ดิจิทัลเท่านั้น
แนวคิด 14 ข้อที่ทําให้การศึกษาพระคัมภีร์ของท่านมีความหมายมากขึ้น
สมาชิกทั่วโลกแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาทําเพื่อการศึกษาพระคัมภีร์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและความไม่ลงรอย สันติสุขสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านทางพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเชื้อเชิญให้เรามาหาพระองค์ (ดู มัทธิว 11:28) และฟังพระวจนะของพระองค์ (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 19:23) เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับพระเยซูคริสต์ซึ่งจะช่วยให้เราต้านทานความท้าทายที่เราเผชิญในชีวิตได้โดยมองหาวิธี “เล็กและเรียบง่าย” (แอลมา 37:6) เพื่อปรับปรุงการศึกษาประจําวันของเรา
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเตือนเราว่า: “การจดจ่ออยู่กับพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทุกวันสำคัญยิ่งต่อความอยู่รอดทางวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลียุคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ เมื่อเราดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์ทุกวัน พระวจนะของพระคริสต์จะบอกวิธีรับมือกับความยุ่งยากทั้งหลายที่เราไม่คิดว่าจะพบเจอมาก่อน”
หลักธรรมต่อไปนี้ช่วยได้เมื่อเรามองหาวิธีเชื่อมโยงกับพระคริสต์ผ่านพระคัมภีร์
1. เริ่มด้วยการสวดอ้อนวอน
“เพื่อทําให้การศึกษาพระคัมภีร์ของดิฉันมีความหมายมากขึ้น ดิฉันชอบเริ่มต้นด้วยการสวดอ้อนวอน ดิฉันทูลขอพระบิดาบนสวรรค์ขอให้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ด้วยเพื่อดิฉันจะสามารถรับสิ่งที่พระองค์ประสงค์ให้ดิฉันเรียนรู้ได้มากขึ้น ขณะอ่านดิฉันพยายามไตร่ตรองถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลาย ดิฉันนึกถึงวิธีประยุกต์ใช้แบบอย่างของพวกเขากับชีวิตตนเอง วิธีที่จะสามารถมีศรัทธามากขึ้น และวิธีที่จะวางใจในพระเจ้าเหมือนพวกเขา
“ขณะทําเช่นนั้น ดิฉันรู้สึกได้ถึงความสงบในใจและความรักของพระเจ้า”
กาเบรียลา ปิเนดา ปอร์ติโย, ลาลิแบร์ตัด เอลซัลวาดอร์
2. สร้างบทเรียนเพื่อแบ่งปันกับผู้อื่น
“เมื่อศึกษาพระคัมภีร์ ผมจะเขียนหลักธรรมนั้นให้เป็นบทเรียนเพื่อจะได้แบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้ ถ้าเรียนรู้อะไรบางอย่าง ผมก็อยากแบ่งปันเรื่องนั้นเพื่อที่จะได้เห็นมุมมองของเพื่อนๆ ที่มีต่อบทเรียนนั้น”
เชสเตอร์ เฉิน, สิงคโปร์
3. มุ่งเน้นที่สาระสําคัญ
“ในแต่ละปี ดิฉันเลือกเจาะจงเฉพาะสาระสำคัญที่จะมุ่งเน้น ขณะนี้ ดิฉันกําลังดูวิธีที่ผู้คนในพระคัมภีร์มอรมอนขอความช่วยเหลือและพรรวมถึงปฏิกิริยาหรือการกระทําของพระเจ้าต่อวิธีนั้นๆ”
ไฮเคอ โดรเกอ, เยอรมนี
4. ทำบันทึกประจำวันสำหรับการเดินทางทางวิญญาณของท่าน
