การประชุมใหญ่สามัญ
เสียงแห่งความยินดี!
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2023


9:46

เสียงแห่งความยินดี!

การสร้างพระวิหารเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญสูงสุดของศาสดาพยากรณ์ทุกท่านตั้งแต่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“บัดนี้, เราได้ยินอะไรในพระกิตติคุณซึ่งเราได้รับเล่า? เสียงแห่งความยินดี! เสียงแห่งความเมตตาจากสวรรค์; และเสียงแห่งความจริงออกจากแผ่นดินโลก; … เสียงแห่งความยินดีสำหรับคนเป็นและคนตาย; ข่าวอันน่ายินดีแห่งความปรีดียิ่ง”1

พี่น้องทั้งหลาย แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ยิ้มแฉ่งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ!

การแสดงความปลาบปลื้มของโจเซฟสื่อให้เห็นถึงปีติอันเปี่ยมล้นและยิ่งใหญ่ในแผนแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ของเรา เพราะพระองค์ทรงยืนยันกับเราว่า “มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ”2

เราทุกคนโห่ร้องด้วยปีติ3 ในชีวิตก่อนเกิดเมื่อเราได้ยินแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า และเรายังคงโห่ร้องด้วยปีติขณะดำเนินชีวิตตามแผนของพระองค์ แต่อะไรคือบริบทจริงๆ ของการประกาศอย่างมีความสุขนี้จากท่านศาสดาพยากรณ์? อะไรกระตุ้นอารมณ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจเหล่านี้?

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟได้สอนเกี่ยวกับบัพติศมาแทนคนตาย นี่เป็นการเปิดเผยอันรุ่งโรจน์ที่ผู้คนรับไว้ด้วยปีติอันใหญ่หลวง เมื่อสมาชิกศาสนจักรเรียนรู้เป็นครั้งแรกว่าพวกเขาสามารถรับบัพติศมาแทนผู้ถึงแก่กรรมที่พวกเขารักได้ พวกเขาชื่นชมยินดี วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์กล่าวว่า “ทันทีที่ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องนี้ จิตวิญญาณข้าพเจ้าลิงโลดด้วยปีติ!”4

บัพติศมาแทนผู้ถึงแก่กรรมที่เรารักไม่ใช่ความจริงเพียงอย่างเดียวที่พระเจ้าจะทรงเปิดเผยและฟื้นฟู มีของประทานหรือเอ็นดาวเม้นท์อื่นๆ อีกมากที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาจะมอบให้บุตรธิดาของพระองค์

ของประทานอื่นๆ เหล่านี้ได้แก่ สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต พันธสัญญาและศาสนพิธี การแต่งงานที่คงอยู่ตลอดไป การผนึกบุตรธิดากับบิดามารดาภายในครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า และสุดท้ายคือพรของการกลับบ้านไปสู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ พรทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้โดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงถือว่าพรเหล่านี้เป็นหนึ่งในพรสูงสุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระองค์5 พระองค์จึงรับสั่งให้สร้างอาคารศักดิ์สิทธิ์เพื่อประสาทของประทานอันล้ำค่าเหล่านี้ให้บุตรธิดาของพระองค์6 อาคารเหล่านี้จะเป็นบ้านของพระองค์บนแผ่นดินโลก อาคารเหล่านี้จะเป็นพระวิหารซึ่งได้รับการผนึกหรือผูกไว้บนแผ่นดินโลกในพระนามของพระองค์ โดยพระคำและด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์จะได้รับการผูกไว้ในสวรรค์7

ในฐานะสมาชิกของศาสนจักรยุคปัจจุบัน เราบางคนอาจพบว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะไม่เห็นค่าความจริงนิรันดร์อันรุ่งโรจน์เหล่านี้ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรา บางครั้งจะเป็นประโยชน์เมื่อเรามองความจริงเหล่านั้นผ่านดวงตาของคนที่เรียนรู้สิ่งเหล่านี้เป็นครั้งแรก เรื่องนี้ประจักษ์ต่อข้าพเจ้าผ่านประสบการณ์เมื่อไม่นานมานี้

ปีที่แล้ว ก่อนการอุทิศซ้ำพระวิหารโตเกียว ญี่ปุ่น มีแขกต่างศาสนาจำนวนมากเดินชมพระวิหาร ในการเดินชมรอบหนึ่งมีผู้นำคนหนึ่งจากศาสนาอื่นมาด้วย เราสอนแขกเกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์ บทบาทในการไถ่ของพระเยซูคริสต์ในแผนนั้น และหลักคำสอนที่ว่าครอบครัวสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์ผ่านศาสนพิธีการผนึก

ในตอนท้ายของการเดินชม ข้าพเจ้าเชื้อเชิญเพื่อนของเราให้แบ่งปันความรู้สึก เกี่ยวกับการทำให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน—อดีต ปัจจุบัน และอนาคต—ชายคนนี้ถามด้วยความจริงใจว่า “สมาชิกในศาสนาของคุณเข้าใจจริงหรือเปล่าว่าหลักคำสอนนี้ลึกซึ้งเพียงใด?” เขาเสริมว่า “นี่น่าจะเป็นหนึ่งในคำสอนเดียวที่สามารถทำให้โลกที่แตกแยกนี้เป็นหนึ่งเดียวกันได้”

ช่างเป็นข้อสังเกตที่ทรงพลัง ชายผู้นี้ไม่ได้ประทับใจเพียงเพราะงานฝีมืออันประณีตของพระวิหาร แต่เพราะหลักคำสอนอันน่าทึ่งและลึกซึ้งที่ว่าครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันและผนึกกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ตลอดกาล8

เราจึงไม่ควรประหลาดใจว่าแม้คนต่างศาสนายังรับรู้ถึงความสง่างามของสิ่งที่เกิดขึ้นในพระวิหาร สิ่งที่กลายเป็นเรื่องธรรมดาหรือกิจวัตรสำหรับเรานั้นบางครั้งคนที่ได้ยินหรือสัมผัสเป็นครั้งแรกจะเห็นความงดงามและความสง่างามของสิ่งนั้น

แม้ว่าจะมีพระวิหารในสมัยโบราณ แต่ด้วยการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ การสร้างพระวิหารเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดเรื่องหนึ่งของศาสดาพยากรณ์ทุกท่านนับตั้งแต่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ และเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าเพราะอะไร

เมื่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟสอนเรื่องบัพติศมาแทนคนตาย ท่านเปิดเผยความจริงอันสำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่ง ท่านสอนว่า: “ให้ข้าพเจ้ายืนยันกับท่านว่านี่เป็นหลักธรรมเกี่ยวกับคนตายและคนเป็นที่จะพิจารณาอย่างผิวเผินไม่จริงจังไม่ได้, เกี่ยวกับความรอดของเราทั้งหลาย. เพราะความรอดของพวกเขาจำเป็นและสำคัญต่อความรอดของเรา, … พวกเขาโดยไม่มีเราพระองค์จะทรงทำให้ดีพร้อมไม่ได้—ทั้งเราโดยไม่มีคนตายของเราพระองค์จะทรงทำให้ดีพร้อมก็ไม่ได้”9

อย่างที่เราเห็น ความจำเป็นที่ต้องมีพระวิหารและงานที่ทำสำหรับทั้งคนเป็นและคนตายนั้นชัดเจนขึ้นมาก

ปฏิปักษ์กำลังตื่นตัว พลังของเขาถดถอยเพราะศาสนพิธีและพันธสัญญาที่ทำในพระวิหาร และเขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อพยายามหยุดยั้งงานนี้ เพราะอะไรหรือ? เพราะเขารู้ถึงพลังที่มาจากงานอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เมื่อพระวิหารใหม่แต่ละแห่งได้รับการอุทิศ เดชานุภาพแห่งการช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์ขยายออกไปทั่วโลกเพื่อต่อต้านความพยายามของปฏิปักษ์และไถ่เราเมื่อเรามาหาพระองค์ เมื่อพระวิหารและผู้รักษาพันธสัญญาเพิ่มจำนวนขึ้น ปฏิปักษ์จะอ่อนแอลง

