“จงมองไปยังศาสดาพยากรณ์,” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, ก.พ. 2023
จงมองไปยัง ศาสดาพยากรณ์
ท่านสามารถพบการปลอบโยนและความปลอดภัยในการวางใจ เชื่อ และทำตามศาสดาพยากรณ์
ผมรู้สึกว่าวันนั้นเป็นเพียงเช้าวันธรรมดาขณะเดินไปโรงเรียน แต่วันที่ดูเหมือนจะธรรมดาในชีวิตวัย 13 ปีของผมกลับกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อไปถึงที่นั่น
“คุณได้ยินข่าวไหม?” เพื่อนของผมถาม
“ยังเลย” ผมตอบ “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเราเดินเข้าไปในชั้นเรียนคาบแรก ครูก็เปิดทีวี นั่นคือตอนที่ผมเห็นข่าวเหตุการณ์เลวร้ายในเช้าวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ในสหรัฐ เครื่องบินที่ถูกจี้บินไปที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กซิตี้และอาคารเพนตากอนใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนเครื่องบินอีกหนึ่งลำตกที่ทุ่งแห่งหนึ่งในเพนซิลเวเนีย มีคนหลายพันคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นวันที่น่ากลัวและน่าเศร้า
ในเวลานั้น พ่อของผมเป็นนักบินรบบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ประจำการกองทัพเรือสหรัฐเป็นเวลาหกเดือน หลายวันต่อมา ผมยังคงเห็นข่าวเกี่ยวกับการโจมตีนี้ นอกจากนี้ ผมยังได้ยินเพื่อนร่วมชั้นแสดงความหวาดกลัวและความโกรธออกมา ทั้งหมดนี้ทำให้ผมกังวลเกี่ยวกับอนาคตและสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับพ่อของผม
การปลอบโยนจากคำสวดอ้อนวอนของศาสดาพยากรณ์
การประชุมใหญ่สามัญจัดขึ้นในสามสัปดาห์ต่อมา ขณะที่ผมฟังศาสดาพยากรณ์ ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) กล่าวว่าเรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่น่ากลัว แต่ “พระผู้เป็นเจ้าที่ข้าพเจ้าเชื่อ … ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าแห่งความเมตตา พระผู้เป็นเจ้าแห่งความรัก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติและความเชื่อมั่น ข้าพเจ้าพึ่งพาพระองค์ในช่วงเวลาเช่นนี้ เสมือนหนึ่งการปลอบประโลมและแหล่งกำเนิดพลัง”1
ในภาคการประชุมสุดท้าย ประธานฮิงค์ลีย์ปิดท้ายคำปราศรัยด้วยการสวดอ้อนวอน ท่านสวดอ้อนวอนขอพรแห่งศรัทธา ความรัก จิตกุศล และ “วิญญาณของความบากบั่นมุมานะที่จะถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายเลวทรามที่อยู่ในโลกนี้” ท่านสวดอ้อนวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้า “ทรงคุ้มครองและนำทางผู้ซึ่งรีบรุดไปปฏิบัติหน้าที่ในการรบ ขอพระองค์ทรงคุ้มครองเขา ทรงพิทักษ์รักษาชีวิตเขาให้รอดพ้นจากภยันตรายและความชั่วร้าย ขอทรงสดับฟังคำสวดอ้อนวอนทูลขอความปลอดภัยจากผู้ที่รักเขา” ท่านยังสวดอ้อนวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้า “ทรงไว้ชีวิตและช่วยเหลือพวกข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธามั่นในพระองค์และพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ตลอดกาล”2
ผมมักได้ยินศาสดาพยากรณ์กล่าวว่าท่านสวดอ้อนวอนสำหรับหลายสิ่ง แต่นี่เป็นประสบการณ์ที่ต่างออกไป ผมไม่เคยได้ยินศาสดาพยากรณ์กล่าวคำสวดอ้อนวอนจริงๆ ในการประชุมใหญ่สามัญ การฟังศาสดาพยากรณ์สวดอ้อนวอนทำให้ผมสบายใจอย่างที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อนในช่วงหลายสัปดาห์ ท่านสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับความกังวลของผม ผมรู้สึกได้ว่าท่านสวดอ้อนวอนให้ครอบครัวของผม ขณะที่ท่านสวดอ้อนวอนเพื่อโลก ผมประหลาดใจที่คำสวดอ้อนวอนของศาสดาพยากรณ์อาจเป็นการสวดอ้อนวอนเพื่อ ผม ด้วย
จดหมายฉบับพิเศษ
หลายเดือนต่อมา ครอบครัวของเราได้รับจดหมายจากพ่อของผม ท่านเขียนว่าในวันที่ประธานฮิงค์ลีย์สวดอ้อนวอน ท่านกับทุกคนที่อยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินเริ่มภารกิจหยุดการโจมตีอีกระลอกจากผู้ที่โจมตีอเมริกา
“ขณะที่พ่อไตร่ตรองคำสวดอ้อนวอนของศาสดาพยากรณ์” พ่อของผมเขียน “พ่อตระหนักถึงสิ่งที่น่าทึ่งหลายประการ เราไม่ได้รับบาดเจ็บหรือความสูญเสียใดๆ เลยตลอดทั้งการปฏิบัติการ บางครั้ง พ่อกับเหล่าสหายนักบินอยู่ห่างจากเรือบรรทุกเครื่องบินหลายไมล์ โดยที่กำลังบินข้ามเขตแดนฝ่ายศัตรูสำหรับภารกิจ 12 ชั่วโมง เมื่อเรากำลังกลับไปที่เรือบรรทุกเครื่องบินเพื่อลงจอดเครื่องบินรบของเราในตอนกลางคืน ทะเลและสภาพอากาศยังคงสงบเป็นเวลานานกว่าปกติ ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศแปรปรวนเฉพาะส่วนนั้นของโลก การพาทุกคนกลับบ้านเป็นพรอันน่าอัศจรรย์ พ่อทราบจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าคำสวดอ้อนวอนที่ศาสดาพยากรณ์สวดให้กับเราคือคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้น”
เมื่อผมอ่านประจักษ์พยานของพ่อถึงคำตอบการสวดอ้อนวอนของศาสดาพยากรณ์ พระวิญญาณเติมเต็มหัวใจผมและคำพูดเหล่านี้เข้ามาในความคิดของผม: “จงมองไปยังศาสดาพยากรณ์ แล้วเจ้าจะไม่เป็นไร”
การนำทางสำหรับช่วงเวลาท้าทาย
ทุกวันนี้ มีเสียงที่น่าสับสนและแง่ลบมากมายที่พยายามทำให้เราหลงผิดและทำให้สิ่งต่างๆ ดูแตกต่างจากที่เป็นจริงโดยการบิดเบือนและหันเหไปจากความจริง
นอกจากนี้ มีการพยากรณ์เช่นกันว่าในยุคสมัยของเราซาตานจะ “ลุกลามในใจลูกหลานมนุษย์, และปลุกปั่นพวกเขาให้โกรธสิ่งที่ดี” (2 นีไฟ 28:20) จะมี “สงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม” (มัทธิว 24:6) ความทุกข์ร้อนและความฉงนสนเท่ห์ในบรรดาประชาชาติทั้งหลาย (ดู ลูกา 21:25) และ “สิ่งทั้งปวงจะอยู่ในความโกลาหล” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:91) ผลที่ตามมาคือ ใจผู้คนจะท้อแท้เนื่องจากความกลัว (ดู ลูกา 21:26)
โชคดีที่พระเจ้าทรงรู้ “จุดจบนับแต่กาลเริ่มต้น” (อับราฮัม 2:8) และมิได้ทรงทอดทิ้งเราโดยปราศจากความช่วยเหลือ เพื่อเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา พระองค์ทรงเรียกศาสดาพยากรณ์มาอวยพรและนำทางเรา3
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ศาสดาพยากรณ์ในปัจจุบัน สอนพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและรับการเปิดเผยเพื่อนำศาสนจักร ท่านสามารถเห็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นและให้คำแนะนำที่สามารถคุ้มครองและช่วยเหลือเราได้ ตัวอย่างเช่น ศาสดาพยากรณ์สัญญาว่าหากท่านมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์ “ท่าน ไม่ต้องกลัว”4
มีการปลอบโยนและความปลอดภัยในการวางใจ เชื่อ และทำตามศาสดาพยากรณ์ ที่ปรึกษาของท่านในฝ่ายประธานสูงสุด และสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง หากเรามุ่งความสนใจไปที่พวกท่านและถ้อยคำต่างๆ พวกท่านจะไม่และไม่สามารถนำเราไปผิดทางได้5 พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า “ไม่ว่าโดยเสียงของเราเอง หรือโดยเสียงของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา, ก็เหมือนกัน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:38)
ท่าน จะรู้ความจริง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะทำตามศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก เมื่อคำสอนของพวกท่านไม่เป็นที่นิยมหรือดูเหมือนไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม จึงอาจเป็นการล่อลวงที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะยอมรับคำสอนใด แต่ถ้อยคำของพวกท่านอยู่บนพื้นฐานของหลักคำสอนที่ไม่เปลี่ยนแปลงและความจริงนิรันดร์ที่เรา จำเป็น ต้องรู้ “เราอาจไม่ได้บอกถึงสิ่งที่คนอื่นๆ ต้องการฟังเสมอไป” ประธานเนลสันสอน “ศาสดาพยากรณ์ไม่ค่อยเป็นที่นิยม แต่เราจะสอนความจริง เสมอ!”6
เราสามารถรู้สิ่งนี้ได้ด้วยตัวเราเอง ประธานเนลสันสอนเช่นกันว่า “ถามพระบิดาบนสวรรค์ของท่านว่าเราเป็นอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์อย่างแท้จริงหรือไม่ ถามว่าเราได้รับการเปิดเผย [เพื่อนำศาสนจักร] หรือไม่”7 พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถยืนยันความจริงที่พวกท่านสอนกับท่านได้ อีกวิธีหนึ่งในการค้นหาว่าถ้อยคำของพวกท่านเป็นความจริงหรือไม่คือการประยุกต์ใช้คำสอนเหล่านั้นในชีวิตท่าน “ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:5) แค่ลงมือทำ! ทำตามสิ่งที่พวกท่านสอนและดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับการเป็นพยานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเรียกที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสดาพยากรณ์ที่ผมได้รับเมื่ออายุ 13 ปี ปัจจุบันนี้ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้น หากเราจะมองไปยังศาสดาพยากรณ์และทำตามคำสอนของท่าน เราจะไม่เป็นไรไม่ว่าความท้าทายใดจะรายล้อมรอบตัวเรา