2018
พระเยซู คือ พระคริสต์: ประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้าย
March 2018


พระเยซู คือ พระคริสต์: ประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้าย

Jesus Christ

ภาพประกอบโดย จิม แมดเซ็น

พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเชื้อเชิญให้ “เรียนรู้จากเรา, และฟังถ้อยคำของเรา; จงเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมแห่งพระวิญญาณเรา, และเจ้าจะมีสันติสุขในเรา” (คพ. 19:23) เท่าที่ท่านทราบ ข้อนี้เป็นพระคัมภีร์ของสาระสำคัญสหกิจกรรมประจำปีนี้ ท่านเคยคิดไหมว่าท่านจะเรียนรู้จากพระองค์และฟังพระดำรัสของพระองค์อย่างไร

วิธีหนึ่งที่เราเรียนรู้จากพระองค์คือผ่านประธานศาสนจักร ในฐานะศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายผู้ได้รับเรียกเป็นพยานพิเศษของพระคริสต์ พวกท่านได้เป็นพยาน และยังคงเป็นพยานถึงบทบาทก่อนมรรตัย ระหว่างมรรตัย และหลังมรรตัยของพระผู้ช่วยให้รอดในแผนนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์

ชีวิตก่อนมรรตัย

space

“เราทราบว่าความรอดอยู่ในพระคริสต์ พระองค์คือพระบุตรหัวปีของพระบิดานิรันดร์ พระองค์ทรงได้รับเลือกและได้รับแต่งตั้งล่วงหน้าในสภาสวรรค์ที่จะทำให้การชดใช้อันไม่มีขอบเขตและเป็นนิรันดร์บังเกิดขึ้น พระองค์ประสูติมาในโลกในฐานะพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงนำชีวิตและความเป็นอมตะมาสู่โลกโดยผ่านพระกิตติคุณ”1

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ (1876–1972) ประธานศาสนจักรคนที่ 10

“พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า … ทรงมีอำนาจที่จะสร้างและบัญชาโลกต่างๆ พระองค์เสด็จมาที่นี่ในฐานะพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ … เพื่อนำความรอดมาสู่มวลมนุษย์ พระองค์ทรงเปิดประตูสู่การฟื้นคืนชีวิตโดยทรงสละพระชนม์ชีพและทรงสอนถึงวิธีที่เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์”2

ประธานฮาโรลด์ บี. ลี (1899–1973) ประธานศาสนจักรคนที่ 11

“พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมาแล้วและทรงเป็น พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ (ดู โมไซยาห์ 3:5) พระองค์ทรงได้รับเลือกก่อนพระองค์ประสูติ พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างที่มีเดชานุภาพทั้งหมดของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิตและความสว่างให้สิ่งทั้งปวง”3

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) ประธานศาสนจักรคนที่ 13

ชีวิตมรรตัย

Jesus talking to a woman

“วัตถุประสงค์แห่งพันธกิจที่พระคริสต์ทรงมีต่อแผ่นดินโลกคือพลีพระองค์เป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่มนุษยชาติจากความตายนิรันดร์ …

“ไม่มีใครมีอำนาจช่วยจิตวิญญาณของมนุษย์ให้รอดและให้ชีวิตนิรันดร์แก่เขาได้ ยกเว้นพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ภายใต้พระบัญชาของพระบิดาของพระองค์”4

ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ (1807–1898) ประธานศาสนจักรคนที่สี่

Jesus talking to a group

“พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ของโลก พระผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ …

“พระองค์เสด็จมาสอนพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าแก่เรา ทรงชี้ให้เห็นทางที่จะนำเรากลับไปยังที่ประทับของพระองค์ทั้งโดยตัวอย่างและหลักคำสอนหากเราจะดำเนินในทางนั้น พระองค์เสด็จมาแก้สายรัดแห่งความตายที่ผูกมัดมนุษย์และก่อเกิดการฟื้นคืนชีวิตเพื่อช่วงชิงชัยชนะเหนือหลุมศพและเหล็กไนแห่งความตาย”5

ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ (1856–1945) ประธานศาสนจักรคนที่เจ็ด

Jesus giving a blessing

“พระเยซูคริสต์ทรงมีอิทธิพลต่อมนุษย์โลกมากกว่าทุกคนที่เคยมีชีวิต …

“… พระองค์ทรงรักษาคนป่วย ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น ทรงขับวิญญาณร้าย ทรงคืนชีพให้คนตาย ทรงให้การปลอบโยนคนถูกข่มเหง ทรงเผยแพร่ข่าวประเสริฐของพระกิตติคุณแห่งความรัก ทรงเป็นพยานถึงพระบิดา ทรงสอนแผนนิรันดร์แห่งความรอด และทรงวางรากฐานสำหรับองค์กรซึ่งจะเตรียมไว้เพื่อความรอดของมนุษย์—ศาสนจักรของพระองค์”6

ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) ประธานศาสนจักรคนที่ 12

ชีวิตหลังมรรตัย

resurrected Christ

“หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของเหล่าอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝัง ทรงคืนพระชนม์อีกครั้งในวันที่สาม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เรื่องอื่นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเราล้วนเป็นเพียงส่วนประกอบของเรื่องดังกล่าว”7

ประธานโจเซฟ สมิธ (1805–1844) ประธานศาสนจักรคนที่หนึ่ง

“พระองค์ทรงเอาชนะความตาย นรก และหลุมศพ ทรงลุกขึ้นอย่างผู้ชนะในฐานะพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระบิดาผู้สถิตนิรันดร์องค์นี้ พระเมสสิยาห์ เจ้าชายแห่งสันติ พระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก … พระองค์ทรงชนะทุกอย่าง และเสด็จไปประทับทางพระหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล”8

ประธานจอห์น เทย์เลอร์,(1808–1887) ประธานศาสนจักรคนที่สาม

“ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยความจริงจังและสำนึกคุณว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก แน่นอนว่าพระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมการนมัสการของเราและเป็นกุญแจไขความสุขของเรา ขอให้เราทำตามพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตทุกด้านและทุกก้าว ขอให้เราเทิดทูนพระองค์เป็นแบบอย่างและผู้นำทางของเรา”9

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์ (1907–1995) ประธานศาสนจักรคนที่ 14

“ข้าพเจ้าไม่สามารถสำนึกคุณได้มากพอต่อการชดใช้ที่พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของข้าพเจ้าทรงกระทำ โดยผ่านการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์ ณ จุดสูงสุดของพระชนม์ชีพแห่งความดีพร้อม—การพลีพระชนม์ชีพในความเจ็บปวดสุดพรรณนา—สายรัดแห่งความตายถูกทำลาย และการฟื้นคืนชีวิตของทุกคนเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ ประตูแห่งรัศมีภาพซีเลสเชียลยังเปิดให้ทุกคนผู้จะยอมรับความจริงจากเบื้องบนและเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของความจริงนั้น”10

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) ประธานศาสนจักรคนที่ 15

อ้างอิง

  1. โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ, “Out of the Darkness,” Ensign, June 1971, 2 (ปรับอักษรตัวใหญ่ตามมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน)

  2. คำสอนของประธานศาสนาจักร: ฮาโรลด์ บี. ลี (2000), 17.

  3. เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “Jesus Christ: Our Savior and Redeemer,” Ensign, Nov. 1983, 6.

  4. คำสอนของประธานศาสนาจักร: วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ (2004), 68, 75. (ปรับอักษรตัวใหญ่ตามมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน).

  5. คำสอนของประธานศาสนาจักร: ฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ (2002), 223.

  6. สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์, “The True Way of Life and Salvation,” Ensign, May 1978, 6 (ปรับอักษรตัวใหญ่ตามมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน).

  7. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 52.

  8. คำสอนของประธานศาสนาจักร: จอห์น เทย์เลอร์ (2001), 43.

  9. ฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์, “Follow the Son of God,” Ensign, Nov. 1994, 87 (ปรับอักษรตัวใหญ่ตามมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน).

  10. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “My Testimony,” Ensign, Nov. 1993, 52.