“บทที่ 5: ใช้พลังของพระคัมภีร์มอรมอน” สั่งสอนกิตติคุณของเรา: คู่มือแนะแนวการแบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ (2023)
“บทที่ 5” สั่งสอนกิตติคุณของเรา
บทที่ 5
ใช้พลังของพระคัมภีร์มอรมอน
พระคัมภีร์มอรมอน ผนวกกับพระวิญญาณ คือแหล่งช่วยอันทรงพลังที่สุดของท่านในการเปลี่ยนใจเลื่อมใส พระคัมภีร์เล่มนี้เป็นบันทึกศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณที่เขียนไว้เพื่อทำให้คนทั้งปวงเชื่อมั่นว่าพระเยซูคือพระคริสต์ (ดู ปกในของพระคัมภีร์มอรมอน) ตามที่ชื่อรองของพระคัมภีร์กล่าว พระคัมภีร์มอรมอนเป็น “พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์” เป็นหลักฐานน่าสนใจเช่นกันที่ยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์และทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ผ่านท่าน
พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็น “ศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา” (คำนำของพระคัมภีร์มอรมอน) ท่านกล่าวในอีกวาระหนึ่งว่า “ถ้านำพระคัมภีร์มอรมอนและการเปิดเผยออกไป ศาสนาของเราจะอยู่ที่ไหน? เราก็ไม่มีศาสนาน่ะสิ” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 210)
ประตูโค้งเป็นโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่แข็งแรงทำจากชิ้นส่วนรูปลิ่มที่ยันกัน ชิ้นกลาง หรือศิลาหลัก มักจะใหญ่กว่าชิ้นอื่นและยึดทั้งหมดให้อยู่กับที่
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันกล่าวว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเราอย่างน้อยสามด้าน
พยานของพระคริสต์ “พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นศิลามุมเอกของทุกสิ่งที่เราทำ และเป็นพยานถึงการดำรงอยู่จริงของพระองค์ด้วยพลังและความชัดเจน”
ความสมบูรณ์ของหลักคำสอน “พระเจ้าตรัสด้วยพระองค์เองว่าพระคัมภีร์มอรมอนประกอบด้วย ‘ความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:9; 27:5] … ในพระคัมภีร์มอรมอนเราจะพบความสมบูรณ์ของ [หลักคำสอน] ที่จำเป็นต่อความรอดของเรา และ [ถูก] สอนไว้อย่างชัดเจนและเรียบง่ายจนแม้เด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้แนวทางของความรอดและความสูงส่งได้”
รากฐานของประจักษ์พยาน “ประตูโค้งพังลงมาถ้านำศิลาหลักออกไปฉันใด ศาสนจักรจะตั้งมั่นหรือล้มลงก็ด้วยความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนฉันนั้น … ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง … คนต้องยอมรับคำกล่าวอ้างเรื่องการฟื้นฟู” (คำสอนของประธานศาสนจักร: เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน [2014], 129, 131, 128)
โดยได้รับประจักษ์พยานว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า เราสามารถรู้ได้ว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการฟื้นฟูผ่านท่านโดยทูตสวรรค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบอำนาจให้โจเซฟจัดตั้งศาสนจักรของพระเยซูคริสต์เช่นกัน การเปิดเผยดำเนินต่อเนื่องทุกวันนี้ผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่
พระคัมภีร์มอรมอนจำเป็นต่อการเปลี่ยนใจเลื่อมใสส่วนตัว
