2010–2019
พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์กับแผนแห่งความรอด
เมษายน 2017


NaN:NaN

พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์กับแผนแห่งความรอด

เพราะเรามีความจริงเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์และความสัมพันธ์ของเราต่อทั้งสามพระองค์ เราจึงมีแผนที่อันเป็นเลิศสำหรับการเดินทางผ่านความเป็นมรรตัยของเรา

I.

หลักแห่งความเชื่อข้อแรก ประกาศว่า “เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, และในพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์, และในพระวิญญาณบริสุทธิ์” เราก็เหมือนกับชาวคริสต์อื่นๆ ที่เชื่อในพระบิดาและพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่เราเชื่อเกี่ยวกับทั้งสามพระองค์นั้นแตกต่างจากที่ผู้อื่นเชื่อ เราไม่เชื่อในสิ่งที่โลกของชาวคริสต์เรียกว่าหลักตรีเอกานุภาพ ในนิมิตแรก โจเซฟ สมิธเห็นพระอติรูปที่แตกต่างกันสองพระองค์ พระสัตภาวะสองพระองค์ จึงทำให้เข้าใจชัดเจนว่าความเชื่อที่มีอยู่สมัยนั้นเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ไม่เป็นความจริง

ในทางตรงกันข้ามกับความเชื่อที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงลี้ลับเกินกว่าจะเข้าใจได้และไม่อาจรู้ได้ คือความจริงที่ว่าพระอุปนิสัยของพระผู้เป็นเจ้าและความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์เป็นที่รู้ได้และเป็นกุญแจสู่ทุกสิ่งทุกอย่างในหลักคำสอนของเรา พระคัมภีร์ไบเบิลบันทึกคำสวดอ้อนวอนที่พระเยซูทรงวิงวอนแทนเรา พระองค์ทรงประกาศว่า “นี่แหละคือชีวิตนิ‌รันดร์ คือการที่พวก‍เขารู้‍จักพระ‍องค์ ผู้ทรงเป็นพระ‍เจ้าเที่ยง‍แท้องค์เดียว และรู้‍จักพระ‍เยซู‍คริสต์ที่พระ‍องค์ทรงใช้มา” (ยอห์น 17:3)

พระคัมภีร์ไบเบิล

ความพยายามรู้จักพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์เริ่มต้นก่อนความเป็นมรรตัยและจะไม่จบลงที่นี่ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่า “แต่ก่อนที่ท่านจะเรียน [หลักธรรมทั้งหมดของความสูงส่ง] ต้องใช้เวลาอีกนานหลังจากท่านผ่านม่านไป”1 เราเสริมต่อจากความรู้ที่เราได้รับในโลกวิญญาณก่อนเกิด ฉะนั้น เพื่อพยายามสอนชาวอิสราเอลเรื่องพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าและความสัมพันธ์ของพระองค์กับบุตรธิดา ศาสดาพยากรณ์อิสยาห์กล่าว ดังที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า

“ท่าน‍ทั้ง‍หลายจะเปรียบพระ‍เจ้าเหมือนกับใครหรือเปรียบพระ‍องค์คล้ายกับอะไร? …

“พวก‍ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้‍ยินไม่ใช่หรือ? พวก‍ท่านได้รับการบอกกล่าวตั้ง‍แต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านไม่เข้า‍ใจเรื่องราก‍ฐานของแผ่น‍ดินโลกหรือ?” (อิสยาห์ 40:18, 21)

เราทราบว่าสมาชิกของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์เป็นพระสัตภาวะที่แยกจากกันและแตกต่างกัน เราทราบเรื่องนี้จากคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ “พระบิดาทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูกสัมผัสได้ดังของมนุษย์; พระบุตรก็เช่นกัน; แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูก, แต่เป็นรูปกายที่เป็นวิญญาณ. หากไม่เป็นเช่นนั้น, พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตในพวกเราไม่ได้” (คพ. 130:22)

สืบเนื่องจากตำแหน่งสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ ตลอดจนบทบาทของพระอติรูปแต่ละพระองค์ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟอธิบายว่า

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“บุคคลใดก็ตามที่เคยเห็นท้องฟ้าเปิดจะรู้ว่ามีสามพระองค์ในสวรรค์ผู้ทรงถือกุญแจแห่งอำนาจ และองค์หนึ่งทรงควบคุมทั้งหมด …

“… ทั้งสามพระองค์ … ทรงมีพระนามว่าพระผู้เป็นเจ้าองค์แรก พระผู้สร้าง พระผู้เป็นเจ้าองค์ที่สอง พระผู้ไถ่ และพระผู้เป็นเจ้าองค์ที่สาม พระผู้ทรงเป็นพยานหรือพระผู้ตรัสคำพยาน

“[นั่นคือ] สิทธิโดยชอบของพระบิดาที่จะทรงควบคุมในฐานะหัวหน้าหรือประธาน พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไกล่เกลี่ย และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานหรือตรัสคำพยาน”2

II. แผน

เราเข้าใจความสัมพันธ์ของเรากับสมาชิกของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์จากสิ่งที่เปิดเผยเกี่ยวกับแผนแห่งความรอด

คำถามเช่น “เรามาจากไหน” “เรามาที่นี่ทำไม” และ “เราจะไปไหน” มีคำตอบอยู่ในสิ่งที่พระคัมภีร์เรียกว่า “แผนแห่งความรอด” “แผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข” หรือ “แผนแห่งการไถ่” (แอลมา 42:5, 8, 11) พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางของแผนนี้

ในฐานะบุตรธิดาทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า ในการดำรงอยู่ก่อนความเป็นมรรตัย เราปรารถนาชีวิตนิรันดร์เป็นจุดหมายแต่ไม่ก้าวหน้าไปกว่าที่เราทำได้หากปราศจากประสบการณ์มรรตัยในร่างกาย เพื่อให้โอกาสนั้น พระบิดาบนสวรรค์ทรงควบคุมดูแลการสร้างโลกนี้ ที่ความทรงจำในเรื่องก่อนเกิดถูกริบไป เราสามารถพิสูจน์ความเต็มใจของเราในการรักษาพระบัญญัติและได้รับประสบการณ์พร้อมกับเติบโตผ่านความท้าทายอื่นๆ ของชีวิตมรรตัย แต่ในประสบการณ์มรรตัยนั้น และสืบเนื่องจากการตกของบิดามารดาแรกของเรา เราจะประสบกับความตายทางวิญญาณโดยถูกตัดออกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า แปดเปื้อนด้วยบาป และต้องได้รับความตายทางร่างกาย แผนของพระบิดามุ่งหวังและจัดเตรียมหนทางที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น

III. พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์

เมื่อทราบจุดประสงค์ของแผนอันสำคัญยิ่งของพระผู้เป็นเจ้า ต่อไปนี้เราจะพิจารณาบทบาทที่สมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ทรงมีในแผนนั้น

เราเริ่มด้วยคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิล เพื่อทิ้งท้ายจดหมายฉบับที่สองที่จะส่งไปให้ชาวโครินธ์ อัครสาวกเปาโลอ้างถึงพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยมิได้คิดล่วงหน้ามาก่อน “ขอให้พระ‍คุณของพระ‍เยซู‍คริสต์องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า ความรักของพระ‍เจ้า และการมีส่วนกัน [หรือ “สัมพันธภาพ”3] ที่มาจากพระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่าน‍ทั้ง‍หลายทุกคนเถิด” (2 โครินธ์ 13:14)

พระคัมภีร์ไบเบิลข้อนี้แสดงถึงพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์และอ้างอิงความรักที่เป็นแรงจูงใจและนิยามไว้ชัดเจนถึงพระผู้เป็นเจ้า พระบิดา ถึงพระพันธกิจแห่งความรอดอันเป็นพระเมตตาของพระเยซูคริสต์ และถึงสัมพันธภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา

ทั้งหมดเริ่มที่พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา ขณะที่เราทราบเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับพระองค์ สิ่งที่เราทราบนั้นสำคัญมากในการเข้าใจตำแหน่งอันสูงสุดของพระองค์ ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์ และบทบาทการควบคุมดูแลของพระองค์ในแผนแห่งความรอด การสร้าง และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดที่ตามมา

ดังที่เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีเขียนไว้ก่อนท่านถึงแก่กรรม “ในความหมายที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของคำ มีพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์และแท้จริงเพียงองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นพระบิดา เอโลฮิมผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้ทรงเป็นเหนือทุกสิ่ง พระผู้สร้างและปกครองจักรวาล”4 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาของพระเยซูคริสต์ และของเราด้วย ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์สอนว่า “ความจริงพื้นฐานอย่างแรกที่พระเยซูคริสต์ทรงสนับสนุนคือความจริงที่ว่ามีผู้กำกับดูแลทุกสิ่งซึ่งคือพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก”5

สิ่งที่เราทราบเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาคือสิ่งที่เราเรียนรู้เกือบทั้งหมดได้จากการปฏิบัติศาสนกิจและคำสอนของพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ดังที่เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์สอนไว้ จุดประสงค์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคือการเปิดเผยต่อมนุษย์ว่า “พระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเรา … ทรงเป็นอย่างไร … [เพื่อ] เปิดเผยและทรงทำให้พระลักษณะที่แท้จริงของพระบิดาของพระองค์ พระบิดาในสวรรค์ของเราเป็นเรื่องใกล้ตัวเรา”6 พระคัมภีร์ไบเบิลมีพยานของอัครสาวกว่าพระเยซู “ทรงมีแก่น‍แท้เดียว” กับพระบิดา (ฮีบรู 1:3) ซึ่งเพียงขยายความคำสอนของพระเยซูที่ว่า “คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระ‍บิดา” (ยอห์น 14:9)

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาคือพระบิดาของวิญญาณเรา เราเป็นบุตรธิดาของพระองค์ พระองค์ทรงรักเรา และพระองค์ทรงทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์นิรันดร์ของเรา พระองค์คือผู้สร้างแผนแห่งความรอด และโดยเดชานุภาพของพระองค์ที่แผนของพระองค์บรรลุจุดประสงค์เพื่อรัศมีภาพนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระองค์

พระบุตร

สำหรับมนุษย์แล้วสมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือพระเยซูคริสต์ ถ้อยแถลงหลักคำสอนสำคัญที่ฝ่ายประธานสูงสุดประกาศไว้เมื่อปี 1909 กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็น “พระบุตรหัวปีในบรรดาบุตรทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า—พระผู้ถือกำเนิดองค์แรกในวิญญาณ และเป็นพระผู้ถือกำเนิดพระองค์เดียวในเนื้อหนัง”7 พระบุตร ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้รับเลือกโดยพระบิดาให้ดำเนินการแผนของพระบิดาให้ลุล่วง—ให้ใช้เดชานุภาพของพระบิดาในการสร้างโลกที่สุดจะคณานับ (ดู โมเสส 1:33) และให้ช่วยชีวิตบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าจากความตายด้วยการฟื้นคืนพระชนม์และจากบาปด้วยการชดใช้ของพระองค์ การเสียสละอันสูงส่งนี้จึงเรียกว่า “การกระทำอันเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์มวลมนุษย์”8 อย่างแท้จริง

พระเจ้า พระเยซูคริสต์

ในโอกาสที่พิเศษและศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเมื่อพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงแนะนำพระบุตรด้วยพระองค์เอง พระองค์ตรัสว่า “ท่านผู้‍นี้เป็นบุตรที่‍รักของเรา จงเชื่อ‍ฟังท่านเถิด” (มาระโก 9:7; ลูกา 9:35; ดู 3 นีไฟ 11:7; โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17 ด้วย) ฉะนั้นพระเยซูคริสต์ พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล คือผู้ที่ตรัสกับศาสดาพยากรณ์และตรัสผ่านพวกท่านเหล่านั้น9 นั่นคือเหตุผลที่ว่าเมื่อพระเยซูทรงปรากฏต่อชาวนีไฟหลังการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงแนะนำพระองค์เองว่าเป็น “พระผู้เป็นเจ้าของทั้งแผ่นดินโลก” (3 นีไฟ 11:14) นั่นคือเหตุผลที่ว่าพระเยซูมักจะตรัสกับศาสดาพยากรณ์ของพระคัมภีร์มอรมอนและต่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในฐานะ “พระบิดาและพระบุตร” พระนามที่อธิบายไว้ในคำแถลงหลักคำสอนที่ได้รับการดลใจของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองเมื่อเพียง 100 ปีที่ผ่านมา10

พระวิญญาณบริสุทธิ์

สมาชิกองค์ที่สามของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ บางครั้งเรียกว่าพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พระวิญญาณของพระเจ้า และพระผู้ปลอบโยนเช่นกัน พระองค์คือสมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ที่เป็นผู้แทนของการเปิดเผยส่วนตัว ในฐานะพระอติรูปที่เป็นวิญญาณ (ดู คพ. 130:22) พระองค์ทรงสามารถสถิตอยู่ในเราและทำหน้าที่สำคัญของการเป็นผู้สื่อสารระหว่างพระบิดาและพระบุตรกับลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก พระคัมภีร์หลายข้อสอนว่าพระพันธกิจของพระองค์คือเพื่อเป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร (ดู ยอห์น 15:26; 3 นีไฟ 28:11; คพ. 42:17) พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่าพระผู้ปลอบโยนจะทรงสอนทุกสิ่ง ทำให้เราระลึกถึงทุกสิ่ง และนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล (ดู ยอห์น 14:26; 16:13) ฉะนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้เราแยกแยะออกระหว่างความจริงกับความเท็จ ทรงนำเราในการตัดสินใจครั้งสำคัญ และทรงช่วยเราผ่านความท้าทายในความเป็นมรรตัย11 พระองค์ยังทรงเป็นวิธีซึ่งเราจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ นั่นคือสะอาดและบริสุทธิ์จากบาป (ดู 2 นีไฟ 31:17; 3 นีไฟ 27:20; โมโรไน 6:4)

IV.

ดังนั้น การเข้าใจหลักคำสอนที่สวรรค์เปิดเผยเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์และแผนแห่งความรอดช่วยเรารับมือกับความท้าทายของเราทุกวันนี้อย่างไร

เพราะเรามีความจริงเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์และความสัมพันธ์ของเราต่อทั้งสามพระองค์ จุดประสงค์ของชีวิต และลักษณะของจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเรา เราจึงมีแผนที่และการรับประกันที่เป็นเลิศสำหรับการเดินทางผ่านความเป็นมรรตัยของเรา เรารู้ว่าเรานมัสการใครและเพราะเหตุใด เรารู้ว่าเราเป็นใครและสามารถเป็นใครได้ (ดู คพ. 93:19) เรารู้ว่าใครทำให้ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ และเรารู้ว่าเราต้องทำสิ่งใดเพื่อจะเบิกบานใจกับพรสูงสุดที่มาโดยแผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า เรารู้ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร เรารู้จากการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้าต่อศาสดาพยากรณ์และต่อเราแต่ละคน

การบรรลุสิ่งที่อัครสาวกเปาโลอธิบายว่า “โตเต็มถึงขนาดความบริ‌บูรณ์ของพระ‍คริสต์” (เอเฟซัส 4:13) เรียกร้องมากกว่าแค่การได้มาซึ่งความรู้ เพียงแต่ เชื่อมั่น ในพระกิตติคุณเท่านั้นยังไม่พอ เราต้องกระทำและคิด ทั้งนี้เพื่อพระกิตติคุณจะทำให้เรา เปลี่ยนใจเลื่อมใส ตรงกันข้ามกับสถาบันอื่นๆ ของโลก ที่สอนเราให้ รู้ บางสิ่งบางอย่าง แผนแห่งความรอดและพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ท้าทายให้เรา เป็น บางสิ่งบางอย่าง

ประธานโธมัสเอส. มอนสัน

ดังที่ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอนเราในการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่แล้ว

“ส่วนสำคัญต่อแผนคือพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ หากไม่มีการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ ทุกคนจะหลงหายไป อย่างไรก็ตาม การเชื่อในพระองค์และพันธกิจของพระองค์เพียงอย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องลงมือทำ เรียนรู้ ค้นหาและสวดอ้อนวอน กลับใจและปรับปรุงตนเอง เราต้องรู้จักกฎของพระผู้เป็นเจ้าและดำเนินชีวิตตามนั้น เราต้องรับศาสนพิธีแห่งความรอดของพระองค์ เราจะได้รับความสุขนิรันดร์ที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้ …

“จากส่วนลึกของจิตวิญญาณข้าพเจ้าด้วยความนอบน้อมอย่างที่สุด” ประธานมอนสันประกาศ “ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงของประทานอันสำคัญยิ่ง คือแผนของพระบิดาสำหรับเรา เป็นเส้นทางที่สมบูรณ์ทางเดียวที่นำไปสู่สันติและความสุขทั้งที่นี่และในโลกที่จะมาถึง”12

ข้าพเจ้าขอเพิ่มประจักษ์พยานของข้าพเจ้าถึงสิ่งที่ประธานผู้เป็นศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรากล่าวไว้ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเรามีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงนำทางเรา และข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 289.

  2. คำสอน: โจเซฟ สมิธ, 43–44.

  3. นี่เป็นความหมายทั่วไปของคำว่า การมีส่วนกัน เมื่อผู้แปลฉบับ King James เลือกใช้คำนั้น (ดู The Oxford Universal Dictionary, 3rd ed., rev. [1955], 352).

  4. Bruce R. McConkie, A New Witness for the Articles of Faith (1985), 51.

  5. เดวิด โอ. แมคเคย์, ใน Conference Report, Oct. 1935, 100.

  6. เจฟฟรีย์  อาร์. ฮอลแลนด์, “ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 84.

  7. ฝ่ายประธานสูงสุด, “The Origin of Man,” Ensign, Feb. 2002, 26, 29.

  8. ดู, ตัวอย่างเช่น, รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ดึงพลังของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 40; “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก,” เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 2.

  9. ดู โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ, Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie (1954), 1:27.

  10. ดู ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสอง, “The Father and the Son,” Ensign, Apr. 2002, 13–18.

  11. ดู โรเบิร์ต ดี. เฮลส์, “พระวิญญาณบริสุทธิ์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2016, 105–107.

  12. โธมัส เอส. มอนสัน, “เส้นทางที่สมบูรณ์ซึ่งนำไปสู่ความสุข,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 80–81.