หลักคำสอนและหลักธรรมที่มีอยู่ในหลักแห่งความเชื่อ
หลักแห่งความเชื่อแต่ละข้อเพิ่มเติมคุณค่าเป็นพิเศษให้กับความเข้าใจที่เรามีต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
เมื่อข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้พูดในภาคฐานะปุโรหิตของการประชุมใหญ่สามัญ ข้าพเจ้านึกถึงครูปฐมวัยที่ยอดเยี่ยมท่านหนึ่งขึ้นมาทันที ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเธอคือการเตรียมเราให้มีค่าควรรับฐานะปุโรหิต เธอทดสอบเราตามข้อกำหนดการจบจากปฐมวัยในสมัยนั้น—นั่นคือการท่องจำชื่อสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองและหลักแห่งความเชื่อ เธอสัญญากับเราด้วยว่า—หากเราทุกคนสามารถท่องจำหลักแห่งความเชื่อทั้งสิบสามข้อได้ เราสามารถเลือกไปชั้นเรียนครั้งสุดท้ายนอกสถานที่ได้
เราเลือกสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งที่เราชอบเดินเขาตามแนวโขดหินลาดชันเหนือเขื่อนแรกตรงทางเข้าโลแกนแคนยอน ในยูทาห์ตอนเหนือ มีพื้นที่ราบขนาดเล็กตรงหน้าผาหินเหล่านี้ซึ่งมีบริเวณก่อไฟแบบธรรมชาติที่ท่านสามารถปิ้งฮอทดอกและย่างมาร์ชเมโลว์ได้ อย่างไรก็ดี เมื่อเราเลือกสถานที่เราไม่ได้นึกถึงครูของเราซึ่งอายุมากกว่าและไม่ใช่นักกีฬาแน่นอน หากเราคิดถึงเรื่องนี้ให้รอบคอบมากกว่านี้ อาจทำให้เรานึกถึงความยากลำบากของเธอในการเดินขึ้นเขา แต่คำสัญญาคือข้อผูกมัดของเธอและเธอก็เต็มใจทำตามเรา
เริ่มแรก เราปีนขึ้นไปบนเนินเขาเล็กๆ ในวันที่เราไปไม่มีแนวสายไฟกั้นทางเข้า ด้วยความช่วยเหลือ ครูของเราก็ขึ้นมาบนเนินเขาได้สำเร็จ เมื่อมาถึงยอดเขาแล้ว เราเดินลงไปตรงสันเขาหินเพื่อไปยังสถานที่ซึ่งเราเรียกว่า “หลังเต่า”
หลังจากที่เรามาถึง ครูของเราใช้เวลาหายใจให้ทันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เราเตรียมจะนั่งลงรับประทาน เธอหายใจเป็นปกติพอที่จะสอนบทเรียนสุดท้ายแก่เรา เธอบอกว่าเธอมีความสุขเพียงใดในสองปีที่ผ่านมาที่ได้สอนเราในปฐมวัย เธอชมเราที่เราเชี่ยวชาญหลักแห่งความเชื่อ เธอสามารถบอกเลขข้อใดก็ได้ในหลักแห่งความเชื่อและเราก็ท่องข้อนั้นให้ฟังได้ จากนั้น เธอกล่าวว่าการท่องจำหลักแห่งความเชื่อจะไม่มีความหมายมากไปกว่าคำมากมาย เว้นแต่เราเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมที่อยู่ในนั้น เธอกระตุ้นให้เราศึกษาหลักคำสอนพระกิตติคุณที่สอนไว้ในหลักแห่งความเชื่อแต่ละข้อ เธออธิบายว่าหลักคำสอนที่พบในหลักแห่งความเชื่อแบ่งออกเป็นหลายส่วน
I. พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์และหลักคำสอนพื้นฐานของพระคริสต์
เราเรียนรู้จาก หลักแห่งความเชื่อข้อแรก ว่าพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ทรงเป็นพระอติรูปสามพระองค์ คือ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระเยซู พระคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์
หลักแห่งความเชื่อข้อที่สอง สอนว่าเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราเองบนแผ่นดินโลก
ข้อที่สาม ให้วิสัยทัศน์เรื่องพระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อความรอดของบุตรธิดาของพระบิดาในสวรรค์
ข้อที่สี่ สอนความสำคัญของหลักธรรมและศาสนพิธีเบื้องต้น
พลังจากคำพูดของครูเป็นแหล่งการดลใจแก่ข้าพเจ้าเพราะความสำคัญที่เธอให้กับการศึกษาพระกิตติคุณ พระคัมภีร์นำเราไปสู่มาตรฐานแห่งความจริงซึ่งโดยการนั้นเราสามารถตัดสินความรู้ที่เรากำลังได้รับว่าจริงหรือเท็จ หลักคำสอนที่แท้จริงมาจากพระผู้เป็นเจ้า ที่มาและรากฐานของความจริงทั้งปวง คำสอนและหลักการของหลักคำสอนที่แท้จริงค้นพบในพระกิตติคุณของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา คำสอนเท็จมาจากซาตาน บิดาของความเท็จทั้งปวง ความปรารถนาของเขาคือ บิดเบือน เปลี่ยนแปลง และดัดแปลงความจริงที่ได้รับการเปิดเผย เขาต้องการหลอกเรา เราบางคนจึงหลงทางไประหว่างการเดินทางกลับไปยังบ้านแห่งสวรรค์ของเรา
พระคัมภีร์สอนเราถึงวิธีหลีกเลี่ยงคำสอนเท็จ ตัวอย่างเช่น ในจดหมายของเปาโลถึงทิโมธีมีความว่า
“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม:
“เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16–17)
หลักคำสอนนี้สำคัญต่อศาสนจักรเหมือนกับแบตเตอรี่สำคัญต่อโทรศัพท์มือถือ เมื่อเอาแบตเตอรี่ออกจากโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์จะใช้การไม่ได้ ศาสนจักรที่ไม่ได้สอนหลักคำสอนที่แท้จริงอีกต่อไปฉันใดย่อมไร้ประโยชน์ฉันนั้น ศาสนจักรย่อมไม่สามารถนำเรากลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์และบ้านนิรันดร์ของเราได้
II. การจัดตั้งและระเบียบของฐานะปุโรหิต
หลังจากที่เราเริ่มเข้าใจหลักคำสอนเบื้องต้นของพระคริสต์ หลักแห่งความเชื่อข้อที่ห้า และ หก สอนเราเรื่องการจัดตั้งและระเบียบของฐานะปุโรหิต ภายใต้การกำกับดูแลจากพระเจ้า โจเซฟ สมิธ จัดตั้งศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดโดยใช้สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต—อำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคือการจัดตั้งเดียวกันกับที่พระคริสต์ทรงจัดตั้งและกำกับดูแลขณะทรงอยู่บนแผ่นดินโลก
ช่างเป็นวันอันรุ่งโรจน์เพียงใดสำหรับโจเซฟ สมิธ และออลิเวอร์ คาวเดอรี ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1829 เมื่อพวกท่านเข้าไปในป่าเพื่อสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับหลักคำสอนเรื่องการบัพติศมาเพื่อการปลดบาปที่พวกท่านได้อ่านระหว่างการแปลพระคัมภีร์มอรมอน มีคำสอนเกี่ยวกับบัพติศมาที่ได้รับการสอนโดยศาสนจักรต่างๆ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1800 และโจเซฟกับออลิเวอร์ทราบว่าคำสอนเหล่านั้นไม่เป็นความจริงทั้งหมด พวกท่านต้องการทราบเกี่ยวกับการปฏิบัติบัพติศมาที่ถูกต้องและอีกทั้งใครมีสิทธิอำนาจที่จะให้บัพติศมา
ในคำตอบการสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า ยอห์นผู้ถวายบัพติศมา ผู้ส่งสารจากสวรรค์มาปรากฏต่อพวกท่าน ยอห์นวางมือบนศีรษะคนทั้งสอง และประสาทสิทธิอำนาจการให้บัพติศมาแก่พวกท่านพร้อมด้วยถ้อยคำเหล่านี้ “แก่ท่านเพื่อนผู้ร่วมรับใช้ทั้งหลายของข้าพเจ้า, ในพระนามของพระเมสสิยาห์ ข้าพเจ้าประสาทฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน” (คพ. 13:1)
ช่างเป็นวันอันน่าอัศจรรย์ในประวัติศาสตร์ของโลก! ฐานะปุโรหิตได้รับการฟื้นฟูมาสู่แผ่นดินโลก
เมื่อเราได้รับฐานะปุโรหิต เราได้รับสิทธิอำนาจที่จะกระทำในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าและนำในทางแห่งความจริงและความชอบธรรม สิทธิอำนาจนี้เป็นที่มาอันสำคัญยิ่งของอำนาจที่ชอบธรรมและอิทธิพลเพื่อประโยชน์ของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก และจะคงอยู่ต่อไปหลังม่าน จำเป็นที่ฐานะปุโรหิตจะได้รับการฟื้นฟูก่อนศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์จะได้รับการจัดตั้ง นี่คือบทเรียนพื้นฐานที่เราเรียนรู้จากหลักแห่งความเชื่อข้อที่ห้า และหก
III. แหล่งช่วยนิรันดร์ในการเดินทางแห่งมรรตัย
หลักแห่งความเชื่อสามข้อต่อไป—เจ็ดแปด และ เก้า—อธิบายถึงแหล่งช่วยที่มีไว้เพื่อให้คำแนะนำในการเดินทางแห่งมรรตัยของเรา เราได้รับของประทานจากพระวิญญาณเพื่อนำทางเราเมื่อเราทำตามคำสอนของพระเจ้าและเพื่อปกป้องเราจากความชั่วร้าย พระคัมภีร์เป็นการนำทางอีกทางหนึ่ง—หากเราอ่านพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าอย่างละเอียด พระองค์จะทรงเปิดเผยเส้นทางกลับไปสู่ชีวิตนิรันดร์ให้แก่เรา
หลักแห่งความเชื่อข้อที่เก้า สอนเราว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยมาแล้ว ทรงเปิดเผยขณะนี้ และจะทรงเปิดเผยความจริงสำคัญและยิ่งใหญ่อีกหลายเรื่องแก่ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยของพระองค์ เราเรียนรู้ว่านอกจากการฟังพระสุรเสียงอันสงบแผ่วเบาของพระวิญญาณและการอ่านพระคัมภีร์แล้ว ที่มาของการนำทางอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้นำศาสนจักรของเรา ผู้ได้รับเลือก ได้รับเรียก และวางมือมอบหน้าที่เพื่อเป็นพรแก่ชีวิตเราตลอดบทเรียนที่พวกเขาสอน
IV. สมาชิกผู้สอนศาสนา
หลักแห่งความเชื่อข้อที่สิบสิบเอ็ด และ สิบสอง สอนเราถึงการดำเนินงานเผยแผ่ศาสนาและแบ่งปันพระกิตติคุณในโลกที่มีหลายประเทศและกฎหมายที่แตกต่างกัน เราเรียนรู้เกี่ยวกับการรวบรวมอิสราเอลในการเตรียมสำหรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด เราได้รับคำแนะนำว่าชายและหญิงมีสิทธิ์เสรีของตนเอง และพวกเขาสามารถยอมรับหรือปฏิเสธพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าตามมโนธรรมของพวกเขาเองได้ สุดท้าย เราเรียนรู้ขณะที่เราเผยแผ่พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไปสู่สี่มุมโลกว่าเราต้องเคารพการปกครองของแต่ละประเทศที่เราเข้าไป ตามจริงแล้ว เราเชื่อในการเชื่อฟัง การยกย่อง และการสนับสนุนกฎหมายในแต่ละประเทศ
V. คุณสมบัติที่พึงปรารถนา
หลักแห่งความเชื่อข้อที่สิบสาม ให้ข้อคิดพิเศษว่าเราพึงดำเนินชีวิตและปฏิบัติตนอย่างไร โดยมีใจความว่า “เราเชื่อในการเป็นคนซื่อสัตย์, แน่วแน่, บริสุทธิ์, มีเมตตา, มีคุณธรรม, และในการทำดีต่อมนุษย์ทั้งปวง; โดยแท้แล้ว, เราอาจกล่าวได้ว่าเราทำตามคำแนะนำของเปาโล—เราเชื่อทุกสิ่ง, เราหวังทุกสิ่ง, เรายืนหยัดมาแล้วหลายสิ่ง, และหวังว่าจะสามารถยืนหยัดได้ทุกสิ่ง. หากมีสิ่งใดที่เป็นคุณธรรม, งดงาม, หรือกล่าวขวัญกันว่าดีหรือควรค่าแก่การสรรเสริญ, เราแสวงหาสิ่งเหล่านี้”
เราทุกคนควรทำตนให้มีคุณสมบัติดังกล่าวและนำชีวิตทั้งหลายโดยเป็นแบบอย่างในการทำตามสิ่งเหล่านี้ ความจริงที่สอนในหลักแห่งความเชื่อค้ำจุนกันและกันดังส่วนประกอบต่างๆ ของโทรศัพท์มือถือที่เกื้อหนุนกัน เสมือนชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างสลับซับซ้อนซึ่งเป็นส่วนประกอบของโทรศัพท์มือถือ หลักแห่งความเชื่อก็เสริมสร้างหลักคำสอนแห่งการฟื้นฟูที่สำคัญแก่เรา หลักแห่งความเชื่อแต่ละข้อเพิ่มเติมคุณค่าเป็นพิเศษให้กับความเข้าใจที่เรามีต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ครูปฐมวัยของข้าพเจ้าค่อยๆ ช่วยข้าพเจ้าเพิ่มปณิธานในการศึกษาหลักคำสอนของอาณาจักร เธอสอนข้าพเจ้าให้แสวงหาความหมายอันลึกซึ้งที่มีอยู่ในหลักแห่งความเชื่ออันเรียบง่ายเหล่านี้ เธอสัญญากับข้าพเจ้าว่าหากข้าพเจ้าทุ่มเทเรียนรู้ความจริงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ความรู้ที่ข้าพเจ้าได้มาจะเปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้าให้ดีขึ้น และข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านว่าความรู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงข้าพเจ้าจริงๆ
หลังจากบทเรียนอันยอดเยี่ยมของครูข้าพเจ้า บนภูเขาในโลแกนแคนยอน เราสังเกตว่าเราอยู่ที่นั่นนานกว่าที่ตั้งใจไว้เล็กน้อย ใกล้หมดวันเต็มทีและเราตระหนักว่าเรามีปัญหาแล้ว
ครูของข้าพเจ้าฟันฝ่ามาถึงสถานที่พิเศษของเรา แต่การกลับบ้านเป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา อันเกิดจากการเลือกสถานที่ซึ่งไม่ดีนักให้กับชั้นเรียนนอกสถานที่ของเรา การปีนกลับไปเป็นเรื่องยากสำหรับเรา และยากยิ่งกว่าสำหรับคนในวัยของครู
ขณะพยายามช่วยเธอกลับไปบนเนินเขา ตำรวจสองคนก็มาถึง ประธานปฐมวัยส่งพวกเขามาตามหาเรา เพราะกลัวเราหลงทาง เรื่องราวของเหตุการณ์และบทเรียนที่สอนทำให้เกิดประสบการณ์ที่น่าจดจำในชีวิตข้าพเจ้า
ท่าน เยาวชนชาย—ข้าพเจ้ากระตุ้นท่านให้ใช้สติปัญญาในการศึกษาและเรียนรู้หลักแห่งความเชื่อและหลักคำสอนที่สอนไว้ในนั้น นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดและแน่นอน เป็นถ้อยแถลงที่กระชับที่สุดในบรรดาหลักคำสอนในศาสนจักร หากท่านจะใช้เป็นแนวทางเพื่อนำทางการศึกษาพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ของท่าน ท่านจะพบว่าท่านพร้อมจะประกาศคำพยานถึงความจริงที่ได้รับการฟื้นฟูต่อโลก ท่านจะสามารถประกาศความเชื่อพื้นฐานที่ท่านยึดมั่นในวิธีที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และลึกซึ้งได้ในฐานะสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ข้าพเจ้าเพิ่มเติมประจักษ์พยานของข้าพเจ้าต่อความเป็นจริงของหลักแห่งความเชื่อสิบสามข้อ ในพระนามของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แม้พระเยซูคริสต์ เอเมน