที่เธอเดินหนีสถานการณ์ที่เพื่อนนิยมชมชอบและยั่วยุอารมณ์ แต่อันตรายทางวิญญาณ

ชายคนหนึ่งซึ่งเหยียบย่ำภรรยาของเขาและระบายความโกรธไปที่ลูกๆ จับตามองไปที่ปีติของความคู่ควรแก่การมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนที่ยั่งยืน การจับตามองนั้นเป็นแรงจูงใจให้เขาทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชน18 ซึ่งมักจะครอบงำเขา และทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนร่วมงานที่ดีของผมเล่าเกี่ยวกับการทดลองอย่างหนักตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาของเขาว่า “ผมได้เรียนรู้ที่จะทนทุกข์อย่างปีติ ความทุกข์ทรมานของผมถูกกลืนเข้าไปในปีติของพระคริสต์”19

ท่านกับข้าพเจ้าจะสามารถอดทนต่ออะไรได้บ้าง เมื่อเราจับตามองไปที่ปีติซึ่ง “อยู่ต่อหน้าเรา”20 แล้วการกลับใจอะไรเล่าจะเป็นไปได้ ความอ่อนแออะไรเล่าจะกลับเข้มแข็ง21 และการตีสอนอะไรเล่าจะกลับเป็นพร22 ความผิดหวัง แม้เหตุสลดใจอะไรเล่าจะเป็นไปเพื่อความดีของเรา23 และในการรับใช้พระเจ้ามีปัญหาอะไรบ้างที่เราสามารถสละให้ได้24

เมื่อเราพากเพียรจับตามองไปที่พระผู้ช่วยให้รอดแล้วทำตามแบบอย่างของพระองค์ในการจับตามองปีติ เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นที่สามารถขัดขวางปีติของเรา ท่านจำคอริฮอร์ ผู้ต่อต้านพระคริสต์ได้หรือไม่ คอริฮอร์เดินทางไปทั่วเพื่อประกาศความเท็จเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด จนกระทั่งถูกนำมาอยู่ต่อหน้ามหาปุโรหิตผู้ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงเที่ยวไปบิดเบือนทางของพระเจ้า? ทำไมท่านจึงสอนคนเหล่านี้ว่าจะไม่มีพระคริสต์, เพื่อขัดขวางการชื่นชมยินดีของพวกเขา?”25

สิ่งใดก็ตามที่ต่อต้านพระคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์จะขัดขวางปีติของเรา นั่นรวมถึงปรัชญาของมนุษย์ ซึ่งมีมากมายทางออนไลน์และในบล็อก สิ่งเหล่านั้นทำเหมือนกับที่คอริฮอร์ทำ26

หากเรามองไปที่โลกและทำตามสูตรความสุขของโลก27 เราจะไม่มีวันรู้จักปีติ คนอธรรมอาจประสบกับอารมณ์และความรู้สึกได้หลากหลาย แต่พวกเขาจะไม่มีวันประสบกับปีติ!28 ปีติเป็นของประทานสำหรับคนซื่อสัตย์29 เป็นของประทานที่มาจากความตั้งใจพยายามดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม ดังที่พระเยซูคริสต์ทรงสอน30

พระองค์ทรงสอนให้เรารู้วิธีมีปีติ เมื่อเราเลือกพระบิดาบนสวรรค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของเรา31และเมื่อเราสามารถรู้สึกถึงการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งทำงานในชีวิตเรา เราจะเปี่ยมด้วยปีติ32 ทุกครั้งที่เราเอาใจใส่คู่ครองและนำทางลูกๆ ของเรา ทุกครั้งที่เราให้อภัยคนบางคนหรือขอการให้อภัย เราจะรู้สึกถึงปีติ

ทุกวันที่ท่านและข้าพเจ้าเลือกดำเนินชีวิตตามกฎซีเลสเชียล ทุกวันที่เรารักษาพันธสัญญาของเราและช่วยให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกัน ปีติจะเป็นของเรา

จงฟังถ้อยคำของผู้สดุดี “ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์ไว้ตรงหน้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือ ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว … ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น”33 เมื่อหลักธรรมนี้ฝังใจเรา แต่ละวันและทุกวันจะเป็นวันแห่งปีติและความยินดี34 ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งนี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู 2 ทิโมธี 3:1–5.

  2. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:26; 88:91.

  3. 2 ทิโมธี 3:2–4.

  4. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:5.

  5. เอเฟซัส 6:12.

  6. 2 นีไฟ 2:25.

  7. ลิลเบิร์น ดับเบิลยู. บ๊อกส์ ผู้ว่าการรัฐมิสซูรีออกคำสั่งให้กำจัดชาวมอรมอนให้สิ้นซากในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1838 (ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 377).

  8. ดู เอไลซา อาร์. สโนว์, ใน เอ็ดเวอร์ด ดับเบิลยู. ทูลลิดจ์, The Women of Mormondom (1877), 145–146.

