2010–2019
การตัดสินใจเพื่อนิรันดร
ตุลาคม 2013


14:26

การตัดสินใจเพื่อนิรันดร

การใช้เสรีภาพอย่างฉลาดในการตัดสินใจสำคัญยิ่งต่อการเติบโตทางวิญญาณของท่าน ทั้งปัจจุบันและเพื่อนิรันดร

พี่น้องที่รักทั้งหลาย แต่ละวันคือวันแห่งการตัดสินใจ ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอนเราว่า “การตัดสินใจกำหนดจุดหมายปลายทาง”1 การใช้เสรีภาพอย่างฉลาดในการตัดสินใจสำคัญยิ่งต่อการเติบโตทางวิญญาณของท่าน ทั้งปัจจุบันและเพื่อนิรันดร ท่านไม่เคยเด็กเกินกว่าจะเรียนรู้ ไม่เคยโตเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง ความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงเกิดจากความมุ่งมั่นที่ปลูกฝังมาจากสวรรค์เพื่อให้ได้รับความก้าวหน้านิรันดร์2 แต่ละวันนำมาซึ่งโอกาสให้เราตัดสินใจเพื่อนิรันดร

เราเป็นสัตภาวะนิรันดร์—บุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ พระคัมภีร์ไบเบิลบันทึกว่า “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ …และทรงสร้างให้เป็นชายและเป็นหญิง”3 เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าได้ยินคณะนักร้องปฐมวัยร้องเพลงที่เรารัก “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า”4 ข้าพเจ้าสงสัยว่า “ทำไมจึงไม่ได้ยินเพลงนั้นจากมารดาที่ชอบร้องเพลงหรือบิดาผู้ซื่อสัตย์บ่อยกว่านี้” เรา ทุกคน มิใช่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ ในความจริงแล้ว ไม่มีใครเลยที่จะ หยุด เป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าได้!

ในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราควรรักพระองค์ด้วยสุดใจและสุดจิตวิญญาณของเรา แม้มากกว่าบิดามารดาบนแผ่นดินโลกของเรา5 เราควรรักเพื่อนบ้านของเราดุจพี่น้อง ไม่มีพระบัญญัติใดยิ่งใหญ่กว่าพระบัญญัติเหล่านี้6 และเราพึงเคารพคุณค่าชีวิตมนุษย์เสมอ ตลอดช่วงชีวิตมากมายแต่ละช่วง

พระคัมภีร์สอนว่าร่างกายและวิญญาณคือจิตวิญญาณของมนุษย์7ในฐานะสัตภาวะที่ประกอบด้วยสองส่วน ท่านจึงสามารถขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับของประทานอันหาค่ามิได้ของร่างกายและวิญญาณที่ท่านได้รับ

ร่างกายมนุษย์

หลายปีในอาชีพแพทย์ทำให้ข้าพเจ้ามีความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อร่างกายมนุษย์ เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเพื่อเป็นของประทานแก่ท่าน ร่างกายจึงมหัศจรรย์อย่างที่สุด! ลองนึกถึงตาที่ท่านใช้มอง หูที่ท่านใช้ฟัง และนิ้วที่ท่านสัมผัสสิ่งอัศจรรย์รอบกาย สมองที่ให้ท่านเรียนรู้ คิด และหาเหตุผล หัวใจที่สูบฉีดไม่หยุดทั้งกลางวันและกลางคืนโดยที่ท่านแทบไม่รู้ตัว8

ร่างกายของท่านป้องกันตัวเอง ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพื่อเป็นการเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติและต้องได้รับการดูแล โรคติดเชื้อคุกคามเป็นครั้งคราว และเมื่อเป็นเช่นนั้น ภูมิต้านทานจะก่อตัวขึ้นเพื่อเพิ่มแรงต้านทานการติดเชื้อครั้งต่อไป

ร่างกายของท่านซ่อมแซมตัวเอง บาดแผลและรอยฟกช้ำสมานดังเดิม กระดูกหักกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ข้าพเจ้ายกมาเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ร่างกายของท่าน

แม้กระนั้นยังดูเหมือนว่าในทุกครอบครัว หากไม่ใช่ในทุกคน สภาพร่างกายที่เป็นอยู่บางอย่างต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ9 แบบแผนที่ใช้รับมือกับสภาพท้าทายเช่นนั้นประทานมาจากพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เราให้ความอ่อนแอแก่มนุษย์เพื่อพวกเขาจะนอบน้อม; … เพราะหากพวกเขานอบน้อมถ่อมตน…และมีศรัทธาในเรา, เมื่อนั้นเราจะทำให้สิ่งที่อ่อนแอกลับเข้มแข็งสำหรับพวกเขา.”10

วิญญาณที่แจ่มจรัสมักจะอยู่ในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบ11 อันที่จริงของประทานของการมีร่างกายเช่นนั้นสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวได้เมื่อบิดามารดาและพี่น้องเต็มใจปรับชีวิตเพื่อดูแลเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความต้องการพิเศษ

กระบวนการชราภาพเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับความตาย ความตายในบั้นปลายชีวิตมรรตัยของท่านจำเป็นต่อแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า12 เพราะเหตุใดเล่า เพราะความตายจะทำให้วิญญาณของท่านกลับบ้านไปหาพระองค์ได้13 จากมุมมองนิรันดร์ ความตายเป็นเรื่องก่อนเวลาอันควรก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นไม่พร้อมที่จะพบพระผู้เป็นเจ้า

เพราะร่างกายของท่านเป็นส่วนสำคัญยิ่งในแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า จึงไม่ค่อยน่าแปลกใจที่อัครสาวกเปาโลอธิบายว่าร่างกายเป็น “วิหารของพระเจ้า”14 แต่ละครั้งที่ท่านมองเข้าไปในกระจก จงมองว่าร่างกายเป็นวิหารของท่าน ความจริงดังกล่าว—ซึ่งเราควรสำนึกคุณทุกวัน—สามารถเป็นอิทธิพลบวกต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีที่ท่านจะดูแลร่างกายและใช้ร่างกาย การตัดสินใจเหล่านั้นจะกำหนดจุดหมายปลายทางของท่าน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะร่างกายของท่านเป็นวิหารสำหรับวิญญาณท่าน และวิธีที่ท่านใช้ร่างกายส่งผลต่อวิญญาณของท่าน การตัดสินใจบางอย่างที่จะกำหนดจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของท่าน ได้แก่

  • ท่านจะเลือกดูแลและใช้ร่างกายของท่านอย่างไร

  • ท่านจะเลือกพัฒนาคุณลักษณะทางวิญญาณข้อใด

วิญญาณมนุษย์

วิญญาณของท่านเป็นสิ่งนิรันดร์ พระเจ้าตรัสกับศาสดาพยากรณ์อับราฮัมว่า “ก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้”15 พระเจ้าตรัสคล้าย ๆ กันนี้เกี่ยวกับเยเรมีย์16 และคนอื่น ๆ มากมาย17 พระองค์ตรัสแม้กระทั่งเกี่ยวกับท่านในเรื่องนี้18

พระบิดาบนสวรรค์ของท่านทรงรู้จักท่านมานาน ท่านในฐานะบุตรหรือธิดาของพระองค์ได้รับเลือกจากพระองค์ให้มายังแผ่นดินโลกในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้นำในงานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์บนแผ่นดินโลก19 ท่านได้รับเลือก ไม่ใช่ เพราะลักษณะทางร่างกายแต่เพราะคุณลักษณะ ทางวิญญาณ เช่น ความเก่งกาจ ความกล้าหาญ ความสุจริตของใจ ความกระหายความจริง ความหิวโหยปัญญา และความปรารถนาจะรับใช้ผู้อื่น

