การประชุมใหญ่สามัญ
พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำบางสิ่งที่สุดจินตนาการ
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2020


15:17

พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำบางสิ่งที่สุดจินตนาการ

พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมบุตรธิดาและศาสนจักรของพระองค์ไว้สำหรับเวลานี้

หลังจากมาถึงหุบเขาซอลท์เลคได้ไม่นาน วิสุทธิชนยุคสุดท้ายก็เริ่มสร้างพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของตน พวกเขารู้สึกว่าพบที่แห่งหนึ่งที่สามารถนมัสการพระผู้เป็นเจ้าอย่างสงบและเป็นอิสระจากการข่มเหง

แต่เมื่อวางรากฐานพระวิหารจวนแล้วเสร็จ ทหารสหรัฐกองหนึ่งเข้ามาใช้กำลังตั้งผู้ว่าการคนใหม่

เพราะผู้นำศาสนจักรไม่ทราบว่ากองทหารจะมุ่งร้ายเพียงใด บริคัม ยังก์จึงสั่งให้วิสุทธิชนอพยพและกลบรากฐานพระวิหาร

ข้าพเจ้าแน่ใจว่าสมาชิกศาสนจักรบางคนสงสัยว่าเหตุใดการพยายามสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจึงล้มเหลวมาโดยตลอด

อันตรายผ่านไปในที่สุด พวกเขาขุดดินออกจากรากฐานพระวิหารและสำรวจ ตอนนั้นเองที่ผู้ก่อสร้างซึ่งเป็นผู้บุกเบิกค้นพบว่าหินทรายก้อนเดิมมีรอยแตกร้าวบางก้อน ทำให้ไม่เหมาะจะเป็นฐานราก

บริคัมจึงให้พวกเขาซ่อมฐานรากเพื่อจะได้แข็งแรงพอจะรองรับผนังหินแกรนิต1ของพระวิหารซอลท์เลคหลังมหึมาได้2 ในที่สุดวิสุทธิชนก็สามารถร้องเพลงสวด “ฐานมั่นคงหนักหนา”3 และรู้ว่าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์สร้างอยู่บนรากฐานมั่นคงที่จะยั่งยืนต่อไปหลายชั่วคน

รากฐานพระวิหารซอลท์เลค

เรื่องนี้สอนเราได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ความยากลำบากทำให้จุดประสงค์ของพระองค์บรรลุ

การระบาดทั่วโลก

ถ้าฟังดูคล้ายสภาวการณ์ของเราในเวลานี้ นั่นก็เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่ได้ยินเสียงหรืออ่านคำพูดข้าพเจ้าล้วนได้รับผลกระทบจากการระบาดทั่วโลกครั้งนี้

ถึงคนที่โศกเศร้าเพราะสูญเสียครอบครัวและมิตรสหาย เราโศกเศร้ากับท่าน เราวิงวอนพระบิดาบนสวรรค์ให้ทรงปลอบโยนและปลอบขวัญท่าน

ผลระยะยาวของไวรัสตัวนี้ไม่ใช่แค่สุขภาพร่างกาย หลายครอบครัวสูญเสียรายได้และถูกคุกคามจากความหิว ความไม่แน่นอน และความหวาดหวั่น เราชื่นชมความไม่เห็นแก่ตัวของคนจำนวนมากที่ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ เรารู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละอย่างเงียบๆ และความพยายามอันสูงส่งของคนที่เสี่ยงอันตรายเข้าช่วยเหลือ รักษา และสนับสนุนคนที่เดือดร้อน ใจเราเปี่ยมด้วยความสำนึกคุณต่อความดีงามและความเห็นอกเห็นใจของท่าน

เราสวดอ้อนวอนอย่างสุดกำลังขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดหน้าต่างสวรรค์และเติมพรนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้าให้ชีวิตท่าน

เราเป็นเมล็ด

ยังมีอีกมากที่เราไม่รู้เกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้คือไวรัสตัวนี้ไม่ได้ทำให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงประหลาดใจ พระองค์ทรงไม่จำเป็นต้องรวมพลเหล่าเทพเพิ่ม เรียกประชุมฉุกเฉิน หรือให้บุคลากรจากแผนกสร้างโลกมารับมือกับวิกฤตการณ์ที่ไม่คาดคิด

ข่าวสารของข้าพเจ้าวันนี้คือ ถึงแม้การแพร่ระบาดครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการหรือคาดหวัง แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมบุตรธิดาและศาสนจักรของพระองค์ไว้สำหรับเวลานี้