  9. “โลกจงสุขี,” เพลงสวด บทเพลงที่ 94.

  10. ผู้สอนศาสนาทำดังที่พระเจ้าทรงบัญชา กล่าวคือ พวกเขาสั่งสอน สอน และให้บัพติศมาในพระนามของพระองค์ (ดู มัทธิว 28:19; มาระโก 16:15; มอรมอน 9:22; หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:8; 84:62; 112:28). ในคำสวดอ้อนวอนเพื่อผู้อื่น พระเยซูทรงประกาศความสัมพันธ์ของพระองค์กับปีติของสานุศิษย์ของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า, “แต่บัดนี้ข้าพระองค์กำลังจะไปหาพระองค์ ข้าพระองค์กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในโลก เพื่อให้เขาได้รับ ความชื่นชมยินดี ของ ข้าพระองค์ อย่างเต็มเปี่ยม” (ยอห์น 17:13; เน้นตัวเอน).

  11. ดู แอลมา 13:22.

  12. ฟีลิปปี 4:7.

  13. หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7.

  14. ดู 2 นีไฟ 2:2.

  15. ฮีบรู 12:2.

  16. หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:36.

  17. ฮีบรู 12:2.

  18. ดู โมไซยาห์ 3:19. หมายเหตุ: “มนุษย์ปุถุชน” ไม่ได้เป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่เขายังเป็นศัตรูต่อภรรยาและลูกๆ ของเขาด้วย

  19. ดู แอลมา 31:38.

  20. ฮีบรู 12:2.

  21. ดู อีเธอร์ 12:27.

  22. ดู ฮีบรู 12:6.

  23. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 122:7.

  24. ดู มัทธิว 19:26; มาระโก 10:27.

  25. แอลมา 30:22. พระคัมภีร์มอรมอนเต็มไปด้วยแบบอย่างของชายและหญิงที่ประสบกับปีติและชื่นชมยินดี เพราะพวกเขาเลือกติดตามพระเยซูคริสต์ การเลือกสิ่งอื่นใดก็ตาม ดังในกรณีของคอริฮอร์ นำไปสู่ความพินาศในที่สุด

  26. การใส่ร้าย หมายถึงการบิดเบือนความจริง นิยามว่าเป็นข้อความเท็จและประสงค์ร้ายที่ทำขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของบางคนหรือบางสิ่ง การใส่ร้ายเกิดขึ้นในสมัยของคอริฮอร์ และกำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธพูดถึงความแข็งแกร่งของศาสนจักรแม้ในยามเผชิญการใส่ร้าย ท่านกล่าวว่า “มาตรฐานแห่งความจริงได้รับการสถาปนา มือที่ไม่สะอาดไม่สามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของงานนี้ได้ การข่มเหงอาจทวีความรุนแรง ฝูงชนอาจชุมนุมกันต่อต้าน กองทัพอาจรวมตัวกันคุกคาม การสบประมาทอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง แต่ความจริงของพระผู้เป็นเจ้าจะดำเนินต่อไปอย่างองอาจ มีเกียรติ และเป็นอิสระ จนกว่าจะเข้าไปสู่ทุกทวีป ทุกประชาชาติ ทุกภาษา และก้องอยู่ในทุกหู จนกว่าพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จ และพระเยโฮวาห์ผู้ทรงฤทธานุภาพจะตรัสว่างานสำเร็จแล้ว” (คำสอน: โจเซฟ สมิธ, 478).

  27. โลกสอนว่าการซื้อ สิ่งของ จะนำปีติมาให้เรา และหากนั่นไม่ได้ผล ก็ให้ซื้อมากขึ้นอีก! โลกสอนด้วยว่าท่านจะทำบาปไปเรื่อยๆ จนมีปีติ และหากนั่นไม่ได้ผล ให้ทำบาปเพิ่มขึ้นอีก! คำสัญญาที่ว่าสุดปลายรุ้งแห่งความเกษมสำราญมีปีติมากมายรออยู่นั้น ไม่จริง!

  28. ไม่ใช่ในโลกนี้แต่ในโลกที่จะมาถึง

  29. วิสุทธิชนที่ชอบธรรม “พวกเขาที่อดทนต่อกางเขนทั้งหลายของโลกมาแล้ว … จะสืบทอดอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นมรดก, … และปีติของพวกเขาจะเปี่ยมอยู่ตลอดกาล.” (2 นีไฟ 9:18).

  30. สำหรับตัวอย่าง, ดู 2 นีไฟ 27:30; แอลมา 27:16–18.

  31. ดู 1 นีไฟ 17:40.

  32. ดู โมไซยาห์ 4:2–3.

  33. สดุดี 16:8, 11.

  34. ดู อิสยาห์ 35:10; 2 นีไฟ 8:3.