ท่านพัฒนาคุณลักษณะบางอย่างเหล่านี้มาแล้วก่อนเกิด คุณลักษณะอื่น ๆ ท่านสามารถพัฒนาได้ที่นี่บนแผ่นดินโลก20 เมื่อท่านเพียรแสวงหา21

คุณลักษณะสำคัญยิ่งทางวิญญาณคือการควบคุมตนเอง—ความเข้มแข็งที่จะให้เหตุผลมาก่อนความต้องการ การควบคุมตนเองสร้างมโนธรรมอันแข็งแกร่ง และมโนธรรมของท่านกำหนดปฏิกิริยาตอบสนองทางศีลธรรมในสถานการณ์ยาก ๆ ที่ล่อลวงและทดลองเรา การอดอาหารช่วยให้วิญญาณท่านพัฒนาการควบคุมความต้องการทางร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงความช่วยเหลือจากสวรรค์ เพราะทำให้การสวดอ้อนวอนของท่านมีพลังมากขึ้น เหตุใดจึงต้องควบคุมตนเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกฝังความต้องการอันทรงพลังไว้ในตัวเราสำหรับการบำรุงเลี้ยงและความรัก ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ดำรงอยู่ต่อไป22 เมื่อเราควบคุมความต้องการของเราภายในขอบเขตกฎของพระผู้เป็นเจ้า เราจะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความรักมากขึ้น และปีติอันบริบูรณ์23

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า การล่อลวงส่วนใหญ่ที่จะเบี่ยงเบนจากแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้ามาจากการนำความต้องการประการสำคัญ ๆ ที่พระองค์ประทานให้ไปใช้ในทางที่ผิด การควบคุมความต้องการไม่ง่ายเสมอไป ไม่มีใครจัดการความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ24 ความพลาดพลั้งเกิดขึ้น มีการทำผิดพลาด มีการกระทำบาป แล้วเราจะทำอย่างไร เราสามารถเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น และเราสามารถกลับใจได้อย่างแท้จริง25

เราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรม แม้ความปรารถนาของเราก็เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรน่ะหรือ? มีเพียงหนทางเดียว การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง—การเปลี่ยนแปลงถาวร—สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านอำนาจการรักษา ชำระล้าง และทำให้เป็นไปได้แห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์26 พระองค์ทรงรักท่าน—ท่านทุกคน!27 ทรงยอมให้ท่านเข้าถึงเดชานุภาพของพระองค์เมื่อท่านรักษาพระบัญญัติด้วยความกระตือรือร้น จริงจัง และเคร่งครัด ช่างเรียบง่ายและชัดเจน พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ คือ พระกิตติคุณของการเปลี่ยนแปลง!28

วิญญาณมนุษย์ที่เข้มแข็ง ผู้สามารถควบคุมความต้องการทางเนื้อหนังได้ ย่อมเป็นนายเหนืออารมณ์และกิเลสโดยไม่ตกเป็นทาสของมัน อิสรภาพเช่นนี้สำคัญยิ่งต่อวิญญาณเฉกเช่นออกซิเจนสำคัญต่อร่างกาย! อิสรภาพที่เกิดจากการเป็นทาสตนเองคือการหลุดพ้นที่แท้จริง!29

เรา “เป็นอิสระที่จะเลือกเสรีภาพและชีวิตนิรันดร์…หรือจะเลือกการเป็นเชลยและความตาย”30 เมื่อเราเลือกเส้นทางที่สูงกว่าไปสู่เสรีภาพและชีวิตนิรันดร์ เส้นทางนั้นมีการแต่งงานรวมอยู่ด้วย31 วิสุทธิชนยุคสุดท้ายประกาศว่า “การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและว่าครอบครัวเป็นศูนย์กลางต่อแผนของพระผู้สร้างเพื่อจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระองค์” เรายังทราบด้วยว่า “เพศเป็นบุคลิกภาพสำคัญยิ่งของแต่ละบุคคลก่อนชีวิตมรรตัย ขณะมีชีวิตมรรตัย และเป็นเครื่องบ่งบอกอัตลักษณ์และจุดประสงค์นิรันดร์”32

การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นรากฐานหลักคำสอนของพระเจ้าและสำคัญมากต่อแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับชีวิตอันบริบูรณ์บนแผ่นดินโลกและในสวรรค์ แบบแผนการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าไม่อาจนำไปปฏิบัติโดยมิชอบ เข้าใจผิด หรือตีความหมายผิด ๆ ได้33 ถ้าคุณต้องการมีปีติที่แท้จริง แบบแผนการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าปกป้องอำนาจการให้กำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์และปีติอันเกิดจากความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคู่สมรส34 เราทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งงานให้อาดัมกับเอวาก่อนที่พวกเขาจะประสบปีติจากความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา35

ในสมัยเรา รัฐบาลห่วงใยเป็นพิเศษเรื่องปกป้องการแต่งงาน เพราะครอบครัวที่เข้มแข็งถือเป็นวิธีดีที่สุดในการเลี้ยงดูอนุชนรุ่นหลังให้มีสุขภาพดี มีการศึกษา ความผาสุก และความเจริญรุ่งเรือง36 แต่รัฐบาลถูกอิทธิพลครอบงำอย่างหนักจากกระแสสังคมและปรัชญาทางโลกเมื่อร่างกฎหมาย แก้ไข และนำไปบังคับใช้ ไม่ว่ารัฐจะบัญญัติกฎหมายไว้อย่างไร หลักคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับการแต่งงานและศีลธรรม จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง37 พึงระลึกว่า บาป ถึงแม้มนุษย์จะทำให้ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นบาปในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ดี!

แม้ว่าเราต้องเลียนแบบความกรุณาปรานีและการุณยธรรมของพระผู้ช่วยให้รอด แม้ว่าเราต้องให้ความสำคัญต่อสิทธิและความรู้สึกของบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนหลักคำสอนของพระองค์ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะเปลี่ยน เรามีหน้าที่ศึกษา ทำความเข้าใจ และธำรงหลักคำสอนของพระองค์

วิถีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดนั้นดี วิถีของพระองค์รวมถึงความบริสุทธิ์ทางเพศก่อนแต่งงานและความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองในชีวิตแต่งงาน38 วิถีของพระเจ้าเป็นหนทางเดียวให้เราประสบความสุขที่ยาวนาน วิถีของพระองค์นำการปลอบโยนอันยั่งยืนมาสู่เราและนำสันติสุขอันจีรังมาสู่บ้านของเรา ยิ่งไปกว่านั้น วิถีของพระองค์นำเรากลับบ้านไปหาพระองค์และพระบิดาบนสวรรค์ของเรา นำเราไปสู่ชีวิตนิรันดร์และความสูงส่ง39 นี่คือส่วนสำคัญที่สุดในงานและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้า40

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า แต่ละวันคือวันแห่งการตัดสินใจ และการตัดสินใจของเรากำหนดจุดหมายปลายทางให้เรา วันหนึ่งเราแต่ละคนจะยืนเบื้องพระพักตร์พระเจ้าในการพิพากษา41 เราแต่ละคนจะมีการสัมภาษณ์ส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์42 เราจะต้องชี้แจงการตัดสินใจต่าง ๆ ที่เราทำเกี่ยวกับร่างกายของเรา คุณลักษณะทางวิญญาณของเรา และวิธีที่เราให้เกียรติแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับการแต่งงานและครอบครัว ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนอย่างจริงจังขอให้เราเลือกอย่างฉลาดในแต่ละวันเพื่อนิรันดร ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. โธมัส เอส. มอนสัน, “Decisions Determine Destiny” (ไฟร์ไซด์ระบบการศึกษาของศาสนจักร, 6 พ.ย. 2005), 3; speeches.byu.edu.