“ดิฉันกําหนดเวลาสําหรับการศึกษาพระคัมภีร์ไว้ทุกเช้า ดิฉันเริ่มต้นด้วยการสวดอ้อนวอนเพื่อเปิดใจรับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และรู้สึกใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น การเจาะลึกพระคัมภีร์ การไตร่ตรองความสําคัญ และบางครั้งการทบทวนข้อความหลายๆ ครั้งสอดคล้องกับคําแนะนําใน 2 นีไฟ 32:3 ที่ให้ “ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์” สําหรับดิฉันการศึกษาพระคัมภีร์เป็นมากกว่าการอ่าน สิ่งที่มากกว่าคือเมื่อศึกษาพระคัมภีร์ดิฉันจะจดความคิดและความประทับใจของตนไว้เพื่อจะได้อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกและดื่มด่ำกับสิ่งที่จดไว้ ซึ่งเหมือนกับการทำบันทึกประจำวันสำหรับการเดินทางทางวิญญาณของดิฉัน การพูดคุยกับผู้อื่นเกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันเรียนรู้ทําให้สิ่งน้้นดียิ่งขึ้นไปอีก เราแบ่งปันความคิดและความเข้าใจของเรา และนั่นช่วยให้เราทุกคนเติบโตทางวิญญาณ ด้วยวิธีนี้ การศึกษาของดิฉันจะเป็นมากกว่าการอ่านถ้อยคํา—เป็นวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับพระคริสต์”
ไนมา กลุค, เยอรมนี
5. เอาใจใส่ความคิดและความรู้สึกขณะไตร่ตรองความจริง
“ดิฉันสวดอ้อนวอนทูลขอการดลใจจากพระบิดาบนสวรรค์ให้สามารถรู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะได้เข้าใจข่าวสาร เข้าใจมากขึ้น และนําสิ่งที่เรียนรู้มาปฏิบัติได้ ดิฉันจดความรู้สึกและความประทับใจในสิ่งที่กําลังอ่านลงในบันทึกการศึกษาประจำวัน ดิฉันขีดเส้นใต้คําหรือข้อพระคัมภีร์สําคัญที่จะช่วยดิฉันได้ในภายหลังและในชีวิตประจําวัน ดิฉันระบายสีพระนามของพระเยซูคริสต์รวมถึงพระสมัญญานามที่อธิบายถึงพระองค์ด้วยสีเหลืองเพราะพระนามเหล่านั้นสอนและเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอด ฉันหยุดเพื่อไตร่ตรองความจริงที่พระคัมภีร์กําลังสอน เอาใจใส่ความคิดและความรู้สึกของตนเกี่ยวกับสิ่งที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้เรียนรู้และเข้าใจ พระองค์ทรงรู้จักเราอย่างสมบูรณ์และทรงทราบสถานการณ์ของเราแต่ละอย่าง
“ดิฉันจดวลีที่สร้างแรงบันดาลใจเล็กๆ น้อยๆ จากพระคัมภีร์และการประชุมใหญ่สามัญ แล้วติดไว้บนผนังในบ้านเพื่อให้รู้สึกถึงการนําทางและความเข้มแข็งจากวลีเหล่านั้น”
ยาไฮรา นูเญียซ เปริเช, ชิกลาโย เปรู
6. ค้นหาสิ่งที่เหมาะกับท่าน
“สิ่งที่ผมตระหนักคือวิธีที่เราศึกษาพระคัมภีร์และการประชุมใหญ่สามัญเป็นเรื่องส่วนตัวมากและต่างกันในแต่ละคน บางคนจดบันทึกอย่างละเอียด แต่บางคนไม่จด บางคนชอบอ่านพระคัมภีร์ บางคนชอบฟังหรือดู สิ่งที่สําคัญสําหรับผมคือการไม่ทําตามกฎเกณฑ์หรือวิธีการศึกษาที่เข้มงวด เป็นเรื่องของการเข้าใจว่าพระคัมภีร์ทําให้ผมรู้สึกอย่างไร การที่ผมสามารถเข้าถึงการศึกษาโดยการแสวงหาคําตอบสําหรับคําถามที่มีในชีวิต ช่วยให้ผมไม่เพียงอ่านหรือฟังถ้อยคําเท่านั้นแต่รับรู้ความหมายจากถ้อยคําเหล่านั้นจริงๆ และเข้าใจว่าคําเหล่านั้นมีความสําคัญอย่างไรในชีวิตผมเอง การทําเช่นนั้นเตือนใจว่าพระคริสต์ทรงรู้จักผมเป็นการส่วนตัวและทรงห่วงใยผมในฐานะปัจเจกบุคคล จะมีความรู้สึกใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการรู้ความจริงที่เรียบง่ายนั้น?”
เดวิด แฮดด็อก, ยอร์ก อังกฤษ
7. คงความสม่ำเสมอ
“บางครั้ง คํามั่นสัญญาที่มีต่อครอบครัว การศึกษา การทํางาน และชีวิตทำให้ยากที่จะศึกษาพระคัมภีร์ได้เลย แทบไม่ต้องพูดถึงการศึกษาพระคัมภีร์อย่างมีความหมาย โดยที่โตมากับการทํางานและการเลี้ยงชีพด้วยฟาร์มโคนม เราจึงพบว่าโอกาสประสบความสําเร็จมากที่สุดของเราคือ 5.30 น. ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน—บางครั้งการวัดความสําเร็จของเราคือถ้าทุกคนลุกจากเตียง! เหนือสิ่งอื่นใด เราพบว่าความสม่ำเสมอคือกุญแจสําคัญ แต่นั่นไม่ได้เพิ่มเวลาให้เรา การหาวิธีปรับปรุงการเรียนรู้ของเราก็สําคัญเช่นกัน เราทําหลายสิ่งได้ขณะขับรถหรือรอ เช่น การฟังหนังสือ พอดแคสต์ และคําปราศรัยดีๆ ซึ่งล้วนยกระดับความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักธรรมพระกิตติคุณและกระชับความสัมพันธ์ของเรากับพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก และพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ทําให้เรานึกถึงทั้งสองพระองค์ตลอดเวลา”
สเปนเซอร์และซาราห์ พาร์คินสัน, ไอโอวา สหรัฐอเมริกา
8. เอาชนะสิ่งรบกวนด้วยการสวดอ้อนวอน
“สําหรับดิฉัน บางครั้งก็ยากที่จะศึกษาพระคัมภีร์อย่างมีความหมายเพราะดิฉันพบว่าตนเองถูกรบกวนได้ง่ายจากความคิด โทรศัพท์ คนอื่น รายการสิ่งที่ตนเองต้องทํา และอื่นๆ แต่ดิฉันพบว่าเมื่อสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจและจากใจก่อนศึกษาพระคัมภีร์ ดิฉันสามารถจดจ่อและเชื่อมต่อกับพระคริสต์และเรียนรู้จากพระวิญญาณได้ดีขึ้น การสวดอ้อนวอนเชื่อมโยงดิฉันกับพลังแห่งสวรรค์และทําให้การเปิดเผยส่วนตัวหลั่งไหลมาขณะศึกษาพระคัมภีร์”
มอร์แกน กรีน, อะแลสกา สหรัฐอเมริกา
9. สรุปและบันทึกข่าวสารสําคัญ
1. “จดบันทึกขณะฟังคําปราศรัยการประชุมใหญ่
2. เมื่อ เลียโฮนา มาถึง จะขีดเส้นใต้ส่วนสําคัญขณะผมอ่าน
3. สรุปข่าวสารสําคัญและจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์ (รวมถึงชื่อ ประเภท และวันที่) มีการจัดเก็บข่าวสารสําคัญไว้แล้วประมาณ 16,000 ข่าวสาร
4. วิเคราะห์สาระสำคัญและการใช้ภาษา”
ริวอิจิ อิโนะอุเอะ, ญี่ปุ่น
10. จดจําสิ่งที่ท่านเรียนรู้—และเปลี่ยนแปลง
“ห้าปีที่แล้ว ครูเตรียมเอ็มทีซีของดิฉันเล่าเรื่องที่มีคนบอกเขาว่า: ‘ถ้าการศึกษาพระคัมภีร์ของคุณไม่ทําให้คุณอยากเปลี่ยน แสดงว่าคุณไม่ได้ตั้งใจเรียนมากพอ’
“สําหรับดิฉัน มันเกี่ยวกับสิ่งที่ทําหลังจากอ่านพระคัมภีร์แล้ว ดิฉันพยายามจดจําสิ่งที่อ่านไว้ตลอดวันและตลอดชีวิต เมื่อดิฉันประยุกต์ใช้หลักธรรมที่สอนในพระคัมภีร์ มุมมองและความปรารถนาของดิฉันก็เปลี่ยนไป และความเข้าใจของดิฉันที่ว่าพระคริสต์คือใครและทรงทําอะไรจึงเติบโตขึ้น”
มอรีน ดาทวีลาร์, โซโลทูร์น สวิตเซอร์แลนด์
11. ทําให้เป็นเรื่องของตนเอง
“ดิฉันใส่ชื่อของดิฉันแทนชื่ออื่นในพระคัมภีร์ ดิฉันชอบคิดว่าทุกอย่างในพระคัมภีร์มีความหมายส่วนตัวสําหรับดิฉัน ดิฉันค้นทุกคํา ทุกพยางค์ ทุกจุลภาค บางครั้งดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเรียนรู้ช้าและสามารถแยกวิเคราะห์ได้เพียงไม่กี่ข้อแทนที่จะเป็นทั้งบท แต่สําหรับดิฉันวิธีนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าและช่วยให้ดิฉันเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้นและทําให้ดิฉันนึกถึงพระองค์ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เป็นผู้สอนศาสนา ดิฉันฟังการประชุมใหญ่สามัญในตอนเช้าจนเป็นนิสัยขณะแต่งหน้า เก็บที่นอน แปรงฟัน ทําอาหารเช้า หรือเดินทางไปทํางาน สิ่งนี้ทําให้จิตใจดิฉันเปิดรับสิ่งที่ถูกต้อง ในตอนเย็นก่อนเข้านอนดิฉันเขียนความประทับใจและคํามั่นสัญญาที่ได้รับการดลใจจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
มารีนา คาร์ลาโมวา, ครัสโนยาร์สค์, รัสเซีย
12. ถามผู้อื่นเมื่อท่านไม่เข้าใจ
“ดิฉันเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยการสวดอ้อนวอน ดิฉันจดคําถามเกี่ยวกับพระกิตติคุณ หรืออาจเน้นเฉพาะหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ดิฉันเริ่มศึกษาหัวข้อหรือคําถามนั้นและจดคําถามอื่นๆ ที่เข้ามาในความคิด ถ้าดิฉันไม่เข้าใจบางอย่าง ดิฉันจะคุยกับพ่อแม่หรือเพื่อนหรือถามครูโรงเรียนวันอาทิตย์
“ดิฉันชอบศึกษาพระคัมภีร์ในพระวิหารเพราะพระวิหารเงียบและมีสิ่งรบกวนน้อยกว่า”
ลอรา ดาทวีลาร์, เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์
13. เข้าใกล้พระเจ้า
“พระวจนะของพระเจ้าเติมเต็มวันของดิฉันเสมอ ในโฮจิมินห์ซิตี้ เวียดนาม ซึ่งดิฉันอยู่ การจราจรช่วงเช้าไม่ดีนัก ปกติดิฉันจึงไปทํางานแต่เช้าและใช้เวลาก่อนทำงาน 30 นาทีเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ ดิฉันรู้สึกใกล้ชิดพระเจ้ามากเมื่อพยายามใช้เวลากับพระองค์ ไม่ว่าท่านจะยุ่งมากเพียงใดในหนึ่งวัน จงถวายเวลาของท่านแด่พระผู้เป็นเจ้าให้มากที่สุด เมื่อท่านพยายามเข้าใกล้พระองค์ พระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านด้วย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:63) พระองค์จะทรงนําทางท่านและทําให้วันนั้นทั้งวันมีความหมายมากกว่าที่ท่านจะทําด้วยตนเองได้”
มี โว, โฮจิมินห์ซิตี้ เวียดนาม
14. เตรียมพร้อมทางวิญญาณ
“เมื่อศึกษาพระคัมภีร์ ดิฉันเตรียมพร้อมทางวิญญาณผ่านการสวดอ้อนวอนแล้วไตร่ตรองสิ่งที่ดิฉันศึกษา”
ยูเบอร์กี แอนโทเนีย เฟอร์นันเดซ ครูซ, ซานเตียโกเดโลส กาบาเยโรส, ซานเตียโก สาธารณรัฐโดมินิกัน