เราจะอดทน ใช่ แต่เราจะทำมากกว่าขบฟันอยู่เฉยๆ และรอให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม เราจะเดินหน้าต่อไป และผลที่ได้คือเราจะดีขึ้น

ในด้านหนึ่ง เราเป็นเมล็ด เพื่อให้เมล็ดบรรลุศักยภาพของมัน เราต้องฝังเมล็ดก่อนมันจึงจะงอกได้ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าแม้บางครั้งเราจะรู้สึกว่าการทดลองของชีวิตฝังเราหรือความมืดทางอารมณ์ห้อมล้อมเรา แต่ความรักของพระผู้เป็นเจ้าและพรของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์จะทำให้สิ่งที่สุดจินตนาการงอกออกมา

พรมาจากความยากลำบาก

ทุกสมัยการประทานล้วนเผชิญช่วงเวลาของการทดลองและความยากลำบาก

เอโนคกับผู้คนอยู่ในยุคของความชั่วร้าย สงคราม และการนองเลือด “แต่พระเจ้าเสด็จมาและทรงพำนักกับผู้คนของพระองค์” พระองค์ทรงมีบางสิ่งที่สุดจินตนาการเตรียมไว้ให้พวกเขา พระองค์ทรงช่วยพวกเขาสถาปนาไซอัน—ผู้คนที่ “มีจิตใจเดียวและความคิดเดียว” ซึ่ง “ดำรงอยู่ในความชอบธรรม”4

เด็กหนุ่มโยเซฟ บุตรของยาโคบ ถูกโยนลงหลุม ถูกขายไปเป็นทาส ถูกทรยศ และถูกทอดทิ้ง5 โยเซฟต้องสงสัยแน่นอนว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงลืมเขาแล้วหรือ พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบางสิ่งที่สุดจินตนาการเตรียมไว้ให้โยเซฟ พระองค์ทรงใช้การทดลองช่วงนี้เสริมความแข็งแกร่งให้อุปนิสัยของโยเซฟและวางเขาไว้ในตำแหน่งที่จะช่วยครอบครัวให้รอด6

โจเซฟในคุกลิเบอร์ตี้

ลองนึกถึงโจเซฟ สมิธศาสดาพยากรณ์ขณะถูกจองจำในคุกลิเบอร์ตี้ว่าท่านทูลขอให้ทรงบรรเทาทุกข์วิสุทธิชนอย่างไร ท่านต้องสงสัยแน่นอนว่าจะสถาปนาไซอันในสภาวการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร แต่พระเจ้าตรัสให้ความสงบแก่ท่าน และการเปิดเผยอันเรืองโรจน์ที่ตามมานำความสงบมาสู่วิสุทธิชน—และยังคงนำความสงบมาสู่ท่านกับข้าพเจ้า7

วิสุทธิชนหมดหวังและสงสัยกี่ครั้งในช่วงปีแรกๆ ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงลืมพวกเขาแล้วหรือ? แต่โดยผ่านการข่มเหง ภยันตราย และการขู่กำจัดให้สิ้นซาก พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลทรงมีสิ่งอื่นเตรียมไว้ให้ฝูงแกะเล็กๆ ของพระองค์ บางสิ่งสุดจินตนาการ

เราเรียนรู้อะไรจากตัวอย่างเหล่านี้—และอีกหลายร้อยตัวอย่างในพระคัมภีร์?

หนึ่ง คนชอบธรรมไม่ได้รับบัตรผ่านฟรีที่ยอมให้พวกเขาเลี่ยงหุบเขาเงามัจจุราช เราทุกคนต้องเดินผ่านช่วงเวลายากๆ เพราะในเวลาของความยากลำบากเหล่านี้เราเรียนรู้หลักธรรมที่เสริมสร้างอุปนิสัยของเราและทำให้เราเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น

สอง พระบิดาบนสวรรค์ทรงทราบว่าเราประสบความทุกข์ และเพราะเราเป็นบุตรธิดาของพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา8

ลองนึกถึงองค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงมีพระเมตตา ผู้ทรงใช้พระชนม์ชีพส่วนใหญ่ปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้เจ็บป่วย คนอ้างว้าง คนสงสัย คนสิ้นหวัง9 ท่านคิดว่าพระองค์ทรงเป็นห่วงท่านทุกวันนี้น้อยกว่าคนเหล่านั้นหรือ?

เพื่อนที่รัก พี่น้องที่รักทั้งหลาย พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดูแลและทรงนำทางท่านในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนและความกลัวเหล่านี้ พระองค์ทรงรู้จักท่าน ทรงได้ยินคำวิงวอนของท่าน พระองค์ทรงซื่อสัตย์และพึ่งพาได้ และจะทรงทำให้สัญญาของพระองค์เป็นจริง

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบางสิ่งสุดจินตนาการเตรียมไว้ให้ท่านโดยส่วนตัวและศาสนจักรโดยรวม นั่นคือ งานอัศจรรย์และการอันน่าพิศวง

เราขอบพระทัยสำหรับศาสดา

วันที่ดีที่สุดของเราอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ข้างหลัง นี่คือสาเหตุที่พระผู้เป็นเจ้าประทานการเปิดเผย ยุคปัจจุบัน แก่เรา! หากปราศจากการเปิดเผย ชีวิตอาจรู้สึกเหมือนการบินวนขณะรอหมอกจางเพื่อจะได้ลงจอดอย่างปลอดภัย จุดประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราสูงกว่านั้นมาก เพราะนี่คือศาสนจักรของพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ และเพราะพระองค์ทรงบัญชาศาสดาพยากรณ์ เราจึงก้าวไปข้างหน้าและขึ้นสู่เบื้องบน สู่สถานที่ซึ่งเราไม่เคยไปมาก่อน สู่ความสูงที่เราแทบจินตนาการไม่ถึง!

นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ประสบหลุมอากาศในการบินฝ่าความเป็นมรรตัย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความล้มเหลวที่ไม่คาดคิดของอุปกรณ์ การทำงานผิดปกติของเครื่องยนต์ หรือสภาพอากาศที่เลวร้าย อันที่จริง สถานการณ์อาจแย่ลงก่อนจะดีขึ้น

ในฐานะนักบินขับไล่และกัปตันสายการบิน ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าแม้จะเลือกความยากลำบากที่จะเผชิญระหว่างบินไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าเลือกได้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรและตอบสนองอย่างไร สิ่งที่จำเป็นต้องมีในช่วงวิกฤติคือความสงบนิ่งและความวางใจอย่างมีสติ

เราจะทำได้อย่างไร?

เราต้องเผชิญข้อเท็จจริงและกลับสู่รากฐาน สู่หลักธรรมพระกิตติคุณขั้นพื้นฐาน สู่สิ่งสำคัญที่สุด ท่านต้องเพิ่มพลังให้พฤติกรรมส่วนตัวทางศาสนา—เช่น การสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ และการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ท่านต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของการปฏิบัติที่พิสูจน์แล้วว่าดีที่สุด

เน้นสิ่งที่ท่านทำได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้

ท่านต้องรวบรวมศรัทธา พยายามฟังคำชี้นำจากพระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ที่จะนำท่านสู่ความปลอดภัย

จำไว้ว่านี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์—พระองค์ทรงกุมหางเสือ

ลองนึกถึงความก้าวหน้ามากมายที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น:

  • มีการเน้นย้ำความสำคัญว่าศีลระลึกเป็นจุดศูนย์รวมการนมัสการในวันสะบาโตของเรา

  • มีการจัดทำ จงตามเรามา ให้เป็นเครื่องมือเสริมสร้างความเข้มแข็งให้บุคคลและครอบครัวโดยมีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน

  • เราเริ่มปฏิบัติศาสนกิจต่อทุกคนในวิธีที่สูงขึ้นและศักดิ์สิทธิ์ขึ้น

  • การใช้เทคโนโลยีแบ่งปันพระกิตติคุณและการทำงานของพระเจ้าแผ่ขยายไปทั่วศาสนจักร

แม้แต่การประชุมใหญ่สามัญภาคต่างๆ เหล่านี้ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีเครื่องมือสุดวิเศษของเทคโนโลยี

พี่น้องทั้งหลาย เนื่องด้วยพระคริสต์ทรงกุมหางเสือ สถานการณ์จะไม่เพียงดีเท่านั้น แต่สุดที่จะจินตนาการด้วย

งานของการรวบรวมอิสราเอลรุดหน้า

ตอนแรกอาจดูเหมือนว่าการระบาดทั่วโลกจะเป็นอุปสรรคต่องานของพระเจ้า ตัวอย่างเช่น เราไม่สามารถแบ่งปันพระกิตติคุณแบบเดิมได้ แต่โรคระบาดกำลังเผยวิธีใหม่ที่สร้างสรรค์กว่าของการเอื้อมออกไปหาคนใจสัตย์ซื่อ งานของการรวบรวมอิสราเอลกำลังเพิ่มขึ้นในพลังและความกระตือรือร้น เรื่องราวหลายร้อยหลายพันเรื่องยืนยันเรื่องนี้

เพื่อนที่ดีคนหนึ่งในนอร์เวย์ที่สวยงามเขียนถึงแฮร์เรียตและข้าพเจ้าเกี่ยวกับบัพติศมาที่เพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้ “ในหลายที่ซึ่งศาสนจักรยังเล็ก” เธอเขียน “แขนงจะกลายเป็นสาขา และสาขาจะกลายเป็นวอร์ด!!”

ในลัตเวีย สตรีคนหนึ่งค้นพบศาสนจักรโดยคลิกบนโฆษณาอินเทอร์เน็ต เธอตื่นเต้นมากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จนมาถึงก่อนเวลานัดหนึ่งชั่วโมง และขอกำหนดวันรับบัพติศมาก่อนผู้สอนศาสนาจะสอนบทแรกจบ

ในยุโรปตะวันออก สตรีคนหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้สอนศาสนาและร้องอุทานว่า “ซิสเตอร์คะ ทำไมคุณไม่โทรมาเร็วกว่านี้? ฉันรอมาตั้งนาน!”

ผู้สอนศาสนาจำนวนมากของเรามีงานยุ่งกว่าที่เคย หลายคนสอนคนมากกว่าที่เคย มีการเชื่อมสัมพันธ์มากขึ้นระหว่างสมาชิกกับผู้สอนศาสนา

ในอดีต เราอาจผูกพันอยู่กับวิธีเดิมจนต้องใช้โรคระบาดเปิดตาเรา เราอาจจะยังก่อสร้างด้วยหินทรายทั้งที่มีหินแกรนิตให้ใช้แล้ว เวลานี้เราจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้วิธีการต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีเพื่อเชื้อเชิญ—ในวิธีปกติและเป็นธรรมชาติ—ให้ผู้คนมาดู มาช่วย และมาเป็นส่วนหนึ่ง

งานของพระองค์ วิธีของพระองค์

นี่คืองานของพระเจ้า พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เราหาวิธีของพระองค์ในการทำงานนั้น และวิธีนั้นอาจต่างจากประสบการณ์ในอดีตของเรา

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับซีโมนเปโตรและสาวกคนอื่นๆ ที่ไปจับปลาในทะเลทิเบเรียส

“คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย

“เมื่อถึงรุ่งเช้า พระเยซูทรงยืนอยู่ที่ฝั่ง …

“พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า ‘จงทอดอวนลงทางด้าน [อื่น] แล้วจะได้ปลามาบ้าง’

เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาจำ‌นวนมาก จนลาก‍อวนขึ้นไม่‍ไหว”10

พระผู้เป็นเจ้าทรงเผยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์แล้วและจะทรงเผยต่อไป วันนั้นจะมาถึงเมื่อเราจะมองย้อนกลับไปและรู้ว่าในความยากลำบากช่วงนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้เราพบวิธีที่ดีกว่า—วิธีของพระองค์—ในการสร้างอาณาจักรบนรากฐานที่มั่นคง

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานว่านี่คืองานของพระผู้เป็นเจ้าและพระองค์จะทรงทำสิ่งที่สุดจินตนาการอีกมากมายต่อไปในบรรดาบุตรธิดาของพระองค์ ผู้คนของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงประคองเราไว้ด้วยฝ่าพระหัตถ์ที่เมตตาสงสารและห่วงใยเรา

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าในยุคของเรา

ในฐานะอัครสาวกของพระเจ้า ข้าพเจ้าเชื้อเชิญและอวยพรให้ท่าน “ทำสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในอำนาจ [ของท่าน] อย่างรื่นเริงเถิด; และจากนั้นขอให้ [ท่าน] ยืนนิ่ง, ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด, เพื่อเห็นความรอดแห่งพระผู้เป็นเจ้า, และเพื่อพระองค์จะทรงเผยพระพาหุของพระองค์”11 และข้าพเจ้าสัญญาว่าพระเจ้าจะทรงทำให้สิ่งที่สุดจินตนาการเกิดจากการทำงานที่ชอบธรรมของท่าน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ควอตซ์มอนโซไนต์ที่ดูเหมือนหินแกรนิตถูกนำมาจากเหมืองแห่งหนึ่งที่เขาลิตเติลคอตตอนวูดแคนยอน ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง 20 ไมล์ (32 กม.)

  2. เพื่อทราบรายละเอียดเชิงลึกของประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ดู Saints: The Story of the Church of Jesus Christ in the Latter Days, vol. 2, No Unhallowed Hand, 1846–1893 (2020), chapters 17, 19, และ 21.

  3. ดู “ฐานมั่นคงหนักหนา,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 33.

    คำร้องในเพลงสดุดีนี้สามารถใช้เป็นหัวข้อสำหรับช่วงเวลานี้และเมื่อเราฟังคำร้องจากมุมมองใหม่ เพลงจะให้ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับความท้าทายที่เราเผชิญอยู่:

    ในทุกสภาพการณ์เจ็บไข้หรือสุขสบาย

    ในความจนมากมายหรือความร่ำรวยเหลือแสน

    ที่บ้านหรือต่างแดน บนบกหรือทะเลใหญ่—

    เจ้าจะได้รับความช่วยเหลือตลอดเวลา

    “อย่ากลัวอะไรเลย เพราะเราจะอยู่กับเจ้า

    เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะค้ำจุน

    จะช่วยหนุนกำลัง จะช่วยตั้งเจ้าคงมั่น

    จะชูเจ้าด้วยหัตถ์อันชอบธรรมเรืองฤทธา

    เมื่อเราบอกเจ้าไปข้ามแม่น้ำลึกนานา

    แม่น้ำแห่งโศกาจะไม่ไหลมาท่วมเจ้า

    เพราะเราจะอยู่ด้วยช่วยให้เจ้าพ้นภัยพาล

    จะชำระเจ้าให้ … ผ่านพ้นโศกาอาดูร

    เมื่อทางเดินเจ้าต้องผ่านการทดลองร้อนไฟ

    ความกรุณามากมายจะเป็นเสบียงของเจ้า

    เปลวไฟจะไม่เผาเจ้าเพราะเราเพียงต้องการ

    ให้ไฟผลาญกากเจ้า… และฟอกทองเจ้าให้งาม …

    จิตวิญญาณที่พักพิงพึ่งพระเยซูมา

    เราไม่สามารถจะทิ้งเขาให้เหล่าศัตรู

    แม้หมู่มวลนรกจะเขย่าโยกสั่นไหว

    เราจะไม่มีวันทอดทิ้งจิตวิญญาณใด!

  4. ดู โมเสส 7:13–18.

  5. โยเซฟน่าจะอายุประมาณ 17 ปีเมื่อพี่ชายขายเขาไปเป็นทาส (ดู ปฐมกาล 37:2) เขาอายุ 30 ปีเมื่อเข้ารับใช้ฟาโรห์ (ดู ปฐมกาล 41:46) ท่านนึกภาพออกหรือไม่ว่ายากเพียงใดที่เด็กหนุ่มวัยนั้นจะถูกทรยศ ถูกขายไปเป็นทาส ถูกกล่าวหาผิดๆ และถูกจองจำ? โยเซฟเป็นต้นแบบไม่เฉพาะสำหรับเยาวชนของศาสนจักรเท่านั้นแต่สำหรับชาย หญิง และเด็กทุกคนผู้ปรารถนาจะแบกกางเขนติดตามพระผู้ช่วยให้รอดด้วย

  6. ดู ปฐมกาล 45:4–11; 50:20–21. ใน สดุดี 105:17–18 เราอ่านว่า “พระองค์ทรงใช้ชายคนหนึ่งไปข้างหน้าพวกเขา คือโยเซฟผู้ถูกขายไปเป็นทาส พวกเขาทำให้เท้าทั้งคู่ของเขาเจ็บด้วยตรวน คอของเขาเข้าอยู่ในปลอกเหล็ก” ในงานแปลอีกชิ้นหนึ่ง ข้อ 18 อ่านว่า “พวกเขาทำให้ต้องทนทุกข์อยู่กับตรวนล่ามเท้า เหล็กไหลเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา” (Young’s Literal Translation) สำหรับข้าพเจ้าข้อความนี้บ่งบอกว่าความยากลำบากของโยเซฟทำให้จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งทนทานเหมือนเหล็ก—คุณสมบัติที่เขาจำเป็นต้องมีเพื่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่และสุดจินตนาการซึ่งพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เขา

  7. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 121–123.

  8. ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาบุตรธิดาของพระองค์ให้ตระหนักถึงและสงสารคนหิวโหย คนขัดสน คนเปลือยเปล่า คนป่วย และคนทุกข์ยาก พระองค์ย่อมทรงตระหนักถึงและสงสารเราเหล่าบุตรธิดาของพระองค์แน่นอน (ดู มอรมอน 8:39)

  9. ดู ลูกา 7:11–17.

  10. ดู ยอห์น 21:1–6.

  11. หลักคำสอนและพันธสัญญา 123:17.