ส่วนจำเป็นของการเปลี่ยนใจเลื่อมใสคือการได้รับพยานโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง เมื่อท่านอ่านและศึกษาอย่างจริงจัง ท่านจะรู้สึกว่าถ้อยคำในนั้นขยายจิตวิญญาณท่าน ถ้อยคำในนั้นจะทำให้ท่านเข้าใจชีวิต แผนของพระผู้เป็นเจ้า และพระเยซูคริสต์กระจ่างขึ้น (ดู แอลมา 32:28) สวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์เล่มนี้ด้วยเจตนาแท้จริงและศรัทธาในพระคริสต์ ขณะทำเช่นนั้น ท่านจะได้รับพยานผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า (ดู โมโรไน 10:4–5)
ประจักษ์พยานของท่านเองเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนจะนำให้มีศรัทธาอันมั่นคงลึกซึ้งในพลังของพระคัมภีร์เล่มนี้ที่จะช่วยให้ผู้อื่นเปลี่ยนใจเลื่อมใส ช่วยคนที่ท่านสอนให้รับรู้ความกระจ่างแจ้งที่พวกเขารู้สึกขณะอ่านอย่างจริงใจ เน้นพยานอันทรงพลังของพระคัมภีร์มอรมอนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ กระตุ้นพวกเขาให้สวดอ้อนวอนขอให้ได้รับพยานของตนเองว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นความจริง
การกระตุ้นผู้คนให้แสวงหาพยานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนควรเป็นจุดศูนย์กลางของการสอนของเรา พระคัมภีร์มอรมอนสามารถเปลี่ยนชีวิตพวกเขาตลอดกาล
ใช้พระคัมภีร์มอรมอนสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวว่า “พระคัมภีร์มอรมอนเป็นหนังสือที่ถูกต้องยิ่งกว่าหนังสือใดๆ บนแผ่นดินโลก” (คำนำของพระคัมภีร์มอรมอน) พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระคริสต์และสอนหลักคำสอนของพระองค์อย่างชัดเจน (ดู 2 นีไฟ 31; 32:1–6; 3 นีไฟ 11:31–39; 27:13–22) พระคัมภีร์เล่มนี้สอนความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณ หลักธรรมและศาสนพิธีเบื้องต้นของพระกิตติคุณที่สอนในพระคัมภีร์มอรมอนคือหนทางสู่ชีวิตที่สมบูรณ์
ใช้พระคัมภีร์มอรมอนเป็นแหล่งช่วยหลักในการสอนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู แผนภูมิต่อไปนี้ระบุความจริงบางอย่างในพระคัมภีร์มอรมอนที่ท่านจะสอน
บทเรียนผู้สอนศาสนาในบทที่ 3 |
หลักคำสอน |
ข้ออ้างอิง |
---|---|---|
บทเรียนผู้สอนศาสนาในบทที่ 3 ข่าวสารเรื่องการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ | หลักคำสอน ธรรมชาติของพระผู้เป็นเจ้า การปฏิบัติศาสนกิจและการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด การละทิ้ง การฟื้นฟู โจเซฟ สมิธ สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต | ข้ออ้างอิง |
บทเรียนผู้สอนศาสนาในบทที่ 3 แผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์ | หลักคำสอน “แผนอันสำคัญยิ่งของพระผู้เป็นเจ้านิรันดร์” รวมถึงการตกของอาดัมกับเอวา การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ การฟื้นคืนชีวิต และการพิพากษา | ข้ออ้างอิง |
บทเรียนผู้สอนศาสนาในบทที่ 3 พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ | หลักคำสอน ศรัทธาในพระคริสต์ การกลับใจ บัพติศมา ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ | ข้ออ้างอิง |
บทเรียนผู้สอนศาสนาในบทที่ 3 การเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ชั่วชีวิต | หลักคำสอน ศาสนพิธี เช่น บัพติศมา การแต่งตั้งฐานะปุโรหิต และศีลระลึก | ข้ออ้างอิง |
พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระคริสต์
จุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์มอรมอนคือเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ ยืนยันความเป็นจริงของพระชนม์ชีพ พระพันธกิจ การฟื้นคืนพระชนม์ และเดชานุภาพของพระองค์ สอนหลักคำสอนที่แท้จริงเกี่ยวกับพระคริสต์และการชดใช้ของพระองค์
ศาสดาพยากรณ์หลายท่านที่ข้อเขียนของพวกท่านอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนต่างเห็นพระคริสต์ด้วยตาตนเอง พี่ชายของเจเร็ด นีไฟ และเจคอบเห็นพระคริสต์ก่อนประสูติ ฝูงชนอยู่ในระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดท่ามกลางชาวนีไฟ (ดู 3 นีไฟ 11–28) ต่อมา มอรมอนกับโมโรไนเห็นพระคริสต์ที่ฟื้นคืนพระชนม์ (ดู มอรมอน 1:15; อีเธอร์ 12:39)
เมื่อผู้คนอ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน พวกเขาจะได้รู้จักพระผู้ช่วยให้รอดดีขึ้นและประสบความรักของพระองค์ จะเติบโตในประจักษ์พยานถึงพระองค์ จะรู้วิธีมาหาพระองค์และรับการช่วยให้รอด (ดู 1 นีไฟ 15:14–15)
“พระคัมภีร์มอรมอนให้ความเข้าใจครบถ้วนที่สุดและเชื่อถือได้มากที่สุดในเรื่องการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ สอนว่าการเกิดใหม่จริงๆ แล้วหมายความว่าอย่างไร … เรารู้ว่าเหตุใดเราจึงอยู่บนแผ่นดินโลก พระคัมภีร์มอรมอนสอนความจริงเหล่านี้และอื่นๆ ได้อย่างมีพลังและโน้มน้าวใจมากกว่าหนังสือเล่มอื่น พลังเปี่ยมล้นของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนจริงๆ” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคัมภีร์มอรมอน: ชีวิตท่านจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้” เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 62)
การศึกษาส่วนตัวหรือกับคู่
พระคัมภีร์มอรมอนเขียนไว้ “เพื่อให้ [คนทั้งปวง] มั่นใจด้วยว่าพระเยซูคือพระคริสต์” (ปกในของพระคัมภีร์มอรมอน) ตารางต่อไปนี้ระบุบางบทของพระคัมภีร์มอรมอนที่เป็นพยานถึงพระชนม์ชีพ คำสอน และการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์ เลือกข้อศึกษาตลอดงานเผยแผ่ของท่าน
นอกจากนี้ให้คิดถึงความต้องการของคนที่ท่านสอนด้วย วางแผนอ่านบางข้อเหล่านี้กับพวกเขาเพื่อเสริมสร้างความรู้และประจักษ์พยานของพวกเขาเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด
ปกในและคำนำ |
ชี้แจงจุดประสงค์ของหนังสือ |
ลีไฮกับนีไฟเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอด | |
ลีไฮกับเจคอบเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ | |
นีไฟสอนหลักคำสอนของพระคริสต์ | |
กษัตริย์เบ็นจามินเป็นพยานถึงพระคริสต์ | |
แอลมาเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอด | |
แอลมาประสบเดชานุภาพการชดใช้ของพระคริสต์ | |
พระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื้อเชิญให้ผู้คนมาหาพระองค์ | |
พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนชาวนีไฟเกี่ยวกับพระบิดาและหลักคำสอนของพระองค์ | |
พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนพระกิตติคุณของพระองค์ | |
อีเธอร์กับโมโรไนสอนว่าศรัทธาในพระเยซูคริสต์เป็นหลักธรรมของการกระทำและพลังอำนาจ | |
มอรมอนสอนเรื่องความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ | |
โมโรไนเชื้อเชิญให้ทุกคนมาหาพระเยซูคริสต์และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์ |
พระคัมภีร์มอรมอนช่วยให้เราเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น
ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนว่า “มนุษย์จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นโดยการยึดมั่นกับหลักการของหนังสือเล่มนี้, ยิ่งกว่าหนังสือเล่มอื่นใด” (คำนำของพระคัมภีร์มอรมอน) ท่านช่วยผู้คนพัฒนาศรัทธาในพระเยซูคริสต์และเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นโดยสอนและเชื้อเชิญให้พวกเขาดำเนินชีวิตตามหลักธรรมในพระคัมภีร์มอรมอนอยู่เสมอ
พระคัมภีร์มอรมอนสร้างประจักษ์พยานและเชื้อเชิญการเปิดเผยส่วนตัว ใช้พระคัมภีร์มอรมอนช่วยให้ผู้คนมีประสบการณ์ทางวิญญาณ โดยเฉพาะพยานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า
ให้ความสำคัญกับข้อความในพระคัมภีร์มอรมอนเมื่อท่านสอน ข้อความในพระคัมภีร์มอรมอนมีพลังทำให้เปลี่ยนใจเลื่อมใสผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อท่านใช้พระคัมภีร์มอรมอนสอนพระกิตติคุณ การสอนของท่านจะดังก้องในใจและความคิดด้วยพลังอำนาจและความชัดเจน
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์สอนว่า “คนที่อ่าน [พระคัมภีร์มอรมอน] ร่วมกับการสวดอ้อนวอน ไม่ว่าจะยากดีมีจน มีการศึกษาหรือไม่มี พวกเขาล้วนเติบโตขึ้นภายใต้พลังของพระคัมภีร์เล่มนี้” ท่านสอนเพิ่มเติมว่า:
“ข้าพเจ้าสัญญากับท่านโดยไม่ลังเลว่าถ้าท่านจะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกับการสวดอ้อนวอน ไม่ว่าท่านเคยอ่านมาแล้วกี่ครั้ง จะมีพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาในใจท่านเพิ่มมากขึ้น จะมีความตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นว่าจะดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระบัญญัติ และจะมีประจักษ์พยานเข้มแข็งขึ้นถึงการทรงพระชนม์อยู่จริงของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า” (“The Power of the Book of Mormon,” Ensign, June 1988, 6)
พระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามเรื่องจิตวิญญาณ
การอ่านพระคัมภีร์มอรมอนด้วยการนำทางของพระวิญญาณจะช่วยให้ผู้คนพบคำตอบหรือข้อคิดสำหรับคำถามส่วนตัวของพวกเขา—หรือคำถามเรื่องจิตวิญญาณ จงช่วยให้ผู้คนเห็นว่าคำสอนในพระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามของชีวิตอย่างไร
คำถามบางข้อเหล่านี้อยู่ด้านล่าง พร้อมข้ออ้างอิงจากพระคัมภีร์มอรมอนที่ตอบคำถามเหล่านั้น
-
พระผู้เป็นเจ้ามีจริงหรือ? พระผู้เป็นเจ้าคือใคร? (โมไซยาห์ 4:9; แอลมา 18:24–40; 22:4–23; 30:44)
-
พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักและห่วงใยฉันไหม? ฉันจะรู้สึกถึงความรักของพระองค์ได้อย่างไร? ฉันจะรู้สึกใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร? (2 นีไฟ 26:24; โมไซยาห์ 4:9–12; อีนัส 1:1–12; แอลมา 18:32; โมโรไน 10:32–33)
-
จุดประสงค์ของชีวิตคืออะไร? (2 นีไฟ 2:25–29; แอลมา 34:32)
-
เหตุใดบางครั้งชีวิตจึงยากนัก? ฉันจะพบพลังในยามยากได้อย่างไร? (1 นีไฟ 17:3; 2 นีไฟ 4:20–21; แอลมา 36:3; อีเธอร์ 12:27)
-
ฉันจะพบสันติสุขในยามวุ่นวายได้อย่างไร? (โมไซยาห์ 24:13–15; ฮีลามัน 5:47)
-
ฉันจะมีความสุขมากขึ้นได้อย่างไร? (โมไซยาห์ 2:41; แอลมา 22:15–16)
-
ฉันจะเป็นคนดีขึ้นได้อย่างไร? (โมไซยาห์ 26:30–31; แอลมา 5:12–13; 7:23–24; อีเธอร์ 12:27)
-
ฉันจะรู้สึกถึงการให้อภัยของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร? (อีนัส 1:2–8; แอลมา 36:17–21)
-
เกิดอะไรขึ้นหลังจากฉันตาย? (2 นีไฟ 9:3–6, 11–13; แอลมา 11:42–44; 40:11)
พระคัมภีร์มอรมอนให้แนวทางเกี่ยวกับคำถามสำคัญอื่นๆ ด้วย เช่น:
-
ฉันจะมีส่วนช่วยให้ครอบครัวฉันมีความผาสุกทางวิญญาณได้อย่างไร? (1 นีไฟ 1:1; 8:36–38; โมไซยาห์ 2:5–6; 4:14–15; 3 นีไฟ 18:21)
-
ฉันจะช่วยลูกๆ สร้างพลังต่อต้านการล่อลวงได้อย่างไร? (1 นีไฟ 15:23–25; ฮีลามัน 5:12; 3 นีไฟ 18:15, 18–21, 24–25)
-
การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยให้ฉันมีชีวิตอุดมสมบูรณ์มากขึ้นและมีความสุขมากขึ้นได้อย่างไร? (2 นีไฟ 2:25–28; 4:35; โมไซยาห์ 2:41; 4 นีไฟ 1:15–18)
“ผู้สอนศาสนาต้องรู้วิธีใช้พระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามของตนเองเพื่อพวกเขาจะสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้ที่จะทำแบบเดียวกัน … พวกเขาต้องทำให้พลังของพระคัมภีร์มอรมอนอยู่ในการสอนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู โดยประยุกต์ใช้กับชีวิตตนเองก่อน แล้วจึงแบ่งปันให้กับคนที่พวกเขาสอน” (ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “Counsel for Mission Leaders” การสัมมนาสำหรับผู้นำคณะเผยแผ่คนใหม่ 25 มิ.ย. 2022)
พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนกัน
พระเจ้าตรัสให้ “สอนหลักธรรมแห่งกิตติคุณของเรา, ซึ่งมีอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอน, ซึ่งในนั้นคือความสมบูรณ์แห่งกิตติคุณ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:12) วิสุทธิชนยุคสุดท้าย “เชื่อว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่แปลไว้อย่างถูกต้อง” (หลักแห่งความเชื่อ 1:8; ดู 1 นีไฟ 13:29 ด้วย) พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์คู่กันที่มีความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเสริมกันและเพิ่มคุณค่าให้กัน (ดู เอเสเคียล 37:16–17; 1 นีไฟ 13:40; มอรมอน 7:8–9) พระคัมภีร์ทั้งสองเล่มเป็นการรวบรวมคำสอนที่ศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณบันทึกไว้ พระคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงปฏิสัมพันธ์ของพระผู้เป็นเจ้ากับผู้คนในซีกโลกตะวันตกนานหลายพันปี พระคัมภีร์มอรมอนพูดถึงปฏิสัมพันธ์ของพระผู้เป็นเจ้ากับผู้คนในทวีปอเมริกาสมัยโบราณนานกว่าหนึ่งพันปี
ที่สำคัญที่สุดคือพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเสริมกันในการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ไบเบิลให้เรื่องราวการประสูติ การปฏิบัติศาสนกิจในมรรตัย และการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด—รวมถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ พระคัมภีร์มอรมอนมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับการประสูติและพระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอด คำสอนเรื่องการชดใช้ของพระองค์ และเรื่องราวการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ในทวีปอเมริกา พระคัมภีร์มอรมอนยืนยันและขยายประจักษ์พยานของพระคัมภีร์ไบเบิลว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของโลก
พระคัมภีร์ไบเบิลกับพระคัมภีร์มอรมอนต่างสอนเรื่องกฎของพยาน: “ข้อกล่าวหาใดๆ ต้องมีพยานสองสามปากจึงจะเป็นที่เชื่อถือได้” (2 โครินธ์ 13:1; ดู 2 นีไฟ 11:2–3 ด้วย) พระคัมภีร์ทั้งสองเล่มเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์สอดคล้องกับกฎนี้ (ดู 2 นีไฟ 29:8)
ช่วยให้ผู้คนอ่านและเข้าใจพระคัมภีร์มอรมอน
คนที่ไม่อ่านหรือไม่เข้าใจพระคัมภีร์มอรมอนจะรับพยานได้ยากว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นความจริง ท่านสามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจพระคัมภีร์ได้ด้วยการอ่านกับพวกเขา อ่านระหว่างนัดสอน ระหว่างเยี่ยมติดตามผล หรือผ่านเทคโนโลยี ท่านสามารถเตรียมการให้สมาชิกอ่านกับพวกเขาได้เช่นกัน การดูวีดิทัศน์พระคัมภีร์มอรมอนแล้วอ่านบทที่เกี่ยวข้องจะเป็นประโยชน์มาก
สวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือขณะเลือกข้อที่ไขข้อกังวลและตรงกับความต้องการของผู้คน อ่านและสนทนาข้อสั้นๆ เช่น 1 นีไฟ 3:7 หรือ โมไซยาห์ 2:17 อ่านและสนทนาข้อที่ยาวขึ้นและอ่านทั้งบทด้วย เช่น 2 นีไฟ 31, แอลมา 7 หรือ 3 นีไฟ 18 กระตุ้นผู้คนให้อ่านพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่ต้น รวมทั้งประจักษ์พยานของ พยานสามคน พยานแปดคน และ ประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ
พิจารณาคำแนะนำต่อไปนี้ขณะที่ท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนกับผู้คน:
-
สวดอ้อนวอนก่อนอ่าน ขอความช่วยเหลือในการทำความเข้าใจ สวดอ้อนวอนขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานต่อพวกเขาว่าเป็นความจริง
-
ผลัดกันอ่าน อ่านช้าหรือเร็วตามที่พวกเขาสบายใจ อธิบายคำและวลีที่ไม่คุ้นหู
-
หยุดเป็นช่วงๆ เพื่อสนทนาสิ่งที่อ่าน
-
อธิบายภูมิหลังและบริบทของข้อนั้นๆ เช่น ใครพูด คนพูดเป็นคนอย่างไร และสถานการณ์คืออะไร ถ้ามีวีดิทัศน์พระคัมภีร์มอรมอนที่เกี่ยวข้อง ท่านอาจจะเปิดให้ดู
-
หยิบยกข้อความหรือหลักคำสอนสำคัญๆ ให้ค้นหา
-
แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านและข้อคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ส่วนตัวที่เหมาะสม
-
สอนหลักคำสอนจากถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนโดยตรง นี่จะช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังทางวิญญาณของพระคัมภีร์
-
ช่วยผู้คน “เปรียบ” สิ่งที่อ่านกับชีวิตตนเอง (1 นีไฟ 19:23) ช่วยให้พวกเขาเห็นว่าพระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับพวกเขาเป็นส่วนตัวอย่างไร
ขณะประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้ท่านจะช่วยผู้คนพัฒนาความสามารถและความปรารถนาจะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนด้วยตนเอง เน้นว่าการอ่านพระคัมภีร์ทุกวันเป็นกุญแจสู่การก้าวหน้าจนถึงบัพติศมาและการเปลี่ยนใจเลื่อมใสชั่วชีวิต
ไว้ใจคำสัญญาใน โมโรไน 10:3–5 กระตุ้นผู้คนให้อ่านพระคัมภีร์มอรมอนด้วยใจจริง สวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริงเพื่อรู้ว่าเป็นความจริง อธิบายว่าเจตนาแท้จริงหมายถึงเต็มใจทำตามคำตอบที่ได้รับผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทุกคนที่อ่านด้วยใจจริงและสวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริงเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนจะรู้ถึงความจริงของพระคัมภีร์เล่มนี้โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ท่านควรประยุกต์ใช้คำสัญญานี้เป็นประจำเช่นกันเพื่อเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านเองเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน ประจักษ์พยานของท่านจะให้ความมั่นใจแก่ท่านว่าคนที่ประยุกต์ใช้คำสัญญานี้จะได้รับพยานว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า
แนวคิดสำหรับการศึกษาและการประยุกต์ใช้
การศึกษาส่วนตัว
-
อ่าน 2 นีไฟ 2; 9; 30; 31; 32 ขีดสีเน้นข้ออ้างอิงแต่ละข้อที่พูดถึงพระเยซูคริสต์ เขียนพระนามต่างๆ สำหรับพระคริสต์ในบทเหล่านี้ ทำเครื่องหมายคำที่พระองค์ตรัส ขีดสีเน้นคุณลักษณะและการกระทำของพระองค์
-
ขณะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนในแต่ละวัน ให้บันทึกข้อที่มีความหมายต่อท่านเป็นพิเศษลงในสมุดบันทึกการศึกษา เขียนว่าท่านจะประยุกต์ใช้ข้อเหล่านั้นในชีวิตท่านอย่างไร
-
เขียนในสมุดบันทึกการศึกษาว่าท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พยานทางวิญญาณครั้งแรกว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง
-
เขียนคำถามสามข้อต่อไปนี้ลงในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน เพิ่มคำตอบของคำถามเหล่านี้ตลอดงานเผยแผ่
-
ชีวิตฉันจะเป็นอย่างไรหากปราศจากพระคัมภีร์มอรมอน?
-
ฉันจะไม่ รู้ อะไรหากปราศจากพระคัมภีร์มอรมอน?
-
ฉันจะไม่ มี อะไรหากปราศจากพระคัมภีร์มอรมอน?
-
-
อ่านคำเทศนาบนภูเขาใน มัทธิว 5–7 และคำเทศนาของพระคริสต์ที่พระวิหารใน 3 นีไฟ 12–14 การอ่านคำเทศนาเหล่านี้ด้วยกันช่วยให้ท่านเข้าใจคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดดีขึ้นอย่างไร?
-
ศึกษาแต่ละกรณีในพระคัมภีร์มอรมอนที่กล่าวถึงคนสวดอ้อนวอน เขียนสิ่งที่ท่านเรียนรู้จากพระคัมภีร์มอรมอนเกี่ยวกับการสวดอ้อนวอนลงในสมุดบันทึกการศึกษาของท่าน
-
เขียนสรุปสิ่งที่อบินาไดสอนจากหัวบทของ โมไซยาห์ 11–16 แล้วอ่านบทเหล่านี้และอธิบายสิ่งที่ท่านสรุปไว้
-
เขียนสรุปสิ่งที่กษัตริย์เบ็นจามินสอนจากหัวบทของ โมไซยาห์ 2–5 แล้วอ่านบทเหล่านี้และอธิบายสิ่งที่ท่านสรุปไว้
การศึกษากับคู่และการสลับคู่
-
อ่านข้อต่างๆ ในพระคัมภีร์มอรมอนด้วยกัน แบ่งปันสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และรู้สึก สนทนาว่าท่านจะประยุกต์ใช้ในชีวิตท่านอย่างไร
-
อ่าน แอลมา 26 และ 29 ด้วยกัน แบ่งปันว่าท่านรู้สึกอย่างไรกับงานเผยแผ่ของท่าน เขียนความรู้สึกของท่านลงในสมุดบันทึกการศึกษา
-
อ่าน แอลมา 37:9 และสนทนาว่าพระคัมภีร์สำคัญเพียงใดต่อแอมันกับเพื่อนผู้สอนศาสนา หาข้ออ้างอิงที่อธิบายว่าพวกเขาใช้พระคัมภีร์อย่างไร
-
อ่าน แอลมา 11–14 โดยให้คนหนึ่งในพวกท่านรับบทเป็นแอลมาหรืออมิวเล็ค อีกคนรับบทเป็นผู้กล่าวร้าย สนทนาว่าผู้สอนศาสนาเหล่านี้ตอบคำถามยากๆ อย่างไร
สภาดิสตริกท์ การประชุมโซน และสภาผู้นำคณะเผยแผ่
-
ฝึกใช้พระคัมภีร์มอรมอนในแต่ละวิธีที่กล่าวไว้ในหัวข้อหลักของบทนี้
-
เขียนคำถามของคนที่ท่านสอน อธิบายให้กันฟังว่าท่านจะใช้พระคัมภีร์มอรมอนตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร
-
อ่านข้อต่างๆ ในพระคัมภีร์มอรมอนด้วยกัน แบ่งปันความรู้ ความรู้สึก และประจักษ์พยาน
-
ฝึกใช้พระคัมภีร์มอรมอนยืนยันข่าวสารเรื่องการฟื้นฟู
-
เชิญผู้สอนศาสนาแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งพระคัมภีร์มอรมอนได้ช่วยพวกเขาและคนที่พวกเขาสอนในกระบวนการเปลี่ยนใจเลื่อมใส
-
ให้ผู้สอนศาสนาแบ่งปันพระคัมภีร์มอรมอนข้อโปรดที่ช่วยตอบคำถามเรื่องจิตวิญญาณ
-
เชิญสมาชิกคนหนึ่งที่เป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสพูดถึงบทบาทของพระคัมภีร์มอรมอนในการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเขา
ผู้นำคณะเผยแผ่และที่ปรึกษาคณะเผยแผ่
-
สอนผู้สอนศาสนาให้รู้วิธีใช้พระคัมภีร์มอรมอนยืนยันความจริงของข่าวสารเรื่องการฟื้นฟู
-
อ่าน 1 นีไฟ 1 กับผู้สอนศาสนาและเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของโจเซฟ สมิธ
-
จัดเตรียมพระคัมภีร์มอรมอนปกอ่อนเล่มใหม่ให้กับผู้สอนศาสนา เชื้อเชิญให้พวกเขาอ่านและทำเครื่องหมายสองครั้งในช่วงย้ายสองหรือสามช่วงถัดไป
-
ในการอ่านครั้งแรกให้พวกเขาทำเครื่องหมายทุกอย่างซึ่งชี้ไปที่พระเยซูคริสต์หรือเป็นพยานถึงพระองค์
-
ในการอ่านครั้งที่สองให้พวกเขาทำเครื่องหมายหลักคำสอนและหลักธรรมพระกิตติคุณ
ให้ผู้สอนศาสนาแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือรู้สึก เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์อธิบายว่าการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนแบบนี้มีผลต่อท่านขณะเป็นผู้สอนศาสนาอย่างไร:
-
“การอ่านพระคัมภีร์ของข้าพเจ้ามีมากกว่าแค่ทำเครื่องหมายพระคัมภีร์ ทุกครั้งที่อ่านพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความรักอันลึกซึ้งต่อพระเจ้า รู้สึกถึงพยานที่หยั่งรากลึกถึงความจริงของคำสอนของพระองค์และวิธีประยุกต์ใช้ความจริงเหล่านั้นกับ ‘วันนี้’ หนังสือเล่มนี้สมชื่อ ‘พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์’ ด้วยการศึกษานั้นและพยานทางวิญญาณที่ได้รับ ข้าพเจ้าจึงกลายเป็นผู้สอนศาสนาที่รักพระคัมภีร์มอรมอนและกลายเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์” (“วันนี้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2022, 25)
-
เชิญผู้สอนศาสนาแบ่งปันข้อพระคัมภีร์มอรมอนที่สำคัญในชีวิตพวกเขากับท่าน
-
ระบุคำถามเรื่องจิตวิญญาณสำหรับคนในคณะเผยแผ่ของท่าน เชิญผู้สอนศาสนาหาข้อในพระคัมภีร์มอรมอนที่ช่วยตอบคำถามเหล่านี้