2018
เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง: รักพระเจ้าและวางใจพระองค์
ตุลาคม 2018


เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง: รักพระเจ้าและวางใจพระองค์

ภาพ
Elder and Sister Gong

เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง บัณฑิตมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดของอังกฤษที่เพิ่งแต่งงานเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวว่าเมื่อเรารักพระเจ้าและวางใจพระองค์ พระองค์จะทรงช่วยเรา นำทางเรา และทำให้เราเข้มแข็ง

เกอร์ริทเป็นนักเรียนทุนของ Rhodes ที่กำลังเรียนให้ได้ปริญญาสองใบ ใบหนึ่งคือปริญญาเอก ระหว่างนั้นท่านรับใช้ในฝ่ายอธิการวอร์ดอ็อกซ์ฟอร์ดด้วย ท่านกับซูซานภรรยาจำคำแนะนำที่เอ็ลเดอร์เดวิด บี. เฮจท์ (1906–2004) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองให้ไว้เมื่อประกอบพิธีแต่งงานให้พวกท่านในพระวิหารซอลท์เลคได้ “ท่านบอกเราให้มีการเรียกเสมอ” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “เรารู้ว่าถ้าเราวางใจพระผู้เป็นเจ้าและทำสุุดความสามารถ พระองค์จะทรงช่วยเรา”

เกอร์ริทกับซูซานได้รับ “ความช่วยเหลือจากสวรรค์และพระเมตตาอันละเอียดอ่อน” ท่านกล่าว ขณะยังคงอยู่ในฝ่ายอธิการ เกอร์ริททำตามข้อกำหนดด้านวิชาการสำหรับปริญญาเอกครบทั้งหมด ยกเว้นปริญญานิพนธ์ของท่าน ท่านขอพรฐานะปุโรหิตจากอลัน เว็บสเตอร์ อธิการของวอร์ดอ็อกซ์ฟอร์ด ในพรนั้น เกอร์ริทได้รับสัญญาว่า “ทำสุดความสามารถต่อไป และพระเจ้าจะอวยพรคุณ”

สมาชิกวอร์ดสองคนผู้เป็นเลขานุการประจำสำนักทนายความที่มีประสบการณ์อาสาช่วยพิมพ์เอกสารตัวเขียน เกอร์ริทจึงสามารถทำปริญญานิพนธ์จบในเวลาไม่กี่เดือน ความจริงแล้วท่านเรียนจบทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกในเวลาเพียงสามปีกว่า เมื่อสำเร็จการศึกษา ท่านยอมรับตำแหน่งงานวิจัยที่มหาวิทยาลัย ประสบการณ์ของท่านที่อ็อกซ์ฟอร์ดเสริมความวางใจในพระเจ้าของท่าน ความวางใจที่คงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้และจะคงอยู่ต่อไปเพื่อเป็นพรแก่เกอร์ริท ดับเบิลยู. กองขณะรับใช้ในโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ขนมปังกับปลา

“พระเจ้าทรงกรุณาปรานีและหมายมั่นอวยพรเรา” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “ถ้าเราทำสุดความสามารถ พระองค์จะทรงเปิดทางให้เราทำได้มากกว่าเราจะทำได้เอง เหมือนการเพิ่มจำนวนขนมปังกับปลา พระเจ้าทรงนำสิ่งที่มีไปขยายให้มากเกินกว่าที่เราจะทำได้ด้วยตนเอง”

หลักธรรมเรื่องขนมปังกับปลาเป็นความจริงกับการเรียนรู้เช่นกัน ท่านกล่าว “แม้เมื่อไม่ได้ศึกษาในระบบการศึกษาแบบเป็นทางการ วิญญาณของการเรียนรู้ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเรียนรู้คงอยู่ชั่วนิรันดร์ เราทุกคนสามารถแสวงหาความสว่างและความจริง ไม่ว่าสภาวการณ์ของเราเป็นเช่นไร เมื่อเราแสวงหา พระเจ้าจะทรงช่วยให้เราพบ”

