ความสุขุมเหมือนพระคริสต์
“พระองค์จึงทรงลุกขึ้นห้ามลม และตรัสกับทะเลว่า จงสงบเงียบ แล้วลมก็สงบ พายุก็เงียบสนิท” (มาระโก 4:39)
ครั้งที่แล้วที่ข้าพเจ้าพูดในการประชุมใหญ่สามัญ ไรอันลูกเขยข้าพเจ้าให้ดูทวีตที่เขียนว่า “จริงหรือ? ผู้ชายคนนั้นชื่อแบรกก์”—หมายถึง “โอ้อวด”—“แล้วเขาไม่ได้พูดเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือ? น่าเสียดายมาก!” น่าเศร้าที่ต้องผิดหวังต่อไป
คุณพ่อที่ยอดเยี่ยมของข้าพเจ้าเป็นนักบาสเกตบอลออลอเมริกาสำหรับมหาวิทยาลัย UCLA สมัยจอห์น วูดเด็นโค้ชในตำนาน ทั้งสองคนสนิทสนมกันตลอดชีวิตของคุณพ่อ และบางครั้งสนิทกับทั้งโค้ชและภรรยา โค้ชวูดเด็นจะมาทานอาหารเย็นที่บ้านเรา เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้คุยกับข้าพเจ้าเรื่องบาสเกตบอลหรือเรื่องอื่นๆ ในใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเคยถามเขาตอนเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายว่ามีคำแนะนำอะไรให้ข้าพเจ้าบ้าง ด้วยความเป็นครูเขาจึงพูดว่า “พ่อของคุณบอกผมว่าคุณเข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ผมเลยรู้ว่าคุณมีศรัทธาในพระเจ้า ด้วยศรัทธานั้นคุณต้องมีความสุขุมในทุกสถานการณ์ จงเป็นคนดีท่ามกลางพายุ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การสนทนานั้นยังฝังใจข้าพเจ้า คำแนะนำให้สงบสติ ตั้งสติ และสงบใจในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงประสบความทุกข์ยากและความกดดัน ดังก้องในใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นได้ว่าทีมของโค้ชวูดเด็นเล่นด้วยความสุขุมและประสบความสำเร็จมากจนคว้าแชมป์ระดับประเทศ 10 รายการ
แต่สมัยนี้คนพูดถึงความสุขุมไม่มากนักและปฏิบัติน้อยลงในช่วงที่ปั่นป่วนและแตกแยก แต่คำนี้ถูกยกมาพูดบ่อยๆ ในกีฬา—ผู้เล่นที่สุขุมจะไม่ตื่นตระหนกเมื่อเกมสูสี หรือทีมเสียขวัญเพราะขาดความสุขุม แต่คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมนี้ไม่ได้สำคัญแค่ในการกีฬา ความสุขุมนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้กว้างกว่านั้นมาก และสามารถเป็นพรแก่บิดามารดา ผู้นำ ผู้สอนศาสนา ครู นักเรียน และทุกคนที่เผชิญกับมรสุมชีวิต
ความสุขุมทางวิญญาณเป็นพรให้เราสงบนิ่งและจดจ่ออยู่กับสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอยู่ภายใต้แรงกดดัน ประธานฮิวจ์ บี. บราวน์สอนว่า “ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าและในชัยชนะสูงสุดของความถูกต้องก่อให้เกิดความสุขุมทางจิตใจและทางวิญญาณเมื่อเผชิญความยากลำบาก”1
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมของความสุขุมทางวิญญาณ ครั้งหนึ่งขณะดร. เนลสันทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจสี่เส้น ความดันโลหิตของผู้ป่วยตกทันที ดร. เนลสันประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็นและพบว่าสมาชิกคนหนึ่งในทีมดึงคีมผ่าตัดออกโดยไม่ตั้งใจ ดร. เนลสันเอาคีมหนีบไว้ที่เดิมทันที และ ปลอบสมาชิกในทีมคนนั้นว่า “ผมยังรักคุณนะ” แล้วพูดติดตลกว่า “บางครั้งผมก็รักคุณมากกว่าครั้งอื่นๆ!” ท่านแสดงให้เห็นวิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน—ด้วยความสุขุม จดจ่อเฉพาะกับสิ่งสำคัญที่สุด—ขณะแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ประธานเนลสันกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องของวินัยในตนเองขั้นสูงสุด ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของท่านคือ ‘เอาผมออกเถอะโค้ช! ผมอยากกลับบ้าน’ แต่แน่นอนว่าท่านกลับไม่ได้! ชีวิตหนึ่งขึ้นอยู่กับทีมผ่าตัดทั้งทีม ดังนั้นท่านจะต้องใจเย็น ผ่อนคลาย และเฉียบคมเหมือนที่เคยเป็น”2
แน่นอนว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแบบอย่างสูงสุดของความสุขุม
ในสวนเกทเสมนีด้วยความปวดร้าวที่ไม่อาจจินตนาการได้ ขณะ “พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตเม็ดใหญ่”3 พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของความสุขุมด้วยพระดำรัสที่เรียบง่ายแต่สง่างามว่า “อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”4 ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเพื่อให้มวลมนุษยชาติได้รับความรอด พระเยซูทรงแสดงเงื่อนไขสำคัญสามประการที่ช่วยให้เราเข้าใจความสุขุมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ประการแรก พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์เป็นใครและทรงซื่อตรงต่อพระพันธกิจอันสูงส่งของพระองค์ ต่อมา พระองค์ทรงทราบว่ามีแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข และสุดท้าย พระองค์ทรงทราบว่าโดยผ่านการชดใช้อันไม่มีขอบเขตของพระองค์ ทุกคนที่เทียมแอกกับพระองค์อย่างซื่อสัตย์โดยทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับผ่านศาสนพิธีฐานะปุโรหิตจะได้รับความรอด ดังที่เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์สอนไว้อย่างงดงามวันนี้
เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการสูญเสียกับการมีความสุขุม ลองนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพระคริสต์และอัครสาวกออกจากสวนเกทเสมนี เมื่อเจอเหล่าทหารที่พยายามจะเข้าจับกุมพระเยซู ปฏิกิริยาของเปโตรคือเขาสูญเสียความสุขุมและมีพฤติกรรมรุนแรงโดยตัดหูของมัลคัสทาสของมหาปุโรหิต แต่ปฏิกิริยาของพระเยซูคริสต์ตรงกันข้าม คือยังคงมีความสุขุมและทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดสงบลงโดยรักษามัลคัส5
และสำหรับพวกเราที่มีปัญหากับการมีความสุขุมและอาจจะเริ่มหมดหวัง โปรดพิจารณาเรื่องราวที่เหลือของเปโตร ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นี้และความทุกข์ใจที่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ของเขากับพระคริสต์6 เปโตรยืนอยู่ต่อหน้าผู้นำทางศาสนากลุ่มเดียวกับที่กล่าวโทษพระผู้ช่วยให้รอด และด้วยความสุขุมอย่างยิ่งเมื่อถูกซักไซ้ไล่เลียง เขาแสดงประจักษ์พยานอย่างฉะฉานถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์7
รู้ว่าท่านเป็นใครและซื่อตรงต่ออัตลักษณ์อันสูงส่งของท่าน
ขอให้เราพิจารณาองค์ประกอบของความสุขุมเหมือนพระคริสต์ ประการแรก การรู้ว่าเราเป็นใครและการซื่อตรงต่ออัตลักษณ์อันสูงส่งของเราทำให้เราสงบ ความสุขุมเหมือนพระคริสต์เรียกร้องให้เราหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นหรือเสแสร้งเป็นคนที่เราไม่ได้เป็น8 โจเซฟ สมิธสอนว่า “หากมนุษย์ไม่เข้าใจพระอุปนิสัยของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาย่อมไม่เข้าใจตนเอง”9 เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสุขุมอันสูงส่งโดยไม่รู้ว่าเราเป็นบุตรธิดาที่สูงส่งของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเรา
ในคำปราศรัยเรื่อง “การเลือกเพื่อนิรันดร” ประธานเนลสันสอนความจริงนิรันดร์เหล่านี้ว่าเราเป็นใคร: เราเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า เราเป็นลูกแห่งพันธสัญญา และเราเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ ท่านสัญญาต่อจากนั้นว่า “เมื่อท่านน้อมรับความจริงเหล่านี้ พระบิดาบนสวรรค์จะทรงช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมายสูงสุดของการมีชีวิตชั่วนิรันดร์ในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์”10 เราเป็นสัตภาวะทางวิญญาณอันสูงส่งที่มีประสบการณ์มรรตัย การรู้ว่าเราเป็นใครและการซื่อตรงต่ออัตลักษณ์อันสูงส่งนั้นเป็นรากฐานของการพัฒนาความสุขุมเหมือนพระคริสต์
รู้ว่ามีแผนอันสูงส่ง
ต่อมา การจดจำว่ามีแผนอันยิ่งใหญ่จะก่อให้เกิดความกล้าและความสุขุมในสภาพท้าทาย นีไฟสามารถ “ไปและทำ”11 ตามที่พระเจ้าทรงบัญชา “โดยหารู้ล่วงหน้าไม่”12 ถึงสิ่งที่เขาต้องทำเพราะเขารู้ว่าพระวิญญาณจะทรงนำเขาในการทำให้แผนนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราเกิดสัมฤทธิผล ความสุขุมเกิดขึ้นเมื่อเรามองสิ่งต่างๆ จากมุมมองนิรันดร์ พระเจ้าทรงแนะนำสานุศิษย์ของพระองค์ให้ “เงยหน้าขึ้น”13 และ “ให้สัจธรรมแห่งนิรันดรสถิตอยู่ในจิตใจเจ้า”14 โดยการกำหนดกรอบเวลาที่ท้าทายไว้ในแผนนิรันดร์ ความกดดันจึงกลายเป็นสิทธิพิเศษให้รัก รับใช้ สอน และเป็นพร มุมมองนิรันดร์ช่วยให้มีความสุขุมเหมือนพระคริสต์
รู้จักเดชานุภาพอันกอปรด้วยพระปรีชาสามารถของพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์
และสุดท้าย เดชานุภาพอันกอปรด้วยพระปรีชาสามารถของพระคริสต์ที่ทำให้เกิดการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ ทำให้เรามีพลังอดทนและมีชัย เพราะพระเยซูคริสต์ เราจึงสามารถทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและมีพลังในการรักษาพันธสัญญานั้น เราสามารถผูกมัดกับพระผู้ช่วยให้รอดในปีติและความสงบ ไม่ว่าสภาวการณ์ทางโลกของเราจะเป็นเช่นไร15 แอลมา บทที่ 7 สอนได้อย่างงดงามเกี่ยวกับเดชานุภาพอันกอปรด้วยพระปรีชาสามารถของพระคริสต์ นอกจากจะทรงไถ่เราจากบาปแล้ว พระผู้ช่วยให้รอดทรงสามารถเพิ่มพลังให้เราได้ในความอ่อนแอ ความกลัว และความท้าทายในชีวิตนี้
เมื่อเราจดจ่ออยู่กับพระคริสต์ เราสามารถข่มความกลัวเช่นเดียวกับผู้คนของแอลมาในเมืองฮีลัม16 ขณะกองทัพที่น่ากลัวรวมตัวกัน เหล่าสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์แสดงความสุขุม เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอนว่า: “แอลมาแนะนำผู้เชื่อให้ระลึกถึงพระเจ้าและการปลดปล่อยที่พระองค์เท่านั้นจะให้ได้ (ดู 2 นีไฟ 2:8) และความรู้ที่ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเฝ้าคุ้มครองดูแลทำให้ผู้คนสามารถข่มความกลัวของตนเองได้”17 นี่เป็นแบบอย่างของความสุขุม
ผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางพายุ
โนอาห์สอนเรามากมายเกี่ยวกับความอดทนท่ามกลางพายุ แต่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นครูที่ประเสริฐสุดผู้สอนวิธีรักษาตนให้รอดจากพายุ พระองค์คือผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางพายุ หลังจากทรงสอนกับอัครสาวกมาทั้งวัน พระผู้ช่วยให้รอดทรงต้องการพักผ่อนและทรงบอกให้พวกเขาลงเรือไปอีกฟากหนึ่งของทะเลกาลิลี ขณะพระผู้ช่วยให้รอดทรงพักผ่อน เกิดพายุรุนแรง ขณะลมและคลื่นจะทำให้เรือจม อัครสาวกเริ่มเป็นห่วงชีวิตตนเอง และอย่าลืมว่าอัครสาวกหลายคนเป็นชาวประมงที่คุ้นเคยดีกับพายุในทะเลนั้น! แต่ก็ยังร้อนใจ18 พวกเขาปลุกพระองค์และทูลถามว่า “[พระองค์เจ้าข้า], พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?” จากนั้นด้วยความสุขุมอันเป็นแบบอย่าง พระผู้ช่วยให้รอด “ทรงลุกขึ้นห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า จงสงบเงียบ แล้วลมก็สงบ พายุก็เงียบสนิท”19
และจากนั้นทรงมีบทเรียนสำคัญเรื่องความสุขุมให้กับอัครสาวก พระองค์ตรัสถามว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?”20 พระองค์ทรงย้ำเตือนว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก และพระบิดาทรงส่งพระองค์มาเพื่อทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของบุตรธิดาพระผู้เป็นเจ้า พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าจะไม่พินาศในเรือแน่นอน พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของความสุขุมอันสูงส่งเพราะทรงทราบถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ ทรงทราบว่ามีแผนแห่งความรอดและความสูงส่ง และทรงทราบว่าการชดใช้ของพระองค์จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จนิรันดร์ของแผนนั้น
โดยผ่านพระคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ สิ่งดีทั้งปวงจะเข้ามาในชีวิตเรา เมื่อเราจดจำว่าเราเป็นใคร โดยรู้ว่ามีแผนอันสูงส่งแห่งความเมตตาและรวบรวมความกล้าในความเข้มแข็งของพระเจ้า เราจะเผชิญได้ทุกอย่าง เราจะพบความสงบ เราจะเป็นหญิงและชายที่ดีท่ามกลางพายุทุกลูก
ขอให้เราแสวงหาพรแห่งความสุขุมเหมือนพระคริสต์ ไม่เพียงเพื่อช่วยเหลือตนเองในช่วงเวลาท้าทายเท่านั้น แต่เพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่นและช่วยให้พวกเขาผ่านมรสุมชีวิตไปได้ ในวันก่อนวันอาทิตย์ใบปาล์มนี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานอย่างเบิกบานถึงพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงฟื้น ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสันติสุข ความสงบ และความสุขุมอันสูงส่งที่พระองค์เท่านั้นจะนำมาสู่ชีวิตเราและเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เอเมน