โดยการศึกษาและ โดยศรัทธา
ขอให้ท่านพบปีติและสันติสุขที่มาจากการรู้ว่าโดยผ่านการสอนของท่าน ท่านได้สัมผัสชีวิตและหนุนใจลูกคนหนึ่งของพระบิดาบนสวรรค์ระหว่างเดินทางกลับไปที่ประทับของพระองค์
ในการประชุมอบรมเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) กล่าวเกี่ยวกับการสอนหลักคำสอนของศาสนจักรว่า “เราต้องระวังให้มาก เราต้องคอยดูว่าเราไม่ออกนอก [หลักสูตร] ขณะที่เราพยายามเป็นตัวของตัวเอง สร้างสรรค์ และแตกต่าง เราอาจสอนสิ่งที่อาจไม่สอดคล้องโดยสิ้นเชิงกับหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ … เราควรจะระวังให้มากขึ้น … เราต้องเป็นยามบนหอสูง”1
ขณะที่การศึกษาของศาสนจักรรุดหน้าในศตวรรษที่ 21 นักการศึกษาของเราต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาควรทำในวิธีที่พวกเขาเตรียมสอน วิธีที่พวกเขาสอน และสิ่งที่พวกเขาสอนถ้าพวกเขาจะสร้างศรัทธาอันไม่สั่นคลอนในชีวิตเยาวชนที่ล้ำค่าของเรา
หมดยุคที่นักเรียนถามคำถามที่จริงใจและครูตอบว่า “อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย!” หมดยุคที่นักเรียนเอ่ยข้อกังวลที่จริงใจและครูตอบโดยแสดงประจักษ์พยานของเขาเพื่อเลี่ยงประเด็นนั้น หมดยุคที่นักเรียนได้รับความคุ้มครองจากคนที่โจมตีศาสนจักร
โชคดีที่พระเจ้าได้ประทานคำแนะนำที่ทันสมัยและไม่ตกยุคนี้ “และเนื่องจากคนทั้งปวงไม่มีศรัทธา, เจ้าจงแสวงหาอย่างขยันหมั่นเพียรและสอนถ้อยคำแห่งปัญญาให้กัน; แท้จริงแล้ว, เจ้าจงแสวงหาถ้อยคำแห่งปัญญาจากหนังสือดีที่สุด, แสวงหาการเรียนรู้แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย” (คพ. 88:118)
สิ่งนี้ประยุกต์ใช้ได้เป็นพิเศษกับปัจจุบันเพราะใช่ว่านักเรียนทุกคนของเรามีศรัทธาที่จำเป็นต้องใช้เผชิญความท้าทายข้างหน้าและเพราะนักเรียนหลายคนเปิดรับพลังกัดกร่อนของโลกไปแล้วผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งนับวันจะเป็นปฏิปักษ์ต่อศรัทธา ครอบครัว และมาตรฐานพระกิตติคุณมากขึ้น อินเทอร์เน็ตกำลังขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเข้าไปในบ้านเกือบทุกหลัง เข้าไปในมือและความคิดของนักเรียนของเรา
ท่านสามารถช่วยนักเรียนได้โดยสอนพวกเขาว่าการผสมผสานการศึกษาและศรัทธาขณะพวกเขาเรียนรู้หมายความว่าอย่างไร สอนพวกเขาโดยจำลองทักษะและวิธีนี้ในชั้นเรียน
ประธานฮาโรลด์ บี. ลี (1899–1973) ให้ความเห็นว่า
“เราขอเตือนท่านว่าการได้ความรู้โดยศรัทธาไม่ได้เป็นทางราบไปสู่การเรียนรู้ ต้องพยายามอย่างมากและขวนขวายไม่หยุดยั้งโดยศรัทธา …
“การเรียนรู้โดยศรัทธาไม่ใช่งานสำหรับชาย [หรือหญิง] ที่เกียจคร้าน มีคนกล่าวว่ากระบวนการเช่นนั้นเรียกร้องให้ทุ่มเททั้งจิตวิญญาณ เชื่อมโยงความคิดและความรู้สึกในส่วนลึกที่สุดของบุคคลนั้นกับพระผู้เป็นเจ้า—ต้องสร้างการเชื่อมโยงที่ถูกต้อง แล้วเมื่อนั้น ‘ความรู้โดยศรัทธา’ จะเกิดขึ้น”2
ความรู้โดยศรัทธาจะก่อให้เกิดประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์ และประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์มีพลังเปลี่ยนชีวิตดังอธิบายไว้ในเรื่องเล่าสั้นๆ ต่อไปนี้
เรื่องเล่าสามเรื่อง
ฟีบี คาร์เตอร์ออกจากบ้านของเธอในรัฐเมน สหรัฐอเมริกาไปรวมกับวิสุทธิชนในรัฐโอไฮโอในทศวรรษ 1830 เธอจำได้ว่า “เพื่อนๆ ประหลาดใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ ดิฉันเองก็ประหลาดใจ แต่มีบางอย่างในตัวดิฉันบีบคั้นให้ทำเช่นนั้น ดิฉันแทบจะทนดูความเศร้าโศกของคุณแม่ขณะที่ดิฉันออกจากบ้านไม่ไหว และถ้าไม่ใช่เพราะพระวิญญาณที่อยู่ในใจดิฉันคงจะใจอ่อนไปแล้ว”3
ฟีบีติดตามศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและมารวมกับวิสุทธิชนในรัฐโอไฮโฮและต่อมาในรัฐยูทาห์ เธอสิ้นชีวิตที่นั่นในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์และเทียมแอกเสมอกันในฐานะภรรยาของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ประธานศาสนจักร (1807–1898)
สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มาเรียน จี. รอมนีย์ (1897–1988) ตัดสินใจจะไม่รับใช้งานเผยแผ่เพราะสถานะการเงินของครอบครัว แต่ครั้งหนึ่งท่านได้ยินเอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ด (1873–1939) พูด ชีวประวัติเขียนว่า “[มาเรียน] ไม่รู้เลยว่าวิถีชีวิตของท่านในช่วงเวลาสั้นมากนั้นจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”
เรื่องราวดำเนินต่อไปว่า “เพราะเป็นครั้งแรกที่มาเรียน … เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการอยู่ใต้อิทธิพลของการดลใจนั้น [เป็น] อย่างไร ความรู้สึกเจ็บแปลบซาบซ่านอัดแน่นจิตวิญญาณของเขา เขา … ไม่เคยซาบซึ้งใจเท่านี้มาก่อนขณะฟังคำพูดของอัครสาวกคนใหม่ล่าสุด …
“… สีหน้าเปล่งปลั่งของอัครสาวกและความจริงใจในประจักษ์พยาน [ของ] ท่านทำให้เขาเปี่ยมด้วยความปรารถนาจะไปเป็นผู้สอนศาสนาจนสุดจะต้านไหว … เขารู้ว่าต้องเลื่อนแผนการศึกษาต่อออกไปก่อน”4
ไม่นาน มาเรียนเดินทางไปออสเตรเลีย เขารับใช้ที่นั่นอย่างซื่อสัตย์ ต่อมาเขากลายเป็นอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่และเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุด
เรื่องสุดท้ายมาจากประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองเกี่ยวกับอิทธิพลของครูสูงวัยที่มีต่อวิลเลียม อี. แบร์เรตต์ ครูผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสจากนอร์เวย์มีทักษะภาษาอังกฤษไม่ดีนัก แม้ครูจะมีข้อจำกัด ประธานแพคเกอร์จำได้ แต่บราเดอร์แบเรตต์เป็นพยานถึงครูคนนี้ว่า “เราทำให้มือเราอุ่นได้ด้วยไฟแห่งศรัทธาของเขา”5
ต่อมา วิลเลียมกลายเป็นหัวหน้าของเซมินารี สถาบัน และสถานศึกษาของศาสนจักร
สำหรับฟีบี มาเรียน และวิลเลียม การได้ฟังประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์กลายเป็นแรงกระตุ้นที่เปลี่ยนชีวิตพวกเขาตลอดกาล สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้กับคนที่ท่านสอน แต่จากความเป็นจริงของโลกทุกวันนี้ ประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์อาจไม่พอเสมอไป ฟีบี มาเรียน และวิลเลียมสะอาดบริสุทธิ์และเป็นอิสระจากสื่อลามกและกลิ่นอายของโลกขณะนั่งอยู่แทบเท้าผู้สอนศาสนา ครู และผู้นำที่ได้รับการดลใจ พระวิญญาณจึงแทรกซึมเข้าไปในใจที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ของพวกเขาโดยง่าย