  2. แนวคิดเรื่องความก้าวหน้านิรันดร์อธิบายไว้อย่างดีโดย ดับเบิลยู. ดับเบิลยู. เฟลพ์ส ในข้อความเพลงสวด “If You Could Hie to Kolob” (Hymns, บทเพลงที่ 284) ข้อ 4 อ่านว่า “ไร้กาลอวสานคุณธรรม / ไร้กาลอวสานฤทธานุภาพ / ไร้กาลอวสานปัญญา / ไร้กาลอวสานความสว่าง / ไร้กาลอวสานเอกภาพ / ไร้กาลอวสานวัยเยาว์ / ไร้กาลอวสานฐานะปุโรหิต / ไร้กาลอวสานสัจจา” ข้อ 5 จบว่า “ไร้กาลอวสานรัศมีภาพ / ไร้กาลอวสานความรัก / ไร้กาลอวสานการดำรงอยู่ / ไร้มรณาเบื้องบน”

  3. ปฐมกาล 1:27; ดู โคโลสี 3:10; แอลมา 18:34; อีเธอร์ 3:15; โมเสส 6:9 ด้วย.

  4. “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 149.

  5. ดู มัทธิว 10:37.

  6. ดู มาระโก 12:30–31.

  7. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:15.

  8. กลไกอื่น ๆ จากพระผู้เป็นเจ้าทำงานอยู่ในร่างกายของท่านเช่นกัน ธาตุต่าง ๆ เช่น โซเดียม โพแทสซียม และแคลซียม รวมทั้งสารประกอบต่าง ๆ เช่น น้ำ กลูโคส และโปรตีน ล้วนจำเป็นต่อการอยู่รอด ร่างกายจัดการกับแก๊ส เช่น ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างฮอร์โมน เช่น อินซูลิน แอดรีนาลีน ไทรอกซิน ระดับของแต่ละอย่างที่กล่าวมานี้และส่วนประกอบอื่น ๆ อีกหลายอย่างในร่างกายจัดระเบียบตัวเองโดยอัตโนมัติภายในขอบเขตที่แน่นอน มีกลไกควบคุมที่สัมพันธ์กันระหว่างต่อมต่าง ๆ ในร่างกาย ตัวอย่างเช่น ต่อมใต้สมองที่อยู่ล่างสุดของสมองปล่อยฮอร์โมนหนึ่งออกมากระตุ้นส่วนนอกของต่อมหมวกไตเพื่อผลิตฮอร์โมนของต่อมหมวกไตชั้นนอก เมื่อระดับฮอร์โมนชั้นนอกเพิ่มสูงขึ้นจะไปกดปริมาตรถ่ายออกของฮอร์โมนกระตุ้นที่เกิดจากต่อมใต้สมองและในทางกลับกันด้วยเช่นกัน อุณหภูมิร่างกายของท่านรักษาระดับปกติอยู่ในช่วง 98.6˚F หรือ 37˚C ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรหรือขั้วโลกเหนือก็ตาม

  9. สภาพบางอย่างเห็นได้ชัดอย่างง่ายดาย แต่บางอย่างแฝงเร้น บางอย่างเป็นกรรมพันธุ์ บางอย่างไม่ใช่ บางคนมีความโน้มเอียงที่จะเกิดมะเร็ง บางคนมีภูมิแพ้ และอื่น ๆ เราแต่ละคนสามารถไหวตัวทันต่อความอ่อนแอของตนเองและเรียนรู้ด้วยความอ่อนน้อมถึงสิ่งที่พระเจ้าจะทรงสอน เพื่อที่ความอ่อนแอนั้นจะกลับเป็นความเข้มแข็งได้

  10. อีเธอร์ 12:27.

