เสียงวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ได้รับความช่วยเหลือในห้องโถง
สามีดิฉันต้องทำงานวันอาทิตย์บ่อยๆ ดิฉันจึงต้องรับหน้าที่พาลูกชายสี่คนของเราไปโบสถ์ตามลำพัง วันอาทิตย์วันหนึ่งระหว่างการประชุมศีลระลึก ลูกวัยหัดเดินสองคนของเราทะเลาะกัน ถ้าดิฉันทำให้ลูกชายคนหนึ่งสนใจหนังสือ ลูกชายอีกคนก็อยากจะสนใจบ้าง ดิฉันลองใช้ขนมขบเคี้ยว ของเล่น และการระบายสี แต่ไม่ได้ผล ดิฉันหนักใจกับลูกชายที่ดูเหมือนจะนั่งนิ่งๆ ได้ไม่ถึงชั่วโมง
ดิฉันดึงของเล่นชิ้นเล็กออกจากกระเป๋ายื่นให้ลูกชายวัยหนึ่งขวบ ไทสันลูกชายวัยสามขวบร้องโวยวายทันทีขณะทุบน้องชายเพื่อพยายามแย่งของเล่น ดิฉันรู้สึกขายหน้าขณะพาลูกชายตัวน้อยสองคนที่กำลังทะเลาะกันและร้องโวยวายออกนอกห้องเข้าไปในห้องโถง
ใบหน้าของดิฉันเปียกน้ำตาอุ่นๆ ทันที ทำไมถึงยากขนาดนี้ ดิฉันกำลังทำสิ่งที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้ดิฉันทำโดยพาครอบครัวมาโบสถ์ ไม่ใช่หรือ แต่ดิฉันทำไม่ไหวอีกแล้ว ดิฉันเหนื่อยใจและอับอายที่ต้องพยายามควบคุมลูกชายตลอดการประชุมศีลระลึกตามลำพังทุกสัปดาห์ ดิฉันไม่อยากกลับมาอีก
ดิฉันนั่งคิดอยู่อย่างนี้ราว 15 วินาที จากนั้นซิสเตอร์คนหนึ่งที่ดิฉันแทบไม่รู้จักเดินตามดิฉันเข้ามาในห้องโถง เธอชื่อซิสเตอร์บูส์ เธอมักจะนั่งคนเดียวเพราะสามีเธอรับใช้ในฝ่ายอธิการและลูกๆ ของเธอโตแล้ว เธอพูดว่า “คุณมาคนเดียวตลอดเลยนะคะ! ดิฉันเห็นว่าคุณพยายามมาก ไทสันจะนั่งกับดิฉันได้ไหมคะ” ดิฉันคิดคำตอบไม่ออก! ดิฉันแค่พยักหน้าขณะที่เธอจูงเขาซึ่งตอนนี้มีความสุขและสงบลงแล้วกลับเข้าไปในห้องนมัสการ
ดิฉันเช็ดน้ำตา อุ้มลูกน้อย และเดินกลับเข้าไปในห้องนมัสการเพื่อรับฟังการประชุมที่เหลือด้วยความสงบ
วันอาทิตย์ต่อมาขณะที่เราเดินเข้าไปในการประชุมศีลระลึก ไทสันมองหาเพื่อนคนใหม่ของเขา ตอนกลางคืนเขาจะสวดอ้อนวอนว่า “ขอบพระทัยพระบิดาบนสวรรค์สำหรับซิสเตอร์บูส์ ข้าพระองค์รักเธอมาก!”
ตลอดสามปีนั้นไทสันยังคงมองหาซิสเตอร์บูส์ในห้องนมัสการ ปีที่แล้วดิฉันได้รับเรียกเป็นครูปฐมวัยของไทสัน เขาเป็นเด็กชายที่มีความสุขที่สุด
ดิฉันซาบซึ้งใจมากกับซิสเตอร์บูส์และการที่เธอเต็มใจรักและรับใช้ผู้อื่น ดิฉันรู้ว่าเราสามารถเป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่นได้เมื่อเรารับใช้ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับใช้