2020
เบร์กลินด์ กูนนาซอน—อาร์เนสซิสลา ไอซ์แลนด์
เมษายน 2020


ภาพแห่งศรัทธา

เบร์กลินด์ กูนนาซอน

อาร์เนสซิสลา ไอซ์แลนด์

ภาพ
sisters hugging

เบร์กลินด์ (ซ้าย) กับน้องสาวของเธอ เอียลิน (ขวา) เมื่อเบร์กลินด์อยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างหนักที่สุดเท่าที่เคยประสบมา เธอรู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว โดยเปิดใจถึงความยากลำบากของเธอกับครอบครัวและเพื่อนๆ เธอพบการรักษาทางวิญญาณและอารมณ์ผ่านเครื่องมือที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานให้

มินดี เซลู, ช่างภาพ

ดิฉันมีภาวะซึมเศร้ามาตั้งแต่อายุ 13 ปี เมื่อถึงจุดหนึ่ง สิ่งต่างๆ ดูเลวร้ายมากจนดิฉันพยายามปลิดชีวิตตนเอง ช่วงนั้นดิฉันรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ ดิฉันคิดว่า “คงไม่มีวันมีความสุข ดิฉันจะไม่มีวันประสบความสำเร็จไม่ว่าเรื่องใด”

มีช่วงเวลาหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าการออกจากศาสนจักรคือคำตอบของปัญหาเพราะดิฉันเพียงรู้สึกสิ้นหวังในทุกสิ่ง การทำเรื่องที่ไม่ควรทำในไอซ์แลนด์เป็นเรื่องง่ายมาก ศาสนจักรที่นี่เล็กมาก มีเพียงดิฉันและพี่ๆ น้องๆ ที่โตขึ้นมากับชั้นเรียนที่โบสถ์ของเรา ดิฉันรู้สึกเหงาและไม่อยากไปโบสถ์อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

คนในไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องศาสนา ผู้คนเริ่มดื่มตั้งแต่อายุยังน้อย ดิฉันก็เป็นอย่างนั้นด้วย และไม่แข็งขันอยู่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ดิฉันไม่ภูมิใจกับเรื่องดังกล่าว แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์และดิฉันเรียนรู้จากเรื่องนั้น ดิฉันศึกษาคำพูดของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์และชอบที่ท่านพูดว่า “อดีตมีไว้เรียนรู้แต่ต้องไม่จมอยู่ในนั้น … เมื่อเราเรียนรู้แล้วถึงสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ … เราจะมองไปข้างหน้าและจำไว้ว่า ศรัทธาชี้บอกอนาคตเสมอ1

วันหนึ่งดิฉันทุกข์ใจมาก ดิฉันจึงอ่านปิตุพร ขณะที่อ่าน ดิฉันตระหนักว่าดิฉัน ยังมี อนาคต พระผู้เป็นเจ้าทรงมีแผนสำหรับดิฉัน และพระองค์ทรงรักดิฉันจริง การไปโบสถ์ การรับศีลระลึก การอ่านพระคัมภีร์ และการสวดอ้อนวอนนำแสงสว่างและความสุขมากมายเข้ามาในชีวิตดิฉัน ในไม่ช้าดิฉันก็ตระหนักว่า “การทำเช่นนี้ช่วยดิฉันได้จริงๆ” นั่นคือเวลาที่ดิฉันรู้ว่าดิฉันต้องการพระกิตติคุณในชีวิตเสมอ หลังจากทุกสิ่งที่ดิฉันผ่านมา ดิฉันรู้ว่าพระกิตติคุณช่วยชีวิตดิฉัน และดิฉันมีความสุขมากกับเรื่องนี้

การสนทนากับครอบครัวและเพื่อนๆ เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าช่วยได้มาก และยังนำความช่วยเหลือที่มากกว่านั้นมาอีก ดิฉันไม่ต้องการกินยาหรือไปรับการบำบัด ดิฉันเฝ้าบอกตนเองว่า “ฉันมีพระผู้เป็นเจ้า” แต่พระผู้เป็นเจ้าประทานเครื่องมืออื่นๆ หลายอย่าง เช่น การกินยา การบำบัด เพื่อให้เราใช้นอกเหนือจากเรื่องทางวิญญาณ

ขณะดิฉันเริ่มอ่านพระคัมภีร์มากขึ้นทุกวันและเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าผ่านการสวดอ้อนวอน ดิฉันได้รับพรมากมายและได้รับการเปิดเผยว่าจุดประสงค์ของดิฉันคือต้องช่วยคนอื่น ดิฉันรู้สึกว่าพวกเราหลายคนเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตและเราพยายามปกปิดไว้ ภาวะซึมเศร้าและความยากลำบากของดิฉันสอนให้รู้ว่าการเปิดใจและติดต่อกับผู้อื่นเป็นวิธีที่ดีกว่า ไม่นานมานี้เพื่อนคนหนึ่งเพิ่งเปิดใจกับดิฉันเรื่องการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า เราคุยกันเรื่องนี้และต่างเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

เราไม่สังเกตพบตลอดเวลาถึงสิ่งที่ผู้อื่นต้องต่อสู้ แต่บางครั้งดิฉันเพียงแต่เดินไปมา มองผู้อื่น และตระหนักว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนทุกคน พระองค์ทรงรักเราและทรงรู้ชัดเจนว่าเราทุกคนกำลังเผชิญกับอะไร และเราช่วยเหลือกันได้

ผ่านการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า ดิฉันเรียนรู้ที่จะถามว่า “ฉันเรียนรู้อะไรจากการทดลองนี้?” แทนที่จะถามว่า “ทำไมฉันต้องมีการทดลองนี้?” ดิฉันชอบ อีเธอร์ 12:27 มาก ที่บอกว่าสิ่งที่อ่อนแอกลับเข้มแข็งได้ถ้าเรามีศรัทธาในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ข้อนี้ปลอบโยนดิฉันเสมอ

เราทุกคนเลือกที่จะมายังแผ่นดินโลก เรารู้ว่าจะต้องทนทุกข์ผ่านการทดลอง และขอบอกตามตรงว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตนี้ยอดเยี่ยม เพราะเรารู้ว่าจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น เรารู้ว่าถ้าเราทำตามพระผู้ช่วยให้รอดผ่านทุกสถานะที่ยากลำบาก เราสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์และพรเหล่านี้ทั้งหมดที่รอเราอยู่

ดิฉันสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าผ่านภาวะซึมเศร้าแล้วดิฉันเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดมีอยู่จริง ใจดิฉันเปลี่ยนไป และดิฉันเข้มแข็งขึ้น ดิฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนที่แตกต่างจากที่เคยเป็น คนอื่นก็สังเกตเห็นและพูดว่า “เธอเปลี่ยนไปนะ” เพื่อนหญิงสมัยเรียนคนหนึ่งถึงกับพูดว่า “ฉันเห็นความแตกต่างและแสงสว่างในตัวเธอ” ประหลาดมากเพราะเธอไม่ใช่สมาชิกศาสนจักรด้วยซ้ำ และที่จริงแล้ว เราไม่เคยคุยกันจริงจังมาก่อนเลย

เมื่อดิฉันอยู่ในภาวะซึมเศร้าที่เลวร้ายที่สุด จะมีคนบอกว่า “เดี๋ยวก็ดีขึ้น” ดิฉันเหนื่อยล้าที่จะฟังคำพูดนั้น แต่แม้ว่าจะฟังดูแปลกๆ ก็ตาม มันก็เป็นความจริง

แต่คุณเองต้องอยากดีขึ้นด้วย ดิฉันเรียนรู้ว่า เราคาดหวังให้อะไรๆ ดีขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย คุณต้องอยากมีความสุขและเชื่อว่าตนเองมีศักยภาพและอนาคต ที่สำคัญ ต้องจำไว้ว่ามีคนที่รักคุณมากมาย รวมทั้งพระบิดาบนสวรรค์ของคุณด้วย ทุกคนพร้อมที่จะช่วยคุณ

ดิฉันไม่คิดเลยว่าจะมีความสุขได้ขนาดนี้ บางวันก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้ แต่ด้วยเครื่องมือที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานให้ ดิฉันรับมือได้ เวลานี้เมื่อใดที่ดิฉันรู้สึกตนเองกำลังตกไปสู่ภาวะซึมเศร้า ดิฉันบอกตนเองว่ามีคนรักดิฉัน ดิฉันมีคนที่ดิฉันคุยด้วยได้ และทุกอย่างจะดีขึ้น

ภาพ
Berglind sitting down

การเผชิญกับภาวะซึมเศร้าทำให้เบร์กลินด์รู้มากขึ้นถึงวิธีที่เราจะช่วยเหลือกันให้ผ่านเรื่องท้าทายได้ “พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนทุกคน พระองค์ทรงรักเราและทรงรู้ชัดเจนว่าเราทุกคนกำลังเผชิญกับอะไร และเราช่วยเหลือกันได้”

ภาพ
Berglind smiling

เบร์กลินด์เห็นการเปลี่ยนแปลงในตนเองผ่านเรื่องท้าทาย “การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดมีอยู่จริง” เธอพูด “ใจดิฉันเปลี่ยนไป และดิฉันเข้มแข็งขึ้น “ดิฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนที่แตกต่างจากที่เคยเป็น”

ภาพ
Berglind reading scriptures

“ขณะดิฉันเริมอ่านพระคัมภีร์มากขึ้นทุกวัน” เบร์กลินด์กล่าว “ดิฉันได้รับพรมากมายและได้รับการเปิดเผยว่าจุดประสงค์ของดิฉันคือต้องช่วยคนอื่น ดิฉันชอบ อีเธอร์ 12:27 มาก ที่บอกว่าสิ่งที่อ่อนแอกลับเข้มแข็งได้ถ้าเรามีศรัทธาในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ข้อนี้ปลอบโยนดิฉันเสมอ”

อ้างอิง

  1. เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “‘Remember Lot’s Wife’: Faith Is for the Future” (Brigham Young University devotional, Jan. 13, 2009), speeches.byu.edu.

พิมพ์