เปี่ยมปีติ
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายปีติอันน่าทึ่งที่เติมเต็มจิตวิญญาณของฉันขณะที่ฉันออกจากคลินิกในวันนั้น
ขณะนั่งอยู่ในห้องรอตรวจ ฉันสังเกตเห็นแม่คนหนึ่งกับลูกสาวของเธอ ลูกสาวสวมหน้ากากอนามัยและไอหลายครั้ง ดวงตาของเธอบวมและสีหน้าซีดเซียว ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนั้น แม่ของเธอดูอิดโรย
ห้องรอตรวจเล็กมาก ฉันจึงได้ยินทุกอย่างที่เธอพูด หลังจากเธอจ่ายเงินในส่วนของค่าใช้จ่ายสมทบเป็นค่าตรวจรักษาแล้ว พนักงานต้อนรับเตือนเธอเกี่ยวกับยอดค่ารักษาที่เกินกำหนดชำระซึ่งสูงกว่าค่าตรวจครั้งนี้สองเท่า
หญิงคนนั้นอธิบายด้วยความยากลำบากในการควบคุมอารมณ์ของเธอ ว่าเธอไม่มีเงินสำรองใดๆ เหลือแล้วจนกว่าจะถึงเดือนถัดไป เธอบอกว่าเธอแทบไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่า พนักงานต้อนรับบอกว่าเธอควรพยายามชำระยอดคงเหลือโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นมีผู้เชิญเธอกับลูกไปที่ด้านหลังเพื่อไปตามนัดหมาย
ขณะที่ฉันนั่งอยู่ที่นั่น ฉันไม่อาจหยุดนึกถึงหญิงคนนั้นและสถานการณ์ของเธอได้ ฉันไม่ได้ร่ำรวยเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อฉันคิดว่าที่ผ่านมาพระเจ้าทรงดีกับฉันและครอบครัวของฉันมากเพียงใด ฉันจึงรู้สึกถึงความปรารถนาอันท่วมท้นที่จะช่วยเหลือหญิงคนนี้และลูกสาวของเธอ
ฉันเดินไปหาพนักงานต้อนรับ พลางสงสัยว่าสิ่งที่ฉันต้องการทำนั้นเป็นไปได้หรือไม่ ฉันอธิบายว่าฉันได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ยากลำบากของหญิงคนนั้น และฉันต้องการจ่ายยอดค้างชำระให้เธอ พนักงานต้อนรับประหลาดใจแต่ก็ยินดีทำตามคำขอของฉัน
ฉันขอให้พนักงานต้อนรับบอกหญิงคนนั้นว่ามีการชำระยอดคงค้างแล้วและไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป และฉันยังห้ามพนักงานต้อนรับแจ้งว่าใครเป็นคนชำระเงินให้เธอด้วย หลังจากชำระยอดคงค้างนั้นแล้วฉันจึงเข้าพบแพทย์ตามการนัดหมายของฉัน ฉันไม่เห็นหญิงคนนั้นหรือลูกสาวของเธออีก แต่ฉันสวดอ้อนวอนขอให้สิ่งต่างๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้นโดยเร็วสำหรับพวกเขา
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงปีติอันน่าทึ่งที่เติมเต็มจิตวิญญาณของฉันขณะออกจากคลินิกในวันนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงการมีความเปี่ยมปีติ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 11:13) ฉันรู้มากกว่าเดิมว่าฉันต้องการเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดของฉันมากขึ้นและประสบปีติที่มาจากการรับใช้พระองค์บ่อยครั้งขึ้น