  11. สภาพบางอย่างจะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์จนกว่าจะถึงการฟื้นคืนชีวิต เมื่อ “สิ่งทั้งปวงจะทรงนำกลับคืนสู่ร่างอันถูกต้องและบริบูรณ์” (แอลมา 40:23)

  12. ดู แอลมา 42:8.

  13. ผู้แต่งหนังสือสดุดีเขียนว่า “ความตายของผู้จงรักภักดีต่อพระองค์สำคัญในสายพระเนตรพระยาห์เวห์” (สดุดี 116:15) ความตายเป็นสิ่งสำคัญล้ำค่า เพราะสำหรับวิสุทธิชน นั่นคือ “การต้อนรับกลับบ้าน” ไปสู่พระเจ้า

  14. 1 โครินธ์ 3:16; ดู 6:19 ด้วย.

  15. อับราฮัม 3:23.

  16. ดู เยเรมีย์ 1:5.

  17. ดู แอลมา 13:2–3.

  18. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138: 55–56.

  19. ดู แอลมา 13:2–3; หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:38–57.

  20. คุณลักษณะแห่ง “ศรัทธา, คุณธรรม, ความรู้, ความยับยั้งตน, ความอดทน, ควมกรุณาฉันพี่น้อง, ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, จิตกุศล, ความนอบน้อม, [และ] ความขยันหมั่นเพียร” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 4:6) ล้วนอยู่ในบรรดาของประทานฝ่ายวิญญาณที่เราสามารถพัฒนาและได้รับ ความสำนึกคุณเป็นคุณลักษณะทางวิญญาณอีกอย่างหนึ่งที่สามารถพัฒนาได้ ความสำนึกคุณมีอิทธิพลต่อสภาพอารมณ์และประสิทธิผลการทำงาน เมื่อท่าน “เกิดทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้าแล้ว” ท่านจะรับรูปลักษณ์ของพระองค์ไว้ในสีหน้าของท่านด้วยความสำนึกคุณ (ดู แอลมา 5:14)

  21. ดู 1 โครินธ์ 12; 14:1–12; โมโรไน 10:8–19; หลักคำสอนและพันธสัญญา 46:10–29.

  22. บางคนถูกล่อลวงให้รับประทานมากเกินไป “โรคอ้วนอยู่ในขั้นระบาดไปทั่วโลกแล้ว ด้วยอัตราผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2.8 ล้านคนต่อปีอันเป็นผลเนื่องมาจากภาวะน้ำหนักเกิน” (“10 Facts on Obesity,” องค์การอนามัยโลก, มี.ค. 2013, www.who.int/features/factfiles/obesity/en) บางคนถูกล่อลวงให้รับประทานน้อยเกินไป ภาวะเบื่ออาหารและโรคบูลิเมียทำลายชีวิตมากมาย รวมถึงชีวิตแต่งงานและครอบครัว บางคนถูกล่อลวงด้วยความปรารถนาทางเพศที่พระผู้สร้างทรงห้าม รายละเอียดชี้แจงอยู่ใน คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร ซึ่งกล่าวว่า “กฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศของพระเจ้าคือการละเว้นความสัมพันธ์ทางเพศนอกการแต่งงานตามกฎหมายและการซื่อสัตย์ในชีวิตสมรส … การล่วงประเวณี การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายหรือหญิงกับหญิง และการปฏิบัติทุกอย่างที่ไม่บริสุทธิ์ ผิดธรรมชาติ หรือผิดศีลธรรม ถือว่าเป็นบาป” อ้างอิงต่อจากคู่มือ “พฤติกรรมรักร่วมเพศถือว่าละเมิดพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ขัดกับจุดประสงค์ด้านพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ และทำให้ผู้คนสูญเสียพรซึ่งจะพบได้ในชีวิตครอบครัวและในศาสนพิธีแห่งความรอดของพระกิตติคุณ … แม้ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมรักร่วมเพศ แต่ศาสนจักรเข้าใจและเคารพบุคคลที่ถูกดึงดูดให้สนใจเพศเดียวกัน” ([2010], 21.4.5; 21.4.6)

  23. ดู 1 โครินทร์ 6:9–20; ยากอบ 1:25–27; หลักคำสอนและพันธสัญญา 130:20–21. และเราพึงระลึกเสมอว่า “มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ” (2 นีไฟ 2:25)

  24. ชีวิตมรรตัยเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบ ดังที่อธิบายไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พวกเราจะพิสูจน์พวกเขาโดยวิธีนี้, เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขาหรือไม่” (อับราฮัม 3:25)

  25. ดู โมไซยาห์ 4:10; แอลมา 39:9; ฮีลามัน 15:7. คู่มือเล่ม 2 ซึ่งมีข้อความนี้ “พฤติกรรมรักร่วมเพศจะได้รับยกโทษผ่านการกลับใจอย่างแท้จริง” (21.4.6)

  26. โดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์และโดยการเชื่อฟังหลักธรรมพระกิตติคุณ มนุษยชาติทั้งปวงจะรอด “ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:4; หลักแห่งความเชื่อข้อ 3)

  27. ดู อีเธอร์ 12:33–34; โมโรไน 8:17.

  28. ดู โมไซยาห์ 5:2; แอลมา 5:12–14.

  29. ดู โรม 8:13–17; กาลาเทีย 5:13–25; หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:86.

  30. 2 นีไฟ 2:27.

  31. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 131: 1–4.

  32. “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, ปกหลังด้านใน.

  33. ดู มัทธิว 19:4–6; โมไซยาห์ 29:26–27; ฮีลามัน 5:2.

  34. แต่ละคนเกิดมาพร้อมกับลักษณะพิเศษเฉพาะตัว โครโมโซม และดีเอ็นเอ (กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก) ดีเอ็นเอเป็นโมเลกุลที่มีรหัสคำสั่งพันธุกรรมซึ่งใช้ในพัฒนาการและการทำหน้าที่ของเซลล์สิ่งมีชีวิต ดีเอ็นเอของแต่ละคนสร้างขึ้นเมื่อดีเอ็นเอจากบิดาและมารดามารวมกันเพื่อสร้างดีเอ็นเอของร่างกายใหม่—นี่คือความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างบิดา มารดา และบุตร

  35. ดู ปฐมกาล 2:24–25; 3:20–21; 4:1–2, 25.

  36. ดร.แพทริก เอฟ. ฟาแกน เขียนว่า “หน่วยโครงสร้างจำเป็นซึ่งส่งผลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ [คือ] ครัวเรือนของบิดามารดาที่สมรสกัน—โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีบุตรและนมัสการเป็นประจำทุกสัปดาห์  การสมรสทุกครั้งทำให้เกิดครัวเรือนใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นหน่วยเศรษฐกิจอิสระที่สร้างรายได้ ใช้จ่าย ออมเงิน และลงทุน” (“The Family GDP: How Marriage and Fertility Drive the Economy,” The Family in America, vol. 24, no. 2 [Spring 2010], 136.

  37. ดู อพยพ 20:14; เลวีนิติ 18:22; 20:13; เฉลยธรรมบัญญัติ 5:18; มัทธิว 5:27–28; มาระโก 10:19; ลูกา 18:20; โรม 1:26–27; 13:9; โมไซยาห์ 13:22; 3 นีไฟ 12:27–28; หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:24; 59:6.

  38. ดู กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “This Thing Was Not Done in a Corner,” Ensign, พ.ย. 1996, 49.

  39. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 14:7.

  40. ดู โมเสส 1:39.

  41. ดู 2 นีไฟ 9:41, 46; โมไซยาห์ 16:10.

  42. เราจะได้รับการตัดสินตามการกระทำและความปรารถนาของใจเรา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:9; ดู ฮีบรู 4:12; แอลมา 18:32; หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:16; 88:109 ด้วย).