การประชุมใหญ่สามัญ
เรื่องราวอีสเตอร์ที่ประเสริฐสุดเท่าที่เคยเล่าขานมา
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2023


14:20

เรื่องราวอีสเตอร์ที่ประเสริฐสุดเท่าที่เคยเล่าขานมา

มองพระคัมภีร์มอรมอนในแง่มุมใหม่ และพิจารณาพยานอันมั่นคงซึ่งยืนยันความจริงของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์

จดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดเกี่ยวกับอีสเตอร์

ท่านคงจำได้เมื่อฟังจดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดที่อ่านในวอร์ดหรือสาขาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน จดหมายนั้นประกาศว่าวันอาทิตย์ถัดไป—วันอาทิตย์อีสเตอร์—ทุกวอร์ดทุกสาขาจะมีเฉพาะการประชุมศีลระลึก โดยใช้เวลาที่เหลือนมัสการที่บ้านกับครอบครัวเพื่อฉลองวันหยุดสำคัญที่สุดนี้1

จดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดสะดุดความสนใจข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าใคร่ครวญวิธีที่ครอบครัวเราฉลองอีสเตอร์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งนึกถึงการฉลองที่ผ่านมา ข้าพเจ้ายิ่งสงสัยว่าเรากำลังลดทอนความหมายที่แท้จริงของวันหยุดนี้ซึ่งสำคัญต่อผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคนไปโดยไม่ตั้งใจหรือไม่

ประเพณีคริสต์มาสกับอีสเตอร์

ความคิดเหล่านั้นนำข้าพเจ้าให้ไตร่ตรองความแตกต่างระหว่างวิธีที่เราฉลองคริสต์มาสเมื่อเทียบกับอีสเตอร์ ในช่วงเดือนธันวาคม เราสามารถหาวิธีสอดแทรกความสนุกของเพลง “จิงเกิลเบลส์” ถุงเท้าคริสต์มาส และของขวัญมาอยู่คู่กับประเพณีอื่นๆ ที่คำนึงถึงผู้อื่นมากขึ้น—เช่น การดูแลคนขัดสน การร้องเพลงคริสต์มาสเพลงโปรด และที่แน่ๆ คือการเปิดพระคัมภีร์อ่านเรื่องราวคริสต์มาสใน ลูกา 2 ทุกปีเมื่อเราอ่านเรื่องราวที่เรารักเรื่องนี้จากพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มเก่าๆ เล่มใหญ่ ครอบครัวเราทำสิ่งที่ครอบครัวท่านคงจะทำกัน—นั่นคือ เอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมศีรษะกับไหล่ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อแต่งตัวเป็นโยเซฟ มารีย์ และหลายๆ คนที่มานมัสการพระกุมารเยซู แล้วจำลองเหตุการณ์คริสต์มาสอันล้ำค่าเกี่ยวกับการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด

แต่การฉลองอีสเตอร์ของครอบครัวเราค่อนข้างต่างออกไป ข้าพเจ้ารู้สึกว่าครอบครัวเราค่อนข้างอาศัย “การไปโบสถ์” เพื่อให้อีสเตอร์มีความหมายและมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง แล้วจึงมารวมตัวกันเป็นครอบครัวเพื่อทำประเพณีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอีสเตอร์ด้วยกัน ข้าพเจ้าชอบดูลูกๆ และตอนนี้ดูหลานๆ ตามล่าหาไข่อีสเตอร์และคุ้ยตะกร้าอีสเตอร์

แต่จดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดฉบับนั้นเตือนสติเรา ไม่เพียงเชื้อเชิญให้เราทุกคนทำให้การฉลองเหตุการณ์สำคัญที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนโลกนี้—ซึ่งคือการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์—มีความคารวะและความเคารพที่พระเจ้าสมควรได้รับ แต่ยังให้เวลาเราได้ฉลองกับครอบครัวและมิตรสหายมากขึ้นในวันอีสเตอร์ด้วย

พระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์

ถ้อยคำเหล่านี้ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเพิ่มบริบทเสริมความสำคัญของเหตุการณ์ที่แวดล้อมอีสเตอร์: “หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของเหล่าอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝัง และทรงคืนพระชนม์อีกครั้งในวันที่สาม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เรื่องอื่นทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเราล้วนเป็นเพียงส่วนประกอบของเรื่องดังกล่าว”2

ลีซากับข้าพเจ้าเคยสนทนากันถึงวิธีที่ครอบครัวเราจะทำได้ดีขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ คำถามที่เราเคยถามตนเองอาจเป็นคำถามที่เราทุกคนตรึกตรองได้: เราจะจำลองการสอนและการฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งคือเรื่องราวอีสเตอร์ ให้เป็นประเพณีทางศาสนาที่มีความสมดุล สมบูรณ์ และมีค่าเหมือนกับการประสูติของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นเรื่องราวคริสต์มาสอย่างไร?

