บ้านใหม่ของโอมเบนี
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
โอมเบนีจะมีเพื่อนได้อย่างไรถ้าเขาพูดภาษาของพวกเขาไม่ได้?
“เราเป็นแขกแปลกหน้า พวกท่านก็ต้อนรับเรา” (มัทธิว 25:35)
โอมเบนีขมวดคิ้วใส่ถาดอาหารกลางวันของเขา อาหารที่โรงเรียนใหม่ของเขาหวานเกินไป เขาอยากจะกินข้าวและถั่วที่แม่ของเขาทำ
โอมเบนีและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในสหรัฐเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ประเทศบ้านเกิดของพวกเขาอันตรายเกินไปที่จะอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องย้ายไปสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ลี้ภัย การย้ายที่อยู่เป็นเรื่องยาก การทำความคุ้นเคยกับโรงเรียนใหม่ก็ยากเช่นกัน
โอมเบนีมองเห็นที่ว่างใกล้ๆ กับเด็กชายกลุ่มหนึ่ง เขาจึงนั่งลง ทุกคนหันมามองเขา เด็กชายคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่าง แต่โอมเบนีไม่เข้าใจ เขายังเข้าใจภาษาอังกฤษได้ไม่มากนัก
โอมเบนีพยายามพูดอะไรบางอย่างกลับไป “Jambo” เขาตอบ (“สวัสดีครับ”)
เด็กชายคนนั้นดูสับสน เขาขมวดคิ้วให้โอมเบนีแล้วเมินหน้าไปทางอื่น โอมเบนีรู้สึกห่อเหี่ยว แต่เขาก็แค่นั่งเงียบๆ ตรงสุดริมโต๊ะ บางครั้งรู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่บนดาวเคราะห์ประหลาดที่โรงเรียนแห่งใหม่นี้
เมื่อโรงเรียนเลิก โอมเบนีรีบรูดซิปเสื้อกันหนาวของตนขึ้น ตอนอยู่ที่บ้านเกิด เขาไม่เคยต้องสวมเสื้อกันหนาวเลยไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปีก็ตาม แต่ที่นี่อากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว เด็กคนอื่นๆ สวมถุงมือและหมวกขนปุย แต่โอมเบนีไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย
โอมเบนีมองเห็นลมหายใจของเขาเป็นไอเล็กๆ สีขาวขณะเดิน เขาเริ่มวิ่งเพื่อที่เขาจะถึงบ้านเร็วขึ้น เขาพุ่งตัวผ่านประตูหน้าและเกือบจะวิ่งเข้าไปชนแม่
“โอมเบนี! Punguza mwendo!” เธอบอก (“ช้า ๆ!”)
“ขอโทษครับแม่” เขาพูดพร้อมกับตัวสั่น
โอมเบนีนั่งลงและพยายามทำร่างกายให้อุ่นขณะที่แม่ของเขากำลังทำอาหารมื้อเย็น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที โอมเบนีก็ไม่สามารถอยู่เงียบๆ ได้อีกต่อไป “แม่ครับ ผมไม่อยากไปโรงเรียน! มันน่ากลัวและเหงา แล้วผมก็ไม่มีเพื่อนเลย ผมคิดถึงเพื่อนที่บ้านเก่า”
แม่ของเขาหยุดคนอาหารแล้วคุกเข่าลงข้างๆ โอมเบนี เขาเช็ดน้ำตาออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากให้แม่เห็นว่าเขาเศร้าเพียงใด
“แม่รู้ว่าตอนนี้สิ่งต่างๆ มันค่อนข้างยาก” แม่กอดเขาอย่างอบอุ่น “แต่เดี๋ยวมันจะง่ายขึ้น”
โอมเบนีเบือนหน้าหนี “แต่มันจะง่ายขึ้นได้อย่างไรในเมื่อผมไม่เข้าใจใครเลย”
แม่ขมวดคิ้ว โอมเบนีรู้ว่าเธอกำลังคิดหนัก
“จำตอนที่เราอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยได้ไหม?” เธอถาม “เมื่อใดก็ตามที่แม่รู้สึกโดดเดี่ยว แม่ก็จะมองหาคนที่แม่สามารถช่วยเหลือได้ ทำให้แม่รู้สึกดีขึ้นเสมอ”
โอมเบนีพยักหน้า เขาจำได้ว่าแม่ของเขาจะคอยมองหาคนที่มาที่ค่ายตัวคนเดียวและคอยบอกพวกเขาให้ไปที่ไหนบ้าง
คุณแม่ยิ้ม “และนึกถึงพระเยซู! ผู้คนมักจะใจร้ายกับพระองค์ แต่พระองค์ทรงมองหาคนที่พระองค์จะทรงช่วยเหลืออยู่เสมอ” เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของโอมเบนีอีกครั้ง “บางครั้งเมื่อเราเศร้า สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้เพื่อช่วยตัวเราเองคือการมองหาวิธีช่วยเหลือผู้อื่น”
โอมเบนีพยักหน้า ฟังดูเป็นความคิดที่ดี เขาต้องการเป็นคนมีเมตตาเหมือนพระเยซู
ช่วงมื้อกลางวันในวันรุ่งขึ้น โอมเบนีมองหาคนที่เขาจะช่วย มีเด็กจำนวนมากนั่งอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วเขาก็สังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ
เขาเดินไปหาเธอและวางถาดลง เขาโบกมือและพูดว่า “Jambo!”
“สวัสดี” เธอทักทาย
โอมเบนียิ้มกว้าง เด็กผู้หญิงยิ้มตอบ จากนั้นพวกเขาก็กินอาหารด้วยกันอย่างเงียบๆ
โอมเบนีรู้สึกมีความสุข สิ่งต่างๆ ในโรงเรียนใหม่นี้ยังคงยากอยู่ แต่เขาดีใจที่ได้รู้ว่ามีคนที่เขาช่วยเหลือได้อยู่ที่นี่