ปัจจุบันเรื่องราวต่างจากนั้นมาก นักเรียนบางคนของท่านได้รับผลกระทบจากสื่อลามกและกลิ่นอายของโลกไปแล้วก่อนที่พวกเขาจะมาถึงชั้นเรียนของท่าน
ยุคก่อนคนหนุ่มสาวของเราเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หลักคำสอน และแนวทางปฏิบัติได้เฉพาะในสื่อการเรียนการสอนที่ศาสนจักรพิมพ์ออกมาเท่านั้น มีนักเรียนไม่กี่คนที่ได้สัมผัสกับการตีความแบบอื่น ส่วนใหญ่แล้วคนหนุ่มสาวของเรามีชีวิตอยู่ในที่กำบัง
หลักสูตรของเราสมัยนั้น แม้จะมีเจตนาดี แต่ไม่ได้เตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับวันนี้—วันที่พวกเขาเข้าถึงทุกอย่างเกี่ยวกับศาสนจักรได้ทันทีจากทุกมุมมองเท่าที่จะเป็นไปได้ ทุกวันนี้สิ่งที่พวกเขามองเห็นบนอุปกรณ์พกพามีแนวโน้มว่าจะท้าทายศรัทธามากเท่าๆ กับส่งเสริมศรัทธา คนหนุ่มสาวจำนวนมากของเราคุ้นเคยกับกูเกิลมากกว่าพระกิตติคุณ เคยชินกับอินเทอร์เน็ตมากกว่าการดลใจ และเกี่ยวข้องกับเฟซบุคมากกว่าศรัทธา
ผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน
เนื่องจากความท้าทายเหล่านี้ คณะกรรมการการศึกษาของศาสนจักรจึงอนุมัติโครงการหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ในเซมินารีเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน โครงการใหม่นี้ใช้สิ่งที่ทำไว้แล้วในผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เป็นพื้นฐาน เน้นเรื่องการสร้างและเสริมสร้างศรัทธาของนักเรียนในพระเยซูคริสต์ เพิ่มพลังความสามารถให้พวกเขาดำเนินชีวิตและประยุกต์ใช้พระกิตติคุณในชีวิต พวกเขาจะเรียนรู้วิธีปฏิบัติด้วยศรัทธาในพระคริสต์เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิญญาณและความเข้าใจในพระกิตติคุณของพระองค์โดยอาศัยพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ พวกเขาจะมีโอกาสเรียนรู้วิธีประยุกต์ใช้หลักคำสอนของพระคริสต์และหลักธรรมพระกิตติคุณกับคำถามและความท้าทายที่พวกเขาได้ยินและเห็นอยู่ทุกวันในหมู่เพื่อนและสื่อสังคม
โครงการนี้ได้รับการดลใจและเหมาะกับยุคสมัย จะมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อคนหนุ่มสาวของเรา แต่ความสำเร็จของผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน และโปรแกรมการศึกษาอื่นทั้งหมดในระบบการศึกษาของศาสนจักร จะขึ้นอยู่กับครูของเราเป็นสำคัญ
ในขณะเผชิญความท้าทายเหล่านี้ ครูสอนพระกิตติคุณมีโอกาสและความรับผิดชอบอะไรบ้างในศตวรรษที่ 21 แน่นอนว่าครูอย่างท่านต้องรักพระเจ้า ศาสนจักรของพระองค์ และนักเรียนของท่าน ท่านต้องแสดงประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์อย่างจริงใจและบ่อยครั้งเช่นกัน นอกจากนี้ มากกว่ายุคใดในประวัติศาสตร์ของเรา นักเรียนของท่านจำเป็นต้องได้รับพรจากการเรียนเนื้อหาและบริบทด้านหลักคำสอนและประวัติศาสตร์โดยการศึกษาและโดยศรัทธาควบคู่กับประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะประสบกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระกิตติคุณอย่างยั่งยืนและสุกงอม และมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะติดตามพระเยซูคริสต์ชั่วชีวิต การเปลี่ยนใจเลื่อมใสอย่างยั่งยืนและสุกงอมหมายความว่าพวกเขาจะ “อยู่ในเรือและจับให้แน่น” ตลอดชีวิต6
เพื่อให้ ท่าน เข้าใจเนื้อหาและบริบทด้านหลักคำสอนและประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์และประวัติของเรา ท่านจะต้องศึกษาจาก “หนังสือดีที่สุด” ตามที่พระเจ้าทรงแนะนำ (คพ. 88:118) “หนังสือดีที่สุด” ได้แก่พระคัมภีร์ คำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกยุคปัจจุบัน และจากผลงานด้านวิชาการแอลดีเอสที่ดีที่สุด การหมั่นเรียนรู้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาของท่านจะช่วยให้นักเรียนของท่านได้เรียนรู้ทักษะและเจตคติที่จำเป็นต้องใช้แยกแยะระหว่างข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งจะยกพวกเขาขึ้นกับความจริงเพียงครึ่งเดียวและการตีความผิดๆ เกี่ยวกับหลักคำสอน ประวัติศาสตร์ และแนวทางปฏิบัติซึ่งจะทำให้พวกเขาสูญเสียศรัทธา
จงสอนพวกเขาเกี่ยวกับความท้าทายที่พวกเขาพบเจอเมื่อกำลังใช้อินเทอร์เน็ตตอบคำถามที่มีความสำคัญนิรันดร์ เตือนพวกเขาว่ายากอบไม่ได้กล่าวว่า “ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นไปหากูเกิล!” (ดู ยากอบ 1:5)
คนฉลาดไม่ใช้อินเทอร์เน็ตวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และสุขภาพกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่คุกคามชีวิต แต่พวกเขาไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ผู้ได้รับการฝึกฝนและได้รับใบอนุญาตจากแพทยสภาประจำรัฐที่มีใบรับรอง แม้กระนั้นคนรอบคอบก็ยังขอความเห็นที่สอง
ถ้านั่นเป็นแนวทางที่สมเหตุสมผลในการหาคำตอบของปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ และสุขภาพกายแล้วละก็ เรายิ่งต้องทำมากกว่านั้นเมื่อมีชีวิตนิรันดร์เป็นเดิมพัน เมื่อมีบางอย่างคุกคามชีวิตทางวิญญาณของเรา ความสัมพันธ์อันล้ำค่าที่สุดของครอบครัวเรา และการเป็นสมาชิกของเราในอาณาจักร เราควรไปขอให้ผู้นำศาสนจักรที่ละเอียดรอบคอบและซื่อสัตย์ช่วยเรา หากจำเป็นเราควรขอความช่วยเหลือจากผู้ได้รับการอบรมที่เหมาะสมด้านวิชาการ มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญ
นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าทำเมื่อต้องการคำตอบสำหรับคำถามที่ข้าพเจ้าตอบเองไม่ได้ ข้าพเจ้าขอความช่วยเหลือจากพี่น้องในโควรัมอัครสาวกสิบสองและจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาประวัติศาสตร์และหลักคำสอนของศาสนจักร
ครูสอนพระกิตติคุณควรเป็นคนแรก—นอกจากครอบครัวของนักเรียน—ที่แนะนำแหล่งเชื่อถือได้เกี่ยวกับหัวข้อที่อาจรู้กันน้อยมากหรือก่อให้เกิดการโต้แย้งทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนประเมินสิ่งที่พวกเขาจะได้ยินหรืออ่านในภายหลังกับสิ่งที่พวกเขาได้รับการสอนมาแล้ว
การฉีดวัคซีนทางวิญญาณ
เราให้วัคซีนแก่ผู้สอนศาสนาอันเป็นที่รักของเราก่อนส่งพวกเขาไปในสนามเผยแผ่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาติดโรคที่เป็นอันตราย ในทำนองเดียวกัน ก่อนท่านส่งนักเรียนเข้าไปในโลก จงฉีดวัคซีนให้พวกเขาโดยให้คำอธิบายที่ถูกต้อง ละเอียด และเชื่อถือได้เกี่ยวกับหลักคำสอนพระกิตติคุณ พระคัมภีร์ ประวัติของเรา และหัวข้อเหล่านั้นที่บางครั้งเข้าใจกันผิด
ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงหัวข้อที่รู้กันน้อยมากหรือก่อให้เกิดการโต้แย้ง อย่างเช่น การแต่งภรรยาหลายคน ศิลาพยากรณ์ เรื่องราวต่างกันของนิมิตแรก ขั้นตอนการแปลพระคัมภีร์มอรมอนหรือหนังสือของอับราฮัม ประเด็นเรื่องเพศ เชื้อชาติกับฐานะปุโรหิต และพระมารดาบนสวรรค์
การพยายามฉีดวัคซีนให้คนหนุ่มสาวของเรามักจะตกเป็นหน้าที่ของครูระบบการศึกษาของศาสนจักร ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องหาเวลาขบคิดเกี่ยวกับโอกาสของท่านและความรับผิดชอบของท่าน
ผู้นำศาสนจักรทุกวันนี้รู้อยู่เต็มอกเรื่องการเข้าถึงข้อมูลได้ไม่จำกัด และเรากำลังพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้บริบทและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคำสอนเรื่องการฟื้นฟู ตัวอย่างที่ดีมากของความพยายามนี้คือบทความเกี่ยวกับหัวข้อพระกิตติคุณ 11 หัวข้อที่ LDS.org7 ให้คำอธิบายที่เชื่อถือได้และเป็นธรรมของข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรซึ่งก่อให้เกิดการโต้แย้งและไม่คุ้นเคย
สำคัญที่ท่านต้องรู้เนื้อหาของบทความเหล่านี้ หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับบทความดังกล่าว ขอให้ถามคนที่ศึกษามาแล้วและเข้าใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจง “แสวงหาการเรียนรู้, แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย” (คพ. 88:118) ขณะที่ท่านทำให้ตนรอบรู้เนื้อหาของบทความเหล่านี้
ท่านควรคุ้นเคยกับเว็บไซต์ Joseph Smith Papers8 หมวดประวัติศาสนจักรที่ LDS.orgและแหล่งข้อมูลอื่นจากนักวิชาการแอลดีเอสที่ซื่อสัตย์ด้วย
การพยายามให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับพระกิตติคุณและการฉีดวัคซีนทางวิญญาณผ่านการศึกษาหลักคำสอนและประวัติศาสตร์ ควบคู่กับประจักษ์พยานที่ลุกโชน เป็นยาถอนพิษขนานเอกที่เรามีไว้ช่วยให้นักเรียนหลีกเลี่ยงและรับมือกับคำถาม ความสงสัย หรือวิกฤตศรัทธาที่พวกเขาอาจพบเจอในยุคข้อมูลนี้
เมื่อครูอย่างท่านพยายามเข้าใจประวัติศาสตร์ หลักคำสอน และแนวทางปฏิบัติของเรามากขึ้น—มากกว่าตอนนี้—ท่านจะพร้อมให้คำตอบที่ละเอียด ถูกต้อง และได้รับการดลใจแก่คำถามของนักเรียน
วิธีหนึ่งที่จะรู้ว่านักเรียนของท่านมีคำถามอะไรบ้างคือตั้งใจฟังพวกเขา ครูที่ดีทุกคนต้องเป็นผู้ฟังที่ดี นอกจากจะฟังนักเรียนของท่านแล้ว จงกระตุ้นพวกเขาในชั้นเรียนหรือเป็นส่วนตัวให้ถามท่านเกี่ยวกับหัวข้อใดก็ได้ คำถามสำคัญที่สุดข้อหนึ่งที่นักเรียนอาจถามคือ “ทำไม” เมื่อถามด้วยความปรารถนาจะเข้าใจ “ทำไม” จึงเป็นคำถามที่ดีมาก เป็นคำถามที่ผู้สอนศาสนาต้องการให้ผู้สนใจถาม ทำไมเราอยู่ที่นี่ ทำไมเรื่องร้ายๆ จึงเกิดกับคนดี ทำไมเราควรสวดอ้อนวอน ทำไมเราควรติดตามพระคริสต์ บ่อยครั้งคำถาม “ทำไม” นำไปสู่การดลใจและการเปิดเผย การรู้แผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์จะช่วยท่านตอบคำถาม “ทำไม” ได้เกือบทั้งหมด
ต่อไปนี้เป็นข้อสังเกตสุดท้ายประการหนึ่งเกี่ยวกับการตอบคำถาม สำคัญที่ต้องสอนนักเรียนว่าแม้พระกิตติคุณจะให้คำตอบมากมายสำหรับคำถามสำคัญที่สุดของชีวิต แม้ไม่ได้ให้คำตอบส่วนใหญ่ แต่พระกิตติคุณตอบคำถามบางข้อไม่ได้ในความเป็นมรรตัยเพราะเราขาดข้อมูลที่จำเป็นต่อการได้รับคำตอบที่เหมาะสม ดังที่เราเรียนรู้ในเจคอบว่า “ดูเถิด, งานของพระเจ้าสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์ ห้วงลึกแห่งความลี้ลับของพระองค์สุดจะหยั่งถึง; และเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะค้นพบทางของพระองค์ทั้งหมด. และหาได้มีใครรู้จักทางของพระองค์ไม่นอกจากจะทรงเปิดเผยให้เขา” (เจคอบ 4:8; ดู คพ. 101:32–34ด้วย)
คำเตือน
ต่อไปนี้เป็นคำเตือน โปรดรับรู้ว่าท่านอาจเชื่อเช่นเดียวกับนักเรียนหลายๆ คนของท่านว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ หลักคำสอน และประวัติศาสตร์ การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้เปิดเผยว่า “ยิ่งคนคิดว่าพวกเขารู้หัวข้อหนึ่งมากเท่าใด พวกเขายิ่งมีแนวโน้มจะอ้างว่าเข้าใจนอกเหนือสิ่งที่รู้มากเพียงนั้น แม้ถึงกับแสร้งทำเป็นรู้ … และเสกสรรปั้นแต่งข้อมูลขึ้นมาเอง”9
ครูสอนพระกิตติคุณของเราพึงหลีกเลี่ยงการล่อลวงนี้ที่เรียกว่า อวดรู้ ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะพูดว่า “ผมไม่รู้” อย่างไรก็ดี เคยมีคนกล่าวว่า ท่านมีความรับผิดชอบในการหาคำตอบที่ดีที่สุดให้คำถามน่าคิดที่นักเรียนถาม (ดู คพ. 101:32–34)
ขณะสอนนักเรียนและตอบคำถามของพวกเขา ข้าพเจ้าขอเตือนท่านว่าอย่าส่งต่อข่าวลือที่ตั้งใจจะส่งเสริมศรัทธาแต่ไม่เป็นความจริงหรือความเข้าใจและคำอธิบายที่ล้าสมัยเกี่ยวกับหลักคำสอนและแนวทางปฏิบัติของเราในอดีต นับว่าฉลาดเสมอถ้าจะสร้างนิสัยของการศึกษาถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิต ติดตามประเด็น นโยบาย และถ้อยแถลงปัจจุบันของศาสนจักรผ่าน mormonnewsroom.org และ LDS.org ค้นคว้าผลงานของนักวิชาการแอลดีเอสที่ซื่อสัตย์ รอบคอบ และได้รับการยอมรับเพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่สอนสิ่งที่ไม่จริง ล้าสมัย หรือแปลกประหลาด
ผู้เขียนงานวิจัยเรื่องการอวดรู้ตั้งข้อสังเกตว่า “แนวโน้มที่จะอวดรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่คิดว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ … อาจขัดขวางไม่ให้บุคคลนั้นศึกษาหาความรู้ในด้านที่พวกเขาคิดว่าตนรู้ดี”10
นอกจากจะเป็นผู้เรียนชั่วชีวิตแล้ว ท่านต้องทำสิ่งเหล่านั้นในชีวิตส่วนตัวของท่านด้วยเพื่อให้พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำงานในท่าน อย่างเช่น สวดอ้อนวอนอย่างจริงใจทุกวัน อดอาหารอย่างซื่อสัตย์ ศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ตลอดจนถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตเป็นประจำ ทำให้วันสะบาโตเป็นวันปีติยินดี รับส่วนศีลระลึกด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลา นมัสการในพระวิหารให้บ่อยที่สุด และสุดท้าย ยื่นมือช่วยเหลือคนขัดสน คนยากไร้ และคนเหงา—ทั้งคนใกล้ชิดและคนทั่วโลก
เพื่อให้โอกาสและความรับผิดชอบของท่านเกิดสัมฤทธิผลอย่างเหมาะสม ท่านต้องปฏิบัติสิ่งที่ท่านสอน!
จงกล้าขอคำปรึกษาและการแก้ไขจากคนที่ท่านไว้ใจ อาทิ คู่สมรส ผู้นำฐานะปุโรหิต หรือหัวหน้างาน ถามพวกเขาว่าท่านจะปรับปรุงอะไรได้บ้างในการเป็นสานุศิษย์ของท่าน หลีกเลี่ยงสิ่งใดก็ตามที่ขับพระวิญญาณออกไป
นอกจากนี้ ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านสัมภาษณ์ตัวท่านเองสักครั้งและทบทวน 2 นีไฟ 26:29–32, แอลมา 5:14–30, และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:33–46 การทำเช่นนั้นจะช่วยท่านแยกแยะการล่อลวงรูปแบบต่างๆ ที่เราทุกคนอาจพบเจอ ถ้ามีสิ่งใดต้องเปลี่ยนในชีวิตท่าน จงตั้งใจแก้ไข
หลีกเลี่ยงการล่อลวงให้สงสัยเจตนาของผู้ร่วมงาน แต่มองลึกเข้าไปในใจท่าน ค้นหาความปรารถนาและเจตนาของท่านเอง พระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้นทรงสามารถเปลี่ยนใจท่าน ทรงทำให้ความปรารถนาและเจตนาของท่านสอดคล้องกับพระองค์
คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องรู้ เข้าใจ น้อมรับ และมีส่วนร่วมในแผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า การเข้าใจแผนจะให้ความเข้าใจอันลึกซึ้งแก่พวกเขาซึ่งจะทำให้พวกเขามองตนเองในฐานะบุตรและธิดาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะให้เลนส์ขยายความเข้าใจในหลักคำสอน แนวทางปฏิบัติ และนโยบายเกือบทุกข้อของศาสนจักร
ครูสอนพระกิตติคุณทุกวันนี้ต้องยอมรับโอกาสและความรับผิดชอบในการสอนหลักธรรมที่ถูกต้องเกี่ยวกับแผนแก่คนหนุ่มสาวของศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงหลักคำสอนที่บริสุทธิ์เรื่องการแต่งงานและบทบาทของครอบครัวดังที่นิยามไว้ในถ้อยแถลงเรื่องครอบครัว11
หลักคำสอนเรื่องการแต่งงานนิรันดร์
หลักคำสอนเรื่องการแต่งงานนิรันดร์และครอบครัวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงครอบครัวของเราเองที่ผนึกแล้วในพระวิหารอันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ในอาณาจักรซีเลสเชียล เพราะหลักคำสอนเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับครอบครัวของพระองค์และบุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์ เราจึงได้รับการสอนในปฐมกาลว่า พระองค์ “ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” และทรงบัญชาท่านบิดาอาดัมและท่านมารดาเอวาให้ “มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน” (ดู ปฐมกาล 1:27–28)
มีกล่าวไว้ว่าแผนแห่งความสุขเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ครอบครัว ความจริงแล้วครอบครัวเริ่มต้นในโลกก่อนเกิด ซึ่งเราอยู่เป็นสมาชิกครอบครัวของบิดามารดาสวรรค์ของเรา ในที่สุด คำมั่นสัญญาภายในครอบครัวและความสัมพันธ์อันเปี่ยมด้วยรักจะไม่เพียงดำเนินต่อไปเท่านั้นแต่จะเพิ่มทวีผ่านกระบวนการให้กำเนิดด้วย (ดู คพ. 131:1–4; 132:19)
จุดสำคัญที่เชื่อมโยงทั้งหมด—ซึ่งแผนของพระผู้เป็นเจ้าและจุดหมายนิรันดร์ของเรารวมทั้งสิ่งอื่นทั้งหมดขึ้นอยู่กับจุดนั้น—คือพระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์ การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการแต่งงานนิรันดร์และครอบครัวที่รักและห่วงใยกันเท่านั้น
พระเจ้าทรงสอนเราว่าคนๆ เดียวจะไม่ได้รับทั้งหมดที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีให้บุตรธิดาของพระองค์ ไม่ว่าเขาจะมีความชอบธรรมเพียงใดก็ตาม คนเดียวเท่ากับครึ่งเดียว ไม่สามารถอยู่ในระดับสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียลได้ (ดู 1 โครินธ์ 11:11; คพ. 131:1–4)
นักเรียนของท่านต้องเข้าใจว่าจุดประสงค์ของความเป็นมรรตัยคือเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นโดยรับร่างกาย ใช้สิทธิ์เสรี และยอมรับบทบาทที่เคยเป็นของบิดามารดาสวรรค์เท่านั้น—นั่นคือบทบาทของสามี ภรรยา และบิดามารดา
ศาสดาพยากรณ์ยืนยันว่าทุกคนที่มีค่าควรและพึ่งพาพระเยซูคริสต์แต่ไม่สามารถรับการผนึกกับคู่ชีวิตหรือไม่สามารถมีบุตรธิดาในชีวิตนี้จะ มีโอกาสนั้นในโลกที่จะมาถึง
