ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจากสภาครู
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในสก็อตแลนด์
ความคิดเห็นอย่างหนึ่งในการประชุมสภาครูเปลี่ยนไปมากกว่าการสอนของดิฉัน
ดิฉันมีอายุมากแล้ว ดังนั้นเมื่อดิฉันได้รับเรียกให้สอนเยาวชนหญิง ดิฉันคิดว่า “คุณพระช่วย ดิฉันสงสัยว่าพวกเขาเรียกดิฉันทำไม”
ดิฉันพยายามอย่างมากในการเตรียมบทเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของเยาวชนหญิง ดิฉันหวังว่าพวกเธอจะเต็มใจแบ่งปันสิ่งที่พวกเธอเรียนรู้และทำจากบทเรียนระหว่างสัปดาห์ แต่คำถามของดิฉันมักจะได้รับแต่ความเงียบ
ในการประชุมสภาครูครั้งแรกของวอร์ดเรา มีครูคนหนึ่งพูดว่าเธอพบว่าการสื่อสารกับเยาวชนระหว่างบทเรียนเป็นเรื่องยากเช่นกัน ครูอีกคนหนึ่งในการประชุมพูดว่า “คุณปล่อยให้เงียบบ้างก็ได้นะ” บางครั้งคนต้องการเวลาสักเล็กน้อยเพื่อใคร่ครวญคำถามก่อนตอบ
ความคิดเห็นนั้นในการประชุมสภาครูสร้างความแตกต่างไม่เพียงวิธีที่ดิฉันสอนแต่กับนักเรียนของดิฉันด้วยเช่นกัน ดิฉันนึกถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ในบทเรียนเยาวชนหญิงของดิฉันครั้งต่อไป ดิฉันขอให้ชั้นเรียนแบ่งปันหลักธรรมพระกิตติคุณที่พวกเธอประยุกต์ใช้ระหว่างสัปดาห์ มีแต่ความเงียบเหมือนเดิม แต่แทนที่จะรีบทำลายความเงียบ ดิฉันนึกถึงการสนทนาในสภาครูของเราและพูดเรียบๆ ว่า “ไม่ต้องรีบร้อน”
วินาทีที่ดิฉันพูดคำนั้น การสนทนาเริ่มพรั่งพรู เยาวชนหญิงเริ่มเปิดใจและพวกเธอแบ่งปันประสบการณ์ที่อ่อนโยน โดยฉับพลันนั้นดิฉันอยากจะขอบคุณครูที่ให้ความคิดเห็นเรียบง่ายในการประชุมสภาครูเกี่ยวกับความเงียบ ดิฉันประหลาดใจที่การปฏิบัติหลักธรรมเพียงหนึ่งเดียวนั้นสร้างความแตกต่างอย่างมากและรวดเร็วอะไรเช่นนี้
แต่ดิฉันไม่รู้จนต่อมาว่ามีความแตกต่างอย่างมากและหลักธรรมอื่นๆ ที่ดิฉันเรียนรู้กำลังสร้างความแตกต่าง หลังเลิกโบสถ์คุณแม่ของเยาวชนหญิงคนหนึ่งบอกดิฉันว่าลูกสาวของเธอบอกว่าเธอรู้ว่าดิฉันได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า
ดิฉันไม่สามารถบอกคุณได้ว่าการที่ได้ยินความคิดเห็นนั้นมีความพิเศษต่อดิฉันมากเพียงใด ดิฉันกำลังคิดว่า “ดิฉันสอนอะไรให้เยาวชนหญิงเหล่านี้บ้าง” แต่ดิฉันต้องสอนบางอย่างแก่พวกเธอแน่นอน ดิฉันได้รับเรียกมาโดยมีจุดประสงค์ และการประชุมสภาครูช่วยดิฉันทำให้จุดประสงค์นั้นเกิดสัมฤทธิผล