สตรีแอลดีเอสช่างเหลือเชื่อ!
ความสำเร็จส่วนใหญ่ในศาสนจักรเกิดขึ้นได้จากการรับใช้โดยไม่คำนึงถึงตนเองของพี่น้องสตรี
วอลเลซ สเต็กเนอร์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์เขียนเกี่ยวกับการอพยพและการรวมตัวกันของชาวมอรมอนไปยังหุบเขาซอลท์เลค เขาไม่ยอมรับศาสนาของเรา ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์หลายรูปแบบ กระนั้นก็ตาม เขายังรู้สึกประทับใจในการอุทิศตนและวีรกรรมของสมาชิกศาสนจักรยุคก่อน โดยเฉพาะบรรดาสตรี เขากล่าวว่า “สตรีของศาสนจักรช่างเหลือเชื่อ”1 ข้าพเจ้าย้ำความคิดนั้นในวันนี้อีกครั้ง สตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายของเราช่างเหลือเชื่อ!
พระผู้เป็นเจ้าประทานคุณสมบัติอันสูงส่งไว้ในสตรี ทั้งความเข้มแข็ง คุณธรรม ความรัก และความเต็มใจเสียสละเพื่อเลี้ยงดูอนุชนรุ่นหลังของบุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์
ผลการศึกษาล่าสุดในสหรัฐแถลงว่าสตรีจากทุกศาสนา “เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าลึกซึ้งกว่า” และเข้าร่วมพิธีทางศาสนามากกว่าชาย “โดยแทบทุกด้านแล้วสตรีเคร่งศาสนามากกว่า”2
ข้าพเจ้าไม่แปลกใจกับผลการศึกษานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้าพเจ้าใคร่ครวญบทบาทอันสูงสุดของครอบครัวและสตรีในศาสนาของเรา หลักคำสอนเราชัดเจน สตรีคือธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักพวกเธอ ภรรยาเท่าเทียมกันกับสามี การแต่งงานเรียกร้องความร่วมมืออย่างเต็มที่จากทั้งสองฝ่ายซึ่งสามีภรรยาต้องทำงานเคียงข้างกันเพื่อตอบรับความจำเป็นของครอบครัว3
เรารู้ว่ามีการท้าทายมากมายสำหรับสตรี รวมถึงผู้ที่เพียรพยายามดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ
มรดกของสตรีผู้บุกเบิก
คุณลักษณะสำคัญที่สุดในชีวิตบรรพชนผู้บุกเบิกของเราคือศรัทธาของพี่น้องสตรี ด้วยลักษณะแห่งสวรรค์ สตรีจึงมีของประทานและหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญกว่าในการดูแลบ้านและลูกๆ ตลอดจนการอบรมเลี้ยงดูภายในบ้านและสถานที่อื่นๆ หากพิจารณาถึงข้อนี้ ศรัทธาของพี่น้องสตรีที่เต็มใจทิ้งบ้านเพื่อข้ามทุ่งราบไปเผชิญอนาคตที่ไม่อาจล่วงรู้จึงเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ หากจะต้องบอกคุณลักษณะสำคัญที่สุดของสตรีเหล่านี้ สิ่งนั้นคงเป็นศรัทธาอันแน่วแน่ในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเจ้าพระเยซูคริสต์นั่นเอง
วีรกรรมที่สตรีผู้บุกเบิกเหล่านี้เสียสละและทำสำเร็จขณะข้ามทุ่งราบเป็นมรดกอันหาค่ามิได้ต่อศาสนจักร ข้าพเจ้าสะเทือนใจกับเรื่องราวของเอลิซาเบธ แจ็คสันซึ่งแอรันสามีของเธอเสียชีวิตหลังเดินทางข้ามแม่น้ำแพลตครั้งสุดท้ายกับกลุ่มรถลากมาร์ติน เธอเขียนว่า
“ฉันจะไม่พยายามอธิบายความรู้สึกที่รู้ว่าตนเองถูกทิ้งให้เป็นม่ายพร้อมกับลูกอีกสามคนในสภาวการณ์อันแสนเจ็บปวดเช่นนี้ … ฉันเชื่อ … ว่าความทุกข์ทรมานของฉันเพื่อเห็นแก่พระกิตติคุณจะถูกชำระให้บริสุทธิ์เพื่อความดีของฉัน …
“ฉัน [วิงวอน] พระเจ้า … พระองค์ผู้ทรงสัญญาว่าจะทรงเป็นสามีให้แก่หญิงม่ายและบิดาให้แก่ผู้กำพร้าพ่อ ฉันวิงวอนพระองค์และพระองค์ทรงช่วยเหลือ”4
เอลิซาเบธกล่าวว่าเธอบันทึกประวัติศาสตร์ในนามของผู้คนที่ผ่านเหตุการณ์คล้ายกันนี้ด้วยความหวังว่าลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะเต็มใจทนทุกข์และเสียสละทุกอย่างเพื่ออาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า5
สตรีในศาสนจักรยุคปัจจุบันเข้มแข็งและกล้าหาญ
ข้าพเจ้าเชื่อว่าสตรีในศาสนจักรยุคปัจจุบันรับมือการท้าทายเช่นนั้นได้ทั้งยังเข้มแข็งและซื่อสัตย์ไม่แพ้กัน ผู้นำฐานะปุโรหิตทุกระดับในศาสนจักรนี้ต่างรับรู้ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับการรับใช้ การเสียสละ ความมุ่งมั่น และการกระทำคุณประโยชน์ของบรรดาพี่น้องสตรี
ความสำเร็จส่วนใหญ่ในศาสนจักรเกิดขึ้นได้จากการรับใช้โดยไม่คำนึงถึงตนเองของพี่น้องสตรี ไม่ว่าจะในศาสนจักรหรือในบ้าน เป็นสิ่งงดงามที่เห็นฐานะปุโรหิตและสมาคมสงเคราะห์ทำงานด้วยความสมัครสมานกลมเกลียวกัน สัมพันธภาพเช่นนั้นเปรียบเสมือนวงออเคสตร้าที่สอดประสานท่วงทำนองได้ไพเราะกลมกลืน บทเพลงจากวงดุริยางค์ที่เกิดขึ้นจึงสร้างแรงบันดาลใจให้เราทุกคน
เมื่อไม่นานมานี้ขณะข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ไปการประชุมใหญ่ในสเตคมิชชั่นเวียโจ แคลิฟอร์เนีย ข้าพเจ้าประทับใจเรื่องราวการเต้นรำหมู่ของเยาวชนรวมสี่สเตคในงานส่งท้ายปีเก่า หลังการเต้นรำมีคนพบกระเป๋าถือใบหนึ่งที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร ข้าพเจ้าจะเล่าบางส่วนที่ซิสเตอร์โมนิกา เซดจ์วิก ประธานเยาวชนหญิงสเตค ลากูนา ไนเกล บันทึกไว้ดังนี้ “เราไม่อยากละลาบละล้วง นี่เป็นของส่วนตัวของคนอื่น! เราจึงค่อยๆ เปิดกระเป๋าและหยิบสิ่งแรกที่อยู่บนสุดมาดู—โดยหวังว่าสิ่งนั้นจะช่วยบอกข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น แต่ไม่ได้บอกชื่อ—สิ่งนั้นคือจุลสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน จุลสารนี้บอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ จากนั้นเราล้วงไปหยิบสิ่งของชิ้นต่อไปเป็นสมุดจดเล่มเล็กๆ สมุดนี้จะตอบเราได้แน่นอน แต่กลับไม่ใช่สมุดแบบที่เราคิด หน้าแรกเป็นรายการข้อพระคัมภีร์ที่ชื่นชอบ อีกห้าหน้าเป็นข้อความในพระคัมภีร์และบันทึกสั้นๆ ส่วนตัวซึ่งจดไว้อย่างดี”
พี่น้องสตรีเหล่านั้นต้องการพบเยาวชนหญิงผู้ซื่อสัตย์คนนี้ขึ้นมาทันที พวกเธอค้นในกระเป๋าอีกครั้งเพื่อดูว่าใครเป็นเจ้าของ สิ่งที่ค้นออกมามีลูกอมรสมิ้นท์ สบู่ ครีมทาผิว และแปรง ข้าพเจ้าชอบสิ่งที่พวกเธอเอ่ยออกมา “โอ เธอมีปากหอมๆ เธอมีมือนุ่มสะอาด และเธอดูแลตัวเอง”
พวกเธอตื่นเต้นอยากรู้ว่าสมบัติชิ้นต่อไปคืออะไร สิ่งนั้นเป็นกระเป๋าใส่เงินเหรียญใบเล็กๆ ทำด้วยมืออย่างสร้างสรรค์จากกล่องน้ำผลไม้ และมีเงินจำนวนหนึ่งในกระเป๋าซิป พวกเธออุทานว่า “เธอมีความคิดสร้างสรรค์และเตรียมพร้อมด้วย!” พวกเธอรู้สึกเหมือนเด็กเล็กๆ ในเช้าวันคริสต์มาส สิ่งต่อมายิ่งทำให้พวกเธอแปลกใจขึ้นไปอีก นั่นคือ สูตรทำเค้กช็อกโกแลตแบล็คฟลอเรสต์ และข้อความเตือนให้ทำเค้กวันเกิดให้เพื่อน พวกเธอแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เธอเป็น แม่ศรีเรือน! ใส่ใจผู้อื่นและชอบรับใช้อีกต่างหาก” แล้วในที่สุดก็พบสิ่งที่บอกว่าเป็นของใคร ผู้นำเยาวชนเหล่านั้นกล่าวว่าพวกเธอรู้สึกเป็นพรอย่างมาก “ที่ได้เห็นแบบอย่างเงียบๆ ของสาวน้อยคนหนึ่งที่ดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ”6
เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เยาวชนหญิงของเรามีต่อมาตรฐานของศาสนจักร7 นอกจากนี้ยังเป็นแบบอย่างของความห่วงใย ความเอาใจใส่ การอุทิศตนของผู้นำเยาวชนหญิงทั่วโลกเช่นกัน พวกเธอเหลือเชื่อจริงๆ!
พี่น้องสตรีมีบทบาทสำคัญในศาสนจักร ในชีวิตครอบครัว และในฐานะบุคคลที่มีส่วนสำคัญยิ่งในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ หน้าที่รับผิดชอบเหล่านี้ไม่มีค่าจ้างชดเชย แต่ทำให้เกิดความพึงพอใจและมีความสำคัญเป็นนิรันดร์ เมื่อไม่นานมานี้ สตรีที่ดูดีมีความสามารถมากคนหนึ่งในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ขอคำอธิบายเกี่ยวกับบทบาทของสตรีในศาสนจักร เธอได้รับคำอธิบายว่าผู้นำทุกคนในที่ประชุมของเรา ไม่มีค่าจ้าง เธอขัดจังหวะขึ้นมาว่าความสนใจของเธอลดลงอย่างมากทีเดียว เธอกล่าวว่า “ดิฉันเชื่อว่าผู้หญิงไม่น่าจะทำงานแบบ ไม่มีค่าจ้าง อีกนะคะ”
เราชี้ให้เห็นว่าองค์กรสำคัญที่สุดบนแผ่นดินโลกคือครอบครัว ที่ซึ่ง “บิดาและมารดา … เป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กัน”8 ทั้งสองคนไม่มีใครได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่พรที่ได้รับมากเกินพรรณนา แน่นอนว่าเราบอกเธอเกี่ยวกับองค์การสมาคมสงเคราะห์ องค์การเยาวชนหญิง และองค์การปฐมวัยซึ่งนำโดยประธานที่เป็นสตรี เราบอกว่านับตั้งแต่ประวัติศาสตร์แรกเริ่มของเรา ทั้งชายและหญิงเป็นผู้สวดอ้อนวอน เล่นดนตรี เป็นผู้ให้โอวาท และร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียง แม้แต่ในการประชุมศีลระลึกซึ่งเป็นการประชุมศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา
ล่าสุดหนังสือ American Grace ซึ่งได้รับคำยกย่องอย่างมาก ลงบทความเกี่ยวกับสตรีจากหลายศาสนา โดยระบุว่าสตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีความพิเศษสุดตรงที่มีความพึงพอใจอย่างมากกับบทบาทของตนในการเป็นผู้นำของศาสนจักร9 ยิ่งไปกว่านั้น วิสุทธิชนยุคสุดท้ายโดยรวมทั้งชายและหญิงผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นต่อศาสนาของตนมากที่สุดในบรรดาศาสนาต่างๆ ที่ศึกษามาทั้งหมด10
สตรีของเราเหลือเชื่อมิใช่เพราะพวกเธอหาทางหลบหลีกความยากลำบากในชีวิตได้---แต่ตรงกันข้ามเลยทีเดียว พวกเธอเหลือเชื่อเนื่องจากวิธีที่พวกเธอเผชิญการทดลองในชีวิต แม้จะมีการท้าทายและการทดสอบในชีวิตจากการแต่งงานหรือไม่ได้แต่งงาน การเลือกของบุตรธิดา สุขภาพไม่ดี การขาดแคลนโอกาส และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย แต่พวกเธอยังคงเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว และแน่วแน่ต่อศรัทธาอย่างน่าทึ่ง พี่น้องสตรีของเราทั่วศาสนจักรยังคง “ช่วยเหลือคนอ่อนแอ, ยกมือที่อ่อนแรง, และให้กำลังเข่าที่อ่อนล้า”11 อยู่เสมอ
ประธานสมาคมสงเคราะห์ท่านหนึ่งผู้เห็นคุณค่าของการรับใช้สุดพิเศษนี้กล่าวว่า “แม้ว่าพี่น้องสตรีจะกำลังรับใช้อยู่ แต่พวกเธอยังคิดว่า ‘ฉันน่าจะทำได้มากกว่านี้!’ ” แม้ว่าพวกเธอจะไม่ดีพร้อมและทุกคนต่างเผชิญปัญหาส่วนตัว แต่ศรัทธาที่พวกเธอมีต่อพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักพวกเธอและความเชื่อมั่นในการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดซึมซาบอยู่ในชีวิตทั้งชีวิตของพวกเธอ
บทบาทของพี่น้องสตรีในศาสนจักร
ช่วงสามปีที่ผ่านมา ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองแสวงหาการนำทาง การดลใจ และการเปิดเผยขณะหารือกับผู้นำฐานะปุโรหิตและผู้นำองค์การช่วยรวมทั้งจัดทำคู่มือศาสนจักรเล่มใหม่ ในขั้นตอนนี้ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกซาบซึ้งอย่างท่วมท้นต่อบทบาทอันสำคัญยิ่งของพี่น้องสตรีทั้งที่แต่งงานแล้วและยังโสดที่มีต่อครอบครัวและศาสนจักรทั้งในอดีตและปัจจุบัน
สมาชิกทุกคนในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ต้อง “ทำงานในสวนองุ่นเพื่อความรอดของจิตวิญญาณมนุษย์”12 “งานแห่งความรอดนี้ ได้แก่ งานเผยแผ่ศาสนาของสมาชิก การรักษาผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสให้คงอยู่ การทำให้สมาชิกแข็งขันน้อยกลับมาแข็งขัน งานพระวิหารและประวัติครอบครัว … การสอนพระกิตติคุณ” ”13 และการดูแลดูแลคนตกทุกข์ได้ยาก14 โดยส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้ดำเนินงานผ่านสภาวอร์ด15
คู่มือเล่มใหม่มีเจตจำนงที่เจาะจงให้อธิการมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นโดยละเอียดอ่อนต่อความต้องการที่มีอยู่ สมาชิกต้องรับรู้ว่าศาสนจักรแนะนำให้อธิการมอบหมายงาน สมาชิกต้องสนับสนุนและช่วยเหลือเมื่ออธิการทำตามคำแนะนำดังกล่าว การทำเช่นนี้จะเอื้ออำนวยให้อธิการใช้เวลามากขึ้นกับเยาวชน หนุ่มสาวโสด และครอบครัวตนเอง อธิการจะมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบสำคัญอื่นๆ ให้ผู้นำฐานะปุโรหิต ประธานองค์การช่วย และชายหญิงแต่ละคน ในศาสนจักรเราเคารพบทบาทของสตรีในบ้านอย่างมาก16 เมื่อมารดาได้รับการเรียกในศาสนจักรซึ่งต้องใช้เวลามาก บิดามักจะได้รับการเรียกที่ใช้เวลาน้อยกว่าเพื่อรักษาสมดุลในชีวิตครอบครัว
หลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าไปร่วมการประชุมใหญ่สเตคในตองกา เช้าวันอาทิตย์ห้องนมัสการสามแถวหน้าเต็มไปด้วยชายวัย 26 ถึง 35 ปี ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นคณะนักร้องชาย แต่เมื่อดำเนินกิจธุระในการประชุมใหญ่เสร็จ ชายเหล่านี้ซึ่งมีจำนวน 63 คนยืนขึ้นเมื่อมีการขานชื่อและสนับสนุนให้ได้รับแต่งตั้งเข้าสู่ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค ข้าพเจ้าทั้งยินดีและตกตะลึง
หลังการประชุมภาคนั้นข้าพเจ้าถามประธานมาเตเอกี ประธานสเตคว่าสิ่งอัศจรรย์เช่นนี้สำเร็จได้อย่างไร เขาบอกข้าพเจ้าว่ามีการหารือในการประชุมสภาสเตคเรื่องการทำให้กลับมาแข็งขัน ซิสเตอร์เลียเนตา วาเอนุกุ ประธานสมาคมสงเคราะห์สเตคขออนุญาตพูดบางอย่างในการประชุม ขณะที่เธอพูดพระวิญญาณยืนยันต่อประธานสเตคว่าสิ่งที่เธอบอกป็นความจริง เธออธิบายว่ามีชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมช่วงวัย 20 ปลายๆ และวัย 30 กว่าจำนวนมากในสเตคที่ไม่เคยรับใช้งานเผยแผ่ หลายคนรู้ตัวว่าทำให้อธิการและผู้นำฐานะปุโรหิตผิดหวังซึ่งคนเหล่านี้กระตุ้นพวกเขาอย่างยิ่งให้รับใช้งานเผยแผ่และตอนนี้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นสมาชิกชั้นสองของศาสนจักร เธอชี้ให้เห็นว่าชายหนุ่มเหล่านั้นอายุเกินวัยผู้สอนศาสนาแล้ว เธอแสดงออกถึงความรักความห่วงใยพวกเขา พร้อมทั้งอธิบายว่าศาสนพิธีแห่งความรอดทั้งหมดยังมีไว้ให้พวกเขา และควรมุ่งความสนใจไปที่การแต่งตั้งฐานะปุโรหิตและศาสนพิธีของพระวิหาร เธอกล่าวว่าถึงแม้ชายหนุ่มเหล่านี้บางคนยังโสด แต่ส่วนใหญ่แต่งงานแล้วกับสตรีที่ยอดเยี่ยม—ซึ่งบางคนแข็งขัน บางคนไม่แข็งขัน และบางคนไม่ใช่สมาชิก
หลังจากหารือกันอย่างรอบคอบในสภาสเตค จึงมีการตัดสินใจว่าชายในฐานะปุโรหิตและสตรีในสมาคมสงเคราะห์จะยื่นมือเข้าไปช่วยชายเหล่านี้กับภรรยาให้กลับมา ขณะอธิการมีเวลามากขึ้นกับเยาวชนคนหนุ่มสาวในวอร์ด การทำเช่นนั้นเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือโดยมุ่งให้ความสำคัญเบื้องต้นในการเตรียมพวกเขาให้พร้อมรับฐานะปุโรหิต การแต่งงานนิรันดร์ และศาสนพิธีความรอดในพระวิหาร ช่วงสองปีต่อมาชายเกือบทั้ง 63 คนที่ได้รับการสนับสนุนเข้าสู่ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคในการประชุมใหญ่ครั้งนั้นได้รับเอ็นดาวเม้นท์ในพระวิหารและผนึกกับคู่สมรส เรื่องนี้เป็นเพียงแบบอย่างหนึ่งที่แสดงว่าสตรีของเรามีส่วนสำคัญอย่างไรต่องานแห่งความรอดในวอร์ดและสเตคและพวกเธออำนวยความสะดวกให้ได้รับการเปิดเผยอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาครอบครัวและสภาของศาสนจักร17
บทบาทของพี่น้องสตรีในครอบครัว
เรารู้ว่ามีกองกำลังมหาศาลที่ตั้งแนวรบต่อต้านสตรีและครอบครัว การศึกษาล่าสุดพบว่าการอุทิศตนต่อชีวิตแต่งงานเสื่อมถอยลงพร้อมกับจำนวนที่ลดลงของผู้ใหญ่ที่แต่งงานแล้ว18 บางคนคิดว่าการแต่งงานและครอบครัวกำลังกลายเป็น “เมนูเลือกได้มากกว่าเป็นหลักธรรมการจัดองค์กรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสังคมเรา”19 สตรีเผชิญทางเลือกมากมายและจำเป็นต้องพิจารณาร่วมกับการสวดอ้อนวอนถึงสิ่งที่พวกเธอเลือกและสิ่งที่การเลือกนั้นส่งผลต่อครอบครัว
เมื่ออยู่ในนิวซีแลนด์ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าอ่านหนังสือพิมพ์โอกแลนด์เกี่ยวกับสตรีศาสนาอื่นที่ต้องดิ้นรนกับปัญหาเหล่านี้ มารดาคนหนึ่งกล่าวว่าเธอรู้ดีว่าในกรณีของเธอ การเลือกว่าจะทำงานหรืออยู่บ้านเป็นเรื่องเกี่ยวกับพรมผืนใหม่และรถคันที่สองซึ่งไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเธอนัก แต่สตรีอีกคนหนึ่งรู้สึกว่า “ศัตรูตัวฉกาจของชีวิตครอบครัวที่มีความสุขไม่ใช่งานที่ได้รับค่าจ้าง—แต่เป็นโทรทัศน์” เธอกล่าวว่าครอบครัวใช้เวลาไปมากเหลือเกินกับการดูทีวีแต่ไม่มีเวลาให้กัน20
สิ่งเหล่านี้เป็นการตัดสินใจที่อ่อนไหวและเป็นส่วนตัวมาก แต่มีหลักธรรมสองข้อที่เราควรคำนึงถึงอยู่เสมอ ประการแรก ไม่ควรมีสตรีคนใดรู้สึกว่าต้องขอโทษหรือรู้สึกว่าคุณประโยชน์ที่เธอทำมีความสำคัญยิ่งหย่อนกว่าเพียงเพราะเธออุทิศตนให้การอบรมเลี้ยงดูบุตรธิดามาเป็นอันดับแรก ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านี้ในแผนของพระบิดาในสวรรค์ของเรา สอง เราทุกคนพึงระมัดระวังไม่ด่วนตัดสินหรือนึกเอาว่าพี่น้องสตรีองอาจน้อยกว่าหากเธอตัดสินใจทำงานนอกบ้าน เราไม่ค่อยเข้าใจหรือรู้ซึ้งอย่างถ่องแท้ถึงสภาวการณ์ของผู้อื่น สามีภรรยาควรปรึกษากันร่วมกับการสวดอ้อนวอนด้วยความเข้าใจว่าพวกเขาต้องชี้แจงต่อพระผู้เป็นเจ้าในสิ่งที่ตัดสินใจลงไป
ท่านพี่น้องสตรีผู้อุทิศตนซึ่งเป็นมารดาตัวคนเดียวทั้งหลาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรารู้สึกชื่นชมท่านด้วยใจจริง ศาสดาพยากรณ์บอกชัดเจน “ว่ามือเป็นอันมากพร้อมจะยื่นมาช่วยเหลือท่าน พระเจ้ามิได้ทรงเมินเฉยท่าน ศาสนจักรของพระองค์ก็เช่นกัน”21 ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะอยู่แถวหน้าในการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ทั้งชายและหญิงต่างเป็นที่ยอมรับและได้รับความช่วยเหลือมากขึ้นในหน้าที่รับผิดชอบในฐานะบิดามารดา
ท่านพี่น้องสตรีโสดผู้องอาจและซื่อสัตย์ทั้งหลาย โปรดจงรู้ว่าเรารักและขอบคุณท่านและเรารับรองกับท่านว่าไม่มีพรนิรันดร์ใดจะปิดกั้นไว้จากท่าน
สตรีผู้บุกเบิกที่น่าทึ่งคนหนึ่ง เอมิลี เอช. วูดแมนซี เป็นผู้ประพันธ์คำร้องของเพลง “ดั่งพี่น้องในไซอัน” เธอยืนยันไว้อย่างถูกต้องว่า “หน้าที่ของเทพทั้งหลายถูกมอบหมายแก่สตรี”22 ซึ่งอธิบายได้ว่า “ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการทำตามพระบัญชาจากพระบิดาในสวรรค์โดยตรง และ ‘นี่คือของประทานที่ … พี่น้องสตรี … ได้รับ’”23
พี่น้องสตรีที่รักทั้งหลาย เรารักและชื่นชมท่าน เราขอบคุณการรับใช้ของท่านในอาณาจักรของพระเจ้า ท่านเหลือเชื่อจริงๆ! ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษต่อสตรีในชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงความเป็นจริงของการชดใช้ ความเป็นพระเจ้าของพระผู้ช่วยให้รอด และการฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน