2019
โควรัม: สถานที่แห่งการเป็นส่วนหนึ่ง
พฤษภาคม 2019


2:3

โควรัม: สถานที่แห่งการเป็นส่วนหนึ่ง

พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านสถาปนาโควรัมที่เข้มแข็ง ขณะที่พระองค์ทรงรวบรวมบุตรธิดาของพระองค์ พวกเขาต้องการสถานที่ซึ่งให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งและเติบโต

ในปี 2010 อันเดร เซบาโคเป็นเด็กหนุ่มผู้แสวงหาความจริง แม้ว่าเขาไม่เคยสวดอ้อนวอนจากใจจริงมาก่อน แต่เขาตัดสินใจลองดู ไม่นานหลังจากนั้นเขาพบกับผู้สอนศาสนา พวกเขาแจกบัตรเผยแผ่ให้อันเดร เป็นบัตรที่มีรูปพระคัมภีร์มอรมอน อันเดรสัมผัสบางอย่าง เขาจึงถามผู้สอนศาสนาว่าจะขายพระคัมภีร์ให้เขาได้หรือไม่ พวกเขาบอกว่าจะมอบพระคัมภีร์ให้ฟรีหากเขาจะมาโบสถ์1

ด้วยตัวคนเดียว อันเดรเข้าร่วมสาขาโมชูดีในบอตสวานา แอฟริกา ซึ่งเวลานั้นเพิ่งเปิดใหม่ แต่สาขาดังกล่าว ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 40 คน เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดสนิทสนมและรักกันมาก2 พวกเขาอ้าแขนต้อนรับอันเดร เขาเรียนกับผู้สอนศาสนาและรับบัพติศมา วิเศษมาก!

แต่หลังจากนั้นเล่า อันเดรจะแข็งขันต่อไปได้อย่างไร ใครจะช่วยเขาก้าวหน้าตามเส้นทางแห่งพันธสัญญา คำตอบหนึ่งต่อคำถามนั้นก็คือโควรัมฐานะปุโรหิตของเขา!3

ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตทุกคนไม่ว่าสถานการณ์ของตนเองจะเป็นอย่างไร ต่างได้ประโยชน์จากโควรัมที่เข้มแข็ง ชายหนุ่มทั้งหลายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านสถาปนาโควรัมที่เข้มแข็ง สถานที่แห่งการเป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนชายทุกคน สถานที่ซึ่งพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ สถานที่ซึ่งต้อนรับและเห็นคุณค่าสมาชิกโควรัมทุกคน ขณะที่พระเจ้าทรงรวบรวมบุตรธิดาของพระองค์ พวกเขาต้องการสถานที่ซึ่งให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งและเติบโต

สมาชิกในฝ่ายประธานโควรัมแต่ละคนนำทางขณะที่ท่านแสวงหาการดลใจ4 เสริมสร้างความรักและความเป็นพี่น้องท่ามกลางสมาชิกโควรัมทุกคน ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อผู้ที่เป็นสมาชิกใหม่ ผู้ที่แข็งขันน้อย หรือผู้ที่มีความต้องการพิเศษ5 ด้วยอำนาจฐานะปุโรหิต ท่านสร้างโควรัมที่เข้มแข็ง6 โควรัมที่เข็มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวกันสร้างความแตกต่างในชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

เมื่อศาสนจักรประกาศการมุ่งเน้นใหม่ที่ให้บ้านเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พระกิตติคุณ7 บางคนนึกถึงสมาชิกที่เป็นเหมือนอันเดรและถามว่า “คนหนุ่มสาวที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีการศึกษาพระกิตติคุณ ไม่มีสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้และดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณที่บ้านเล่า พวกเขาจะถูกทิ้งหรือ”

เปล่าเลย! จะไม่มีใครถูกทิ้ง! พระเจ้าทรงรักชายหนุ่มและหญิงสาวแต่ละคน เรา ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตเป็นพระหัตถ์ของพระเจ้า เราเป็นฝ่ายสนับสนุนของศาสนจักรต่อความพยายามให้บ้านเป็นศูนย์กลาง เมื่อที่บ้านมีการสนับสนุนจำกัด โควรัมฐานะปุโรหิตกับผู้นำและมิตรสหายคนอื่นๆ จะดูแลและสนับสนุนแต่ละบุคคลและครอบครัวตามความจำเป็น

ข้าพเจ้าเคยเห็นสิ่งนั้นได้ผลมาแล้ว ข้าพเจ้าประสบด้วยตนเอง เมื่อข้าพเจ้าอายุหกขวบ บิดามารดาข้าพเจ้าหย่าร้าง คุณพ่อทิ้งคุณแม่ไว้กับเด็กเล็กห้าคน คุณแม่เริ่มทำงานเลี้ยงดูพวกเรา ท่านต้องการอาชีพเสริมในช่วงหนึ่ง รวมถึงการศึกษาเพิ่มเติมด้วย ท่านไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดูพวกเราเท่าไรนัก แต่คุณตาคุณยาย ลุงป้าน้าอา อธิการและผู้สอนประจำบ้านก้าวเข้ามาช่วยคุณแม่แสนดีของข้าพเจ้า

และข้าพเจ้ามีโควรัม ข้าพเจ้าสำนึกคุณต่อเพื่อนๆ—พี่น้องชาย—ผู้ที่รักและสนับสนุนข้าพเจ้า โควรัมเป็นสถานที่ซึ่งข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่ง บางคนอาจคิดว่าข้าพเจ้ามีโอกาสในชีวิตไม่มากและเป็นแค่เบี้ยล่างเนื่องจากสถานการณ์ในครอบครัว อาจเป็นเช่นนั้นจริง แต่โควรัมฐานะปุโรหิตเปลี่ยนสภาพการณ์เหล่านั้น โควรัมสนับสนุนข้าพเจ้าและเป็นพรแก่ชีวิตข้าพเจ้าอย่างล้นเหลือ

มีคนด้อยโอกาสและเป็นเบี้ยล่างอยู่รอบข้างเรา บางทีเราก็เป็นแบบนั้นกันถ้วนหน้าในทางใดทางหนึ่ง แต่เราทุกคนที่นี่มีโควรัม สถานที่ซึ่งเราทั้งรับและให้ความเข้มแข็งได้ โควรัมคือ “หนึ่งเดียวรวมใจ รวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียว”8 เป็นสถานที่ซึ่งเราให้คำแนะนำกัน รับใช้กัน สร้างความเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นพี่น้องกันขณะที่เรารับใช้พระผู้เป็นเจ้า9 เป็นสถานที่ซึ่งปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

ข้าพเจ้าขอเล่าถึงปาฏิหาริย์บางอย่างที่เกิดขึ้นในโควรัมของอันเดรที่โมชูดี ขณะข้าพเจ้าเล่าเรื่องนี้ ให้มองหาหลักธรรมที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ทุกโควรัมที่นำไปใช้

หลังจากอันเดรรับบัพติศมา เขากับผู้สอนศาสนาออกไปสอนเด็กหนุ่มอีกสี่คน ผู้รับบัพติศมาเช่นกัน ขณะนั้นมีเด็กหนุ่มห้าคนแล้ว พวกเขาเริ่มเสริมสร้างพลังให้กันรวมทั้งสาขา

เด็กหนุ่มคนที่หกชื่อธูโซรับบัพติศมา ธูโซแบ่งปันพระกิตติคุณกับเพื่อนของเขาสามคน ไม่นานจึงมีทั้งหมดเก้าคน

สานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์มักจะมารวมกันในวิธีนี้—ครั้งละสองสามคน เมื่อเพื่อนของพวกเขาเชื้อเชิญ ในสมัยโบราณ เมื่ออันดรูว์พบพระผู้ช่วยให้รอด เขารีบไปหาซีโมนพี่ชายของเขาและ “พาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู”10 เช่นเดียวกัน ไม่นานหลังจากฟีลิปเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ เขาเชื้อเชิญให้นาธานาเอลเพื่อนของเขา “มาดูเถอะ”11

ในโมชูดี ไม่นานเด็กหนุ่มคนที่ 10 ก็เข้าร่วมศาสนจักร ผู้สอนศาสนาพบคนที่ 11 และเด็กหนุ่มคนที่ 12 รับบัพติศมาหลังจากเห็นสิ่งที่พระกิตติคุณส่งผลต่อเพื่อนๆ ของเขา

สมาชิกสาขาโมชูดีตื่นเต้นมาก เด็กหนุ่มเหล่านี้ “เปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า, และ … เข้ามาในศาสนจักร”12

พระคัมภีร์มอรมอนมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพวกเขา13 ธูโซเล่าให้ฟังว่า “ผมเริ่มอ่านพระคัมภีร์มอรมอน … ทุกครั้งที่ผมมีเวลาว่าง ที่บ้าน ที่โรงเรียน ทุกหนทุกแห่ง”14

โอราไทล์สนใจพระกิตติคุณเพราะแบบอย่างของเพื่อนๆ เขาอธิบายว่า “[พวกเขา] ดูเหมือนเปลี่ยนไปเพียงแค่ดีดนิ้ว … ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะ … หนังสือเล่มเล็กๆ … ที่พวกเขาพกไป … โรงเรียน ผมเห็นได้ว่าพวกเขากลายเป็นคนที่ดีขึ้น … [ผม] อยากเปลี่ยนแปลงด้วย”15

สาขาโมชูดี

เด็กหนุ่มทั้ง 12 คนได้มารวมกันและรับบัพติศมาภายในระยะเวลาสองปี แต่ละคนเป็นสมาชิกศาสนจักรคนเดียวในครอบครัวเขา แต่ครอบครัวศาสนจักรสนับสนุนพวกเขา รวมถึงประธานราคเวลา16 ประธานสาขา เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์เทย์เลอร์17 คู่ผู้สอนศาสนาอาวุโส และสมาชิกสาขาคนอื่นๆ

บราเดอร์จูเนียร์18 ผู้นำโควรัม เชิญเด็กหนุ่มเหล่านั้นมาที่บ้านของเขาบ่ายวันอาทิตย์และให้คำปรึกษาพวกเขา เด็กหนุ่มศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันและจัดการสังสรรค์ในครอบครัวเป็นประจำ

การเยี่ยมสมาชิก

บราเดอร์จูเนียร์พาพวกเขาไปเยี่ยมสมาชิก คนที่ผู้สอนศาสนาสอน และคนอื่นๆ ที่ต้องการให้ไปเยี่ยม เด็กหนุ่ม 12 คนนั่งเบียดกันด้านหลังรถบรรทุกของบราเดอร์จูเนียร์ เขาพาเด็กหนุ่มไปส่งตามบ้านเป็นคู่สองหรือสามคนและมารับภายหลัง

แม้ว่าเด็กหนุ่มเพิ่งเรียนรู้พระกิตติคุณและรู้สึกว่าตนเองรู้ไม่มากนัก แต่บราเดอร์จูเนียร์ขอให้พวกเขาแบ่งปันบางเรื่องที่พวกเขารู้ให้กับคนที่พวกเขาไปเยี่ยม ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตรุ่นเยาว์เหล่านี้สอน สวดอ้อนวอน และช่วยสอดส่องดูแลศาสนจักร19 พวกเขาทำหน้าที่รับผิดชอบฐานะปุโรหิตของตนและประสบปีติแห่งการรับใช้

หมู่พี่น้อง

อันเดรกล่าวว่า “เราเล่นด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน และกลายเป็นพี่น้องกัน”20 อันที่จริง พวกเขาเรียกตนเองว่า “หมู่พี่น้อง”

พวกเขาพร้อมใจกันตั้งเป้าหมายจะรับใช้งานเผยแผ่ศาสนา เนื่องจากพวกเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรคนเดียวในครอบครัว จึงมีอุปสรรคมากมายที่ต้องฟันฝ่า แต่พวกเขาต่างช่วยกันผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้น

เด็กหนุ่มได้รับหมายเรียกรับใช้งานเผยแผ่ทีละคน คนที่ออกไปก่อนเขียนจดหมายกลับบ้านมายังคนที่กำลังเตรียมตัว เล่าประสบการณ์และกระตุ้นให้พวกเขารับใช้ เด็กหนุ่มสิบเอ็ดคนได้รับใช้งานเผยแผ่

เด็กหนุ่มเหล่านี้แบ่งปันพระกิตติคุณกับครอบครัวของตน มารดา พี่น้อง เพื่อนๆ ตลอดจนผู้คนที่พวกเขาสอนในงานเผยแผ่ต่างเปลี่ยนใจเลื่อมใสและรับบัพติศมา ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและชีวิตนับไม่ถ้วนได้รับพร

พวกท่านบางคนอาจคิดว่าปาฏิหาริย์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้เฉพาะสถานที่บางแห่งอย่างเช่นแอฟริกา ท้องทุ่งอุดมสมบูรณ์ที่กำลังเร่งการรวบรวมอิสราเอล แต่ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าหลักธรรมที่ใช้กับสาขาโมชูดีใช้ได้กับทุกแห่ง ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหน โควรัมของท่านจะเติบโตขึ้นได้ผ่านการทำให้แข็งขันและการแบ่งปันพระกิตติคุณ เมื่อสานุศิษย์แม้เพียงคนเดียวเอื้อมออกไปหาเพื่อนหนึ่งคน หนึ่งคนจะกลายเป็นสองคนได้ สองจะกลายเป็นสี่ สี่จะกลายเป็นแปด และแปดจะกลายเป็นสิบสอง สาขาจะกลายเป็นวอร์ด

วอร์ดโมชูดี

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่า “ที่ใดซึ่งมีสองสามคน [หรือมากกว่านั้น] มารวมกันในนามของเรา, … ดูเถิด, ที่นั่นเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา”21 พระบิดาบนสวรรค์ทรงเตรียมความคิดและจิตใจของผู้คนรอบข้างเรา เราสามารถทำตามการกระตุ้นเตือน หยิบยื่นมิตรภาพ แบ่งปันความจริง เชื้อเชิญให้ผู้อื่นอ่านพระคัมภีร์มอรมอน รักและสนับสนุนพวกเขาขณะพวกเขามารู้จักพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

เกือบ 10 ปีแล้วตั้งแต่หมู่พี่น้องโมชูดีเริ่มการเดินทางของพวกเขาด้วยกัน และพวกเขายังคงเป็นหมู่พี่น้องตราบจนบัดนี้

คาตเลโกบอกว่า “เราอาจจะอยู่ห่างไกลกันแต่เรายังคงอยู่เพื่อกันและกัน”22

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราจะขานรับพระดำรัสเชิญของพระเจ้าที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในโควรัมฐานะปุโรหิตของเราเพื่อโควรัมแต่ละแห่งจะเป็นสถานที่แห่งการเป็นส่วนหนึ่ง สถานที่แห่งการรวบรวม สถานที่ซึ่งเติบโต

พระเยซูคริสต์คือพระผู้ช่วยให้รอดของเรา นี่คืองานของพระองค์ ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู Mark and Shirley Taylor, comp., The Band of Brothers (Mochudi Branch conversion stories and testimonies, 2012–13), 4, Church History Library, Salt Lake City.

  2. จดหมายส่วนตัว, Letanang Andre Sebako, Band of Brothers resource files, 2011–19, Church History Library, Salt Lake City.

  3. ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์กล่าวว่า “เมื่อชายคนหนึ่งดำรงฐานะปุโรหิต เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขา คือบางสิ่งข้างนอกตัวเขาซึ่งเขาสามารถให้คำมั่นสัญญาอย่างสมบูรณ์ได้” (“The Circle of Sisters,” Ensign, Nov. 1980, 109–110).

  4. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบายวิธีแสวงหาการเปิดเผย ท่านกล่าวว่า “เมื่อท่านทำกระบวนการนี้ซ้ำวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ท่านจะ ‘เติบโตไปสู่หลักธรรมแห่งการเปิดเผย’” (“การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 95; ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 132 ด้วย).

  5. ดู คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร (2010), 8.3.2.

  6. คนอื่นๆ ช่วยได้เช่นกัน รวมถึงสมาชิกฝ่ายอธิการและผู้ให้คำปรึกษา เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์บอกว่าประโยชน์อย่างหนึ่งของการปรับโครงสร้างโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคใหม่ ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2018 คือเพื่อ “ช่วยให้อธิการมอบหมายความรับผิดชอบต่างๆ แก่ประธานโควรัมเอ็ลเดอร์และประธานสมาคมสงเคราะห์ได้มากขึ้นเพื่อให้อธิการและที่ปรึกษาสามารถมุ่งเน้นหน้าที่หลักของตนได้—โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมดูแลเยาวชนหญิงและเยาวชนชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน” (“ดูเถิด! กองทัพของพระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 59). เทพก็จะช่วยเช่นกัน ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนถือกุญแจทั้งหลายแห่งการปฏิบัติของเหล่าเทพ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 13:1; ดู Dale G. Renlund and Ruth Lybbert Renlund, The Melchizedek Priesthood [2018], 26 ด้วย). เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์กล่าวว่า “โดยปกติ เราจะ ไม่ เห็น [เทพผู้ปฏิบัติศาสนกิจ] แต่บางเวลาเราจะมองเห็น แต่ไม่ว่าจะมองเห็นหรือไม่ สัตภาวะเหล่านั้นอยู่ใกล้เรา เสมอ บางครั้งงานมอบหมายของท่านใหญ่หลวงนักและมีความสำคัญต่อทั้งโลก บางครั้งข่าวสารต่างๆ มีไว้เฉพาะตัวบุคคล บางโอกาสจุดมุ่งหมายของเทพคือตักเตือน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นการปลอบโยน การแสดงความเมตตาอาทร และการนำทางในยามคับขัน” (“การปฏิบัติของเหล่าเทพ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 36). หากท่านปรารถนาความช่วยเหลือเช่นนั้น ท่านสามารถ “ขอเถิดแล้วจะได้” (ยอห์น 16:24).

  7. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำกล่าวเปิดการประชุม,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 7–8.

  8. ดู Alexandre Dumas, The Three Musketeers (1844).

  9. ดู คู่มือเล่ม 2, 8.1.2.

  10. ดู ยอห์น 1:40–42.

  11. ดู ยอห์น 1:43–46.

  12. 3 นีไฟ 28:23.

  13. ดู D. Todd Christofferson, “The Power of the Book of Mormon” (คำปราศรัยให้ไว้ที่การสัมมนาสำหรับประธานคณะเผยแผ่คนใหม่, 27 มิถุนายน 2017).

  14. Thuso Molefe, ใน Taylor, The Band of Brothers, 22.

  15. Oratile Molosankwa, ใน Taylor, The Band of Brothers, 31–32.

  16. ลูคัส ราคเวลา, โมชูดี, บอตสวานา.

  17. มาร์คและเชอร์ลีย์ เทย์เลอร์, ไอดาโฮ, สหรัฐอเมริกา.

  18. ซิลเวสเตอร์ จูเนียร์ คโกซีมัง, โมชูดี, บอตสวานา.

  19. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:46–47, 53–54.

  20. จดหมายส่วนตัว, Letanang Andre Sebako, Band of Brothers resource files.

  21. หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:32.

  22. Katlego Mongole, ใน “Band of Brothers 2nd Generation” (unpublished compilation), 21.