2018
พรของการปลอบประโลม
February 2018


พรของการปลอบประโลม

ซาราห์ บีเบอร์

แคลกะรี แอลเบอร์ตา แคนาดา

friend bringing dinner

ภาพประกอบโดย อัลเล็น การ์นส์

เมื่อทราบแน่ชัดว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คุณแม่ของดิฉันพูดด้วยความท้อใจว่า “แม่คิดว่าเราคงจะไม่ได้ปาฏิหาริย์” ในขณะนั้น ดิฉันรู้สึกว่าครอบครัวเราจะได้รับปาฏิหาริย์ถึงแม้การรักษาชีวิตคุณพ่อไว้จะไม่อยู่ในปาฏิหาริย์เหล่านั้นก็ตาม

ปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นเช้าวันหนึ่งเมื่อเบธเพื่อนของดิฉันถามว่าดิฉันมีแผนจะทำอะไรในวันนั้น ดิฉันบอกเธอว่าบ่ายวันนั้นดิฉันจะไปอยู่กับคุณพ่อที่โรงพยาบาล แต่ยังจัดการเรื่องคนดูแลลูกไม่ได้ เบธเสนอตัวดูแลลูกๆ ของดิฉันเพื่อให้ดิฉันได้ใช้เวลากับคุณพ่อ เธอเสนอตัวทำอาหารเย็นให้ครอบครัวของดิฉันด้วย ดิฉันตื้นตันใจมาก

เมื่อดิฉันมาถึงโรงพยาบาล คุณพ่อไม่มีเรี่ยวแรงจะลืมตาหรือกินอาหาร แต่ไม่นานหลังจากนั้นท่านมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ท่านตื่นนานกว่าสามชั่วโมง เราพูดคุยกันและแม้กระทั่งเดินรอบๆ หอพักผู้ป่วยสองสามเที่ยว ไม่มีใครมาเยี่ยมระหว่างนั้น ดิฉันจึงใช้เวลานี้อยู่กับท่านตามลำพัง

เราหัวเราะและเราร้องไห้ด้วยกันวันนั้น คุณพ่อบอกความรู้สึกของท่านกับดิฉันเกี่ยวกับการจากชีวิตบนโลกนี้และสิ่งที่สำคัญต่อท่านมากที่สุด—นั่นคือประจักษ์พยานของท่านในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ บ่ายวันนั้นเป็นหนึ่งในความทรงจำที่น่าหวงแหนมากที่สุดของชีวิตดิฉัน สามวันต่อมาท่านสิ้นใจ

หนึ่งสัปดาห์หลังจากพิธีศพ ดิฉันนึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ดิฉันพูดคุยกับคุณพ่อคือบ่ายวันนั้นที่เบธดูแลลูกให้ ดิฉันส่งอีเมลด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มเพื่อขอบคุณเบธสำหรับการรับใช้ของเธอและอธิบายว่านั่นมีความหมายต่อดิฉันมาก

เบธตอบว่า “ดิฉันมีประจักษ์พยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้พรแห่งการปลอบประโลมและพระคุณแก่เรา—โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรากำลังประสบเรื่องยากๆ ดิฉันสวดอ้อนวอนขอการปลอบประโลมให้คุณกับครอบครัวในช่วงนี้”

ดิฉันซาบซึ้งใจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกระตุ้นเตือนให้เบธเป็นพรที่เธอสวดอ้อนวอนขอให้ดิฉันได้รับ ดิฉันทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมพรแห่งการปลอบประโลมให้เราในยามยากของชีวิต