อย่างที่ เธอจินตนาการไว้
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เคียฟ ยูเครน
กวิตการู้สึกตื่นเต้นที่จะรับบัพติศมา แต่เธอรู้สึกเศร้าที่ไม่มีใครมาเพิ่มได้อีก
“ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง” (โมไซยาห์ 18:9)
วันนี้เป็นวันรับบัพติศมาของกวิตกา เธอนึกถึงวันนี้มานานแล้ว เธอเคยจินตนาการถึงทุกสิ่ง นึกถึงการได้สวมชุดสีขาวแสนพิเศษ Tato (พ่อ) ให้บัพติศมาเธอ เพื่อนๆ และครอบครัวของเธอทุกคนอยู่ที่นั่นพร้อมกับยิ้มให้อย่างภาคภูมิใจ
แต่วันนี้จะแตกต่างไปจากที่กวิตกาเคยจินตนาการไว้เล็กน้อย
บางอย่างก็เหมือนเดิม เธอกำลังสวมชุดสีขาวแสนพิเศษดังที่จินตนาการไว้ Babusya (คุณยาย) เย็บชุดนี้ให้แม่ของเธอใส่เพื่อรับบัพติศมาเมื่อเธอยังเด็ก และเวลานี้ถึงตาของกวิตกา
Tato จะให้บัพติศมาเธอ อย่างที่เธอจินตนาการไว้ กวิตกามองเขาจุ่มมือลงไปในอ่างน้ำ
“อุ่นกำลังดี” เขากล่าว เขายิ้มให้กวิตกา เธอยิ้มตอบ จากนั้นเธอก็มองไปที่เก้าอี้ที่เธอช่วย Tato จัด
มีไม่มากนัก นั่นคือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด กวิตกาคิดมาตลอดว่าจะมีผู้คนมาดูเธอรับบัพติศมาเป็นจำนวนมาก แต่คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มทำให้คนเจ็บป่วย หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป เธอกับวลาส น้องชายของเธอ ต้องเรียนหนังสือที่บ้าน พวกเขาสวมหน้ากากเมื่อออกจากอะพาร์ตเมนต์ และไม่มีใครมาพบกันเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่มีเลยไม่ว่าที่ไหนก็ตาม กวิตกาต้องการช่วยปกป้องผู้คนให้ปลอดภัย แต่บางครั้งก็ทำได้ยาก
เช่นเมื่อคุณไม่สามารถเชิญทุกคนให้มาร่วมพิธีบัพติศมาของคุณได้
“กวิตกา! หลานสวยจัง!”
กวิตกาเงยหน้าขึ้นมอง Babusya เดินผ่านประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ Babusya!” กวิตกากระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้และวิ่งไปหา
“หลานดูเหมือนแม่ของหลานเลย” Babusya กล่าว เธอแตะดอกไม้สีขาวบนผมของกวิตกา ที่ดูเข้ากันกับดอกไม้บนเชือกผูกบนชุดของเธอ กวิตกาชอบดอกไม้ ชื่อของเธอแปลว่า “ดอกไม้” ในภาษายูเครน
“หลานตื่นเต้นที่จะรับบัพติศมาไหม?” Babusya ถาม
“ค่ะ” กวิตกาตอบ “แต่ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย”
“ไม่มีใครเลย!” Babusya กล่าว เธอมองไปรอบๆ “แต่ยายเห็นแม่ Tato วลาส และเมลาเนีย มีอธิการ และก็มีผู้สอนศาสนาสองคน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครสักหน่อย”
กวิตกายักไหล่ “แต่ไม่มีเพื่อนของหนูมาที่นี่เลย”
“หลานต้องเศร้ามากแน่ๆ” Babusya กล่าว “แต่เรามีแขกมาที่นี่สองคน”
กวิตกาเงยหน้าขึ้น “ใครคะ?”
“ป้าปัลลินาของหลานไงล่ะ” Babusya กล่าว “และเอ็มมา ลูกพี่ลูกน้องของหลานด้วย!”
“จริงหรือคะ?” กวิตกาถามอย่างกระตือรือร้น
Babusya ยิ้ม “เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ หลานช่วยทำอะไรสักอย่างให้ยายได้ไหมจ๊ะ”
กวิตกาพยักหน้า “อะไรคะ”
“เมื่อหลานรับบัพติศมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลานสัญญาคือยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ หลานรู้ไหมว่าหมายถึงอะไร?”
กวิตกาทราบแล้ว ครอบครัวของเธอศึกษาพันธสัญญาบัพติศมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์!
“หมายถึงการเป็นผู้สอนศาสนาค่ะ!”
“ดีมากจ้ะ” Babusya กล่าว “คุณป้าและลูกพี่ลูกน้องของหลานยังไม่เคยมาอาคารศาสนจักรของเรามาก่อน หลานจะเป็นผู้สอนศาสนาและช่วยให้พวกเขาเดินชมสถานที่ได้ไหม?”
“ค่ะ!” กวิตกากล่าว
เมื่อคุณป้าปัลลินาและเอ็มมามาถึง กวิตกาและ Babusya ก็ทำเช่นนั้น ทั้งสองพาพวกเขาไปชมห้องปฐมวัย ห้องเรียนของกวิตกา และห้องนมัสการ แล้วพวกเขาก็มาถึงอ่างบัพติศมา กวิตกาบอกพวกเขาว่าเธอต้องการรับบัพติศมาเพื่อติดตามพระเยซูคริสต์ เธอรู้สึกได้ถึงแสงสว่างและสบายใจขณะที่เธอพูด คุณป้าปัลลินาและเอ็มมายิ้มให้เธอ เธอหวังว่าพวกเขาจะรู้สึกเหมือนกัน
ไม่นานก็ถึงเวลาบัพติศมา! กวิตกากลั้นหายใจเมื่อ Tato จุ่มร่างของเธอลงในน้ำเหมือนอย่างที่เธอเคยจินตนาการไว้ อาจมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังดูเธออยู่ แต่พวกเขาก็ยิ้มอย่างที่เธอเคยจินตนาการไว้ เธอมั่นใจว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงแย้มพระสรวลให้เธอจากเบื้องบนเช่นกัน เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการ