“บทเรียนที่ 125—หลักคําสอนและพันธสัญญา 111: ‘เราจะสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของเจ้า’” หลักคําสอนและพันธสัญญา คู่มือครูเซมินารี (2025)
“หลักคําสอนและพันธสัญญา 111” หลักคําสอนและพันธสัญญา คู่มือครูเซมินารี
ในปี 1836 ศาสนจักรมีหนี้สินมากมาย ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและผู้นำศาสนจักรท่านอื่นเดินทางไปเมืองเซเล็ม รัฐแมสซาชูเซตส์ ที่ซึ่งพวกท่านหวังว่าจะได้เงินมาชำระหนี้ของศาสนจักร ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1836 โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 111 ในการเปิดเผยนี้พระเจ้าทรงให้ความมั่นใจกับเขาเกี่ยวกับหนี้สินของศาสนจักรและความเป็นอยู่ของไซอัน บทนี้จะช่วยให้นักเรียนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์
กิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจทำได้
สถานการณ์จะออกมาเป็นอย่างไร?
เริ่มชั้นเรียนโดยเชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงความท้าทายที่วัยรุ่นทั่วไปเผชิญซึ่งอาจทําให้พวกเขารู้สึกท้อแท้หรือกลัวว่าสิ่งต่างๆ จะไม่ดีขึ้น จากนั้นท่านอาจวาดระดับคะแนนดังต่อไปนี้บนกระดานและเชื้อเชิญให้นักเรียนใช้ระดับคะแนนตอบคําถามด้านล่าง
ไตร่ตรองว่าท่านจะประเมินตนเองตามระดับคะแนนนี้อย่างไรเกี่ยวกับปัญหาหรือความท้าทายที่ท่านกําลังเผชิญอยู่หรืออาจเผชิญในอนาคต
ช่วงเวลาที่ยากลําบากสําหรับโจเซฟและคนอื่นๆ
ท่านอาจเชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งให้อ่านภูมิหลังตามบริบทต่อไปนี้ หรือท่านอาจสรุปด้วยคําพูดของท่านเอง หรือท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน บทที่ 22 ของ วิสุทธิชน: เรื่องราวของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย , เล่ม 1, มาตรฐานแห่งความจริง, 1815–1846 ([2018], 258–259) หรือท่านอาจเปิดไฟล์เสียงของบทนั้น (สามารถดูได้ที่ saints.ChurchofJesusChrist.org ) ตั้งแต่รหัสเวลา 16:14 ถึง 17:00 ท่านอาจชี้ให้เห็นว่าเมื่อเราเผชิญความท้าทายในชีวิตที่อาจทําให้ท้อใจ โจเซฟ สมิธและผู้นําศาสนจักรคนอื่นๆ เผชิญความท้าทายในปี 1836 ซึ่งทําให้พวกเขากังวลมากเกี่ยวกับอนาคตของไซอัน
ราวๆ ปี 1836 ศาสนจักรมีหนี้ก้อนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสร้างพระวิหารเคิร์ทแลนด์และการซื้อที่ดินในโอไฮโอและมิสซูรี ขณะเดียวกันวิสุทธิชนในเทศมณฑลเคลย์ มิสซูรีถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ในปลายเดือนกรกฎาคมปี 1836 ความกังวลเหล่านี้ทําให้โจเซฟกับไฮรัม สมิธ, ออลิเวอร์ คาวเดอรี และซิดนีย์ ริกดันเดินทางมากกว่า 600 ไมล์ (965 กิโลเมตร) จากเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอไปยังเซเล็ม แมสซาชูเซตส์ แม้เหตุผลในการเดินทางของพวกเขาจะไม่แน่นอน แต่พวกเขาทําตามข้อมูลที่คิดว่าจะช่วยบรรเทาหนี้ของศาสนจักรได้ เรื่องราวหนึ่งระบุว่าสมาชิกศาสนจักรบอกโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับบ้านหลังหนึ่งในเซเล็มซึ่งซ่อนเงินไว้จํานวนมาก (ดู historical introduction to “Revelation, 6 August 1836 [D&C 111] ” 35, josephsmithpapers.org )
ขณะนักเรียนศึกษา หลักคําสอนและพันธสัญญา 111 เชื้อเชิญให้พวกเขาแสวงหาการเปิดเผยเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าจะทรงช่วยเราเพิ่มความเชื่อมั่นว่าปัญหาและความท้าทายของเราเกิดขึ้นเพื่อความดีของเรา
“ถึงแม้จะเป็นความเบาปัญญาของเจ้าก็ตาม”
ท่านอาจเขียนกลุ่มของข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ไว้บนกระดาน วิธีหนึ่งที่จะศึกษาข้อเหล่านี้คืออ่านกลุ่มแรก แล้วเชื้อเชิญให้นักเรียนเขียนคําตอบของคําถามสองข้อลงในกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วส่งต่อให้เพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่ง สนทนาสิ่งที่นักเรียนเขียน ทํากิจกรรมนี้ซํ้ากับกลุ่มข้อพระคัมภีร์อีกสองกลุ่มที่เหลือ การทําเช่นนี้จะช่วยให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้และได้รับการสอนจากเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขา
หากจําเป็น ให้อธิบายว่าความเบาปัญญาคือความผิดพลาดหรือข้อผิดพลาดในการตัดสิน
จดจ่ออยู่กับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์: ดูการฝึกปฏิบัติเพิ่มเติมในเรื่องนี้ที่การอบรม “สอนเกี่ยวกับพระสมญานาม บทบาท และพระคุณลักษณะของพระเยซูคริสต์ ” ใน ทักษะการพัฒนาครู: มุ่งเน้นที่พระเยซูคริสต์ ท่านอาจฝึกทักษะ “ตั้งคําถามชวนค้นหาเพื่อช่วยนักเรียนระบุบทบาท พระสมญานาม สัญลักษณ์ พระคุณลักษณะ และพระอุปนิสัยของพระเยซูคริสต์” หลังจากทบทวนการอบรมแล้ว ท่านอาจต้องการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มคําถามที่ท่านถามนักเรียนเกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้
อ่านกลุ่มข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ และสําหรับแต่ละกลุ่ม ให้ตอบคําถามสองข้อต่อไปนี้:
ในคําตอบของคําถามข้อสอง นักเรียนอาจกล่าวถึงความจริงหรือพระคุณลักษณะหลายประการของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงความจริงดังต่อไปนี้: พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาต่อความเบาปัญญาของเรา (ดู ข้อ 1 ); พระผู้เป็นเจ้าทรงสื่อสารกับเราผ่านสันติสุขและเดชานุภาพของพระวิญญาณของพระองค์ (ดู ข้อ 8 ); พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของเรา (ดู ข้อ 11 )
พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของเรา
ทําตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณว่าความจริงใดจะเป็นประโยชน์สําหรับนักเรียนที่จะศึกษาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ส่วนที่เหลือของบทเรียนนี้จะเน้นย้ำความจริงที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของเรา ท่านอาจเขียนความจริงนี้ไว้บนกระดานและเชื้อเชิญให้นักเรียนทําเครื่องหมายคําใน ข้อ 11 ที่สอนความจริงนั้น
หากจําเป็น ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าคําว่า สั่ง ในข้อพระคัมภีร์นี้หมายถึง “จัดเตรียม” ท่านอาจพูดถึงระดับคะแนนบนกระดานและเชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองว่าพวกเขามั่นใจเพียงใดว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถจัดเตรียม “สิ่งทั้งปวง” เพื่อประโยชน์ของพวกเขา
ท่านอาจสนทนากับนักเรียนว่าหากพวกเขาต้องการเชื่อความจริงนี้มากขึ้น พวกเขาจะสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือเพื่อให้ความเข้าใจและความเชื่อของพวกเขาลึกซึ้งขึ้นในพระคุณลักษณะนี้ของพระผู้เป็นเจ้า
หากจําเป็น ให้อธิบายว่าการ “ฉลาดดังงู ทว่าปราศจากบาป” (ข้อ 11 ) หมายถึงแนวคิดที่ว่าสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดควรผสมผสานปัญญากับความใสซื่อและความบริสุทธิ์
สําหรับกิจกรรมต่อไปนี้ ท่านอาจจัดนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละสามคน ขอให้นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มอ่านข้อความที่แตกต่างกันด้านล่าง หลังจากนักเรียนอ่านและสนทนาแล้ว ท่านอาจเชื้อเชิญให้พวกเขามาที่กระดานและเขียนบางสิ่งที่พวกเขาพบ พวกเขาอาจเขียนไว้รอบๆ ความจริงบนกระดาน โดยมีลูกศรชี้ไปที่ความจริง
ศึกษาข้อต่อไปนี้ โดยมองหาสิ่งที่เราต้องทําเพื่อให้พระผู้เป็นเจ้าทรงสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของเรา ท่านอาจเชื่อมโยงข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้กับ หลักคําสอนและพันธสัญญา 111:11
เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านคํากล่าวต่อไปนี้ของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์แล้วเพิ่มสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ลงในรายการบนกระดาน:
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) เป็นพยานว่า:
ทุกอย่างจบลงด้วยดี อย่าวิตก ข้าพเจ้าพูดกับตนเองแบบนี้ทุกเช้า ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ถ้าท่านทำดีที่สุด ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า ก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธาและด้วยความมั่นใจในอนาคต พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา (“Latter-day Counsel: Excerpts from Addresses of President Gordon B. Hinckley ” Ensign , Oct. 2000, 73)
เชื้อเชิญให้นักเรียนสอนกันเองเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเขียนบนกระดาน พวกเขาอาจอธิบายว่าเหตุใดสิ่งนั้นจึงมีความหมายต่อพวกเขา คําถามบางข้อต่อไปนี้จะยกระดับการสนทนาได้:
ท่านพบอะไรที่สามารถเสริมสร้างความเชื่อมั่นของท่านว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของท่าน?
การมีมุมมองนิรันดร์ช่วยให้ท่านวางใจว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถสั่งสิ่งทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของท่านได้อย่างไร?
พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งดีๆ ในชีวิตท่านหรือชีวิตคนที่ท่านรู้จักเมื่อใดหรืออย่างไร?
กิจกรรมต่อไปนี้ให้เวลานักเรียนพิจารณาว่าสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้และรู้สึกวันนี้จะมีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเขาและความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระบิดาบนสวรรค์อย่างไร หลังจากนักเรียนเขียนบันทึกการศึกษาเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันกับชั้นเรียน
ทํากิจกรรมต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งอย่างลงในสมุดบันทึก:
ความเบาปัญญาคือความผิดพลาดหรือข้อผิดพลาดในการตัดสิน อาจเป็น “ความเบาปัญญา” ที่โจเซฟ สมิธและสหายของเขามองหาเงินและพึ่งพาความพยายามของพวกเขาเองในการแก้ไขปัญหาการเงินของศาสนจักร อย่างไรก็ตาม ตลอดการเปิดเผยที่เหลือที่บันทึกไว้ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 111 พระเจ้าทรงสัญญาด้วยพระเมตตาต่อพวกเขาถึงความช่วยเหลือและการชี้นําอย่างต่อเนื่อง
การที่พระเจ้าทรงยอมรับความผิดพลาดของผู้นําศาสนจักรเหล่านี้ช่วยทําให้ความแตกต่างระหว่างการทำผิดกับการทําบาปชัดเจน ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดยอมรับว่าเราทุกคนล้วนเคยทําผิดพลาดและสอนว่าความผิดพลาดของเราสามารถช่วยให้เราก้าวหน้า:
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกระบวนการเติบโตในความเป็นมรรตัย เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ทั้งหมดของความผิดเหมือนกับการหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ทุกอย่างของการเติบโต ในอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงเล่าถึงบ่าวคนหนึ่งผู้กังวลใจมากที่จะลดความเสี่ยงเรื่องการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุดผ่านการลงทุนที่ผิดๆ จนเขาซ่อนเงินตะลันต์ของตนไว้และไม่ทําอะไรเลย บ่าวคนนั้นถูกนายกล่าวโทษ (ดู มัทธิว 25:24–30 )
ถ้าเราเต็มใจแก้ไขความผิดพลาดของเรา … ความผิดพลาดที่ไร้เดียงสาสามารถเป็นบ่อเกิดของการเติบโตและความก้าวหน้า (Dallin H. Oaks, “Sins and Mistakes ,” Ensign , Oct. 1996, 67)
ประธานเฮนรีย์ บี.อายริงก์ แห่งฝ่ายประธานสูงสุดให้ข้อคิดต่อไปนี้ที่สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจอิทธิพลและอํานาจของพระวิญญาณในชีวิตพวกเขาได้ดีขึ้น:
ท่านรู้สึกถึงการยืนยันเงียบๆ ในใจและในความคิดท่านว่าบางอย่างเป็นความจริง และท่านรู้ว่านั่นเป็นการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า สําหรับบางท่านอาจเกิดขึ้นเมื่อผู้สอนศาสนาสอนท่านก่อนท่านรับบัพติศมา อาจเกิดขึ้นระหว่างรับฟังคําปราศรัยหรือบทเรียนที่โบสถ์ อาจเกิดขึ้นในคืนนี้เมื่อมีคนพูดหรือร้องเพลงเกี่ยวกับความจริงบางอย่าง ตามที่ข้าพเจ้ารู้สึกเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่พวกท่านบางคนร้อง พระวิญญาณบริสุทธิ์คือพระวิญญาณแห่งความจริง ท่านจะรู้สึกถึงสันติสุข ความหวัง และปีติเมื่อสิ่งนั้นเข้าไปในใจและความคิดของท่านว่าบางสิ่งเป็นความจริง เกือบทุกครั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกถึงแสงสว่างเช่นกัน ความรู้สึกใดก็ตามที่มีเกี่ยวกับความมืดจะหายไป และความปรารถนาที่จะทําสิ่งถูกต้องจะเพิ่มพูน (Henry B. Eyring, “Gifts of the Spirit for Hard Times ” [Brigham Young University devotional, Sept. 10, 2006], 2, speeches.byu.edu )
เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงส่งสานุศิษย์ของพระองค์ออกไปสั่งสอนพระกิตติคุณ พระองค์ตรัสกับพวกเขา “เฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ” (มัทธิว 10:16 ) ในสมัยปัจจุบัน พระผู้ช่วยให้รอดประทานคําแนะนําคล้ายกันนี้แก่สานุศิษย์ของพระองค์ โดยทรงประกาศว่า “เจ้าจงฉลาดดังงู ทว่าปราศจากบาป” (ค&พ. 111:11 ) ทั้งสองเรื่องสอนว่าสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดควรผสมผสานปัญญากับความใสซื่อและความบริสุทธิ์ งานแปลของโจเซฟ สมิธเน้นความสําคัญของการเป็นผู้รับใช้ที่มีปัญญาของพระอาจารย์: “เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็น ผู้รับใช้ ที่มีปัญญา และไม่มีพิษภัยเหมือนนกพิราบ” (Joseph Smith Translation, Matthew 10:14; เปรียบเทียบ มัทธิว 10:16 ) (พันธสัญญาใหม่ คู่มือนักเรียน [2018], 36–37)
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟเป็นพยานเมื่อครั้งอยู่ในฝ่ายประธานสูงสุดว่า
คนที่เอาใจใส่เสียงเรียกภายในและแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า คนที่สวดอ้อนวอน เชื่อ และเดินบนเส้นทางที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเตรียมไว้—แม้พวกเขาจะสะดุดล้มตามทางเป็นครั้งคราว—จะได้รับการยืนยันปลอบใจว่า “สิ่งทั้งปวงจะร่วมกันส่งผลเพื่อความดีของ [พวกเขา]” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 90:24 ) (ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ถวิลหาบ้าน ,” เลียโฮนา , พ.ย. 2017, 22)
เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองประกาศว่า:
ทุกสิ่งจะร่วมกันส่งผลเพื่อความดีของเราเมื่อเรา “ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ในพระคริสต์ … ในพันธสัญญาของพระบิดา” [โมโรไน 10:33 ] พรดีที่สัญญาไว้ทุกประการจะมาสู่ผู้ที่ยังคงซื่อสัตย์จนวาระสุดท้าย “สภาพอันเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า” คือ “พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ,” และ “พำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าใน … ความสุขอันไม่รู้จบ” [โมไซยาห์ 2:41 ] (เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง “การเป็นคนในพันธสัญญา ,” เลียโฮนา , พ.ย. 2019, 81)
13:33
หากนักเรียนจะได้ประโยชน์จากบริบทเพิ่มเติมทางประวัติศาสตร์ ท่านอาจเล่าเรื่องของเอ็ลเดอร์เอแรสตัส สโนว์และการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 111 ที่ช่วยให้ท่านทําพันธกิจของท่านให้เกิดสัมฤทธิผล
ในปี 1841 ห้าปีหลังจากประทาน ภาค 111 แล้ว เอแรสตัส สโนว์ได้รับเรียกให้ไปที่เมืองเซเล็ม แมสซาชูเซตส์เพื่อทําให้การเปิดเผยของการรวบรวมผู้คนของเซเล็มเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าเกิดสัมฤทธิผล ในตอนแรกผู้คนไม่ยอมรับข่าวสารพระกิตติคุณ เอ็ลเดอร์สโนว์พึ่งพาคําสัญญาของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงมี “ผู้คนมากมายในเมืองนี้” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 111:2 ) และสั่งสอนเกี่ยวกับศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระผู้ช่วยให้รอดต่อไป ท้ายที่สุด ผู้คนเชื่อในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูและรับบัพติศมา ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ปี 1843 มีสมาชิก 110 คนในสาขาเซเล็ม ต่อมาผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสจากเซเล็มเดินทางไปนอวูและไปยังเทือกเขาร็อกกี (ดู Elizabeth Kuehn, “More Treasures Than One, ” ใน Revelations in Context [2016], 229) ผู้สืบตระกูลหลายคนของผู้ที่เปลี่ยนใจเลื่อมใสเหล่านี้ในเซเล็มยังคงเป็นสมาชิกของศาสนจักรจนทุกวันนี้ (ดู Kim R. Burningham, “The ‘Insignificant’ Scripture ” Ensign , Aug. 1990, 47–48)
หลังจากเล่าเรื่องราวของเอ็ลเดอร์เอแรสตัส สโนว์ ท่านอาจสนทนาบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเขา คำถามต่อไปนี้อาจช่วยได้
ท่านคิดว่าคําสัญญาของพระเจ้าจะเกิดสัมฤทธิผลในเวลาของพวกเขาอย่างไร?
ท่านคิดว่าเหตุใดความอดทนและความขยันหมั่นเพียร (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 4:6 ) จึงเป็นคุณลักษณะสําคัญที่ต้องมีเมื่อแบ่งปันพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอด?
หากเป็นประโยชน์ ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงตัวอย่างอื่นจากพระคัมภีร์หรือประวัติศาสนจักรซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงสั่งหรือจัดเตรียมสิ่งที่ไม่ดีบางอย่างเพื่อประโยชน์ในภายหลัง ตัวอย่างบางเรื่องอาจได้แก่ โจเซฟ สมิธและมาร์ติน แฮร์ริสที่ทําต้นฉบับพระคัมภีร์มอรมอน 116 หน้าหายไป (หลักคําสอนและพันธสัญญา 3:1, 7–10 ) โยเซฟ บุตรของยาโคบถูกขายในอียิปต์ (ปฐมกาล 37 , 39–45 ); เอบิชรวบรวมผู้คนของกษัตริย์ลาโมไน (แอลมา 19:28–29 ) และเปโตรและยอห์นถูกจองจํา (กิจการของอัครทูต 5:17–20 )