2019
การกลับใจทำให้สะอาด
พฤษภาคม 2019


2:3

การกลับใจทำให้สะอาด

เพราะแผนของพระผู้เป็นเจ้าและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ เราสามารถสะอาดได้โดยกระบวนการกลับใจ

ในความเป็นมรรตัยเราอยู่ใต้กฎของมนุษย์และกฎของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์ผิดธรรมดาของการตัดสินความประพฤติผิดร้ายแรงภายใต้กฎทั้งสอง—ก่อนหน้านี้ในฐานะตุลาการศาลสูงสุดของยูทาห์และปัจจุบันในฐานะสมาชิกฝ่ายประธานสูงสุด ความแตกต่างที่ข้าพเจ้าพบระหว่างกฎของมนุษย์กับกฎของพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มความชื่นชมของข้าพเจ้าเรื่องความเป็นจริงและพลังอำนาจการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ภายใต้กฎของมนุษย์ คนทำผิดกฎหมายร้ายแรงที่สุดจะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บน แต่แตกต่างกันภายใต้แผนอันเมตตาของพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าเคยเห็นมาว่าสามารถให้อภัยบาปร้ายแรงเดียวกันนี้ในความเป็นมรรตัยเพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดให้กับบาปของ “คนทั้งปวงผู้มีใจชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด” (2 นีไฟ 2:7) พระคริสต์ทรงไถ่ และการชดใช้ของพระองค์เป็นความจริง

ความการุณย์รักของพระผู้ช่วยให้รอดประจักษ์ในเพลงสวดที่คณะนักร้องเพิ่งร้องไป

มาหาพระเยซูพระองค์จะเหลียวแล

แม้ท่านหลงทางไปในทางของมาร

ความรักพระองค์จะค้นหาและพาท่าน

ทั้งกาลทิวาและราตรี1

การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เปิดประตูให้ “คนทั้งปวง [กลับใจ] และมาหาพระองค์” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:11; ดู มาระโก 3:28; 1 นีไฟ 10:18; แอลมา 34:8, 16 ด้วย) หนังสือของแอลมารายงานการกลับใจและการให้อภัยของคนที่เคยเป็นคนชั่วและกระหายเลือดมาก่อน (ดู แอลมา 25:16; 27:27, 30) ข่าวสารของข้าพเจ้าวันนี้เป็นข่าวสารแห่งความหวังสำหรับเราทุกคน รวมถึงคนที่เคยสูญเสียสมาชิกภาพในศาสนจักรโดยปัพพาชนียกรรมหรือการคัดชื่อออก เราทุกคนเป็นคนบาปที่การกลับใจทำให้สะอาดได้ “การกลับใจจากบาปไม่ง่าย” เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนในการประชุมใหญ่ “แต่ผลที่ได้คุ้มค่า”2

I. การกลับใจ

การกลับใจเริ่มกับพระผู้ช่วยให้รอด และนั่นเป็นปีติ ไม่ใช่ภาระ ในการให้ข้อคิดทางวิญญาณเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ประธานเนลสันสอนว่า “การกลับใจที่แท้จริงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เป็นสิทธิพิเศษที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็น พื้นฐาน ของความก้าวหน้าและการมีใจสงบ ความสบายใจ และปีติ”3

คำสอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดบางประการเกี่ยวกับการกลับใจอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนเมื่อแอลมาสอนสมาชิกศาสนจักรผู้ซึ่งเขาอธิบายในภายหลังว่าอยู่ในสภาพของ “ความไม่เชื่อมากมาย” “ทะนงตนด้วยความถือดี” และมีใจหมกมุ่น “กับความมั่งคั่งและสิ่งไร้ประโยชน์ของโลก” (แอลมา 7:6) สมาชิกแต่ละคนของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูนี้มีเรื่องให้เรียนรู้มากมายจากคำสอนของแอลมา

เราเริ่มด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์ เพราะ “พระองค์นั่นเองที่จะเสด็จมาและเอาบาปของโลกไป” (แอลมา 5:48) เราต้องกลับใจเพราะดังที่แอลมาสอน “เว้นแต่เจ้าจะกลับใจหาไม่แล้วเจ้าก็ไม่มีทางจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดกได้” (แอลมา 5:51) การกลับใจเป็นส่วนจำเป็นในแผนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะทุกคนจะทำบาปในประสบการณ์มรรตัยและถูกตัดขาดจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์จึง “รับการช่วยให้รอด” ไม่ได้หากไม่กลับใจ (แอลมา 5:31; ดู ฮีลามัน 12:22 ด้วย)

เรื่องนี้สอนกันมาตั้งแต่ต้น พระเจ้าทรงบัญชาอาดัมว่า “จงสอนลูกหลานของเจ้า, ว่ามนุษย์ทั้งปวง, ทุกแห่งหน, ต้องกลับใจ, มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่มีทางสืบทอดอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นมรดกได้เลย, เพราะสิ่งไม่สะอาดจะพำนักที่นั่นไม่ได้, หรือพำนักในที่ประทับของพระองค์ก็ไม่ได้” (โมเสส 6:57) เราต้องกลับใจจากบาปทั้งหมดของเรา—การกระทำหรือการไม่กระทำทั้งหมดที่ขัดกับพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีใครได้รับยกเว้น เมื่อคืนประธานเนลสันท้าทายเราว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราทุกคนต้องกลับใจ”4

เพื่อจะสะอาดโดยการกลับใจ เราต้องละทิ้งและสารภาพบาปต่อพระเจ้าและต่อผู้พิพากษามรรตัยของพระองค์หากจำเป็น (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 58:43) แอลมาสอนว่าเราต้อง “นำเอางานแห่งความชอบธรรมออกมา” ด้วย (แอลมา 5:35) ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำเชื้อเชิญหลายครั้งในพระคัมภีร์ให้มาหาพระคริสต์

เราจำเป็นต้องรับส่วนศีลระลึกทุกวันสะบาโต ในศาสนพิธีนั้นเราทำพันธสัญญาและรับพรที่ช่วยให้เราเอาชนะการกระทำและความปรารถนาทั้งหมดซึ่งกีดกั้นเราจากความดีพร้อมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื้อเชิญให้เราบรรลุ (ดู มัทธิว 5:48; 3 นีไฟ 12:48) เมื่อเรา “ปฏิเสธ [ตัวเรา] จากความไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าทุกอย่าง, และรักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกำลัง [ของเรา]” เมื่อนั้นเราจะ “ดีพร้อมในพระคริสต์” และ “ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์” ผ่านการหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อจะ “กลับบริสุทธิ์, ปราศจากมลทิน” (โมโรไน 10:32–33) นี่คือสัญญา! นี่คือปาฏิหาริย์! นี่คือพร!

II. ภาระรับผิดชอบและการพิพากษาของมนุษย์

จุดประสงค์หนึ่งในแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับประสบการณ์มรรตัยนี้คือ “เพื่อ “พิสูจน์” เรา “เพื่อดูว่า [เรา] จะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า [ของเรา] จะทรงบัญชา [เรา] หรือไม่” (อับราฮัม 3:25) ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนนี้ เรามีภาระรับผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อผู้รับใช้ที่ทรงเลือก และภาระรับผิดชอบนั้นเกี่ยวข้องทั้งการพิพากษาของมนุษย์และพระเจ้า

ในศาสนจักรของพระเจ้า การพิพากษาของมนุษย์สำหรับสมาชิกหรือผู้จะเป็นสมาชิกดำเนินการโดยผู้นำที่แสวงหาการทรงนำ เป็นความรับผิดชอบของพวกเขาที่จะพิพากษาบุคคลผู้แสวงหาจะมาหาพระคริสต์เพื่อรับอำนาจแห่งการชดใช้ของพระองค์บนเส้นทางแห่งพันธสัญญาสู่ชีวิตนิรันดร์ การพิพากษาของมนุษย์กำหนดว่าบุคคลพร้อมรับบัพติศมาหรือไม่ บุคคลมีค่าควรถือใบรับรองเข้าพระวิหารหรือไม่ บุคคลที่ถูกคัดชื่อออกจากบันทึกของศาสนจักรกลับใจมากพอผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เพื่อรับบัพติศมาเข้ามาเป็นสมาชิกอีกครั้งหรือไม่

เมื่อผู้พิพากษาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเห็นสมควรให้บุคคลคนหนึ่งก้าวหน้ามากขึ้น เช่นสิทธิ์ในการเข้าพระวิหาร เขาไม่ได้บอกว่าคนนั้นดีพร้อม และเขาไม่ได้ให้อภัยบาป เอ็ลเดอร์สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์สอนว่าหลังจากสิ่งที่ท่านเรียกว่าบุคคล “พ้นโทษ” เขาต้อง “แสวงหาและได้การกลับใจครั้งสุดท้ายจากพระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ และเขาจึงจะพ้นผิดได้”5 ถ้ายังไม่กลับใจจากการกระทำและความปรารถนาที่เป็นบาปจนถึงการพิพากษาครั้งสุดท้าย ผู้ไม่กลับใจก็ยังไม่สะอาดเหมือนเดิม ความรับผิดชอบสูงสุด รวมถึงผลแห่งการชำระให้สะอาดครั้งสุดท้ายของการกลับใจเป็นเรื่องระหว่างเราแต่ละคนกับพระผู้เป็นเจ้า

III. การฟื้นคืนชีวิตและการพิพากษาครั้งสุดท้าย

การพิพากษาส่วนใหญ่ที่อธิบายไว้ในพระคัมภีร์คือการพิพากษาครั้งสุดท้ายหลังการฟื้นคืนชีวิต (ดู 2 นีไฟ 9:15) พระคัมภีร์หลายข้อกล่าวว่า “เราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า” (โรม 14:10; ดู 2 นีไฟ 9:15; โมไซยาห์ 27:31 ด้วย) “เพื่อรับการพิพากษาตามการกระทำซึ่งทำไว้เมื่ออยู่ในร่างกายแห่งมรรตัย” (แอลมา 5:15; ดู วิวรณ์ 20:12; แอลมา 41:3; 3 นีไฟ 26:4 ด้วย) ทุกคนจะได้รับการพิพากษา “ตามงานของตน” (3 นีไฟ 27:15) และ “ตาม “ความปรารถนาของใจพวกเขา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:9; ดู แอลมา 41:6 ด้วย)

จุดประสงค์ของการพิพากษาครั้งสุดท้ายคือเพื่อพิจารณาว่าเราบรรลุสิ่งที่แอลมาเรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งในใจ” (ดู แอลมา 5:14, 26) หรือไม่เพื่อเราจะกลับเป็นคนใหม่ “ไม่มีใจที่จะทำความชั่วอีก, แต่จะทำความดีโดยตลอด” (โมไซยาห์ 5:2) ผู้พิพากษาเรื่องนี้คือพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ (ดู ยอห์น 5:22; 2 นีไฟ 9:41) หลังจากการพิพากษาของพระองค์เราทุกคนจะสารภาพ “ว่าการพิพากษาของพระองค์เที่ยงธรรม” (โมไซยาห์ 16:1; ดู โมไซยาห์ 27:31; แอลมา 12:15 ด้วย) เพราะสรรพปรีชาญาณของพระองค์ (ดู 2 นีไฟ 9:15, 20) ได้ให้ความรู้ที่สมบูรณ์แก่พระองค์เกี่ยวกับการกระทำและความปรารถนาทั้งหมดของเรา ทั้งที่ชอบธรรมหรือกลับใจแล้ว และที่ไม่กลับใจหรือไม่เปลี่ยน

พระคัมภีร์เรียก กระบวนการ นี้ว่าการพิพากษาครั้งสุดท้าย แอลมาสอนว่าความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าเรียกร้องว่าในการฟื้นคืนชีวิต “สิ่งทั้งปวงจะกลับคืนสู่ระเบียบอันถูกต้องของมัน” (แอลมา 41:2) นี่หมายความว่า “หากงานของพวกเขาดีในชีวิตนี้, และความปรารถนาของใจพวกเขาดี, … ในวันสุดท้าย [พวกเขาจะ], ได้รับการนำกลับคืนสู่สิ่งที่ดีด้วย” (แอลมา 41:3) ในทำนองเดียวกัน “หากงาน [หรือความปรารถนา] ของพวกเขาชั่วพวกเขาจะได้รับกลับคืนมาสู่ตนคือความชั่ว” (แอลมา 41:4–5; ดู ฮีลามัน 14:31 ด้วย) เช่นเดียวกัน ศาสดาพยากรณ์เจคอบจึงสอนว่าในการพิพากษาครั้งสุดท้าย “พวกเขาที่ชอบธรรมจะยังชอบธรรมอยู่, และพวกเขาที่สกปรกจะยังสกปรกอยู่” (2 นีไฟ 9:16; ดู มอรมอน 9:14; 1 นีไฟ 15:33 ด้วย) นั่นคือกระบวนการก่อนการที่เรายืนต่อหน้าสิ่งที่โมโรไนเรียกว่า “บัลลังก์พิพากษาอันน่าพึงใจของพระเยโฮวาห์ผู้ยิ่งใหญ่, พระผู้พิพากษานิรันดร์ทั้งของคนเป็นและคนตาย” (โมโรไน 10:34; ดู 3 นีไฟ 27:16 ด้วย)

เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสะอาดต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เราต้องกลับใจ ก่อน การพิพากษาครั้งสุดท้าย (ดู มอรมอน 3:22) ดังแอลมาบอกบุตรชายที่ทำบาป เราจะซ่อนบาปให้พ้นพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ “ และ เว้นแต่ลูกกลับใจ มันจะอยู่เป็นประจักษ์พยานกล่าวโทษลูกในวันสุดท้าย” (แอลมา 39:8; เน้นตัวเอน) การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ให้วิธีเดียวที่เราจะได้รับการชำระให้สะอาดผ่านการกลับใจ และชีวิตมรรตัยเป็นเวลาให้กลับใจ แม้เราได้รับการสอนว่าการกลับใจบางอย่างเกิดขึ้นได้ในโลกวิญญาณ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:31, 33, 58) แต่นั่นไม่แน่นอน เอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ดสอนว่า “การเอาชนะและการรับใช้พระเจ้าเมื่อทั้งเนื้อหนังและวิญญาณรวมเป็นหนึ่งเดียวจะง่ายกว่ามาก นี่เป็นเวลาที่มนุษย์ดัดได้และอ่อนไหวมากกว่า … ชีวิตนี้เป็นเวลาให้กลับใจ”6

เมื่อเรากลับใจ พระเจ้าทรงรับรองเราว่าบาปของเรา ตลอดจนการกระทำและความปรารถนาของเรา จะสะอาดและการพิพากษาครั้งสุดท้ายอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาจะ “ไม่จำมันอีก” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 58:42; ดู อิสยาห์ 1:18; เยเรมีย์ 31:34; ฮีบรู 8:12; แอลมา 41:6; ฮีลามัน 14:18–19 ด้วย) เมื่อสะอาดโดยการกลับใจ เราสามารถมีคุณสมบัติสำหรับชีวิตนิรันดร์ซึ่งกษัตริย์เบ็นจามินเรียกว่า “[การ] พำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ” (โมไซยาห์ 2:41; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 14:7 ด้วย)

ในฐานะอีกส่วนหนึ่งของ “แผนแห่งการนำกลับคืน” (แอลมา 41:2) การฟื้นคืนชีวิตจะนำ “สิ่งทั้งปวง … กลับคืนสู่ร่างอันถูกต้องและบริบูรณ์” (แอลมา 40:23) สิ่งนี้รวมถึงความบริบูรณ์ของความบกพร่องและความไม่สมประกอบ ทางกาย ทั้งหมดของเราที่ได้มาในความเป็นมรรตัย ทั้งแต่กำเนิดหรือโดยการบาดเจ็บหรือโรคภัย

การนำกลับคืนนี้ทำให้เราดีพร้อมจากการเสพติดหรือความปรารถนาที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือเอาชนะไม่ได้ของเราให้สะอาดหมดจดได้หรือไม่ ไม่ได้ เรารู้จากการเปิดเผยสมัยใหม่ว่าเราทุกคนจะได้รับการพิพากษาตาม ความปรารถนา และการกระทำของเรา (ดู แอลมา 41:5; หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:9) และแม้แต่ ความคิด ของเราก็จะกล่าวโทษเรา (ดู แอลมา 12:14) เราต้องไม่ “ผัดวันแห่งการกลับใจ [ของเรา]” จนกระทั่งสิ้นชีวิต อมิวเล็คสอน (แอลมา 34:33) เพราะวิญญาณเดียวกันกับที่ครอบครองร่างกายเราในชีวิตนี้—ไม่ว่าของพระเจ้าหรือของมาร—“จะมีพลังครอบครองร่างกาย [ของเรา] ในโลกนิรันดร์นั้น” (แอลมา 34:34) พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีพลังและพร้อมชำระเราให้สะอาดจากความชั่วร้าย ถึงเวลาแล้วที่จะแสวงหาความช่วยเหลือของพระองค์ในการกลับใจจากความปรารถนาและความคิดที่ชั่วร้ายหรือไม่เหมาะสมของเราเพื่อที่จะสะอาดและพร้อมยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าที่การพิพากษาครั้งสุดท้าย

IV. พระพาหุแห่งพระเมตตา

แผนของพระผู้เป็นเจ้าและพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์คือความรักที่ทรงมีต่อเรา ซึ่ง “เป็นที่พึงปรารถนาที่สุดเหนือสิ่งทั้งปวง … และเป็นความปีติยินดีที่สุดแก่จิตวิญญาณ” (1 นีไฟ 11:22–23) ศาสดาพยากรณ์อิสยาห์รับรองแม้กับคนชั่วว่าเมื่อพวกเขา “กลับมายังพระยาห์เวห์ … พระองค์จะทรงเมตตา … [และ] อภัยอย่างเหลือล้น” (อิสยาห์ 55:7) แอลมาสอนว่า “ดูเถิด, พระองค์ทรงส่งคำเชิญมาถึงมนุษย์ทั้งปวง, เพราะพระพาหุแห่งพระเมตตายื่นมาให้พวกเขา” (แอลมา 5:33; ดู 2 นีไฟ 26:25–33 ด้วย) พระเจ้าผู้คืนพระชนม์รับสั่งกับชาวนีไฟว่า “ดูเถิด, แขนแห่งความเมตตาของเรายื่นมายังเจ้า, และผู้ใดก็ตามที่จะมา, ผู้นั้นเราจะรับ” (3 นีไฟ 9:14) จากคำสอนในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้และข้ออื่นๆ เรารู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดจึงทรงกางพระพาหุต้อนรับชายหญิงทุกคนบนเงื่อนไขที่พระองค์ทรงกำหนดเพื่อรับพรประเสริฐสุดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมไว้ให้บุตรธิดาของพระองค์7

เพราะแผนของพระผู้เป็นเจ้าและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วย “ความเจิดจ้าอันบริบูรณ์ของความหวัง” ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเราและเรา สามารถ สะอาดได้โดยกระบวนการกลับใจ เราได้รับสัญญาว่า “หาก [เรา] จะมุ่งหน้า, ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว, ดูเถิด, พระบิดาตรัสดังนี้: เจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์” (2 นีไฟ 31:20) ขอให้เราทุกคนทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนและสวดอ้อนวอน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. “มาหาพระเยซู,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 49.

  2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การกลับใจและการเปลี่ยนใจเลื่อมใส,” เลียโฮนา, พ.ค. 2007, 130.

  3. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ของขวัญสี่อย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงมอบให้ท่าน” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณจากฝ่ายประธานสูงสุดเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส 2018, 2 ธ.ค. 2018), broadcasts.ChurchofJesusChrist.org.

  4. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “We Can Do Better and Be Better,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 69.

  5. The Teachings of Spencer W. Kimball, ed. Edward L. Kimball (1982), 101.

  6. เมลวิน เจ. บาล์ลาร์ด, ในเมลวิน เจ. บาล์ลาร์ด, Melvin J. Ballard: Crusader for Righteousness (1966), 212–213.

  7. ดู Tad R. Callister, The Infinite Atonement (2000), 27–29.