ในยุคแรกของศาสนจักร บางคนกังวลเมื่อจะมีการประกาศสร้างพระวิหารแห่งใหม่ เพราะพวกเขาจะพูดว่า “เราเริ่มสร้างพระวิหารทีไรเสียงระฆังจากนรกจะเริ่มดังทุกที” แต่บริคัม ยังก์ตอบกลับอย่างกล้าหาญว่า “ผมอยากได้ยินเสียงระฆังอีกครั้ง”10

ในชีวิตมรรตัยนี้ เราไม่มีวันหนีพ้นสงคราม แต่เราจะมีอำนาจเหนือศัตรูได้ อำนาจและความเข้มแข็งนั้นมาจากพระเยซูคริสต์เมื่อเราทำและรักษาพันธสัญญาพระวิหาร

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “เวลานั้นกำลังมาถึงเมื่อผู้ไม่เชื่อฟังพระเจ้าจะถูกแยกออกจากผู้เชื่อฟัง หลักประกันที่ปลอดภัยที่สุดของเราคือมีค่าควรต่อไปที่จะเข้าพระนิเวศน์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์”11

ต่อไปนี้เป็นพรเพิ่มเติมบางประการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับเราผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์

ท่านต้องการปาฏิหาริย์หรือไม่? ศาสดาพยากรณ์ของเรากล่าวว่า “ข้าพเจ้าสัญญาว่าพระเจ้าจะทรงนำปาฏิหาริย์ที่ท่านต้องการมาให้ท่านขณะที่ท่านเสียสละเพื่อรับใช้และนมัสการในพระวิหารของพระองค์”12

ท่านต้องการเดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ที่เยียวยาและเสริมความเข้มแข็งหรือไม่? ประธานเนลสันยืนยันกับเราว่า “ทุกอย่างที่สอนในพระวิหาร … เพิ่มความเข้าใจของเราเรื่องพระเยซูคริสต์ … จากนั้นเมื่อเรารักษาพันธสัญญา พระองค์ย่อมประสาทพรเราด้วยเดชานุภาพ ของพระองค์ ที่เยียวยาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง โอ้ เราจะต้องการเดชานุภาพของพระองค์มากเพียงใดในวันข้างหน้า”13

ในวันอาทิตย์ใบลานครั้งแรกที่พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต สานุศิษย์จำนวนมากของพระองค์ “ชื่นชมยินดีและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเสียงดังว่า ขอให้พระมหากษัตริย์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ”14

ช่างเหมาะเจาะกับวันอาทิตย์ใบลานในปี 1836 ที่มีการอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์ ในเวลานั้น สานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ก็ชื่นชมยินดีเช่นกัน ในคำสวดอ้อนวอนอุทิศนั้น ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศถ้อยคำสรรเสริญเหล่านี้:

“ข้าแต่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ, ขอทรงฟังพวกข้าพระองค์ … และทรงตอบพวกข้าพระองค์จากสวรรค์, … ที่ซึ่งพระองค์ประทับบนพระราชบัลลังก์, ด้วยรัศมีภาพ, พระเกียรติ, เดชานุภาพ, พระบารมี, [และ] ฤทธานุภาพ …

“… ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์โดยอำนาจพระวิญญาณของพระองค์, เพื่อพวกข้าพระองค์จะผสานเสียงพวกข้าพระองค์กับเสราฟิมเหล่านั้นที่ส่องแสง, สว่างไสวรอบพระราชบัลลังก์ของพระองค์, พร้อมด้วยการโห่ร้องสรรเสริญ, ขับขานโฮซันนาแด่พระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก !

“และขอทรงให้คนเหล่านี้, … วิสุทธิชนของพระองค์ตะโกนก้องด้วยปีติ”15

พี่น้องทั้งหลาย วันนี้ในวันอาทิตย์ใบลาน ขอให้เราในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของเราและชื่นชมยินดีในพระกรุณาธิคุณที่มีต่อเราเช่นกัน “เราได้ยินอะไรในพระกิตติคุณซึ่งเราได้รับเล่า? “เสียงแห่งความยินดี!” นั่นเอง16

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าท่านจะรู้สึกถึงปีติมากขึ้นเมื่อท่านเข้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าท่านจะประสบกับปีติที่พระองค์ทรงมีไว้ให้ท่าน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน