การตัดสินใจเพื่อนิรันดร
การใช้เสรีภาพอย่างฉลาดในการตัดสินใจสำคัญยิ่งต่อการเติบโตทางวิญญาณของท่าน ทั้งปัจจุบันและเพื่อนิรันดร
พี่น้องที่รักทั้งหลาย แต่ละวันคือวันแห่งการตัดสินใจ ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอนเราว่า “การตัดสินใจกำหนดจุดหมายปลายทาง”1 การใช้เสรีภาพอย่างฉลาดในการตัดสินใจสำคัญยิ่งต่อการเติบโตทางวิญญาณของท่าน ทั้งปัจจุบันและเพื่อนิรันดร ท่านไม่เคยเด็กเกินกว่าจะเรียนรู้ ไม่เคยโตเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลง ความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงเกิดจากความมุ่งมั่นที่ปลูกฝังมาจากสวรรค์เพื่อให้ได้รับความก้าวหน้านิรันดร์2 แต่ละวันนำมาซึ่งโอกาสให้เราตัดสินใจเพื่อนิรันดร
เราเป็นสัตภาวะนิรันดร์—บุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ พระคัมภีร์ไบเบิลบันทึกว่า “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ …และทรงสร้างให้เป็นชายและเป็นหญิง”3 เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าได้ยินคณะนักร้องปฐมวัยร้องเพลงที่เรารัก “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า”4 ข้าพเจ้าสงสัยว่า “ทำไมจึงไม่ได้ยินเพลงนั้นจากมารดาที่ชอบร้องเพลงหรือบิดาผู้ซื่อสัตย์บ่อยกว่านี้” เรา ทุกคน มิใช่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ ในความจริงแล้ว ไม่มีใครเลยที่จะ หยุด เป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าได้!
ในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราควรรักพระองค์ด้วยสุดใจและสุดจิตวิญญาณของเรา แม้มากกว่าบิดามารดาบนแผ่นดินโลกของเรา5 เราควรรักเพื่อนบ้านของเราดุจพี่น้อง ไม่มีพระบัญญัติใดยิ่งใหญ่กว่าพระบัญญัติเหล่านี้6 และเราพึงเคารพคุณค่าชีวิตมนุษย์เสมอ ตลอดช่วงชีวิตมากมายแต่ละช่วง
พระคัมภีร์สอนว่าร่างกายและวิญญาณคือจิตวิญญาณของมนุษย์7ในฐานะสัตภาวะที่ประกอบด้วยสองส่วน ท่านจึงสามารถขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับของประทานอันหาค่ามิได้ของร่างกายและวิญญาณที่ท่านได้รับ
ร่างกายมนุษย์
หลายปีในอาชีพแพทย์ทำให้ข้าพเจ้ามีความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อร่างกายมนุษย์ เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเพื่อเป็นของประทานแก่ท่าน ร่างกายจึงมหัศจรรย์อย่างที่สุด! ลองนึกถึงตาที่ท่านใช้มอง หูที่ท่านใช้ฟัง และนิ้วที่ท่านสัมผัสสิ่งอัศจรรย์รอบกาย สมองที่ให้ท่านเรียนรู้ คิด และหาเหตุผล หัวใจที่สูบฉีดไม่หยุดทั้งกลางวันและกลางคืนโดยที่ท่านแทบไม่รู้ตัว8
ร่างกายของท่านป้องกันตัวเอง ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพื่อเป็นการเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติและต้องได้รับการดูแล โรคติดเชื้อคุกคามเป็นครั้งคราว และเมื่อเป็นเช่นนั้น ภูมิต้านทานจะก่อตัวขึ้นเพื่อเพิ่มแรงต้านทานการติดเชื้อครั้งต่อไป
ร่างกายของท่านซ่อมแซมตัวเอง บาดแผลและรอยฟกช้ำสมานดังเดิม กระดูกหักกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ข้าพเจ้ายกมาเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ร่างกายของท่าน
แม้กระนั้นยังดูเหมือนว่าในทุกครอบครัว หากไม่ใช่ในทุกคน สภาพร่างกายที่เป็นอยู่บางอย่างต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ9 แบบแผนที่ใช้รับมือกับสภาพท้าทายเช่นนั้นประทานมาจากพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เราให้ความอ่อนแอแก่มนุษย์เพื่อพวกเขาจะนอบน้อม; … เพราะหากพวกเขานอบน้อมถ่อมตน…และมีศรัทธาในเรา, เมื่อนั้นเราจะทำให้สิ่งที่อ่อนแอกลับเข้มแข็งสำหรับพวกเขา.”10
วิญญาณที่แจ่มจรัสมักจะอยู่ในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบ11 อันที่จริงของประทานของการมีร่างกายเช่นนั้นสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวได้เมื่อบิดามารดาและพี่น้องเต็มใจปรับชีวิตเพื่อดูแลเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความต้องการพิเศษ
กระบวนการชราภาพเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับความตาย ความตายในบั้นปลายชีวิตมรรตัยของท่านจำเป็นต่อแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า12 เพราะเหตุใดเล่า เพราะความตายจะทำให้วิญญาณของท่านกลับบ้านไปหาพระองค์ได้13 จากมุมมองนิรันดร์ ความตายเป็นเรื่องก่อนเวลาอันควรก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นไม่พร้อมที่จะพบพระผู้เป็นเจ้า
เพราะร่างกายของท่านเป็นส่วนสำคัญยิ่งในแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า จึงไม่ค่อยน่าแปลกใจที่อัครสาวกเปาโลอธิบายว่าร่างกายเป็น “วิหารของพระเจ้า”14 แต่ละครั้งที่ท่านมองเข้าไปในกระจก จงมองว่าร่างกายเป็นวิหารของท่าน ความจริงดังกล่าว—ซึ่งเราควรสำนึกคุณทุกวัน—สามารถเป็นอิทธิพลบวกต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีที่ท่านจะดูแลร่างกายและใช้ร่างกาย การตัดสินใจเหล่านั้นจะกำหนดจุดหมายปลายทางของท่าน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะร่างกายของท่านเป็นวิหารสำหรับวิญญาณท่าน และวิธีที่ท่านใช้ร่างกายส่งผลต่อวิญญาณของท่าน การตัดสินใจบางอย่างที่จะกำหนดจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของท่าน ได้แก่
-
ท่านจะเลือกดูแลและใช้ร่างกายของท่านอย่างไร
-
ท่านจะเลือกพัฒนาคุณลักษณะทางวิญญาณข้อใด
วิญญาณมนุษย์
วิญญาณของท่านเป็นสิ่งนิรันดร์ พระเจ้าตรัสกับศาสดาพยากรณ์อับราฮัมว่า “ก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้”15 พระเจ้าตรัสคล้าย ๆ กันนี้เกี่ยวกับเยเรมีย์16 และคนอื่น ๆ มากมาย17 พระองค์ตรัสแม้กระทั่งเกี่ยวกับท่านในเรื่องนี้18
พระบิดาบนสวรรค์ของท่านทรงรู้จักท่านมานาน ท่านในฐานะบุตรหรือธิดาของพระองค์ได้รับเลือกจากพระองค์ให้มายังแผ่นดินโลกในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้นำในงานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์บนแผ่นดินโลก19 ท่านได้รับเลือก ไม่ใช่ เพราะลักษณะทางร่างกายแต่เพราะคุณลักษณะ ทางวิญญาณ เช่น ความเก่งกาจ ความกล้าหาญ ความสุจริตของใจ ความกระหายความจริง ความหิวโหยปัญญา และความปรารถนาจะรับใช้ผู้อื่น
ท่านพัฒนาคุณลักษณะบางอย่างเหล่านี้มาแล้วก่อนเกิด คุณลักษณะอื่น ๆ ท่านสามารถพัฒนาได้ที่นี่บนแผ่นดินโลก20 เมื่อท่านเพียรแสวงหา21
คุณลักษณะสำคัญยิ่งทางวิญญาณคือการควบคุมตนเอง—ความเข้มแข็งที่จะให้เหตุผลมาก่อนความต้องการ การควบคุมตนเองสร้างมโนธรรมอันแข็งแกร่ง และมโนธรรมของท่านกำหนดปฏิกิริยาตอบสนองทางศีลธรรมในสถานการณ์ยาก ๆ ที่ล่อลวงและทดลองเรา การอดอาหารช่วยให้วิญญาณท่านพัฒนาการควบคุมความต้องการทางร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงความช่วยเหลือจากสวรรค์ เพราะทำให้การสวดอ้อนวอนของท่านมีพลังมากขึ้น เหตุใดจึงต้องควบคุมตนเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกฝังความต้องการอันทรงพลังไว้ในตัวเราสำหรับการบำรุงเลี้ยงและความรัก ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ดำรงอยู่ต่อไป22 เมื่อเราควบคุมความต้องการของเราภายในขอบเขตกฎของพระผู้เป็นเจ้า เราจะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความรักมากขึ้น และปีติอันบริบูรณ์23
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า การล่อลวงส่วนใหญ่ที่จะเบี่ยงเบนจากแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้ามาจากการนำความต้องการประการสำคัญ ๆ ที่พระองค์ประทานให้ไปใช้ในทางที่ผิด การควบคุมความต้องการไม่ง่ายเสมอไป ไม่มีใครจัดการความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ24 ความพลาดพลั้งเกิดขึ้น มีการทำผิดพลาด มีการกระทำบาป แล้วเราจะทำอย่างไร เราสามารถเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น และเราสามารถกลับใจได้อย่างแท้จริง25
เราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรม แม้ความปรารถนาของเราก็เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรน่ะหรือ? มีเพียงหนทางเดียว การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง—การเปลี่ยนแปลงถาวร—สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านอำนาจการรักษา ชำระล้าง และทำให้เป็นไปได้แห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์26 พระองค์ทรงรักท่าน—ท่านทุกคน!27 ทรงยอมให้ท่านเข้าถึงเดชานุภาพของพระองค์เมื่อท่านรักษาพระบัญญัติด้วยความกระตือรือร้น จริงจัง และเคร่งครัด ช่างเรียบง่ายและชัดเจน พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ คือ พระกิตติคุณของการเปลี่ยนแปลง!28
วิญญาณมนุษย์ที่เข้มแข็ง ผู้สามารถควบคุมความต้องการทางเนื้อหนังได้ ย่อมเป็นนายเหนืออารมณ์และกิเลสโดยไม่ตกเป็นทาสของมัน อิสรภาพเช่นนี้สำคัญยิ่งต่อวิญญาณเฉกเช่นออกซิเจนสำคัญต่อร่างกาย! อิสรภาพที่เกิดจากการเป็นทาสตนเองคือการหลุดพ้นที่แท้จริง!29
เรา “เป็นอิสระที่จะเลือกเสรีภาพและชีวิตนิรันดร์…หรือจะเลือกการเป็นเชลยและความตาย”30 เมื่อเราเลือกเส้นทางที่สูงกว่าไปสู่เสรีภาพและชีวิตนิรันดร์ เส้นทางนั้นมีการแต่งงานรวมอยู่ด้วย31 วิสุทธิชนยุคสุดท้ายประกาศว่า “การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและว่าครอบครัวเป็นศูนย์กลางต่อแผนของพระผู้สร้างเพื่อจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระองค์” เรายังทราบด้วยว่า “เพศเป็นบุคลิกภาพสำคัญยิ่งของแต่ละบุคคลก่อนชีวิตมรรตัย ขณะมีชีวิตมรรตัย และเป็นเครื่องบ่งบอกอัตลักษณ์และจุดประสงค์นิรันดร์”32
การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นรากฐานหลักคำสอนของพระเจ้าและสำคัญมากต่อแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับชีวิตอันบริบูรณ์บนแผ่นดินโลกและในสวรรค์ แบบแผนการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าไม่อาจนำไปปฏิบัติโดยมิชอบ เข้าใจผิด หรือตีความหมายผิด ๆ ได้33 ถ้าคุณต้องการมีปีติที่แท้จริง แบบแผนการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าปกป้องอำนาจการให้กำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์และปีติอันเกิดจากความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคู่สมรส34 เราทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งงานให้อาดัมกับเอวาก่อนที่พวกเขาจะประสบปีติจากความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา35
ในสมัยเรา รัฐบาลห่วงใยเป็นพิเศษเรื่องปกป้องการแต่งงาน เพราะครอบครัวที่เข้มแข็งถือเป็นวิธีดีที่สุดในการเลี้ยงดูอนุชนรุ่นหลังให้มีสุขภาพดี มีการศึกษา ความผาสุก และความเจริญรุ่งเรือง36 แต่รัฐบาลถูกอิทธิพลครอบงำอย่างหนักจากกระแสสังคมและปรัชญาทางโลกเมื่อร่างกฎหมาย แก้ไข และนำไปบังคับใช้ ไม่ว่ารัฐจะบัญญัติกฎหมายไว้อย่างไร หลักคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับการแต่งงานและศีลธรรม จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง37 พึงระลึกว่า บาป ถึงแม้มนุษย์จะทำให้ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นบาปในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ดี!
แม้ว่าเราต้องเลียนแบบความกรุณาปรานีและการุณยธรรมของพระผู้ช่วยให้รอด แม้ว่าเราต้องให้ความสำคัญต่อสิทธิและความรู้สึกของบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนหลักคำสอนของพระองค์ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะเปลี่ยน เรามีหน้าที่ศึกษา ทำความเข้าใจ และธำรงหลักคำสอนของพระองค์
วิถีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดนั้นดี วิถีของพระองค์รวมถึงความบริสุทธิ์ทางเพศก่อนแต่งงานและความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองในชีวิตแต่งงาน38 วิถีของพระเจ้าเป็นหนทางเดียวให้เราประสบความสุขที่ยาวนาน วิถีของพระองค์นำการปลอบโยนอันยั่งยืนมาสู่เราและนำสันติสุขอันจีรังมาสู่บ้านของเรา ยิ่งไปกว่านั้น วิถีของพระองค์นำเรากลับบ้านไปหาพระองค์และพระบิดาบนสวรรค์ของเรา นำเราไปสู่ชีวิตนิรันดร์และความสูงส่ง39 นี่คือส่วนสำคัญที่สุดในงานและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้า40
พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า แต่ละวันคือวันแห่งการตัดสินใจ และการตัดสินใจของเรากำหนดจุดหมายปลายทางให้เรา วันหนึ่งเราแต่ละคนจะยืนเบื้องพระพักตร์พระเจ้าในการพิพากษา41 เราแต่ละคนจะมีการสัมภาษณ์ส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์42 เราจะต้องชี้แจงการตัดสินใจต่าง ๆ ที่เราทำเกี่ยวกับร่างกายของเรา คุณลักษณะทางวิญญาณของเรา และวิธีที่เราให้เกียรติแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับการแต่งงานและครอบครัว ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนอย่างจริงจังขอให้เราเลือกอย่างฉลาดในแต่ละวันเพื่อนิรันดร ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน