ความจริงของทุกเรื่อง
เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะทำสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้มาและรักษาประจักษ์พยานให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
คืนนี้เรามาด้วยความหวังและศรัทธาว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เราจะจากไปด้วยความเข้มแข็งมากขึ้นและได้รับพรจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสอนความจริง1 เรื่องที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะพูดคือเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาความจริงของเราแต่ละคน
ขณะอายุยังน้อย ข้าพเจ้ามีคำถามเกี่ยวกับศาสนจักรหลายข้อ บางข้อเป็นคำถามที่จริงใจ บางข้อไม่จริงใจและเป็นผลสะท้อนจากความสงสัยของผู้อื่น
ข้าพเจ้ามักจะสนทนาคำถามที่มีกับคุณแม่ ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านสัมผัสได้ว่าคำถามของข้าพเจ้าหลายข้อมีความจริงใจและมาจากใจ ข้าพเจ้าคิดว่าท่านผิดหวังเล็กน้อยกับคำถามที่เป็นความรู้สึกโต้แย้งมากกว่าจริงใจ อย่างไรก็ตาม ท่านไม่เคยละเลยข้าพเจ้าเมื่อมีคำถาม ท่านตั้งใจฟังและพยายามตอบ เมื่อท่านรู้สึกว่าท่านได้พูดทุกอย่างที่ควรพูดแล้วแต่ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่ท่านจะพูดบางอย่างดังนี้ “เดวิด นั่นเป็นคำถามที่ดีนะ ขณะที่ ลูก ค้นคว้า อ่าน และสวดอ้อนวอนพื่อหาคำตอบ ทำไม ลูก ไม่ทำในสิ่งที่รู้ว่าควรทำและงดทำในสิ่งที่รู้ว่าไม่ควรทำ” สิ่งนี้กลายเป็นรูปแบบที่ข้าพเจ้าใช้ค้นหาความจริง ด้วยการศึกษา การสวดอ้อนวอน และการรักษาพระบัญญัติ ข้าพเจ้าพบว่ามีคำตอบสำหรับคำถามสำคัญของข้าพเจ้าทุกข้อ ข้าพเจ้าพบด้วยว่าคำถามบางข้อต้องการศรัทธา ความอดทนและการเปิดเผยที่ต่อเนื่อง2
คุณแม่ให้ข้าพเจ้ารับผิดชอบการพัฒนาศรัทธาและการค้นหาคำตอบด้วยตนเองท่านทราบว่าคำตอบสำคัญจะมาจากการแสวงหาความจริงของข้าพเจ้าในวิธีที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงอธิบายไว้ ท่านทราบว่าข้าพเจ้าต้องค้นหาความจริง ท่านทราบว่าข้าพเจ้าต้องจริงใจในคำถามและเต็มใจกระทำสิ่งที่รู้แล้วว่าเป็นความจริง ท่านทราบว่าข้าพเจ้าต้องศึกษาและสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าต้องพัฒนาความอดทนให้สูงขึ้นขณะแสวงหาคำตอบจากพระเจ้า การอดทนด้วยความเต็มใจเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาความจริงของเราและเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการเปิดเผยความจริงจากพระเจ้า3
เวลาล่วงไปข้าพเจ้าทราบว่าคุณแม่สอนรูปแบบการแสวงหาความจริงของพระบิดาบนสวรรค์แก่ข้าพเจ้า ศรัทธาเติบโต คำตอบเริ่มมา และข้าพเจ้ายอมรับการเรียกเป็นผู้สอนศาสนา
ช่วงแรกของการเป็นผู้สอนศาสนาเป็นช่วงที่ข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าต้องรู้ว่าศาสนจักรเป็นความจริงและโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงสิ่งที่ประธานโธมัส เอส. มอนสันแสดงออกอย่างชัดเจนในการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุด “หากท่านไม่มีประจักษ์พยานอันมั่นคงถึงสิ่งเหล่านี้ จงทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้รับประจักษ์พยาน เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ท่านจะมีประจักษ์พยานของตนเองในยามยากลำบากเพราะประจักษ์พยานของผู้อื่นจะพยุงท่านไปได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น”4 ข้าพเจ้ารู้ว่าสิ่งใดจำเป็น ข้าพเจ้าต้องอ่านพระคัมภีร์มอรมอนด้วยใจจริง ด้วยเจตนาแท้จริงและทูลถามพระผู้เป็นเจ้าว่าเรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่
ขอให้ฟังคำสัญญาอันล้ำเลิศของพระบิดาบนสวรรค์ซึ่งประทานผ่านศาสดาพยากรณฺ์โมโรไน “เมื่อท่านจะได้รับเรื่องเหล่านี้, ข้าพเจ้าจะแนะนำท่านให้ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, ในพระนามของพระคริสต์, ว่าเรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่; และหากท่านจะทูลถามด้วยใจจริง, ด้วยเจตนาแท้จริง, โดยมีศรัทธาในพระคริสต์, พระองค์จะทรงแสดงความจริงของเรื่องให้ประจักษ์แก่ท่าน, โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์.”5
เพื่อรับสิ่งที่อยู่ในพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้าจึงต้องอ่าน ข้าพเจ้าเริ่มอ่านที่หน้าแรกของพระคัมภีร์และอ่านทุกวัน บางคนได้รับพยานอย่างรวดเร็ว บางคนต้องใช้เวลานานกว่า สวดอ้อนวอนมากกว่าและอาจรวมถึงการอ่านพระคัมภีร์หลายครั้งด้วย ข้าพเจ้าต้องอ่านจบทั้งเล่ม ก่อนจะได้รับพยานที่สัญญาไว้ อย่างไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงความจริงของเรื่องให้ประจักษ์แก่ข้าพเจ้าโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ในบันทึกประจำวันของการเป็นผู้สอนศาสนา ข้าพเจ้าอธิบายถึงปีติที่เกิดจากการรู้ความจริงพร้อมทั้งแสดงความรู้สึกส่วนตัวเรื่องคำมั่นสัญญาและเจตนาแท้จริงที่จะกระทำตามความจริงที่ได้รับ ข้าพเจ้าเขียนว่า “ข้าพเจ้าสัญญากับพระบิดาในสวรรค์และตนเองว่าจะทำสุดความสามารถที่จะมอบ 100 เปอร์เซ็นต์ ของชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อทำทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตามที่มีผู้ขอให้ทำ แต่ขณะนี้ข้าพเจ้าขอทำเวลาที่เหลืออยู่ในคณะเผยแผ่ให้เป็นงานเผยแผ่ที่ยิ่งใหญ่ งานที่ข้าพเจ้าจะไม่เสียความรู้สึก ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อพระเจ้า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า และรักงานนี้ ข้าพเจ้าเพียงสวดอ้อนวอนขอให้ความรู้สึกนั้นอยู่กับข้าพเจ้าเสมอ”
ข้าพเจ้าทราบว่าการบำรุงเลี้ยงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย พยายามกลับใจอย่างต่อเนื่องและรักษาพระบัญญัติจำเป็นต่อการที่จะให้ความรู้สึกนั้นอยู่กับข้าพเจ้าเสมอ ประธานมอนสันกล่าวว่า “ท่านต้องรักษาประจักษ์พยานนั้นให้ดำรงอยู่ต่อไปโดยการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการสวดอ้อนวอนและศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน”6
ผ่านไปหลายปีข้าพเจ้าถามผู้สอนศาสนาและคนหนุ่มสาวทั่วโลกว่าโดยส่วนตัวแล้วพวกเขาเริ่มพยายามแสวงหาความจริงและรับประจักษ์พยานกันอย่างไร แทบไม่มีข้อยกเว้น คำตอบคือความพยายามที่จะรับประจักษ์พยานส่วนตัวของพวกเขาเริ่มต้นด้วยการตัดสินใจอ่านพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่หน้าแรกและทูลถามพระผู้เป็นเจ้าว่าพระคัมภีร์เป็นความจริงหรือไม่ ในการทำเช่นนี้ พวกเขาเลือกที่จะเป็นฝ่าย “กระทำ” แทนที่จะเป็นฝ่าย “ถูกกระทำ”7 โดยความสงสัยของผู้อื่น
เพื่อให้รู้ความจริง เราต้องดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ8 และ “ทดลอง”9 พระคำ เราได้รับการเตือนไม่ให้ต่อต้านพระวิญญาณของพระเจ้า10 การกลับใจควบคู่กับความมุ่งมั่นที่จะรักษาพระบัญญัติ เป็นส่วนสำคัญในการค้นคว้าหาความจริงของแต่ละคน11 อันที่จริง เราอาจต้องเต็มใจที่จะ “ทิ้ง” บาปทั้งหมดของเรา เพื่อรู้ความจริง12
เราได้รับบัญชาให้ “แสวงหาการเรียนรู้, แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย” และให้ “แสวงหา … ถ้อยคำแห่งปัญญาจากบรรดาหนังสือดีที่สุด”13 การค้นคว้าหาความจริงของเราควรมุ่งเน้นที่ “บรรดาหนังสือดีที่สุด” และแหล่งช่วยดีที่สุด ในบรรดาสิ่งที่ดีที่สุดคือพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต
ประธานมอนสันขอให้เราแต่ละคน “ทำ [สิ่งที่] ต้องทำ” เพื่อให้ได้มาและรักษาประจักษ์พยานให้เข้มแข็งอยู่เสมอ14 สิ่งใดจำเป็นต่อการทำให้ประจักษ์พยานของท่านลึกซึ้งและเข้มแข็งขึ้น เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะทำสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้มาและรักษาประจักษ์พยานให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
การรักษาพันธสัญญาของเราอย่างอดทนขณะ “ทำ [สิ่งที่] ต้องทำ” เพื่อรับคำตอบจากพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในรูปแบบของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับการเรียนรู้ความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งต่างๆ ดูยากลำบาก เราอาจต้อง “ยอมรับอย่างชื่นบานและด้วยความอดทนต่อพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้า15 การรักษาพันธสัญญาอย่างอดทนทำให้เรานอบน้อมถ่อมตนมากขึ้น ปรารถนาลึกซึ้งขึ้นที่จะรู้ความจริง และช่วยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ “ทรงนำ [เรา] ไปในวิถีแห่งปัญญาเพื่อ [เรา] จะได้รับพร, ความรุ่งเรือง, และการปกปักรักษา”16
ข้าพเจ้ากับแมรีย์ ภรรยาข้าพเจ้ามีคนที่เรารักมากอยู่คนหนึ่ง เธอต้องพยายามอย่างมากที่จะยอมรับบางด้านของศาสนจักร เธอรักพระกิตติคุณ รักศาสนจักรแต่ยังมีข้อสงสัย เธอรับการผนึกในพระวิหาร แข็งขันในศาสนจักร มีสัมฤทธิผลในการเรียกของเธอ เป็นมารดาและภรรยาที่ดี หลายปีที่ผ่านมาเธอพยายามทำสิ่งที่เธอรู้ว่าถูกต้องและละจากสิ่งที่เธอรู้ว่าผิด เธอรักษาพันธสัญญาและค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเธอสำนึกคุณต่อการยึดมั่นในศรัทธาของคนอื่น
เมื่อไม่นานมานี้ อธิการขอพบเธอและสามี เขาขอให้คนทั้งสองรับงานมอบหมายในพระวิหารโดยทำหน้าที่ตัวแทนของผู้ที่ต้องรับศาสนพิธีพระวิหาร การเรียกครั้งนี้ทำให้ทั้งสองแปลกใจ แต่ก็ยอมรับและเริ่มรับใช้ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า ลูกชายวัยรุ่นของพวกเขาเพิ่งมีส่วนร่วมในงานค้นคว้าประวัติครอบครัวและพบชื่อของคนในครอบครัวที่ยังไม่ได้รับศาสนพิธีอย่างครบถ้วน ในที่สุดทั้งสองเป็นตัวแทนรับศาสนพิธีพระวิหารให้บุคคลดังกล่าวพร้อมครอบครัว ขณะคุกเข่าลงที่แท่นเพื่อประกอบศาสนพิธีผนึก สตรีผู้แสนดีและอดทนคนนี้ สตรีผู้ค้นคว้าหาความจริงบางอย่างมานานคนนี้ได้รับประสบการณ์ทางวิญญาณเฉพาะตัวโดยเริ่มรู้ว่าพระวิหารและศาสนพิธีที่ประกอบในนั้นเป็นความจริงและเป็นเรื่องจริง เธอโทรศัพท์ไปเล่าประสบการณ์ดังกล่าวให้คุณแม่ฟังโดยบอกว่าแม้ยังคงมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอรู้ว่าพระวิหารเป็นความจริง ศาสนพิธีพระวิหารเป็นความจริงและศาสนจักรเป็นความจริง คุณแม่ร้องไห้ด้วยความสำนึกคุณต่อพระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักและอดทนรวมทั้งต่อลูกสาวที่ค้นคว้าอย่างต่อเนื่องและอดทนเช่นกัน
การรักษาพันธสัญญาอย่างอดทนนำพรจากสวรรค์มาสู่ชีวิตเรา17
ข้าพเจ้าได้รับการปลอบโยนมากในคำสัญญาของพระเจ้าที่ว่า “โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ท่านจะรู้ความจริงของทุกเรื่อง”18 เรารู้ความจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง เราสามารถรู้ได้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง บ่ายวันนี้ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่าเราสามารถ “รู้สึกลึกๆ ใน ‘ส่วนลึกที่สุด’ ของใจเรา [ดู แอลมา 13:27] ว่าพระคัมภีร์มอรมอน เป็น พระคำของพระผู้เป็นเจ้า” และเราสามารถ “รู้สึกเช่นนั้นอย่างลึกซึ้งจนเราจะไม่อยากมีชีวิตแม้แต่วันเดียวหากปราศสิ่งนี้”19
เรารู้ได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงรักเรา และพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา เรารู้ได้ว่าสมาชิกภาพในศาสนจักรของพระองค์เป็นสิ่งที่พึงหวงแหนและรู้ได้ว่าการรับศีลระลึกทุกสัปดาห์จะช่วยให้เราและครอบครัวรอด เรารู้ได้ว่าโดยผ่านศาสนพิธีพระวิหาร ครอบครัวสามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ได้จริง เรารู้ได้ว่าการชดใช้ของพระเยซูคริสต์และพรของการกลับใจและการให้อภัยเป็นความจริงและเป็นเรื่องจริง เรารู้ได้ว่าศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรา ประธานโธมัส เอส. มอนสันเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าและที่ปรึกษาของท่านตลอดจนสมาชิกในโควรัมอัครสาวกสิบสองเป็นอัครสาวก ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้และผู้เปิดเผย
ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ข้าพเจ้ารู้ว่าจริงและเป็นพยานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน