2019
เตรียมรับการเสด็จกลับมาของพระเจ้า
พฤษภาคม 2019


2:3

เตรียมรับการเสด็จกลับมาของพระเจ้า

ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีอำนาจและได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า

ภายในสองสัปดาห์ เราจะฉลองอีสเตอร์ การฟื้นคืนพระชนม์ยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์และการดำรงอยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา เรานึกถึงพระผู้ช่วยให้รอด และเราไตร่ตรอง “พระชนม์ชีพอันหาที่เปรียบมิได้ของพระองค์และพระบารมีอันหาที่สุดมิได้ของการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันยิ่งใหญ่ของพระองค์”1 ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะนึกถึงการเสด็จกลับมาเช่นกันเมื่อ “พระองค์จะทรงปกครองและทรงครองในฐานะพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและ … พระเจ้าเหนือพระเจ้าทั้งหลาย”2

นานมาแล้วในบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมกับผู้นำหลายศาสนา พวกเขามีความรักต่อเพื่อนมนุษย์อย่างชัดเจน พวกเขาตั้งใจจะบรรเทาทุกข์และช่วยให้ผู้คนเอาชนะการกดขี่และความยากจน ข้าพเจ้าใคร่ครวญงานเพื่อมนุษยธรรมจำนวนมากของศาสนจักรนี้ รวมทั้งโครงการต่างๆ ในความร่วมมือกับหลายองค์กรศาสนาที่ส่งตัวแทนมาร่วมการประชุม ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกคุณอย่างสุดซึ้งต่อความเอื้อเฟื้อของสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ทำให้การรับใช้เหมือนพระคริสต์เกิดขึ้นได้

ในขณะนั้น พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทรงยืนยันสองสิ่งกับข้าพเจ้า หนึ่ง งานเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจตามความต้องการฝ่ายโลกสำคัญยิ่งและต้องดำเนินต่อไป สองคือสิ่งที่คาดไม่ถึงแต่มีพลังและชัดเจน นั่นคือนอกเหนือจากการรับใช้โดยไม่คำนึงถึงตนเองแล้ว สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าพระเยซูคริสต์

เมื่อพระองค์เสด็จมา การกดขี่และความอยุติธรรมไม่เพียงน้อยลงเท่านั้น แต่จะยุติ

“สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะด้วย, และเสือดาวจะนอนกับลูกแพะ, และลูกโคกับสิงห์หนุ่มและลูกสัตว์อ้วนจะอยู่ด้วยกัน; และเด็กเล็กคนหนึ่งจะนำพวกมันไป …

“พวกมันจะไม่ทำร้ายหรือทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา, เพราะทั่วแผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า, ดังผืนน้ำเอ่อท้นทะเล”3

ความยากจนและความทุกข์ไม่เพียงลดลงเท่านั้น แต่จะหายไป

“พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหายอีกเลย ดวงอาทิตย์และความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป

“เพราะ‍ว่าพระ‍เมษ‌โป‌ดกผู้ทรงอยู่กลางพระ‍ที่‍นั่งนั้นจะทรงเลี้ยง‍ดูพวก‍เขา และจะทรงนำเขาไปยังน้ำ‍พุแห่งชีวิต และพระ‍เจ้าจะทรงเช็ดน้ำ‍ตาทุก‍หยดจากตาของเขา‍ทั้ง‍หลาย”4

แม้แต่ความเจ็บปวดและความโศกเศร้าจากความตายก็จะหมดไป

“ในวันนั้นทารกจะไม่ตายจนกว่าเขาจะแก่เฒ่า; และชีวิตของเขาจะเป็นดังอายุของต้นไม้;

“และเมื่อเขาตายเขาจะไม่หลับ, นั่นหมายถึงในพื้นดิน, แต่จะถูกเปลี่ยนในพริบตา, และเราจะพาเขาขึ้นไป, และสถานพักผ่อนของเขาจะมีรัศมีภาพ”5

ใช่ครับ ขอให้เราทำสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความทุกข์และความโศกเศร้าในเวลานี้ และ ขอให้เราอุทิศตนขยันแข็งขันมากขึ้นเพื่อเตรียมรับวันที่ความเจ็บปวดและความชั่วจะสิ้นสุดลงพร้อมกัน เมื่อ “พระคริสต์จะทรงปกครองแผ่นดินโลกด้วยพระองค์เอง; และ … แผ่นดินโลกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมและรับรัศมีภาพแห่งเมืองบรมสุขเกษม”6 วันนั้นจะเป็นวันแห่งการไถ่และการพิพากษา ดร. เอ็น.ที.ไรท์ อดีตหัวหน้าบาทหลวงนิกายแองกลิกันแห่งเดอร์แฮมพูดไว้อย่างเหมาะสมถึงความสำคัญของการชดใช้ การฟื้นคืนพระชนม์ และการพิพากษาของพระคริสต์ในการเอาชนะความอยุติธรรมและทำให้ทุกอย่างถูกต้อง

เขากล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงกำ‌หนดวันไว้แล้ว วันซึ่งพระ‍องค์จะทรงพิพาก‌ษาโลกอย่างชอบ‍ธรรมโดยบุคคลหนึ่งที่พระ‍องค์ทรงกำ‌หนด—และพระ‍องค์ประทานความเชื่อมั่นแก่ทุกคนในเรื่องนี้โดยทรงให้บุค‌คลนี้ฟื้นคืนชีพ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์ เป็นรากฐานของความเชื่อมั่นว่าโลกไม่ไร้แบบแผน ไม่ใช่ความยุ่งเหยิงแต่อย่างใดเมื่อเราแสดงให้เห็นตอนนี้ว่าเราไม่ได้แสร้งทำเป็นใจกล้าโดยพยายามค้ำตึกที่กำลังจะพังหรือซ่อมรถที่จะกลายเป็นเศษเหล็ก เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้พระเยซูทรงฟื้นคืนจากบรรดาคนตาย นั่นเป็นเหตุการณ์ระดับจุลภาคซึ่งมีการกระทำอันสูงสุดระดับมหภาคของการพิพากษาอยู่ในนั้น โดยสรุปเหมือนเมล็ดพันธุ์ … ของความหวังสูงสุด พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศหนักแน่นที่สุดว่าพระเยซูแห่งนาซาเร็ธทรงเป็นพระเมสสิยาห์จริงๆ … ในความย้อนแย้งที่สุดของประวัติศาสตร์ [พระเยซู] ทรงประสบการพิพากษาที่โหดร้ายอยุติธรรม ทรงมาถึงจุดซึ่งแสดงให้เห็นและดึงความโหดร้ายและความอยุติธรรมทั้งสิ้นของประวัติศาสตร์มาไว้ด้วยกันเพื่อแบกรับความยุ่งเหยิง ความมืด ความโหดร้าย ความอยุติธรรมไว้ในพระองค์และทำให้พลังของมันหมดสิ้นไป”7

ขณะข้าพเจ้าอยู่ที่การประชุมในบัวโนไอเรสดังที่กล่าวไว้ข้างต้น พระวิญญาณทรงประกาศต่อข้าพเจ้าว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีอำนาจและได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า ศาสนจักรซึ่งฟื้นฟูมาเพื่อจุดประสงค์นั้น ท่านจะพบได้ที่ใดหรือคนที่ยอมรับว่ายุคปัจจุบันเป็น “สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา” ยุคซึ่งพระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัยจะ “รวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์และในแผ่นดินโลกให้อยู่ในพระคริสต์”8 ถ้าที่นี่ท่านไม่พบชุมชนที่ตั้งใจจะทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จทั้งสำหรับคนเป็นและคนตายเพื่อเตรียมรับวันนั้น ถ้าที่นี่ท่านไม่พบองค์กรที่ยอมใช้เวลาและเงินทุนมหาศาลรวบรวมและเตรียมผู้คนแห่งพันธสัญญาให้พร้อมรับพระเจ้า ท่านก็จะไม่พบในที่ใดแน่นอน

เมื่อตรัสกับศาสนจักรในปี 1831 พระเจ้าทรงประกาศว่า

“กุญแจทั้งหลายของอาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้ามอบไว้ให้มนุษย์บนแผ่นดินโลก, และจากที่นั่นพระกิตติคุณจะรุดไปถึงสุดแดนแผ่นดินโลก …

“จงเรียกหาพระเจ้า, เพื่ออาณาจักรของพระองค์จะออกไปบนแผ่นดินโลก, เพื่อผู้อยู่อาศัยในนั้นจะได้รับมัน, และพร้อมสำหรับวันเวลาที่จะมาถึง, ซึ่งในเวลานั้นบุตรแห่งพระมหาบุรุษจะเสด็จลงมาในสวรรค์, ทรงห่อหุ้มด้วยความเจิดจ้าแห่งรัศมีภาพของพระองค์, เพื่อพบอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจัดตั้งอยู่บนแผ่นดินโลก”9

เราจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้เพื่อเตรียมรับวันนั้น เราสามารถเตรียมตนเองในฐานะผู้คน เราสามารถรวบรวมผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า และเราสามารถช่วยไถ่สัญญาแห่งความรอดที่ “ทำกับบรรพบุรุษ” บรรพบุรุษของเรา10 ทั้งหมดนี้ต้องเกิดขึ้นในปริมาณที่เหมาะสมก่อนที่พระเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง

สิ่งแรกและสำคัญต่อการเสด็จกลับมาของพระเจ้าคือบนแผ่นดินโลกต้องมีคนที่พร้อมต้อนรับพระองค์เมื่อเสด็จมา พระองค์ตรัสว่าคนที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกวันนั้น “จากต่ำต้อยที่สุดจนถึงสูงส่งที่สุด, … จะเปี่ยมด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า, และจะเห็นด้วยตาตนเอง, และจะเปล่งเสียงของพวกเขา, และจะประสานเสียงร้องเพลงใหม่นี้, มีความว่า: พระเจ้าทรงนำไซอันกลับมาอีก … พระเจ้าทรงรวมสิ่งทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียว. พระเจ้าทรงนำไซอันลงมาจากเบื้องบน. พระเจ้าทรงนำไซอันขึ้นมาจากเบื้องล่าง”11

ในสมัยโบราณ พระผู้เป็นเจ้าทรงรับเมืองไซอันที่ชอบธรรมไว้กับพระองค์12 ตรงกันข้าม ในวันสุดท้ายไซอันใหม่จะต้อนรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา13 ไซอันคือผู้มีใจบริสุทธิ์ ผู้มีจิตใจเดียวและความคิดเดียว ดำรงอยู่ในความชอบธรรมและไม่มีคนจนในบรรดาพวกเขา14 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวว่า “เราควรให้การเสริมสร้างไซอันเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของเรา”15 เราเสริมสร้างไซอันในบ้านเรา วอร์ด สาขา และสเตคผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า และจิตกุศล16

เราต้องยอมรับว่าการเสริมสร้างไซอันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่วุ่นวาย—“วันแห่งพระพิโรธ, วันแห่งการเผาไหม้, วันแห่งความอ้างว้าง, แห่งการร่ำไห้, แห่งความโศกเศร้า, และแห่งการคร่ำครวญ; และดังลมหมุนมันจะเกิดขึ้นทั่วพื้นพิภพ, พระเจ้าตรัส”17 ฉะนั้น การรวบรวมสู่สเตคจึงเป็นเพื่อ “การคุ้มภัย, และเพื่อเป็นที่พักพิงจากพายุ, และจากพระพิโรธเมื่อจะเทลงมาโดยมิได้เจือจางบนทั้งผืนแผ่นดินโลก”18

เช่นเดียวกับในอดีต เรา “ประชุมกันบ่อย, เพื่ออดอาหารและเพื่อสวดอ้อนวอน, และพูดกันเกี่ยวกับความผาสุกของจิตวิญญาณ [เรา]. และ … รับส่วนขนมปังและ [น้ำ], ในความระลึกถึงพระเจ้าพระเยซู”19 ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบายในการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “วัตถุประสงค์ยาวนานของศาสนจักรคือช่วยสมาชิกทุกคนเพิ่มพูนศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ช่วยพวกเขาทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า ตลอดจนเสริมสร้างและผนึกครอบครัวของพวกเขา”20 จากนั้นท่านเน้นความสำคัญของพันธสัญญาพระวิหาร ทำให้วันสะบาโตศักดิ์สิทธิ์ และการดื่มด่ำพระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลางทุกวันและมีหลักสูตรการศึกษาที่โบสถ์คอยสนับสนุน เราต้องการรู้เกี่ยวกับพระเจ้า และเราต้องการรู้จักพระเจ้า21

งานพื้นฐานในการสร้างไซอันคือการรวบรวมผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าที่กระจัดกระจายมาเป็นเวลานาน22 “เราเชื่อในการรวมกันอย่างเป็นรูปธรรมของอิสราเอลและในการนำกลับคืนมาของเผ่าทั้งสิบ”23 ทุกคนที่จะกลับใจ เชื่อในพระคริสต์ และรับบัพติศมาคือผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์24 พระเจ้าทรงพยากรณ์ด้วยพระองค์เองว่าก่อนพระองค์เสด็จกลับมา จะมีการสั่งสอนพระกิตติคุณทั่วโลก25 “กู้ผู้คน [ของพระองค์], ซึ่งเป็นของเชื้อสายแห่งอิสราเอล”26 “และเมื่อนั้นการสิ้นสุดจะมาถึง”27 คำพยากรณ์ของเยเรมีย์กำลังเกิดสัมฤทธิผล

“พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสว่า เพราะฉะนั้น นี่‍แน่ะ วัน‍เวลาจะมาถึงเมื่อไม่มีใครกล่าวต่อไปอีกว่า พระ‍ยาห์‌เวห์ผู้ทรงนำประ‌ชา‍ชนอิสรา‌เอลออกมาจากแผ่น‍ดินอียิปต์ทรงพระ‍ชนม์อยู่แน่ฉันใด

“แต่จะพูดว่า พระ‍ยาห์‌เวห์ผู้ทรงนำประ‌ชา‍ชนอิสรา‌เอลออกมาจากแดนเหนือ และออกมาจากบรร‌ดาประ‌เทศซึ่งพระ‍องค์ได้ทรงขับ‍ไล่เขาให้ไปอยู่นั้น ทรงพระ‍ชนม์อยู่แน่ฉันใด เพราะเราจะนำพวก‍เขากลับ‍มาสู่แผ่น‍ดินของเขาเอง ซึ่งเราได้ยกให้บรรพ‌บุรุษของเขาแล้วนั้น”28

ประธานเนลสันเน้นย้ำว่า “การรวบรวม [อิสราเอล] เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกในปัจจุบัน ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ในด้านความยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ในด้านความสำคัญ ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ในด้านความสง่างาม และถ้าท่านเลือก … ท่านสามารถเป็นส่วนสำคัญได้มาก”29 วิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นผู้คนที่เผยแผ่ศาสนามาตลอด หลายแสนคนตอบรับหมายเรียกตั้งแต่เริ่มการฟื้นฟู หลายหมื่นคนรับใช้อยู่ขณะนี้ และดังที่เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกเพิ่งสอน เรา ทุกคน สามารถมีส่วนในวิธีที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ในความรัก โดยเชื้อเชิญให้ผู้อื่นเข้าร่วมกับเราที่โบสถ์ มาเยี่ยมบ้านเรา กลายเป็นแวดวงส่วนหนึ่งของเรา การจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนเป็นสัญญาณว่าการรวบรวมเริ่มขึ้นแล้ว30 พระคัมภีร์มอรมอนเป็นเครื่องมือของการรวบรวมและการเปลี่ยนใจเลื่อมใส

สำคัญเช่นกันต่อการเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองคืองานการไถ่ครั้งใหญ่แทนบรรพชนของเรา พระเจ้าทรงสัญญาจะส่งเอลียาห์ศาสดาพยากรณ์มาก่อนการเสด็จมาครั้งที่สอง “วันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัว [ของพระยาเวห์]”31 เพื่อ “เปิดเผยฐานะปุโรหิต” และ “ปลูกสัญญาที่ทำกับบรรพบุรุษไว้ในใจของลูกหลาน”32 เอลียาห์มาตามสัญญา คือวันที่ 3 เมษายน ปี 1836 สถานที่คือพระวิหารเคิร์ทแลนด์ ที่นั่นและในขณะนั้น ท่านประสาทฐานะปุโรหิตที่สัญญาไว้ กุญแจสำหรับการไถ่คนตายและการรวมกันของสามีภรรยาและครอบครัวทุกชั่วอายุเวลาและตลอดนิรันดร33 หากปราศจากสิ่งนี้ จุดประสงค์ของการสร้างจะล้มเหลว และในความหมายนั้น แผ่นดินโลกจะถูกสาปแช่งหรือ “ร้างลงสิ้น”34

ที่การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนก่อนการอุทิศพระวิหารโรม อิตาลี เยาวชนชายหญิงหลายร้อยคนในที่ประชุมนำเอาการ์ดรายชื่อบรรพชนที่พวกเขาเตรียมไว้ให้ประธานเนลสันดู พวกเขาพร้อมเข้าพระวิหารเพื่อรับบัพติศมาแทนบรรพชนเหล่านั้นทันทีที่พระวิหารเปิด นั่นเป็นชั่วขณะที่น่าพอใจอย่างยิ่ง แต่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเร่งสถาปนาไซอันให้แก่คนหลายรุ่นที่ล่วงหน้าไปก่อนเรา

ขณะที่เราขยันขันแข็งในการเสริมสร้างไซอัน รวมทั้งส่วนของเราในการรวบรวมผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและการไถ่คนตาย เราควรจดจำว่านี่คืองานของพระเจ้าและพระองค์ทรงทำงานนี้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของสวนองุ่น และเราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงขอให้เราลงแรงในสวนองุ่นเป็น “ครั้งสุดท้าย” และพระองค์ทรงทำงานกับเรา35 คงจะถูกต้องกว่าถ้าพูดว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้เราทำงานกับพระองค์ ดังที่เปาโลกล่าว “ข้าพ‌เจ้าปลูก อ‌ปอล‌โลรด‍น้ำ แต่พระ‍เจ้าทรงทำให้เติบ‍โต”36 พระองค์ทรงกำลังเร่งงานเมื่อถึงเวลา37 พระเจ้าทรงใช้ความพยายามที่ไม่สมบูรณ์พร้อมของเรา—“วิธีเล็กน้อย” ของเรา—ทำให้สิ่งสำคัญเกิดขึ้น38

สมัยการประทานสุดท้ายและยิ่งใหญ่นี้กำลังเติบโตถึงจุดสูงสุด—ไซอันบนแผ่นดินโลก รวมกับไซอันจากเบื้องบนเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จกลับมา ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ได้รับมอบหน้าที่ให้เตรียม—และกำลังเตรียม—โลกสำหรับวันนั้น อีสเตอร์ปีนี้ ขอให้เราฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง การเสด็จกลับมาครองราชย์ของพระองค์เป็นเวลาหนึ่งพันปีแห่งความสงบสุข การพิพากษาที่ชอบธรรมและความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน ความเป็นอมตะของทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ และคำสัญญาแห่งชีวิตนิรันดร์ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์คือความเชื่อมั่นสูงสุดว่าทุกอย่างจะถูกต้อง ขอให้เราเสริมสร้างไซอันเพื่อให้ถึงวันนั้นเร็วขึ้น ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน