การประชุมใหญ่สามัญ
พลังอำนาจอันยั่งยืน
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2020


9:53

พลังอำนาจอันยั่งยืน

ศรัทธาและพระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่เต็มเปี่ยมอยู่ในจิตวิญญาณเราภายในเท่านั้นที่เพียงพอจะค้ำจุนเรา—และเปิดทางให้เราเข้าถึงพลังอำนาจของพระองค์ได้

ขณะทบทวนคำสอนของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรา ข้าพเจ้าพบคำหนึ่งที่ท่านมักใช้บ่อยๆ ในคำปราศรัยหลายครั้ง คำนี้คือคำว่า พลังอำนาจ

ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกนับจากที่ท่านได้รับการสนับสนุนเป็นอัครสาวก ประธานเนลสันพูดเรื่องพลังอำนาจ1 และท่านยังคงสอนเรื่องพลังอำนาจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เราสนับสนุนประธานเนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ ท่านสอนเกี่ยวกับหลักธรรมแห่งพลังอำนาจมาโดยตลอด—โดยเฉพาะพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า—และวิธีที่เราจะเข้าถึง ท่านสอนวิธีที่เราจะดึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้ได้ขณะปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น2 วิธีที่การกลับใจอัญเชิญพลังอำนาจของพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์มาสู่ชีวิตเรา3 และวิธีที่ฐานะปุโรหิต—พลังอำนาจและสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า—เป็นพรแก่ทุกคนที่ทำและรักษาพันธสัญญากับพระองค์4 ประธานเนลสันเป็นพยานว่าพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าจะหลั่งไหลไปสู่ทุกคนที่ได้รับเอ็นดาวเม้นท์ในพระวิหารเมื่อพวกเขารักษาพันธสัญญาของตน5

ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับคำท้าทายที่ประธานเนลสันให้ไว้ในการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2020 ท่านแนะนำให้เรา “ศึกษาและสวดอ้อนวอนเพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพลังและความรู้ที่ทรงมอบให้เรา—หรือจะทรงมอบให้เราในอนาคต”6

ในการตอบรับคำท้าทายนี้ ข้าพเจ้าศึกษาและสวดอ้อนวอนตลอดจนเรียนรู้บางสิ่งที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับพลังและความรู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้า—หรือจะทรงมอบให้ข้าพเจ้าในอนาคต

โดยที่เข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องทำเพื่อเข้าถึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตเราไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ข้าพเจ้ากลับพบว่าเราทำได้โดยศึกษาไตร่ตรองในความคิดของเราและสวดอ้อนวอนเพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ความกระจ่างแก่เรา7 เอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์ให้คำนิยามที่ชัดเจนว่าพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าคือ: พลังอำนาจที่ “ให้เราทำได้มากกว่าความสามารถของตนเอง”8

การทำให้ใจเราและแม้กระทั่งจิตวิญญาณเราเปี่ยมด้วยพระคำของพระผู้เป็นเจ้าและรากฐานแห่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์สำคัญอย่างยิ่งต่อการดึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้เพื่อช่วยเราในช่วงเวลาท้าทายเช่นนี้ หากไม่มีพระคำของพระผู้เป็นเจ้าและศรัทธาในพระเยซูคริสต์หยั่งลึกลงไปในใจเรา ประจักษ์พยานและศรัทธาของเราอาจสูญสิ้นได้ และเราอาจสูญเสียการเข้าถึงพลังอำนาจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการประทานให้เรา ศรัทธาเพียงผิวเผินนั้นไม่เพียงพอ ศรัทธาและพระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่เต็มเปี่ยมอยู่ในจิตวิญญาณเราภายในเท่านั้นที่เพียงพอจะค้ำจุนเรา—และเปิดทางให้เราเข้าถึงพลังอำนาจของพระองค์ได้

ขณะที่ข้าพเจ้ากับซิสเตอร์จอห์นสันเลี้ยงดูลูกๆ เราส่งเสริมให้แต่ละคนเรียนรู้ที่จะเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้น แต่เราจะอนุญาตให้ลูกเรียนดนตรีได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาทำส่วนของตนเองและฝึกเล่นเครื่องดนตรีทุกวัน วันเสาร์วันหนึ่ง จาลีนน์ลูกสาวของเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปเล่นกับเพื่อน แต่เธอยังไม่ได้ฝึกเล่นเปียโนเลยในวันนั้น เพราะรู้ว่าจะต้องฝึกเล่นเป็นเวลา 30 นาที เธอจึงตั้งใจว่าจะตั้งเวลาเพราะไม่ต้องการฝึกเล่นเกินกำหนดแม้แต่นาทีเดียว

ขณะเดินผ่านเตาไมโครเวฟระหว่างทางไปที่เปียโน เธอแวะกดปุ่มบางอย่าง แต่แทนที่จะตั้งเวลา เธอกลับตั้งให้ไมโครเวฟอุ่นอาหารเป็นเวลา 30 นาทีและกดปุ่มสตาร์ท หลังจากฝึกเล่นประมาณ 20 นาที เธอเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าเหลือเวลาอีกเท่าไรและพบว่าเตาไมโครเวฟไหม้

แล้วเธอก็วิ่งไปที่สวนหลังบ้านที่ข้าพเจ้ากำลังทำสวนอยู่ พลางตะโกนว่าไฟไหม้บ้าน ข้าพเจ้ารีบวิ่งเข้าไปในบ้านและพบว่าเตาไมโครเวฟมีไฟลุกไหม้อยู่จริงๆ

ในความพยายามจะป้องกันไม่ให้บ้านถูกไฟไหม้ ข้าพเจ้าเอื้อมไปด้านหลังไมโครเวฟเพื่อถอดปลั๊กออกและใช้สายไฟยกไมโครเวฟที่ไหม้อยู่ออกจากเคาน์เตอร์ ด้วยหวังจะเป็นวีรบุรุษและแก้ไขสถานการณ์พร้อมกับปกป้องบ้านของเรา ข้าพเจ้าจึงจับสายไฟเหวี่ยงไมโครเวฟที่มีไฟลุกท่วมไปรอบๆ เป็นวงกลมเพื่อให้ตัวเครื่องอยู่ห่างจากตัว พอไปถึงสวนหลังบ้านก็เหวี่ยงไมโครเวฟออกไปที่ลานหญ้า ที่นั่นเราสามารถดับเปลวไฟที่ลุกไหม้ได้ด้วยสายยางรดน้ำ

มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น? เตาไมโครเวฟจำเป็นต้องมีบางสิ่งมาดูดซับพลังงานไว้ และเมื่อภายในเตาไม่มีอะไรให้ดูดซับพลังงาน ตัวเตาอบก็จะดูดซับพลังงานนั้นไว้เอง และจะร้อนขึ้นจนอาจลุกเป็นไฟทำลายตัวเครื่องเป็นกองเพลิงและเถ้าถ่านได้9 ไมโครเวฟทั้งเครื่องของเราลุกเป็นไฟจนไหม้เพราะไม่มีอะไรอยู่ภายในเตา

ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่มีศรัทธาและพระคำของพระผู้เป็นเจ้าหยั่งลึกภายในใจจะสามารถดูดซับและเอาชนะลูกศรเพลิงที่ปฏิปักษ์จะส่งมาอย่างแน่นอนเพื่อทำลายเรา10 ไม่เช่นนั้นแล้ว ศรัทธา ความหวัง และความเชื่อมั่นของเราอาจไม่ยั่งยืน และเราอาจกลายเป็นผู้รับเคราะห์เสียเองเช่นเดียวกับเตาไมโครเวฟที่ว่างเปล่า

ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าการมีพระคำของพระผู้เป็นเจ้าฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณควบคู่กับศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ทำให้ข้าพเจ้าสามารถดึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้เพื่อเอาชนะปฏิปักษ์และทุกสิ่งที่เขาอาจขว้างมาที่ข้าพเจ้า เมื่อเราเผชิญความท้าทาย เราสามารถพึ่งพาคำสัญญาของพระเจ้าที่เปาโลสอนไว้ว่า: “เพราะ‍ว่า​พระ‍เจ้า​ไม่‍ได้​ประ‌ทาน​ใจ​ที่​ขลาด‍กลัว​แก่​เรา แต่​ประ‌ทาน​ใจ​ที่​ประ‌กอบ​ด้วย​ฤทธา‌นุ‌ภาพ ความ​รัก และ​การ​บัง‍คับ​ตน‍เอง​แก่​เรา”11

เรารู้ว่าเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นพระกุมาร พระองค์ทรง “เจริญ‍วัย​แข็ง‍แรง​ขึ้น เต็ม​เปี่ยม​ด้วย​สติ‍ปัญญา และ​พระ‍คุณ​ของ​พระ‍เจ้า​อยู่​กับ​ท่าน”12 เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น “พระ‍เยซู​เจริญ‍ขึ้น​ใน​ด้าน​สติ‍ปัญญา​และ​ด้าน​ร่าง‍กาย เป็น​ที่​ชอบ​ต่อ‍พระ‍พักตร์​พระ‍เจ้า​และ​ต่อ‍หน้า​คน​ทั้ง‍หลาย​ด้วย”13 และเรารู้ว่าเมื่อถึงเวลาปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ ผู้ที่ได้ยินพระองค์ “อัศ‌จรรย์​ใจ​ด้วย​คำ‍สอน​ของ​พระ‍องค์ เพราะ​พระ‍ดำรัส​ของ​พระ‍องค์​ประ‌กอบ​ด้วย​สิทธิ‍อำนาจ”14

โดยผ่านการเตรียมพร้อม พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีพลังอำนาจมากขึ้นและทรงสามารถต้านทานการล่อลวงทั้งหมดของซาตานได้15 เมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดและเตรียมพร้อมผ่านการศึกษาพระคำของพระผู้เป็นเจ้าและทำให้ศรัทธาลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราจะดึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้ามาใช้เพื่อต้านทานการล่อลวงได้ด้วยเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้ที่การชุมนุมมีข้อจำกัดซึ่งทำให้ไม่สามารถเข้าพระวิหารได้ตามปกติ ข้าพเจ้าตั้งใจจะศึกษาต่อไปและเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่มาสู่เราเมื่อเราทำและรักษาพันธสัญญาพระวิหาร ตามที่ทรงสัญญาไว้ในคำสวดอ้อนวอนอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์ เราจะออกจากพระวิหารพร้อมด้วยมีพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าเป็นอาวุธ16 ไม่มีวันหมดอายุสำหรับพลังอำนาจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้ผู้ที่ทำและรักษาพันธสัญญาพระวิหาร และไม่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงพลังอำนาจดังกล่าวในช่วงที่มีโรคระบาดครั้งใหญ่ แต่พลังอำนาจของพระองค์จะลดลงในชีวิตเราก็ต่อเมื่อเราบกพร่องในการรักษาพันธสัญญาของเราและไม่ดำเนินชีวิตในวิถีที่ทำให้เรายังคงคู่ควรได้รับพลังอำนาจของพระองค์

ขณะข้าพเจ้ากับภรรยาที่รักรับใช้เป็นผู้นำคณะเผยแผ่ในประเทศไทย ลาว และพม่า เราได้ประจักษ์ด้วยตนเองถึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่มาสู่ผู้ที่ทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหาร กองทุนช่วยเหลือผู้เดินทางไปพระวิหารทำให้วิสุทธิชนหลายคนในประเทศเหล่านี้สามารถเข้าพระวิหารได้หลังจากทำทุกอย่างที่พวกเขาทำได้ผ่านการเสียสละและการเตรียมพร้อมส่วนตัว ข้าพเจ้าจำได้ว่าพบกับกลุ่มวิสุทธิชนผู้ซื่อสัตย์ 20 คนจากประเทศลาวที่สนามบินแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อช่วยรับส่งพวกเขาไปยังสนามบินอีกแห่งในกรุงเทพฯ ให้ทันเที่ยวบินไปฮ่องกง สมาชิกเหล่านี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปยังพระนิเวศน์ของพระเจ้าในที่สุด

สมาชิกในประเทศลาว

เมื่อเราพบกับวิสุทธิชนที่ดีเหล่านี้อีกครั้งเมื่อพวกเขากลับมา วุฒิภาวะทางพระกิตติคุณที่เพิ่มขึ้นและพลังอำนาจที่เกี่ยวข้องกันอันเป็นผลจากการได้รับเอ็นดาวเม้นท์พระวิหารและการเข้าสู่พันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้านั้นปรากฏชัด วิสุทธิชนเหล่านี้ออกจากพระวิหาร “พร้อมด้วยพลังอำนาจของ [พระองค์] เป็นอาวุธ”17 อำนาจนี้ที่ให้พวกเขาทำได้มากกว่าความสามารถของตน ทำให้พวกเขามีความเข้มแข็งที่จะอดทนต่อความท้าทายของการเป็นสมาชิกศาสนจักรในประเทศบ้านเกิดและออกไป “ส่งข่าวสำคัญยิ่งและประเสริฐยิ่งนัก ตามความจริง”18 ขณะสร้างอาณาจักรของพระเจ้าในประเทศลาว

ในช่วงเวลาที่เราไม่สามารถเข้าพระวิหารได้ เราแต่ละคนพึ่งพาพันธสัญญาที่เราทำในพระวิหารเพื่อกำหนดวิถีทางที่ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลงในชีวิตเราหรือไม่? หากรักษาพันธสัญญาเหล่านี้ เราจะมีวิสัยทัศน์และความหวังเกี่ยวกับอนาคต ตลอดจนความมุ่งมั่นอันชัดเจนที่จะมีคุณสมบัติคู่ควรได้รับทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ผ่านความซื่อสัตย์ของเรา

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านแสวงหาพลังอำนาจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการประทานให้ท่าน ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าขณะที่เราแสวงหาพลังอำนาจนี้ เราจะได้รับพรด้วยความเข้าใจมากขึ้นถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อเรา

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเพราะพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักท่านและข้าพเจ้า พระองค์จึงทรงส่งพระบุตรผู้ที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เพื่อมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงมีพลังอำนาจทั้งปวง19 และกล่าวทั้งหมดนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน