เซมินารี
แนวคิดเพื่อความหลากหลาย


“แนวคิดเพื่อความหลากหลาย” หลักคําสอนและพันธสัญญา คู่มือครูเซมินารี (2025)

“แนวคิดเพื่อความหลากหลาย” หลักคําสอนและพันธสัญญา คู่มือครูเซมินารี

ภาคผนวก

แนวคิดเพื่อความหลากหลาย

แนวคิดเพื่อความหลากหลาย

แหล่งช่วยนี้มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในบทเรียนอย่างแข็งขัน แม้แต่เทคนิคการสอนที่โน้มน้าวใจ หากใช้มากเกินไปอาจไม่ได้ผลหรือน่าเบื่อ แม้ท่านไม่ควรเลือกวิธีด้วยเหตุเพราะความหลากหลาย แต่ให้พิจารณาวิธีทําให้วิธีสอนของท่านหลากหลายระหว่างบทเรียนแต่ละบท การใช้วิธีการสอนที่หลากหลายจะช่วยให้เข้าถึงนักเรียนได้มากขึ้น ต่อไปนี้เป็นคําถามสองสามข้อที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกิจกรรมที่จะรวมไว้ในประสบการณ์การเรียนรู้:

  • กิจกรรมนี้เอื้อต่อประสบการณ์ที่มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง อิงตามพระคัมภีร์ และเน้นผู้เรียนหรือไม่? ดู การใช้และการประยุกต์การอบรมหลักสูตรเซมินารี สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม

  • กิจกรรมนี้อัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สอนและเป็นพยานหรือไม่? ลองคิดดูว่ากิจกรรมนั้นจะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมของความคารวะซึ่งจําเป็นต่อการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงแสดงบทบาทของพระองค์อย่างไร

  • วิธีนี้แทนพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร? พระคัมภีร์และถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์จําเป็นต้องนําเสนออย่างสง่างามและศักดิ์สิทธิ์

  • นักเรียนทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีหรือไม่? พยายามส่งเสริมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันและความรักเสมอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทําให้นักเรียนรู้สึกอึดอัด ท้อแท้ หรือโดดเดี่ยว

  • กิจกรรมนี้คุ้มค่ากับเวลาเรียนหรือไม่? เวลาที่ท่านมารวมกับนักเรียนในเซมินารีเป็นเวลาที่มีค่า กิจกรรมสามารถมีประสิทธิภาพได้โดยไม่ต้องใช้เวลามากเกินไป

  • กิจกรรมต้องใช้เวลาและแหล่งช่วยมากน้อยเพียงใดในการเตรียม? สิ่งสําคัญคือต้องบริหารเวลาและแหล่งช่วยอันมีค่าของท่านให้ดี

แนวคิดเหล่านี้มักจะนําไปใช้ได้หลายช่วงตลอดบทเรียน ในหลายกรณี การให้แบบอย่างแก่นักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ขอให้พวกเขาทําจะช่วยให้พวกเขาประสบความสําเร็จมากขึ้น พึงแน่ใจว่าท่านเข้าใจกิจกรรมเป็นอย่างดีและสามารถให้คําแนะนําและตัวอย่างที่ชัดเจนก่อนที่นักเรียนจะเริ่มกิจกรรมหากเป็นประโยชน์ กิจกรรมเหล่านี้จัดไว้ในหมวดต่อไปนี้:

  1. ศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเข้าใจโครงเรื่องและระบุหลักธรรมหรือหลักคําสอนพระกิตติคุณ

  2. ทําความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยข้อความอ้างอิงและพระคัมภีร์

  3. แบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้

  4. สร้างตัวแทนสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้

โปรดส่งอีเมลมาที่ CES-Manuals@ChurchofJesusChrist.org เพื่อให้คําติชมหรือแนะนําแนวคิดเพิ่มเติม รวมไว้ในหัวข้อ “แนวคิดเพื่อความหลากหลาย”

1. ศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเข้าใจโครงเรื่องและระบุหลักธรรมหรือหลักคําสอนพระกิตติคุณ

บทเรียนมักประกอบด้วยกิจกรรมที่นักเรียนศึกษาชุดข้อพระคัมภีร์เพื่อเข้าใจบริบทหลักและโครงเรื่องของช่วงนั้นดีพอที่จะระบุหลักธรรมหรือหลักคําสอนได้ กิจกรรมต่อไปนี้เป็นสองสามวิธีที่ท่านอาจช่วยให้นักเรียนทําสิ่งนี้ได้

การตีความศิลปะ

ใช้ภาพพระกิตติคุณสนทนาเรื่องราว ให้ดูภาพจาก คลังสื่อ ของศาสนจักรและเชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษาข้อที่ปรากฎในภาพ ถามนักเรียนดังนี้:

  • ท่านจะเปลี่ยนอะไร?

  • การตีความทางศิลปะคืออะไร (ไม่พบในข้อความ)?

  • ภาพนี้อ้างถึงพระคัมภีร์ข้อใด?

รูปแบบต่างๆ: แทนที่จะแสดงทั้งภาพในตอนเริ่มชั้นเรียนเพื่อเริ่มการสนทนา ให้แบ่งภาพออกเป็นชิ้นๆ ให้ดูทีละชิ้นและให้นักเรียนทายว่าเกิดอะไรขึ้นในภาพทั้งหมด ขอให้พวกเขาอธิบายสิ่งที่เห็นและคาดเดาในสิ่งที่พวกเขาไม่เห็น

รูปแบบต่างๆ: เลือกภาพของพระผู้ช่วยให้รอดสองสามภาพแล้วติดไว้บนกระดาน เชื้อเชิญให้นักเรียนค่อยๆ ดูสี จุดเน้น และการจัดวางภาพและระบุว่าแต่ละภาพสอนอะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ หลังจากระบุหลักธรรมแล้ว ท่านอาจถามคําถามเช่น:

  • ท่านรู้สึกว่าภาพใดของพระคริสต์แทนหลักธรรมที่ท่านพบและเพราะเหตุใด?

  • ภาพพระเยซูภาพใดต่อไปนี้ที่ช่วยให้ท่านรู้สึกถึงความสําคัญของความจริงนี้?

  • ท่านต้องการให้เพื่อนรู้อะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เมื่อนึกถึงความจริงนี้?

เพิ่มบทสนทนาให้กับภาพประกอบ

เพิ่มบทสนทนาให้กับภาพประกอบ

คัดลอกรูปภาพจาก เรื่องราวจากพระคัมภีร์สําหรับเด็ก แล้วนําไปใส่ในเอกสารแจกสําหรับนักเรียน เพิ่มฟองคําพูดที่นักเรียนสามารถเขียนสิ่งที่ตัวละครกําลังพูดหรือคิด

รายงานข่าวหรือหนังสือ

เรื่องราวหรือหนังสือใหม่ๆ

แจกพระคัมภีร์หนึ่งภาคที่นักเรียนแต่ละคนจะศึกษา จากนั้นให้ข้อกําหนดของรายงานข่าวหรือหนังสือ (บนกระดาษหรือกระดาน) ซึ่งอาจรวมถึงตัวละครหลักโครงเรื่องบทเรียนหนึ่งหรือสองบทที่ได้เรียนรู้ (อ้างอิงข้อพระคัมภีร์ที่มาจากบทเหล่านั้น) และการประยุกต์ใช้สําหรับวัยรุ่น ให้เวลานักเรียนแบ่งปันสิ่งที่เตรียมไว้กับนักเรียนคนอื่น

รูปแบบต่างๆ: ในกลุ่มเล็ก นักเรียนแต่ละคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของรายงานข่าวหรือหนังสือ: ตัวละครหลัก โครงเรื่อง บทเรียน หรือการประยุกต์ใช้

การระบุคําถาม

หลังจากนักเรียนอ่านช่วงพระคัมภีร์แล้ว เชื้อเชิญให้พวกเขาเขียนคําถามที่ข้อนั้นจะช่วยตอบ ท้าทายให้นักเรียนเขียนคําถามที่มีความหมายและเกี่ยวข้องกับวัยรุ่นแทนที่จะเขียนคําถามค้นหาง่ายๆ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะถามว่า “แอลมาพูดว่าศรัทธาคืออะไร? และศรัทธาไมได้หมายถึงอะไร?” นักเรียนอาจถามว่า “ฉันต้องทําอะไรจึงจะรู้ด้วยตนเองว่าสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนนั้นเป็นความจริง?” หากมีช่วงพระคัมภีร์มากกว่าหนึ่งช่วงให้นักเรียนศึกษา พวกเขาอาจเขียนคําถามและแบ่งปันกับนักเรียนที่ศึกษาช่วงอื่น นักเรียนอาจมองหาและคิดเกี่ยวกับคําตอบสําหรับคําถามของเพื่อนร่วมชั้น

การสัมภาษณ์ผู้เขียน

ขอให้นักเรียนจินตนาการว่าพวกเขาเป็นผู้เขียนเรื่องราวพระคัมภีร์และมีคนกําลังสัมภาษณ์พวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเขียน นักเรียนอาจอ่านเรื่องราวจากพระคัมภีร์และผลัดกันเติมบทบาทของผู้สัมภาษณ์และผู้เขียน คําถามบางข้อที่ผู้สัมภาษณ์อาจถามคือ:

  • แง่มุมใดของข้อเหล่านี้ที่ท่านไม่อยากให้ผู้อ่านพลาด?

  • ท่านจะบอกว่าอะไรคือประเด็นหลักหรือหนึ่งในประเด็นหลักของท่าน?

  • ท่านหวังว่าผู้อ่านจะนําไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของพวกเขาอย่างไร?

เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ดังกล่าว ใช้ความคิดเห็นของพวกเขาเพื่อระบุความจริงที่ชัดเจน

จับคู่

ให้ข้ออ้างอิงพระคัมภีร์หลายข้อในคอลัมน์หนึ่งและจับคู่ความจริงในลําดับคละกันในอีกคอลัมน์ นักเรียนอาจศึกษาและจับคู่

ความจริงที่สําคัญที่สุด

ความจริงที่สําคัญที่สุด

เมื่อนักเรียนกําลังศึกษาพระคัมภีร์บทหนึ่งที่มีความจริงหลายอย่างที่พวกเขาอาจระบุได้ ท่านอาจให้พวกเขาเริ่มโดยการศึกษาด้วยตนเอง แต่ละคนอาจตัดสินใจว่าตนเชื่อว่าอะไรคือความจริงหรือแนวคิดที่สําคัญที่สุดสามหรือสี่ข้อในช่วงพระคัมภีร์และจดไว้ จากนั้นอาจให้นักเรียนจัดกลุ่มๆ ละสองคนและเปรียบเทียบความจริงที่พวกเขาระบุ นักเรียนแต่ละคู่กําหนดว่าพวกเขารู้สึกว่าอะไรเป็นความจริงสําคัญที่สุดสองข้อและบันทึกไว้ หมายเหตุ: แนวคิดอาจแตกต่างจากแนวคิดดั้งเดิมสี่ข้อ จากนั้นแต่ละคู่จะรวมอีกคู่หนึ่งเพื่อรวมกลุ่มสี่คน นักเรียนทั้งสี่คนแบ่งปันและเปรียบเทียบแนวคิดของตนร่วมกัน และทํางานเป็นทีมเดียวกันเพื่อกําหนดความจริงที่สําคัญที่สุดข้อเดียวในข้อความ

ภาพลําดับเหตุการณ์:

ภาพลําดับเหตุการณ์:

ให้ดูภาพหลายๆ ภาพแทนเรื่องราวพระคัมภีร์ที่นักเรียนจะศึกษา ให้ดูข้อที่นักเรียนจะอ่าน เชื้อเชิญให้เด็กเรียงภาพให้ถูกต้อง

การทําแผนภาพ

การทําแผนภาพ

ช่วยนักเรียนระบุหลักคําสอนหรือหลักธรรมที่สอนในเรื่องราวพระคัมภีร์ด้วยแผนภาพ กําหนดองค์ประกอบต่างๆ ของโครงเรื่องรวมถึงสิ่งต่อไปนี้:

  1. สถานการณ์เริ่มต้น (รวมถึงใคร อะไร ที่ไหน เมื่อใด)

  2. ความขัดแย้งหรือการกระทําที่เพิ่มขึ้น ระบุการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อชีวิตของคนในเรื่อง

  3. จุดสําคัญของเหตุการณ์ นี่คือประเด็นของเรื่อง บ่อยครั้งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น บุคคลเอาชนะอุปสรรคหรือมีช่วงเวลาแห่งการค้นพบ

  4. การกระทําที่ตามมา ผลที่ตามมาของจุดสําคัญของเหตุการณ์เมื่อการกระทําลดลง

  5. การแก้ไข สิ่งนี้อธิบายถึงความเข้าใจใหม่ที่ผู้คนมีเนื่องจากประสบการณ์ของพวกเขา

เขียนพระคัมภีร์อ้างอิงสําหรับแต่ละองค์ประกอบโครงเรื่องไว้บนกระดาน เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านข้อพระคัมภีร์สําหรับแต่ละองค์ประกอบของโครงเรื่องและวาดภาพสิ่งที่พวกเขากําลังอ่านหรือเขียนเหตุการณ์สําคัญเป็นข้อๆ เมื่อนักเรียนทําขั้นตอนสุดท้ายเสร็จแล้ว เชื้อเชิญให้พวกเขาดูเรื่องราวทั้งหมดและเขียนข้อความแห่งความจริงที่พวกเขาเรียนรู้

ภาพปริศนา

ภาพปริศนา

ทําภาพต่อปริศนาง่ายๆ จากภาพแทนช่วงพระคัมภีร์ เขียนพระคัมภีร์อ้างอิงที่ด้านหลังของแต่ละชิ้น อาจจัดนักเรียนเป็นกลุ่มและแจกชิ้นภาพปริศนาให้แต่ละคน นักเรียนศึกษาข้ออ้างอิงและเตรียมสรุปข้อพระคัมภีร์ ขณะที่กลุ่มแบ่งปันบทสรุปของพวกเขากับชั้นเรียน พวกเขาอาจใช้เทปกาวติดกระดาษไว้บนกระดานเพื่อให้เป็นภาพที่สมบูรณ์

โรงละครของผู้อ่าน

สําหรับเรื่องราวที่มีบทสนทนามาก ให้จัดระเบียบข้อพระคัมภีร์เป็นบทพูดเพื่อให้แต่ละคนหาส่วนของตนได้อย่างรวดเร็ว ใช้ผู้บรรยายอ่านข้อที่ไม่ใช่บทพูด ท่านอาจคัดลอกข้อพระคัมภีร์และทําเครื่องหมายแต่ละส่วนโดยใช้ปากกาเน้นข้อความสีต่างกัน หมายเหตุ: พึงระลึกเสมอว่าผู้ที่แสดงเป็นสมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ควรแสดงด้วยความคารวะสูงสุดเสมอ หากสมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ รวมทั้งพระเยซูคริสต์ มีอยู่ในเรื่องราวพระคัมภีร์ที่ท่านต้องการทํากิจกรรมนี้ ให้ผู้บรรยายอ่านพระวจนะของพระองค์

การอ่านพระคัมภีร์

มีวิธีอ่านพระคัมภีร์ด้วยกันในชั้นหลายวิธี แต่ละวิธีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน พิจารณาความต้องการของชั้นเรียนเมื่อเลือกวิธีอ่าน

  • การอ่านในใจ: นักเรียนสามารถอ่านด้วยตนเองในใจ วิธีนี้ช่วยให้มีเวลาใคร่ครวญพระคัมภีร์และอ่านตามจังหวะของตนเอง

  • การอ่านเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม: วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นและรู้สึกประหม่าน้อยลงกับการอ่านออกเสียง

  • ครูหรือไฟล์เสียงที่บันทึกไว้: ครูอาจอ่านข้อความ หรือ เปิดไฟล์เสียงและเชื้อเชิญให้นักเรียนดูตาม

  • การอ่านออกเสียง: ท่านอาจเชื้อเชิญให้ทั้งชั้นเรียนอ่านข้อพระคัมภีร์ด้วยกัน อาสาสมัครนักเรียนหลายคนสามารถอ่านออกเสียงให้ชั้นเรียนฟังหรือท่านอาจเชิญแต่เนิ่นๆ และให้เวลาเตรียมตัวอ่าน รับรองกับนักเรียนว่าพวกเขาสามารถ “ข้าม” ได้หากไม่สะดวกใจที่จะอ่าน

ขุดค้นพระคัมภีร์

เตรียมคําถามหลายๆ ข้อเกี่ยวกับชุดข้อพระคัมภีร์บนแผ่นกระดาษ เรียกนักเรียนมาหน้าชั้นและให้คําถามหนึ่งข้อ เชื้อเชิญให้พวกเขากลับไปที่โต๊ะเพื่อหาคําตอบ เมื่อพบคําตอบแล้ว พวกเขาจะมาหน้าชั้นอีกครั้งและรับคําถามข้อต่อไปที่ต้องตอบ สามารถทําเป็นกลุ่มเล็กๆ ได้

การจําลอง

จัดห้องเรียนในลักษณะที่เป็นการจําลองเรื่องราวที่จะอ่านในพระคัมภีร์วันนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าอ่าน หลักคําสอนและพันธสัญญา 121 ท่านจะจัดเก้าอี้ให้มีพื้นที่ขนาดเท่าห้องขังในคุกลิเบอร์ตี้ วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนเห็นภาพของสิ่งที่พวกเขาจะเรียนรู้ สําหรับ หลักคําสอนและพันธสัญญา 136 ท่านจะจัดนักเรียนเป็นกลุ่มผู้บุกเบิกและเลือกผู้นําคนหนึ่งเป็นผู้พูดแทน

ป้ายหยุด

จัดเตรียมความจริงที่ชัดเจนให้นักเรียน อ่านสองสามข้อให้พวกเขาฟังช้าๆ และขอให้พวกเขายกมือหรือพูดว่า “หยุด” เมื่อจําบางอย่างในข้อที่ช่วยสอนความจริงนั้น เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็น

สรุปนักเรียน

ก่อนชั้นเรียน จัดเตรียมบริบทหรือเนื้อหาเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่ท่านต้องการให้พวกเขาสรุปให้ชั้นเรียนฟังอย่างน้อยหนึ่งคน โดยพิมพ์และแจกล่วงหน้า หรือให้นักเรียนเมื่อเข้าชั้นเรียน เชื้อเชิญให้พวกเขาเตรียมแบ่งปันบทสรุปเมื่อได้รับเรียกในเวลาที่เหมาะสมในชั้นเรียน

แปลข้อพระคัมภีร์

หลังจากนักเรียนอ่านช่วงพระคัมภีร์แล้ว ท่านอาจให้พวกเขาเลือกหนึ่งข้อเพื่อแปลหรือเขียนแต่ละบรรทัดด้วยคําพูดของตนเอง ช่วยพวกเขาฝึกหานิยามหรือใช้พระคัมภีร์อื่นและเครื่องมือศึกษาพระคัมภีร์อื่นเพื่อเข้าใจคําและวลียากๆ

จริงหรือเท็จ

เขียนข้อความจริงหรือเท็จเกี่ยวกับรายละเอียดสําคัญในช่วงพระคัมภีร์ เชื้อเชิญให้นักเรียนระบุว่าในตอนแรกพวกเขาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อความเหล่านั้น เชื้อเชิญให้พวกเขาหาข้อพิสูจน์ที่เห็นด้วยหรือขัดแย้งกับข้อความดังกล่าวขณะพวกเขาศึกษาช่วงพระคัมภีร์ จากนั้นให้นักเรียนเขียนข้อความให้ถูกต้องขณะอ่านข้อความพระคัมภีร์

ใช้ภาพถ่าย

เชื้อเชิญให้นักเรียนเลือกภาพถ่ายที่สําคัญต่อพวกเขา อาจอยู่ในโทรศัพท์ของพวกเขาหรือนํามาจากบ้าน เชื้อเชิญให้พวกเขาเตรียมแบ่งปันดังนี้:

  • พื้นหลังอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเกิดภาพถ่ายนี้

  • ประเด็นหลักหรือจุดประสงค์ของภาพถ่าย

  • รายละเอียดสองสามอย่างที่สําคัญสําหรับพวกเขา

หลังจากนักเรียนแบ่งปันแล้ว พวกเขาอาจอ่านช่วงพระคัมภีร์สําหรับบทเรียนและเตรียมสิ่งเดียวกันสามอย่างที่เกี่ยวข้องกับช่วงพระคัมภีร์

การนึกภาพ

เชื้อเชิญให้นักเรียนจินตนาการถึงเรื่องราวหรือเนื้อหาของข้อความที่ศึกษา นักเรียนอาจหลับตาและมุ่งเน้นไปที่การนึกภาพตามที่ครูอธิบาย ตัวอย่างเช่น ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนจินตนาการว่าพวกเขาเป็นคนเลี้ยงแกะที่ทําตามคําเชื้อเชิญของทูตสวรรค์ให้มาพบพระกุมารพระคริสต์นอนอยู่ในรางหญ้า จากนั้นท่านอาจพูดบางอย่าง เช่น “ท่านก้าวเข้าไปในคอกสัตว์ที่มารีย์อุ้มพระกุมารพระคริสต์ ท่านเห็นใครที่นั่น? ท่านจินตนาการถึงสัตว์ชนิดใด? ในจินตนาการของท่าน มารีย์ตอบสนองต่อการมาถึงของท่านอย่างไร?” ถามคําถามที่ช่วยให้นักเรียนนึกภาพสถานการณ์ต่อไป

Word Cloud

Word Cloud

เชื้อเชิญให้นักเรียนระบุคําและวลีที่พวกเขารู้สึกว่าสําคัญในข้อพระคัมภีร์ สร้าง word cloud ด้วยคําและวลีที่พบบ่อยที่สุดหรือสําคัญที่พวกเขาระบุ ขนาดของคําสามารถบอกระดับความสําคัญ

2. ทําความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยข้อความอ้างอิงและพระคัมภีร์

บทเรียนมักจะมีข้อพระคัมภีร์หลายข้อจากงานมาตรฐานเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักธรรมหรือหลักคําสอนที่พวกเขากําลังศึกษาลึกซึ้งขึ้น จะมีบทเรียนที่มีข้อความอ้างอิงหลายข้อจากผู้นําศาสนจักรรวมอยู่ด้วย กิจกรรมต่อไปนี้เป็นสองสามวิธีที่ท่านอาจช่วยให้นักเรียนศึกษาพระคัมภีร์หรือข้อความอ้างอิงที่หลากหลายและเปิดโอกาสให้พวกเขาค้นพบความจริงด้วยตนเอง

สร้างฐานการศึกษา

สร้างฐานการศึกษา

จัดฐานศึกษาทั่วทั้งห้องเรียน แต่ละฐานอาจมีคําแนะนําที่ติดไว้บนผนังหรือบนโต๊ะ คําแนะนําเหล่านี้อาจมีพระคัมภีร์หรือข้อความอ้างอิงที่ต้องอ่าน และคําถามหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องทําให้เสร็จ นักเรียนอาจหมุนเวียนกันเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยสนทนาถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแต่ละฐาน พวกเขาอาจทําเป็นรายบุคคลและเคลื่อนไหวตามจังหวะของตนเองได้เช่นกัน ท่านอาจเตรียมกระดาษแผ่นใหญ่ไว้แต่ละฐานให้แต่ละกลุ่มหรือให้นักเรียนบันทึกคําตอบของพวกเขา พวกเขาอาจอ่านและใคร่ครวญสิ่งที่คนอื่นเขียน

สร้างเชิงอรรถของท่านเอง

เชื้อเชิญให้นักเรียนเพิ่มเชิงอรรถในพระคัมภีร์ที่พวกเขากําลังศึกษา ท่านสามารถเพิ่มสิ่งเหล่านี้ได้โดยสร้างการเชื่อมโยงระหว่างข้อที่กําลังศึกษากับพระคัมภีร์อื่นๆ และคํากล่าวจากผู้นําศาสนจักร นักเรียนสามารถเขียนข้ออ้างโยงไว้ตรงช่องว่างริมหน้าหรือใช้ฟีเจอร์การเชื่อมโยงในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณ พวกเขาอาจแบ่งปันข้ออ้างอิงเพิ่มเติมมากเท่าที่จะมากได้เพื่อให้ข้อคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ รูปแบบต่างๆ: นักเรียนสามารถใช้แท็กในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณเพื่อเชื่อมต่อพระคัมภีร์และข้อความอ้างอิงต่างๆ จากบทเรียน

นิยาม

นักเรียนระบุคําหรือแนวคิดที่เข้าใจยาก ให้พวกเขามองหาแหล่งช่วยรวมถึงพระคัมภีร์และเครื่องมือศึกษาพระคัมภีร์ (คู่มือพระคัมภีร์) เพื่อช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคําศัพท์ ให้พวกเขานิยามคําหรือวลีด้วยคําพูดของพวกเขาเอง

โน้ต Doodle

โน้ต Doodle

ขณะที่นักเรียนศึกษา แจกกระดาษที่มีฟองความคิดหรือหัวข้อที่พวกเขาสามารถเขียนสิ่งที่ค้นพบ

ผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญ

แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วกำหนดหัวข้อให้แต่ละกลุ่มศึกษาร่วมกัน ให้เวลาและแหล่งช่วยแก่กลุ่มในการศึกษาหัวข้อต่างๆ เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อของกลุ่มของตน หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้จัดนักเรียนเป็นกลุ่มใหม่เพื่อให้แต่ละกลุ่มรวม “ผู้เชี่ยวชาญ” ในหัวข้อที่แตกต่างกัน จากนั้น นักเรียนอาจแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้จากหัวข้อของตน

การเชื่อมโยงเพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน

เลือกหนึ่งหมวดในจุลสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน: คู่มือแนะแนวการเลือก และเชื้อเชิญให้นักเรียนหาข้อความเสริมความจริงที่พวกเขาค้นพบจากช่วงพระคัมภีร์

บรรทัดมาเติมบรรทัด

ให้นักเรียนเขียนข้อพระคัมภีร์ใหม่ในสมุดบันทึกการศึกษาของตนทีละบรรทัดหรือทีละประโยค ควรเว้นช่องว่างระหว่างแต่ละบรรทัดหรือแต่ละประโยค นักเรียนอาจตั้งใจศึกษาและใคร่ครวญแต่ละคําในบรรทัดหรือประโยคนั้น พวกเขาอาจหาข้ออ้างโยงหรือข้อมูลคลังค้นคว้าพระกิตติคุณอื่นๆ เกี่ยวกับบรรทัดนั้นได้เช่นกัน จากนั้นให้ทําแบบเดียวกันกับบรรทัดถัดไปของข้อพระคัมภีร์ ดูตัวอย่างนี้ได้ที่ “อย่ากลัวเพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, ก.พ. 2021, 32

แผนผังความคิด

แผนผังความคิด

เชื้อเชิญให้นักเรียนสร้างแผนผังความคิดเหมือนด้านบนลงในสมุดบันทึกการศึกษา พวกเขาอาจเขียนหลักธรรมหรือหลักคําสอนที่ค้นพบไว้ในช่องตรงกลาง จากนั้นให้พวกเขามองหาข้อพระคัมภีร์หรือข้อความอ้างอิงเพิ่มเติมที่เพิ่มความเข้าใจ พวกเขาสามารถเพิ่มข้อคิดเกี่ยวกับหัวข้อนั้นในช่องด้านนอก เชื้อเชิญให้นักเรียนขยายแผนผังความคิดของพวกเขาโดยการเพิ่มกรอบสี่เหลี่ยมอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกับสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้

แนวคิดที่ทับซ้อนกัน

แนวคิดที่ทับซ้อนกัน

เชื้อเชิญให้นักเรียนเลือกอย่างน้อยสองหัวข้อจากบทเรียนที่คล้ายกันในบางด้านและแตกต่างกันในบางด้าน สร้างแผนภาพที่คล้ายกับภาพด้านบนซึ่งนักเรียนสามารถจัดระเบียบว่าสิ่งเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันและอะไรแตกต่างกันเกี่ยวกับสองหัวข้อนี้ ซึ่งสามารถทําได้กับบุคคลสองคนในเรื่องราว (ตัวอย่างเช่น เลมันและนีไฟ) หรือสองหัวข้อ (ตัวอย่างเช่น ปัสกาและศีลระลึก)

การแบ่งปันข้อคิด

แจกช่วงพระคัมภีร์ที่คัดลอกไว้หนึ่งหน้าให้นักเรียนและให้พวกเขาเขียนชื่อไว้ด้านบน ให้เวลาพวกเขาหนึ่งถึงสองนาทีเพื่ออ่านช่วงพระคัมภีร์และเขียนข้อคิดที่พวกเขาเรียนรู้จากการศึกษาของตน

ตัวอย่างอาจรวมถึง: นักเรียนอาจทําเครื่องหมายเชิงอรรถ แบ่งปันข้อความอ้างอิงของศาสดาพยากรณ์ ขีดเส้นใต้วลีสําคัญ วงกลมคําพิเศษ เขียนหลักธรรม แบ่งปันประจักษ์พยานและข้อคิดอื่นๆ ของพวกเขาตรงที่ว่างริมหน้า

หลังจากหมดเวลา ให้พวกเขาส่งกระดาษให้นักเรียนคนอื่นเพื่อเขียนข้อคิดอื่นๆ หลังจากผ่านไปสองสามครั้ง ให้พวกเขาคืนกระดาษให้นักเรียนคนเดิม รูปแบบต่างๆ: แทนที่จะใช้ช่วงพระคัมภีร์ กระดาษแต่ละแผ่นจะมีคําถามประยุกต์ใช้ที่เกี่ยวข้องกับช่วงพระคัมภีร์ต่างกันไป นักเรียนหลายคนอาจตอบคําถามโดยใช้พระคัมภีร์และแบ่งปันประจักษ์พยานเกี่ยวกับหัวข้อนั้น

สุ่มเลือกข้อความอ้างอิง

ใส่ข้อความอ้างอิงหลายๆ ข้อที่สอนความจริงจากบทเรียนไว้ในหมวกหรือถุง เชิญอาสาสมัครมาหยิบข้อความอ้างอิงจากหมวกและแบ่งปันว่าข้อความอ้างอิงนั้นเกี่ยวข้องกับความจริงที่พวกเขากําลังเรียนรู้อย่างไรและข้อความอ้างอิงนั้นมีความหมายต่อพวกเขาอย่างไร พึงแน่ใจว่าได้ให้เวลาพวกเขาอ่านและเตรียมแบ่งปัน รูปแบบต่างๆ: เมื่อนักเรียนแบ่งปันแล้ว พวกเขาอาจแลกเปลี่ยนข้อความอ้างอิงและหาคู่ใหม่ที่จะแบ่งปันข้อความอ้างอิงข้ออื่น

วงเล็บพระคัมภีร์

วงเล็บพระคัมภีร์

เลือกข้ออ้างอิงพระคัมภีร์ 16 ข้อและเขียนข้ออ้างอิงแต่ละข้อใน 16 บรรทัดในคอลัมน์ด้านนอกของวงเล็บ เชื้อเชิญให้นักเรียนจับคู่หรือเป็นกลุ่มเล็กอ่านพระคัมภีร์ที่จับคู่กันในแต่ละวงเล็บและพิจารณาว่าข้ออ้างอิงใดจะมีความหมายต่อวัยรุ่นในปัจจุบันมากที่สุด ข้อความที่พวกเขาเลือกจะไปอยู่ในวงเล็บถัดไป นักเรียนสนทนาพระคัมภีร์แต่ละคู่ต่อไปจนกว่าจะพบพระคัมภีร์ข้อเดียวที่พวกเขารู้สึกว่ามีความหมายมากที่สุดและสนทนาเหตุผล นักเรียนอาจแบ่งปันพระคัมภีร์เหล่านั้นกับชั้นเรียน

กิจกรรมการศึกษาทางเลือกของนักเรียน

เขียนกิจกรรมการศึกษาหกรายการ หลังจากนักเรียนระบุความจริงจากช่วงพระคัมภีร์แล้ว ให้ใช้วิธีสุ่มให้นักเรียนเลือกว่าจะทํากิจกรรมใด (ลูกเต๋า จั่วการ์ด หยิบกระดาษหนึ่งแผ่น โปรแกรมสร้างตัวเลขสุ่ม)

ตัวอย่างอาจได้แก่:

  1. แบ่งปันเรื่องราวหนึ่งจากพระชนม์ชีพของพระเยซูที่พระองค์ทรงสอนหรือแสดงให้เห็นความจริง

  2. ค้นหาข้อผู้เชี่ยวชาญหลักคําสอนหรือข้อพระคัมภีร์อื่นๆ เกี่ยวกับความจริง

  3. หาแบบอย่างเรื่องราวพระคัมภีร์ของคนที่ดําเนินชีวิตตามความจริง

  4. ค้นหาคํากล่าวจากผู้นําศาสนจักรที่สอนความจริง

  5. แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของคนที่ได้รับพรจากความจริง

  6. เลือกตัวอย่างของท่านเองเกี่ยวกับสิ่งที่เราทําได้เพื่อดําเนินชีวิตตามความจริง ค้นหาข้อพระคัมภีร์ที่สอนตัวอย่างที่ท่านแบ่งปัน

ผลัดกันศึกษา

ผลัดกันศึกษา

วางการ์ดที่มีคําแนะนําไว้บนโต๊ะหรือเก้าอี้แต่ละตัว เช่น “อ่านข้อพระคัมภีร์หรือข้อความอ้างอิง” หรือ “ตอบคําถามจากบทเรียน” นักเรียนอาจหมุนเวียนที่นั่งและทําตามคําแนะนําบนการ์ด

เว็บหัวข้อ

ตัวยึดตําแหน่งฐานการเรียนรู้ 7

เชื้อเชิญให้นักเรียนสร้างแผนภาพลักษณะนี้ที่เริ่มต้นด้วยความจริงหรือหัวข้อที่เป็นตัวหนาตรงกลาง จากนั้นนักเรียนลากเส้นไปยังวงกลมรอบนอกและเขียนกํากับด้วยพระคัมภีร์ ความจริง หรือองค์ประกอบของหัวข้อหลักที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น นักเรียนอาจบันทึกคําเชื้อเชิญของกษัตริย์เบ็นจามิน “จงเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า” ไว้ตรงกลางวงกลมพร้อมข้ออ้างอิง “โมไซยาห์ 4:9–10” จากนั้นให้พวกเขาเขียนสิ่งที่กษัตริย์เบ็นจามินเชื้อเชิญให้เราเชื่อเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าไว้ในวงกลมรอบนอก

หยุดวิดีโอชั่วคราว

ใช้วีดิทัศน์ที่แสดงหรือสอนเกี่ยวกับหลักธรรมพระกิตติคุณ หยุดชั่วคราวในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อสร้างความสนใจหรือช่วยนักเรียนวิเคราะห์สิ่งที่พวกเขากําลังรับชม ท่านอาจถามนักเรียน เช่น:

  • “ท่านอาจคิดหรือรู้สึกอย่างไรหรือท่านอาจมีคําถามอะไรบ้างถ้าอยู่ในสถานการณ์นี้?”

  • “วันนี้ท่านศึกษาพระคัมภีร์ข้อใดบ้างที่จะช่วยได้?”

  • “ท่านหวังให้บุคคลนี้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับความจริงที่เราศึกษาวันนี้?”

  • “ทุกวันนี้ท่านมองว่าตัวท่านเองอยู่ที่ใดในเรื่องนี้?”

3. แบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้

ตลอดบทเรียน ท่านจะขอให้นักเรียนแบ่งปันความคิดและความเข้าใจของพวกเขา ขณะนักเรียนอธิบาย แบ่งปัน และเป็นพยานให้กับคู่ กลุ่มเล็ก หรือชั้นเรียน พวกเขามักได้รับการนําจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปสู่ประจักษ์พยานที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขากําลังพูดถึง โดยผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คําพูดและการแสดงออกของนักเรียนจะมีผลต่อจิตใจและความคิดของผู้ฟังอย่างมากด้วย การแบ่งปันอาจเป็นเรื่องยากสําหรับนักเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ อย่าลืมให้โอกาสนักเรียน “ข้าม” หากพวกเขาไม่สะดวกใจที่จะแบ่งปัน แนวคิดต่อไปนี้จะช่วยให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้

วิเคราะห์ข้อความ

8:12

เขียนข้อพระคัมภีร์ไว้กลางกระดาษแผ่นใหญ่ (หรือท่านอาจติดไว้บนกระดาน) ให้แน่ใจว่ากระดาษแผ่นใหญ่พอที่นักเรียนทุกคนจะมองเห็น นักเรียนอาจใช้เวลาสองสามนาทีถามคําถามเกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ จากนั้นให้เวลาพวกเขาสองสามนาทีค้นคว้าในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณเพื่อตอบคําถาม หรืออาจพิมพ์พระคัมภีร์ลงบนกระดาษและนักเรียนอาจทํากิจกรรมเดียวกันด้วยตนเอง

กระดานความคิด

กระดานความคิด

นักเรียนอาจใช้กระดาษโน้ตหรือกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนแนวคิดเกี่ยวกับวิธีประยุกต์ใช้ความจริงพระกิตติคุณและติดไว้บนกระดาน ตัวอย่างเช่น ท่านอาจขอให้นักเรียนเขียนแนวคิดของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีประยุกต์ใช้หลักธรรมพระกิตติคุณ กระดานความคิดอาจมีภาพขนาดใหญ่ของบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น ตัวอย่างเช่น หากศึกษาเรื่องต้นไม้แห่งชีวิต นักเรียนอาจเขียนวิธีรับประทานผลไม้และติดไว้บนกิ่งไม้บนกระดาน ให้เวลานักเรียนทบทวนสิ่งที่คนอื่นเขียน

รู้กลุ่มเป้าหมายของท่าน

ให้นักเรียนเลือกกลุ่มเป้าหมายและแบ่งปันสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้ในลักษณะที่กลุ่มเป้าหมายเข้าใจ นักเรียนอาจทํากิจกรรมนี้กับคู่หรือกลุ่ม อาจเป็นการดีที่จะให้นักเรียนมีหลายทางเลือกและให้พวกเขาเลือกว่าต้องการสอนผู้ฟังกลุ่มใด ต่อไปนี้คือกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มที่พวกเขาอาจเลือก:

  • เพื่อนต่างศาสนาในงานเผยแผ่ของท่าน

  • เด็กๆ ในชั้นเรียนปฐมวัย

  • เพื่อนจากโรงเรียน

  • สมาชิกในครอบครัวของท่าน

สนทนาต่อไป

สนทนาต่อไป

ก่อนให้มีการสนทนาในชั้นเรียน วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนตั้งใจฟังกันและกัน ท่านอาจให้แนวคิดต่อไปนี้แก่นักเรียนก่อนการสนทนา สิ่งนี้อาจช่วยให้พวกเขาตั้งใจฟังกันและกันและสร้างการสนทนาที่จรรโลงใจซึ่งมีนักเรียนหลายคนอยู่ในการสนทนา ท่านอาจให้พวกเขาดูหรือแจกเอกสารแนวคิดเหล่านี้ให้นักเรียน

เพิ่มลงไป—แบ่งปันสิ่งที่ท่านชอบเกี่ยวกับคําพูดของเพื่อนร่วมชั้นโดยเพิ่มความคิดของท่านลงไป

  • “นั่นทําให้ฉันนึกถึง …”

  • “ฉันเห็นด้วยเพราะ …”

  • “จริง อีกตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อ …”

  • “นั่นเป็นประเด็นสําคัญ …”

สรุป—เรียบเรียงสิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นพูดใหม่แล้วแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมลงไป

  • “ฉันได้ยินคุณพูดว่า …”

  • “เช่นนั้น หากฉันเข้าใจคุณถูกต้องว่า …”

  • “ฉันชอบที่คุณพูดว่า …”

สอบถาม—ถามคําถามนักเรียนอีกคนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพูด

  • “คุณช่วยบอกฉันเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ไหม?”

  • “ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจ …?”

  • “ฉันเข้าใจประเด็นของคุณ แต่เรื่อง … ล่ะ?”

  • “คุณเคยคิดเกี่ยวกับ … ไหม?”

ส่งกระดาษ

ส่งกระดาษ

ทํากระดาษที่มีชุดคําแนะนําที่อาจรวมถึงพระคัมภีร์หรือข้อความอ้างอิงให้อ่านและคําถามที่ต้องตอบ พึงแน่ใจว่ามีช่องว่างมากพอให้นักเรียนเขียนคําตอบของพวกเขา แจกสําเนาให้นักเรียนคนละแผ่น และให้พวกเขาเขียนชื่อไว้ด้านบน นักเรียนตอบคําถามข้อแรก จากนั้นพวกเขาพับกระดาษปิดคําตอบ พวกเขาส่งกระดาษให้นักเรียนอีกคนที่ตอบคําถามหรือข้อความกระตุ้นเตือนถัดไป นักเรียนแต่ละคนพับกระดาษปิดคําตอบของตนแล้วส่งต่อให้นักเรียนอีกคน เมื่อเสร็จแล้ว กระดาษจะถูกส่งกลับไปยังนักเรียนคนเดิมที่อ่านสิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นเขียน

เตรียมแบ่งปัน

แบ่งปันคําถามสําคัญที่ท่านต้องการให้นักเรียนตอบ อย่าลืมแบ่งปันหลายนาทีก่อนที่จะเชิญให้พวกเขาตอบคําถาม ตัวอย่างเช่น ท่านอาจพูดว่า “อีกไม่กี่นาทีนับจากนี้ ครูอยากให้บางคนแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับ______________ โปรดนึกถึงสิ่งที่คุณต้องการแบ่งปันในขณะที่เราศึกษาข้อความต่อไปนี้” ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันกับคู่หรือกลุ่มก่อน

สํารวจความคิดเห็นชั้นเรียน

ทําโพลในหมู่นักเรียนโดยแจกกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้พวกเขา นักเรียนสามารถตอบโดยไม่ระบุชื่อแล้วใส่กระดาษลงในกล่องหรือหมวก ท่านอาจรวบรวมความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับหลักธรรม คําถาม หรือการตัดสินใจที่ใครบางคนอาจทําในสถานการณ์สมมติ หรือหากนักเรียนสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้ ท่านอาจใช้แอปสํารวจความคิดเห็นที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายและใช้งานง่าย ให้การบ้านและลิงก์การสํารวจความคิดเห็นแก่นักเรียน แล้วให้นักเรียนตอบโดยใช้โทรศัพท์ ท่านจะสามารถเห็นคําตอบและให้ชั้นเรียนดู มีแอปสํารวจความคิดเห็นฟรีมากมายที่สามารถอํานวยความสะดวกในเรื่องนี้

วลีทรงพลัง

ใช้วลีทรงพลังเพื่อฝึกนักเรียนให้แบ่งปันและส่งเสริมการสนทนาในชั้นเรียน

นี่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สําหรับชั้นเรียนที่เงียบหรือไม่แน่ใจว่าจะแบ่งปันอย่างไรหรือแบ่งปันอะไร แสดงรายการวลีด้านล่างเพื่อช่วยนักเรียนกําหนดกรอบสิ่งที่พวกเขาอาจแบ่งปัน ให้พวกเขาศึกษาช่วงพระคัมภีร์หนึ่งช่วงและเตรียมแบ่งปันโดยใช้วลีอันทรงพลังอย่างน้อยหนึ่งวลี อํานวยความสะดวกในการสนทนาหรือให้นักเรียนคนหนึ่งช่วยอํานวยความสะดวก

  • ข้อหนึ่งที่ฉันชื่นชอบคือ …

  • วลีที่ลึกซึ้งคือ …

  • บทเรียนที่ได้เรียนรู้จากบทนี้คือ…

  • ฉันพบหลักธรรมข้อหนึ่ง…

  • คําที่ฉันพบว่าน่าสนใจ/สับสนคือ…

  • สิ่งที่วัยรุ่นจําเป็นต้องรู้จากสิ่งนี้คือ…

  • สิ่งที่ฉันรู้ว่าเป็นความจริงคือ…

  • สิ่งที่ฉันไม่แน่ใจคือ…

  • สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าฉันควรทํากับสิ่งนี้ในวันนี้คือ…

  • สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดในเรื่องนี้คือ…

บัตรการมีส่วนร่วม

แจกบัตรให้นักเรียนถือไว้ตอบคําถามที่ท่านถามด้วยภาพ นักเรียนสามารถใช้บัตรระบุคําตอบหรือเมื่อพวกเขาพร้อมแบ่งปันหรือสนทนาความคิดของตน ตัวอย่างเช่น:

  • สีเขียวสําหรับจริง สีแดงสําหรับเท็จ

  • ด้านหนึ่งเขียนว่า “ยังคิดอยู่” และอีกด้านหนึ่งเขียนว่า “พร้อมแบ่งปัน”

  • บัตรที่มีตัวเลขหรือตัวอักษรแทนตัวเลือกต่างๆ ที่เขียนไว้บนกระดาน นักเรียนทุกคนชี้ไปที่ตัวเลขหรือตัวอักษรสําหรับคําตอบของพวกเขาเพื่อที่ท่านจะเห็นคําตอบของพวกเขาและเลือกนักเรียนตอบ

  • บัตรที่มีหลายคําตอบอยู่คนละด้าน (ดูตัวอย่างด้านล่าง) เมื่อเชื้อเชิญให้นักเรียนตอบ ตําแหน่งตรงกลางด้านบนคือตําแหน่งของพวกเขา จากนั้นท่านหรือนักเรียนสามารถเรียกนักเรียนตามตําแหน่งที่พวกเขาแสดง

บัตรการมีส่วนร่วม

ตัวเริ่มสถานการณ์

ให้สถานการณ์สมมติที่ไม่สมบูรณ์แก่นักเรียนและเชื้อเชิญให้พวกเขาเพิ่มรายละเอียดเพื่อให้มีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ท่านอาจพูดทํานองนี้ “มาสร้างสถานการณ์สมมติด้วยกันเกี่ยวกับคนที่อายุใกล้เคียงกับคุณชื่อจูเลียซึ่งกําลังเผชิญกับความท้าทายในชีวิต ความท้าทายอาจมีอะไรบ้าง?” ขณะที่นักเรียนแบ่งปัน ช่วยพวกเขาเสนอรายละเอียดเพื่อทําให้จูเลียหรือชื่ออื่นที่ท่านเลือกดูเหมือนคนจริงๆ ท่านอาจเพิ่มรายละเอียดสําคัญที่มีอิทธิพลต่อการสนทนาได้ด้วย เช่น คําถามหลักของจูเลีย

หรือท่านอาจให้นักเรียนสร้างสถานการณ์สมมติของตนเองและเขียนลงบนกระดาษ ท่านอาจแลกเปลี่ยนสถานการณ์สมมติเหล่านี้และให้นักเรียนตอบสนองโดยใช้สิ่งที่เรียนรู้

เส้นโยงข้อความสถานการณ์สมมติ

สร้างสถานการณ์สมมติที่เริ่มต้นด้วยข้อความตัวอักษรเดียว แต่ไม่เปิดเผยให้นักเรียนทราบถึงสถานการณ์ที่นําไปสู่ข้อความนั้น ท่านอาจจัดเตรียมเทมเพลตข้อความเปล่าดังต่อไปนี้ให้นักเรียนแต่ละคน และเชื้อเชิญให้พวกเขาสร้างบทสนทนาสําหรับเส้นโยงข้อความ

เส้นโยงข้อความสถานการณ์สมมติ

การผูกมิตรแบบรวดเร็ว

การผูกมิตรแบบรวดเร็ว

การช่วยให้นักเรียนรู้สึกสบายใจในการแบ่งปันเริ่มจากการช่วยให้พวกเขารู้จักเพื่อนร่วมชั้น กิจกรรมนี้จะช่วยให้นักเรียนทําความรู้จักกันและแบ่งปันบางอย่างเกี่ยวกับพระคัมภีร์ จัดนักเรียนเป็นคู่โดยจัดที่นั่งหันหน้าเข้าหากันสองแถว จากนั้นเชื้อเชิญให้นักเรียนทําเครื่องหมายข้อพระคัมภีร์ที่ให้ไว้และตอบคําถามที่ท่านเตรียมไว้เกี่ยวกับข้อนั้น เชิญคู่ที่หันหน้าเข้าหากันตอบคําถามผูกมิตรที่ท่านเตรียมไว้ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้จักกันดีขึ้น เชื้อเชิญให้นักเรียนสลับคู่และทํากระบวนการนี้ซํ้าหลายๆ ครั้งโดยใช้คําถามและข้อพระคัมภีร์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้นักเรียนทํางานกับทุกคู่ นักเรียนที่นั่งเก้าอี้เข้ามุมไม่ต้องลุกไปสลับคู่

กระดานเหนียว

กระดานเหนียว

ติดคําถามสองสามข้อบนกระดานให้นักเรียนตอบหรือข้อที่พวกเขาอาจแบ่งปันข้อคิด นักเรียนแต่ละคนเขียนชื่อของตนบนกระดาษโน้ตติดไว้ใกล้กับคําถามหรือข้อที่พวกเขายินดีตอบหรือแสดงความคิดเห็น

รูปแบบต่างๆ: สีอาจระบุสิ่งที่นักเรียนต้องการแบ่งปัน เช่น ข้อคิด คําถาม ข้ออ้างโยง และอื่นๆ

ถ่ายภาพ

เชื้อเชิญให้นักเรียนเลือกวัตถุในห้องเรียนหรือรูปภาพในโทรศัพท์ที่สามารถใช้ช่วยสอนหลักธรรมหรือหลักคําสอน เชื้อเชิญให้แบ่งปันว่าพวกเขาจะสอนสิ่งที่เรียนรู้โดยใช้สิ่งของหรือรูปภาพสอนบางคนอย่างไร

เขียนก่อนแบ่งปัน

ให้เวลานักเรียนบันทึกคําตอบของคําถามสําคัญๆ ลงในสมุดบันทึกการศึกษาก่อนเชื้อเชิญให้พวกเขาตอบแบบออกเสียง

4. สร้างตัวแทนสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้

บทเรียนมักเชื้อเชิญให้นักเรียนทําบางอย่างเพื่อสาธิตสิ่งที่พวกเขาศึกษา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะความคิดสร้างสรรค์ กิจกรรมต่อไปนี้เป็นสองสามวิธีที่จะช่วยให้นักเรียนทําเช่นนี้

บทกวีเชื่อมตัวอักษร

ใช้ตัวอักษรของชื่อ สถานที่ หรือหลักคําสอนเพื่อสร้างบทกวีเชื่อมตัวอักษรโดยใช้สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ในชั้นเรียน ตัวอย่างเช่น นักเรียนคนหนึ่งอาจเขียนบทกวีเชื่อมตัวอักษรโดยใช้คําว่า faith (ศรัทธา) ดังนี้:

F – การทําตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ (Following)

A – การทําตามการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Acting)

I – รวมคําถามหรือข้อกังวลของเราไว้ในคําสวดอ้อนวอนของเรา (Including)

T – วางใจศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า (Trusting)

H – หวังว่าจะได้รับพรที่สัญญาไว้ของพระองค์ (Hoping)

การสร้างแอป

การสร้างแอป

นักเรียนออกแบบแอปของตนเองบนกระดาษ แอปจะนําเสนอความจริงที่สอนในพระคัมภีร์ที่ศึกษาพร้อมกิจกรรม รูปภาพ พระคัมภีร์ หรือข้อความอ้างอิงที่อาจช่วยให้บางคนประยุกต์ใช้กับชีวิตพวกเขา

โวหารย้อนคํา

โวหารย้อนคํา คือ รูปคําพูดซึ่งครึ่งหลังของประโยค ย่อหน้า หรือการเขียนสะท้อนและพูดซํ้าในลําดับย้อนกลับครึ่งแรก ข้อความหลักอยู่ตรงกลาง (ดูตัวอย่างใน แอลมา 36 ) เชื้อเชิญให้นักเรียนสร้างโวหารย้อนคําจากสิ่งที่พวกเขาศึกษา นักเรียนจะวางความจริงที่เป็นตัวหนาไว้ตรงกลางและเพิ่มบรรทัดด้านบนและด้านล่างด้วยพระคัมภีร์สนับสนุนหรือข้อความของศาสดาพยากรณ์ ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกับสิ่งนี้:

ก – สิ่งที่นักเรียนรู้สึกเกี่ยวกับความจริงหรือประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีกับความจริงนั้น

ข – สิ่งที่นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับความจริง

ค – ความจริงหรือหลักธรรมพระกิตติคุณ

ค – ความจริงหรือหลักธรรมพระกิตติคุณ

ข – ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจริง

ก – ประสบการณ์เพิ่มเติมที่นักเรียนเคยมีกับความจริงและความรู้สึกของพวกเขาเกี่ยวกับความจริง

การศึกษาจากการ์ตูน

การศึกษาจากการ์ตูน

แจกเทมเพลตหนังสือการ์ตูนเปล่าให้นักเรียนหรือให้พวกเขาสร้างเทมเพลตบนกระดาษ นักเรียนอ่านช่วงพระคัมภีร์และสร้างการ์ตูนที่แสดงโครงเรื่องในช่วงนั้น ให้พวกเขาใช้ช่องสุดท้ายแบ่งปันสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นความจริงที่มีค่าที่สุดในการเรียนรู้จากเรื่องนี้ จากนั้น พวกเขาอาจแบ่งปันการ์ตูนของตนกับชั้นเรียน หรืออาจใช้กิจกรรมนี้อธิบายการประยุกต์ใช้ความจริงหรือหลักธรรมในยุคปัจจุบัน

การสร้างโครงร่างบทเรียน

การสร้างโครงร่างบทเรียน

สร้างโครงร่างที่นักเรียนสามารถใช้เตรียมบทเรียนสั้นๆ คําพูด ข้อความ หรือวิธีแบ่งปันข้อพระคัมภีร์ ท่านอาจจัดเตรียมเทมเพลตโครงร่างเปล่าให้นักเรียนบันทึกการค้นพบของตน ท่านอาจแนะนําให้นักเรียนใส่ข้อมูลที่แตกต่างกันในแต่ละช่อง ตัวอย่างเช่น นักเรียนอาจเขียนชื่อเรื่องในช่องแรก สรุปข้อสําคัญในช่องถัดไป ตัวอย่างหรือเรื่องราวส่วนตัวในช่องยาวสามช่อง และประจักษ์พยานในช่องสุดท้าย

สร้างแผ่นพับ

สร้างแผ่นพับ

จัดเตรียมกระดาษให้นักเรียนคนละแผ่นและเชื้อเชิญให้พับเป็นสามส่วน นักเรียนจะสร้างหน้าชื่อเรื่องที่มีหลักธรรมหรือหลักคําสอนที่พวกเขาระบุ นักเรียนจะสร้างหน้าต่อๆ ไปด้วยคําบรรยายและรายละเอียดจากสิ่งที่กําลังเรียนรู้ ท่านอาจเชื้อเชิญให้พวกเขาประหยัดพื้นที่ด้านหลังแผ่นพับเพื่อเขียนเป้าหมายหรือแผนที่พวกเขาทําระหว่างบทเรียน

หมวดสี

พิมพ์หน้าช่วงพระคัมภีร์ที่คัดลอกไว้และเตรียมดินสอสีไว้ทําเครื่องหมายพระคัมภีร์ ระบุประเภท เช่น “พรที่สัญญาไว้” “การกระทําแห่งศรัทธา” หรือ “พระบัญญัติ” กําหนดแต่ละหมวดด้วยสี เชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษาข้อเหล่านั้นและทําเครื่องหมายตามประเภทสีเมื่อพวกเขาพบ เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่ทําเครื่องหมายไว้และได้เรียนรู้จากกิจกรรม

ประเมินแผน

ประเมินแผน

ท่านอาจใช้ผังกราฟิกเพื่อช่วยนักเรียนประเมินแผนของพวกเขา นักเรียนตอบคําถามในแต่ละส่วนของกราฟิก

แผนผังลําดับ

นักเรียนอาจสร้างกราฟิกที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการตัดสินใจหรือแนวคิดต่างๆ ในบทเรียน ตัวอย่างเช่น แผนภูมิต่อไปนี้อาจนําไปใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าศรัทธาหรือความหวังในพระเยซูคริสต์จะนําไปสู่จุดใด

แผนผังลําดับ

การสร้างโดยลงมือทำ

แจกสื่อการเรียนการสอนที่นักเรียนสามารถใช้ได้ เช่น บล็อกไม้หรือดินปั้นแบบจําลองเพื่อสร้างบางสิ่งที่แสดงถึงสิ่งที่พวกเขาศึกษา ตัวอย่างเช่น นักเรียนอาจใช้ตัวต่อแทนแนวป้องกันที่แม่ทัพโมโรไนบัญชาให้ผู้คนของเขาสร้าง (ดู แอลมา 48:7–9) นักเรียนอาจเขียนวิธีที่เราสามารถเตรียมทางวิญญาณเพื่อต้านทานการโจมตีของซาตานไว้ที่บล็อกแต่ละชิ้น

ภาพตัดปะ

ภาพตัดปะ

นักเรียนจอาจค้นหารูปภาพบนโทรศัพท์หรือในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณที่เกี่ยวข้องกับความจริง พวกเขาอาจสร้างภาพตัดปะดิจิทัลและแบ่งปันในชั้นเรียน

รู้ – สงสัย – เรียนรู้

นักเรียนแบ่งหน้ากระดาษออกเป็นสามคอลัมน์ ในคอลัมน์แรก ให้เขียนสิ่งที่รู้อยู่แล้วเกี่ยวกับหัวข้อ ในคอลัมน์ถัดไป ให้พวกเขาเขียนสิ่งที่ต้องการรู้ คอลัมน์ที่สามจะเต็มไปด้วยสิ่งที่นักเรียนเรียนรู้ในระหว่างและหลังบทเรียน ท่านอาจให้พวกเขาระบุว่าอะไรช่วยให้พวกเขาเรียนรู้หรือสิ่งที่ส่งผลต่อความรู้สึกของพวกเขาในระหว่างบทเรียน หากมี

จดหมายสําหรับอนาคต

นักเรียนอาจเขียนจดหมายถึงตนเองเพื่อเปิดอ่านในเวลาที่กําหนด (ในงานเผยแผ่ แต่งงาน มีลูกคนแรก) อีกทางเลือกหนึ่งคือให้นักเรียนเขียนจดหมายถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาในอนาคต หรือพวกเขาอาจเขียนจดหมายถึงนักเรียนในอนาคตที่จะมาเซมินารีและอธิบายว่าพวกเขาเรียนรู้อะไรและรู้สึกอย่างไร

สร้างมีม

สร้างมีม

นักเรียนแต่ละคนระบุหลักธรรมจากการศึกษาของตนและแต่งวลีติดหูซึ่งแสดงถึงหลักธรรมนั้น ขอให้พวกเขาวาดภาพที่แสดงถึงหลักธรรมด้วย ให้แน่ใจว่ามีข้ออ้างอิงพระคัมภีร์รวมอยู่ด้วย ให้พวกเขาแบ่งปันและอธิบายมีมของพวกเขา ท่านอาจต้องการแสดงตัวอย่างบางเรื่องจากนิตยสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน ฉบับล่าสุด

วางแผน “ไปและทํา”

ไปและทํา
แผนที่ถนน

นักเรียนสามารถวางแผนดําเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและชอบธรรมจากสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้และรู้สึกระหว่างบทเรียน ในการทําเช่นนี้ ท่านอาจให้พวกเขาระบุสิ่งที่พวกเขาต้องการทําและสร้างขั้นตอนเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะทําให้แผนของพวกเขาบรรลุผลสําเร็จ ซึ่งอาจรวมถึงการระบุอุปสรรคที่พวกเขาอาจเผชิญและขั้นตอนเฉพาะเพื่อแก้ไขอุปสรรคเหล่านี้ ขณะที่นักเรียนสร้างแผน กระตุ้นให้พวกเขาแบ่งแผนออกเป็นขั้นเล็กๆ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่พวกเขาทําทุกวันจะช่วยให้พวกเขารู้สึกประสบความสําเร็จบ่อยขึ้น

วางแผน “แผนผังการตัดสินใจ”

แผนผังการตัดสินใจ

นักเรียนสามารถใช้แผนผังการตัดสินใจเพื่อช่วยประยุกต์ใช้หลักธรรมพระกิตติคุณโดยเขียนข้อดีและข้อเสียของการตัดสินใจเรื่องต่างๆ พวกเขาสามารถเริ่มต้นด้วยคําถามหนึ่งข้อเกี่ยวกับหลักธรรมพระกิตติคุณ และหลังจากระบุข้อดีข้อเสียแล้ว ให้ประเมินการเลือกของพวกเขาในการตัดสินใจนั้น สร้างแผนผังแยกกันสําหรับคําถามและการตัดสินใจแต่ละข้อในแผน

ตัวอย่างเช่น: วางแผนศึกษาพระคัมภีร์

คําถาม:

  1. ฉันจะศึกษาพระคัมภีร์เมื่อใด? (ทําแผนผังการตัดสินใจ)

  2. ฉันจะศึกษาพระคัมภีร์ที่ใด? (ทําแผนผังการตัดสินใจอีกครั้ง)

  3. ฉันจะใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์นานเท่าใด? (ทําแผนผังการตัดสินใจครั้งที่สาม)

ในตอนท้ายของกระบวนการ การตัดสินใจทั้งสามร่วมกันจะก่อให้เกิดแผนหรือเป้าหมาย โดยมีขั้นตอนเฉพาะเพื่อให้บรรลุผลสําเร็จ

เพลงสวดข้อใหม่

นักเรียนอาจเลือกเพลงสวดเกี่ยวกับความจริงที่ศึกษาในบทเรียน เชื้อเชิญให้พวกเขาแต่งเพลงสวดข้อใหม่จากสิ่งที่พวกเขาศึกษา ชั้นเรียนอาจเลือกข้อใหม่สองสามข้อเพื่อดูและร้องเพลง

การเรียนรู้แบบโครงงาน

นักเรียนอาจสร้างโครงการหลายบทเรียนซึ่งพวกเขาจะเพิ่มเนื้อหาในบทเรียน/สัปดาห์ต่อๆ ไป อาจเป็นบทกวี เพลงสวด วีดิทัศน์ โครงการศิลปะ หรือการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์อื่นๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นในบทเรียนต่อๆ ไป

เขียนตอนจบใหม่

เชื้อเชิญให้นักเรียนเขียนตอนจบของเรื่องราวพระคัมภีร์หรือเรื่องราวที่ท่านแบ่งปันใหม่ราวกับว่าบุคคลนั้นตัดสินใจได้ดีกว่า/ต่างจากเดิม

สูตรอาหาร

สูตรอาหาร

นักเรียนสร้างสูตรอาหารโดยใช้สิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้ ท่านอาจเริ่มโดยให้พวกเขาดูตัวอย่างสูตรอาหารที่มีส่วนผสม ปริมาณ และคําแนะนํา จากนั้นช่วยให้นักเรียนทําตามแบบแผนนั้นเพื่อจัดระเบียบสิ่งที่พวกเขากําลังเรียนรู้ พวกเขาอาจตั้งชื่อสูตรของพวกเขาว่า “การเป็นผู้สอนศาสนาที่ทรงพลัง” หรือ “วิธีศึกษาพระคัมภีร์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” จากนั้นเขียนสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นองค์ประกอบสําคัญโดยใช้พระคัมภีร์และข้อความอ้างอิง ตัวอย่างเช่น ใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 76 นักเรียนอาจเขียนส่วนผสม ปริมาณ และคําแนะนําสําหรับการเป็นคนซีเลสเชียล กระตุ้นพวกเขาให้มีความคิดสร้างสรรค์ในสูตรอาหารของพวกเขา พวกเขาอาจวาดภาพที่แสดงถึงผลผลิตขั้นสุดท้ายของสูตรอาหาร

บทบาทสมมติ

นักเรียนแสดงสถานการณ์สมมติ มีหลายวิธีในการทําสิ่งนี้ ท่านอาจให้อาสาสมัครมาหน้าห้องเพื่อแสดงบทบาทสมมติ นักเรียนอาจแสดงบทบาทสมมติเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือท่านอาจแสดงเป็นคนที่มีคําถามและให้ทั้งชั้นตอบคําถามหรือข้อกังวลของท่าน

วิดีโอสั้น

เชื้อเชิญให้นักเรียนวางแผนทําวิดีโอสั้นๆ พวกเขาอาจสร้างบทพูดและตัดสินใจว่าจะสร้างแบบจําลองสิ่งที่เรียนรู้จากบทเรียนอย่างไร หากเป็นไปได้นักเรียนอาจสร้างวิดีโอและแบ่งปันในชั้นเรียน

โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย

โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย

เชื้อเชิญให้นักเรียนสร้างโพสต์โซเชียลมีเดียเพื่อแบ่งปันความเชื่อหรือประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรมที่สนทนาในชั้นเรียน อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาโพสต์ทางออนไลน์หรือบางอย่างที่พวกเขาสร้างในสมุดบันทึกการศึกษา หรือพวกเขาอาจจินตนาการว่ามีบางคนโพสต์คําถามเกี่ยวกับสิ่งที่ศึกษาในชั้นเรียนและคิดคําตอบโดยใช้ความรู้ที่พวกเขาได้เรียนรู้ หรือนักเรียนอาจศึกษาโพสต์โซเชียลมีเดียล่าสุดของผู้นําศาสนจักรและเขียนความเห็นหรือข้อความให้กําลังใจบนโพสต์นั้น สําหรับบทความที่ช่วยให้นักเรียนสร้างโพสต์โซเชียลมีเดียที่มีความหมาย โปรดดู “โซเชียลมีเดีย: พลังในการเปลี่ยนชีวิตเพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, เม.ย. 2022

แสดงภาพ

แสดงภาพ

จัดนักเรียนเป็นกลุ่มเพื่อใช้พระคัมภีร์ ข้อความอ้างอิง และแหล่งช่วยศึกษาอื่นๆ ทําโปสเตอร์หรือข้อความติดฝาผนังสําหรับห้องเรียน โปสเตอร์หรือข้อความติดฝาผนังอาจรวมถึงข้อสําคัญ คําถามที่เรื่องราวพระคัมภีร์สามารถให้คําตอบ ความจริงนิรันดร์ รูปภาพ และอื่นๆ นักเรียนสามารถหมุนเวียนดูผลงานของกลุ่มอื่นได้

เขียนบทความสําหรับนิตยสารศาสนจักร

นักเรียนอาจจินตนาการว่าพวกเขากําลังเขียนบทความในนิตยสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน เพื่อนเด็ก หรือนิตยสาร เลียโฮนา เพื่อแบ่งปันสิ่งที่ศึกษาและวิธีที่อาจช่วยเยาวชนทั่วโลก ท่านอาจให้ดูบทความเป็นตัวอย่าง กระตุ้นให้นักเรียนเพิ่มภาพประกอบ แผนภูมิ และอินโฟกราฟิก