ดูเหมือนเราทุกคนพยายามอยู่ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้อีสเตอร์มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการใส่ใจมากขึ้นถึงคุณค่าของวันอาทิตย์ใบลานและวันศุกร์ประเสริฐที่ศาสนาคริสต์บางนิกายถือปฏิบัติ เราอาจรับเอาประเพณีอีสเตอร์ที่เหมาะสมและมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางในวัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาใช้ได้เช่นกัน

เอ็น.ที. ไรท์ นักวิชาการพันธสัญญาใหม่แนะนำว่า: “เราควรฉลองอีสเตอร์ในรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์: ในศิลปะ วรรณกรรม การละเล่นของเด็ก บทกวี ดนตรี การเต้นรำ เทศกาล ระฆัง คอนเสิร์ตพิเศษ … นี่เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ถ้าเอาคริสต์มาสออกไป และในไบเบิลไม่มีสองบทแรกของมัทธิวกับลูกา ก็ไม่มีอะไรแล้ว ถ้าเอาอีสเตอร์ออกไป และไม่มีพันธสัญญาใหม่ ก็ไม่มีศาสนาคริสต์”3

อีสเตอร์ พระคัมภีร์ไบเบิล และพระคัมภีร์มอรมอน

เราเชิดชูพระคัมภีร์ไบเบิลเพราะทุกสิ่งที่สอนเราเกี่ยวกับการประสูติ การปฏิบัติศาสนกิจ การตรึงกางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ไม่มีคำใดสื่อความหวังและผลนิรันดร์ต่อมวลมนุษย์ได้มากไปกว่าคำที่ทูตสวรรค์เอ่ยในเช้าอีสเตอร์ที่อุโมงค์ในสวนว่า “พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว”4 เราสำนึกคุณอย่างสุดซึ้งต่อพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ที่เก็บรักษาเรื่องราวของอีสเตอร์และศาสนกิจอีสเตอร์ของพระผู้ช่วยให้รอดในยูเดียและกาลิลี

ขณะที่ลีซากับข้าพเจ้ายังคงไตร่ตรองหาวิธีขยายการฉลองอีสเตอร์ของครอบครัวเราให้มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น เราคุยกันว่าเราจะแนะนำประเพณีการอ่านพระคัมภีร์บทใดให้ครอบครัว—ที่เทียบเท่ากับ ลูกา 2 สำหรับอีสเตอร์

และแล้วเราก็เกิดความประจักษ์แจ้งจากสวรรค์ว่า: นอกจากข้อสำคัญๆ เกี่ยวกับอีสเตอร์ในพันธสัญญาใหม่แล้ว เราวิสุทธิชนยุคสุดท้ายก็ได้รับการประสาทพรด้วยของขวัญอีสเตอร์ที่วิเศษสุดด้วย! ของขวัญนั้นคือพยานพิเศษ พยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของปาฏิหาริย์อีสเตอร์ที่อาจจะมีข้อพระคัมภีร์อีสเตอร์ที่เลิศเลอที่สุดในศาสนาคริสต์ทั้งหมด แน่นอนว่าข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคัมภีร์มอรมอน และพิเศษกว่านั้นคือเรื่องราวที่พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏต่อผู้อยู่อาศัยในโลกใหม่ ในรัศมีภาพของผู้ฟื้นคืนพระชนม์แล้ว

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธอธิบายว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็น “หนังสือที่ถูกต้องที่สุดยิ่งกว่าหนังสือเล่มใด”5 และเริ่มด้วย 3 นีไฟ 11 ซึ่งเล่าเรื่องราวงดงามเกี่ยวกับการเสด็จเยือนชาวนีไฟของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ การปฏิบัติศาสนกิจอีสเตอร์ของพระผู้ช่วยให้รอด ข้อพระคัมภีร์อีสเตอร์เหล่านี้เป็นพยานถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์

ในบทเหล่านี้ พระคริสต์ทรงเรียกอัครสาวกสิบสอง ทรงสอนเช่นเดียวกับที่ทรงสอนในคำเทศนาบนภูเขา ทรงประกาศว่าทรงทำให้กฎของโมเสสสมบูรณ์แล้ว และทรงพยากรณ์เกี่ยวกับการรวมอิสราเอลในยุคสุดท้าย พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วยและสวดอ้อนวอนให้ผู้คนด้วยวิธีอันน่ายกย่องจน “ไม่มีลิ้นใดจะพูดได้, ทั้งไม่มีผู้ใดจะเขียนไว้ได้, ทั้งใจมนุษย์เข้าใจเรื่องสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์เช่นนี้ไม่ได้เมื่อเราทั้งเห็นและได้ยินพระเยซูรับสั่ง; และไม่มีใครเข้าใจถึงปีติซึ่งเต็มจิตวิญญาณเราในเวลาที่เราได้ยินพระองค์ทรงสวดอ้อนวอนถึงพระบิดาเพื่อเรา”6

พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏต่อชาวนีไฟ

อีสเตอร์นี้ ครอบครัวเราจะเน้น 17 ข้อแรกของ 3 นีไฟ 11 ที่ท่านคุ้นเคย ท่านคงจำได้ว่าฝูงชนจำนวนมากรอบพระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่งได้ยินสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และเห็นพระเยซูคริสต์เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อตรัสคำเชื้อเชิญอีสเตอร์ที่ไพเราะที่สุด

“จงลุกขึ้นและออกมาหาเรา, … เพื่อเจ้าจะได้สัมผัสรอยตะปูที่มือเราและเท้าเราด้วย, เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือ … พระผู้เป็นเจ้าของทั้งแผ่นดินโลก, และถูกประหารเพื่อบาปของโลก.

“และ … ฝูงชนได้ออกไป, … ทีละคน … และเห็นด้วยตาของตนและสัมผัสด้วยมือของตน, … และเป็นพยาน, ว่าคือพระองค์, …

“และ … พวกเขาร้องออกมาเป็นเสียงเดียว, มีความว่า:

“โฮซันนา! ขอพระนามของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดทรงเจริญด้วยพระสิริเถิด! และพวกเขาทรุดลงแทบพระบาทของพระเยซู, และนมัสการพระองค์”7

ลองนึกภาพ: ชาวนีไฟที่พระวิหารได้สัมผัสพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ฟื้นคืนพระชนม์จริงๆ! เราหวังว่าจะทำให้บทเหล่านี้ใน 3 นีไฟเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอีสเตอร์เหมือนกับที่ ลูกา 2 เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีคริสต์มาส ความจริงแล้ว พระคัมภีร์มอรมอนบอกเล่าเรื่องราวอีสเตอร์ที่ประเสริฐสุดเท่าที่เคยเล่าขานมา ขออย่าให้กลายเป็นเรื่องราวอีสเตอร์ที่ประเสริฐสุดที่ไม่เคยมีใครเล่าขานเลย

ข้าพเจ้าเชิญชวนท่านให้มองพระคัมภีร์มอรมอนในแง่มุมใหม่ และพิจารณาพยานอันมั่นคงซึ่งยืนยันความจริงของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ รวมถึงความเข้มข้นและความลึกซึ้งของหลักคำสอนของพระคริสต์ด้วย

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์

เราอาจจะถามว่า การอ่านพระคัมภีร์มอรมอนช่วงอีสเตอร์จะเป็นพรแก่ชีวิตเราและคนที่เรารักอย่างมีความหมายได้อย่างไร? มากกว่าที่ใครจะรู้ได้ ทุกครั้งที่เราอ่านและศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน เราสามารถคาดหวังผลลัพธ์อันน่าทึ่งได้เลย

เมื่อเร็วๆ นี้ลีซากับข้าพเจ้าไปเยี่ยมเคารพศพของเพื่อนรักซึ่งเป็นสตรีผู้มีศรัทธาที่ชีวิตสั้นเพราะความเจ็บป่วย เรารวมกลุ่มกับครอบครัวและเพื่อนสนิทของเธอแลกเปลี่ยนความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับจิตวิญญาณที่สวยงามดวงนี้ผู้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น

ขณะยืนสนทนากับคนอื่นๆ ห่างจากโลงศพระยะหนึ่ง ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงวัยปฐมวัยสองคนเดินไปที่โลงและเขย่งปลายเท้าจนตาถึงขอบโลง—เพื่อแสดงความเคารพครั้งสุดท้ายต่อคุณป้าที่รัก เพราะไม่มีใครอยู่ใกล้ ลีซาจึงย่อตัวลงเพื่อปลอบประโลมและสอนเด็กสองคนนั้น เธอถามไปว่าเป็นอย่างไรบ้างและรู้หรือไม่ว่าตอนนี้คุณป้าอยู่ที่ไหน เด็กๆ บอกเล่าความเสียใจ แต่แล้วธิดาผู้ล้ำค่าสองคนนี้ของพระผู้เป็นเจ้าก็พูดด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าพวกเธอรู้ว่าตอนนี้คุณป้ามีความสุข และคุณป้าจะได้อยู่กับพระเยซู

แม้อายุยังน้อย แต่เด็กสองคนนี้พบสันติสุขในแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข และเป็นพยานแบบเด็กๆ ถึงความเป็นจริงอันลึกซึ้งและความสวยงามอันเรียบง่ายของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด พวกเธอรู้เรื่องนี้ในใจเพราะคำสอนที่ใส่ใจของพ่อแม่ ครอบครัว และผู้นำปฐมวัยที่รักพวกเธอได้หว่านเมล็ดศรัทธาในพระเยซูคริสต์และชีวิตนิรันดร์ เด็กสาวฉลาดเกินวัยสองคนนี้เข้าใจความจริงที่มาถึงเราผ่านข่าวสารอีสเตอร์และการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ รวมถึงถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์มอรมอน

ข้าพเจ้าสังเกตว่าเมื่อประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันมอบพระคัมภีร์มอรมอนเป็นของขวัญให้ผู้นับถือศาสนาอื่น รวมทั้งผู้นำระดับโลก ท่านมักจะเปิดไปที่ 3 นีไฟและอ่านเกี่ยวกับการมาปรากฏของพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ต่อชาวนีไฟ ขณะทำเช่นนั้น ศาสดาพยากรณ์ ที่มีชีวิต กำลังเป็นพยานถึงพระคริสต์ ผู้ทรงพระชนม์

เราจะ ยืน เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ไม่ได้จนกว่าเราจะ กล่าว คำพยานถึงพระองค์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นอีกหนึ่งพยานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เพราะตลอดทุกหน้าของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ ศาสดาพยากรณ์คนแล้วคนเล่าไม่เพียงเป็นพยานว่าพระคริสต์จะเสด็จมาเท่านั้น แต่เป็นพยานว่าพระองค์เสด็จมา แล้ว ด้วย

เพราะพระองค์

ข้าพเจ้ากำลังถือพระคัมภีร์มอรมอนฉบับพิมพ์ครั้งแรกอยู่ในมือ ข้าพเจ้าตื้นตันใจ ทุกครั้ง ที่ทำเช่นนี้ ในชีวิตวัยผู้ใหญ่ส่วนมาก ข้าพเจ้าชื่นชอบ หลงใหล และประทับใจกับสิ่งที่เด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธทำเพื่อแปลและตีพิมพ์พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ ปาฏิหาริย์ที่ต้องเกิดขึ้นสะดุดใจจนต้องตรึกตรอง

แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่หนังสือเล่มนี้ทำให้ข้าพเจ้าตื้นตันใจ แต่เป็นเพราะหนังสือเล่มนี้กล่าวคำพยานมากกว่าหนังสือเล่มใดที่ตีพิมพ์บนแผ่นดินโลกเกี่ยวกับพระชนม์ชีพ การปฏิบัติศาสนกิจ คำสอน การชดใช้ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ พี่น้องที่รัก การศึกษาหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เป็นประจำจะเปลี่ยนชีวิตท่าน จะเปิดตาท่านให้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ จะเพิ่มความหวังและทำให้ท่านเปี่ยมด้วยจิตกุศล เหนือสิ่งอื่นใด จะสร้างและเสริมศรัทธาของท่านในพระเยซูคริสต์ ให้ท่านมีความรู้แน่นอนว่าพระองค์และพระบิดาทรงรู้จักท่าน รักท่าน และต้องการให้ท่านพบทางกลับบ้าน บนสวรรค์

พี่น้องที่รัก ถึงเวลาแล้ว ตามที่ศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณบอกไว้ “เมื่อความรู้เรื่องพระผู้ช่วยให้รอดจะแผ่ไปทั่วทุกประชาชาติ, ตระกูล, ภาษา, และผู้คน”8 เรากำลังเห็นสัมฤทธิผลของคำพยากรณ์นี้ต่อหน้าต่อตาเราโดยผ่านพยานของพระเยซูคริสต์ที่พบในพระคัมภีร์มอรมอน

พระเจ้าพระเยซูคริสต์

ไม่มีหนังสือเล่มใดแสดงให้เห็นได้มากกว่านี้ว่า:

  • เพราะพระเยซูคริสต์ ทุกสิ่งจึงเปลี่ยนไป

  • เพราะพระองค์ ทุกสิ่งจึงดีขึ้น

  • เพราะพระองค์ ชีวิตจึงจัดการได้—โดยเฉพาะในยามเจ็บปวด

  • เพราะพระองค์ ทุกสิ่งเป็นไปได้

การเสด็จมาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ตอนที่พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงแนะนำพระองค์ เป็นข่าวสารอีสเตอร์อันน่ายินดีปรีดาที่สุด ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกครอบครัวของเราได้ประจักษ์พยานส่วนตัวว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ ผู้ทรงทำลายสายรัดแห่งความตาย

ข้าพเจ้าขอจบด้วยประจักษ์พยานถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนและพระเยซูคริสต์ในฐานะพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน