2018
ก่อนท่านได้รับเรียกให้รับใช้
August 2018


การเตรียมชีวิต

ก่อนท่านได้รับเรียกให้รับใช้

การรับใช้งานเผยแผ่เป็นอย่างไร

ภาพ
young men

ท่านเคยคิดเรื่องการรับใช้งานเผยแผ่หรือไม่ ถ้าเคย ท่านอาจจะเคยสงสัยว่าเป็นอย่างไร ต่อไปนี้เป็นโอกาสให้ท่านถามผู้สอนศาสนาเต็มเวลาบางคน (ไม่ใช่ผู้สอนศาสนาจริงๆ แต่คำตอบเหล่านี้เป็นต้นแบบได้):

ท่าน: “สวัสดีครับ เอ็ลเดอร์ วันธรรมดาทำอะไรบ้างครับ”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “เราตื่นเช้า—6:30 นาฬิกา ช่วงสองชั่วโมงต่อจากนั้นเราศึกษาพระคัมภีร์และภาษาคณะเผยแผ่ของเรา เราทบทวนเป้าหมายของสัปดาห์นั้นและวางแผนวันของเรา เราคิดแม้กระทั่งแผนสำรองถ้าคนไม่ว่างตามเวลานัด จากนั้นเราออกจากบ้าน ทำงานทั้งวัน หาคนสอน ประสานงานกับสมาชิก และทำนัดสอน”

ท่าน: “คุณเคยรู้สึกคิดถึงบ้านหรือเปล่า”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “เคย โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ของงานเผยแผ่ แต่เราสามารถอีเมลถึงครอบครัวและอ่านอีเมลจากพวกเขาสัปดาห์ละครั้ง เราพบว่าวิธีดีที่สุดที่จะไม่คิดถึงบ้านคือจดจ่อกับงานของเรา”

ภาพ
missionary among members

ท่าน: “คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้า”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “เราประหม่ามากเมื่อเราไปถึงที่นั่นครั้งแรก แต่คุณจะชินเพราะคุณต้องพูดกับคนแปลกหน้าทุกวัน เรารู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่คุณพบจะอยากได้ยินข่าวสารของเรา แต่บางคนสนใจ ฉะนั้นเราต้องเต็มใจพูดทุกเมื่อ สนุกมากนะที่ได้พบปะผู้คนและทำความรู้จักพวกเขา”

ท่าน: “การสอนพระกิตติคุณยากไหมครับ”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “ยาก การจะสอนให้ดีต้องฝึกพอสมควร แต่เราได้รับการอบรมอย่างดีที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนา เราพยายามสอนบทเรียนให้ตรงกับความต้องการและตอบคำถามของคนที่เรากำลังสอน เราศึกษาพระกิตติคุณทุกวันเพื่อเราจะสอนได้ดี สำคัญที่สุดคือเรารู้สึกว่าพระวิญญาณนำทาง การวางมือมอบหน้าที่เป็นผู้สอนศาสนาช่วยได้”

ท่าน: “งานเผยแผ่เป็นงานหนักไหมครับ”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “หนักครับ เราทำงานสัปดาห์ละประมาณ 70 ชั่วโมง แต่ได้ผลมาก แน่นอนว่าเรารู้สึกผิดหวังเมื่อผู้คนไม่ก้าวหน้าอย่างที่เราหวัง แต่โดยรวมแล้ว การเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้าคือพรที่ได้ช่วยให้ผู้คนก้าวหน้าทางวิญญาณ เราพยายามสอนโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพราะเรารู้ว่าพระวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้ผู้คนได้รับประจักษ์พยานและเปลี่่ยนใจเลื่อมใส”

ภาพ
missionaries talking and walking

ท่าน: “จะเป็นอย่างไรถ้าผมไม่แน่ใจว่าผมมีประจักษ์พยาน”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “นั่นไม่เป็นไร—สวดอ้อนวอนและอ่านพระคัมภีร์ต่อไปครับ! ไปโบสถ์และเรียนเซมินารี ไปพระวิหารถ้าไปได้ พึ่งพาพระเจ้าและคำสอนของพระองค์ ยิ่งคุณมีโอกาสรู้สึกถึงพระวิญญาณมากเท่าใด ประจักษ์พยานของคุณจะยิ่งเข้มแข็งมากเท่านั้น ฝึกแบ่งปันความเชื่อของคุณที่การสังสรรค์ในครอบครัว อ่านพระคัมภีร์มอรมอน นั่นจะช่วยให้คุณสามารถสอนพระกิตติคุณได้”

ท่าน: “คุณเตรียมทำงานเผยแผ่ของคุณอย่างไร”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “เราศึกษาพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระคัมภีร์มอรมอน เราทำงานเก็บเงิน แต่เราอยากให้อ่าน สั่งสอนกิตติคุณของเรา และเข้าชั้นเรียนเตรียมเป็นผู้สอนศาสนาบ่อยขึ้น เราอยากให้เรียนรู้วิธีทำอาหารด้วย!”

ท่าน: “คุณคิดว่าผมจะเป็นผู้สอนศาสนาได้ไหม”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “ได้แน่นอน! มีผู้สอนศาสนาประมาณ 70,000 คนทั่วโลก ทุกคนเริ่มด้วยความปรารถนา ‘ฉะนั้น, หากเจ้ามีความปรารถนาจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า เจ้าก็ได้รับเรียกมายังงาน’ (คพ. 4:3) แต่จะต้องเตรียมบางอย่างด้วย—คุณต้องพร้อมไม่เฉพาะทางวิญญาณเท่านั้นแต่พร้อมทางการเงิน ร่างกาย และสังคมด้วย”

ภาพ
missionaries walking in the rain

ท่าน: “อะไรจะช่วยผมเตรียมอีกบ้าง”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “ตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและรักษาพระบัญญัติให้ดีที่สุด นี่จะช่วยเสริมสร้างประจักษ์พยานของคุณและช่วยให้คุณมีค่าควรรับพระวิญญาณ เมื่อคุณเป็นผู้สอนศาสนา คุณจะต้องเป็นพยานต่อผู้คน จากประสบการณ์ส่วนตัว ว่าพระกิตติคุณเป็นความจริง ฉะนั้นตอนนี้ให้ใช้เวลาเรียนรู้หลักธรรมพระกิตติคุณมากขึ้นและดำเนินชีวิตตามหลักธรรมเหล่านั้นในชีวิตคุณเอง”

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา: “เราขอแนะนำให้คุณอ่านคำถามในหน้าถัดไปด้วย คำถามเหล่านั้นเป็นคำถามที่อธิการหรือประธานสาขาจะถามคุณเมื่อคุณกรอกแบบฟอร์มผู้สอนศาสนา การรู้คำถามเหล่านี้ตั้งแต่ตอนนี้จะช่วยคุณเตรียม สนทนาคำถามกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณและผู้นำศาสนจักร มีคำถามหลายข้อ แต่ไม่ต้องหนักใจ—ใช่ว่าคุณต้องรายงานตัวที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนาพรุ่งนี้! ใช้เวลาเตรียมให้พร้อมเผื่อว่าเมื่องานเผยแผ่วันแรกของคุณมาถึง คุณจะมีค่าควร ตื่นเต้น และพร้อมรับใช้”

พิมพ์