จงสอนคนหนุ่มสาวว่าในศาสนจักรของพระเจ้ามีที่ให้ทุกคนนมัสการ รับใช้ และเติบโตด้วยกันฉันพี่น้องในพระกิตติคุณ เตือนพวกเขาให้จดจำสิ่งที่ลีไฮสอน—ว่าเป้าหมายและความหวังของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระองค์สรุปได้ว่า “อาดัมตกเพื่อมนุษย์จะเป็นอยู่; และมนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ” (2 นีไฟ 2:25)
พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้เรายอมรับนิยามการแต่งงานของพระองค์และเชื่อฟังพระบัญชาแรกของพระองค์ให้ “มีลูกดกทวีมากขึ้น” (ปฐมกาล 1:28)—ไม่เพียงทำให้แผนของพระองค์เกิดสัมฤทธิผลเท่านั้นแต่พบปีติที่แผนของพระองค์ออกแบบไว้ให้บุตรและธิดาของพระองค์ด้วย
ในฐานะนักการศึกษาของศาสนจักร จงช่วยให้เยาวชนของเรามีความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งทำให้บุตรธิดาของพระองค์เกิดปีติแท้จริง จงช่วยให้พวกเขารู้ น้อมรับ มีส่วนร่วม และปกป้องแผนนี้ จากประสบการณ์ 40 ปีของข้าพเจ้าในฐานะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าเป็นห่วงสมาชิกศาสนจักรจำนวนมากของเรา ทั้งหนุ่มสาวและสูงวัย ผู้ไม่เข้าใจแผนสำหรับจุดหมายนิรันดร์อันสูงส่งของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ เพื่อนครูทั้งหลาย เราควรมองหาและใช้โอกาสเหล่านี้อธิบายทั้งด้านหลักคำสอนและทางวิญญาณว่าเหตุใดเราจึงเชื่อว่าความรู้เรื่องแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้าจึงตอบคำถาม “ทำไม” ได้เกือบทุกข้อที่มีคนถามเรา การแสดงความเชื่อของเราในชีวิตก่อนเกิดที่เราอยู่ในฐานะบุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาบนสวรรค์และพระมารดาบนสวรรค์ช่วยให้เราอธิบายได้ว่าทำไมจึงสร้างโลกนี้ จุดประสงค์จำเป็นประการหนึ่งของชีวิตมรรตัยคือเพื่อให้เรามีประสบการณ์สร้างครอบครัวด้วยตนเอง เฉพาะเวลานี้เท่านั้นที่เราจะเป็นบิดามารดาไม่ใช่แค่บุตรธิดา จงสั่งสมความเข้าใจพื้นฐานของท่านในเรื่องหลักคำสอนและจุดประสงค์ของแผนพระบิดาบนสวรรค์เพื่อความสุขนิรันดร์ของเรา และยังคงสอนต่อไป
สรุป
ข้าพเจ้าขอสรุปประเด็นที่ได้แบ่งปันกับท่านดังนี้
-
สอนให้นักเรียนผสมผสานการเรียนรู้โดยการศึกษาและศรัทธากับประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์
-
สอนให้นักเรียนอยู่ในเรือและจับให้แน่น!
-
สอนให้นักเรียนควบคุมอุปกรณ์มือถือของพวกเขาและเน้นให้เชื่อมต่อกับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากกว่าอินเทอร์เน็ต
-
ฉีดวัคซีนให้นักเรียนด้วยความจริงเรื่องแผนแห่งความรอดที่พบในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
-
จำไว้ว่า “ทำไม” สามารถเป็นคำถามที่ดีมากที่ทำให้เข้าใจพระกิตติคุณ
-
รอบรู้เนื้อหาในบทความเกี่ยวกับหัวข้อพระกิตติคุณ
-
อย่าอวดรู้และอย่ากลัวที่จะพูดว่า “ผมไม่รู้”
-
เป็นผู้เรียนชั่วชีวิต
-
ขอคำปรึกษาและการแก้ไขจากคนที่ท่านไว้ใจ
-
สัมภาษณ์ตนเองเป็นครั้งคราวเพื่อทบทวนความพร้อมทางวิญญาณของท่าน ความขยันหมั่นเพียรของท่าน และความมีประสิทธิผลของท่าน
-
สอนว่าแผนแห่งความสุขเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ครอบครัว นึกถึงแผนแห่งความรอดตลอดเวลา
-
สอนว่าการแต่งงานและครอบครัวทำให้เกิดปีติที่ยืนยาวและยั่งยืน
จำไว้ว่า การผสมผสานการเรียนรู้โดยการศึกษา โดยศรัทธา และโดยประจักษ์พยานที่บริสุทธิ์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่แท้จริง ยาวนาน และยั่งยืน เหนือสิ่งอื่นใด ศรัทธาที่เข้มแข็งในการชดใช้ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์จำเป็นต่อความเข้มแข็งและการเติบโตทางวิญญาณของเรา
ขอให้ท่านพบปีติและสันติสุขที่มาจากการรู้ว่าโดยผ่านการสอนของท่าน ท่านได้สัมผัสชีวิตและหนุนใจบุตรธิดาคนหนึ่งของพระบิดาบนสวรรค์ระหว่างเดินทางกลับไปที่ประทับของพระองค์