การเป็นคนในพันธสัญญา

ขณะเรียนที่อ็อกซ์ฟอร์ด เอ็ลเดอร์กองเรียนรู้หลักธรรมพระกิตติคุณอีกข้อหนึ่ง ข้อที่ท่านเรียกว่า “การเป็นคนในพันธสัญญา

“เมื่อเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น เราจะสนิทกันมากขึ้นด้วย” ท่านกล่าว “ที่อ็อกซ์ฟอร์ด ข้าพเจ้ากับซูซานทะนุถนอมประสบการณ์วอร์ดของเรามากเท่าๆ กับประสบการณ์ด้านวิชาการของเรา เพื่อนรักที่สุดของเราหลายคนจนถึงทุกวันนี้มาจากวอร์ดอ็อกซ์ฟอร์ด”

หนึ่งในนั้นคือทิมกับแคเธอรีน วิทท์ พวกเขาจำได้สมัยที่ไปพระวิหารกับครอบครัวกอง “ดิฉันจำได้ชัดเจนตอนบราเดอร์กองถอดนาฬิกาข้อมือเพื่อไม่ให้เสียสมาธิหรือถูกเวลาควบคุมเมื่อกำลังตรึกตรองเรื่องของนิรันดร” ซิสเตอร์วิทท์กล่าว “การกระทำเล็กน้อยนั้นได้ช่วยให้ดิฉันหมั่นเข้าไปนมัสการในพระวิหารมากขึ้น”

ครอบครัวกองพบเพื่อนที่พวกท่านรู้จักเพราะพระกิตติคุณบ่อยๆ “บางคนจะพูดว่า ‘เราทำงานกับคุณตอนคุณอยู่ในสภาสูง’ อะไรทำนองนั้น” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “และเราก็จะพูดทำนองเดียวกัน ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณประธานสเตคและสภาวอร์ดที่ช่วยข้าพเจ้าสมัยเป็นอธิการวัยหนุ่ม เราทุกคนเป็นหนี้บิดามารดา ญาติของคู่สมรส เพื่อนบ้าน ประธานคณะเผยแผ่ พี่น้องสตรี และผู้นำฐานะปุโรหิตที่มีน้ำใจต่อเรา นำทางเรา และกระตุ้นเราให้มาหาพระคริสต์”

มรดกครอบครัว

ประวัติครอบครัวของเอ็ลเดอร์กองย้อนกลับไป 34 รุ่นจนถึงกองมังกรรุ่นที่หนึ่งในปี ค.ศ. 837 ปู่ย่าตายายของเอ็ลเดอร์กองอพยพจากประเทศจีนไปอยู่สหรัฐ จีน มารดาท่านเข้าร่วมศาสนจักรสมัยเป็นวัยรุ่นในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา และต่อมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ในโพรโว รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ที่นั่นเธอพักอยู่้กับครอบครัวของเกอร์ริท เดอจอง คณบดีคนแรกของคณะวิจิตรศิลป์ “ครอบครัวเดอจองช่วยให้ดิฉันเข้าใจว่าครอบครัวพระกิตติคุณเป็นอย่างไร” เธอกล่าว

หลังจากเรียนจบบีวายยู จีนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในเมืองแพโลแอลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เธอพบกับวอลเตอร์ เอ. กองที่นั่น “เขาเป็นคริสเตียนอยู่แล้วและเข้าใจทันทีว่าพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูให้อะไร” จีนกล่าว เขาเข้าร่วมศาสนจักร และหนึ่งปีต่อมาพวกเขาแต่งงานกันในพระวิหารซอลท์เลค ทั้งคู่เป็นผู้ให้การศึกษามืออาชีพ และใช้เวลาสอนรวมกันนานกว่า 70 ปี

“คุณพ่อเป็นผู้ประสาทพรด้วย” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “และเพราะมีการให้ปิตุพรในบ้านของเรา บ้านของเราจึงเต็มไปด้วยความคารวะอย่างสุดซึ้งต่อความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีให้บุตรธิดาแต่ละคนของพระองค์”

ภาพ
Elder Gong as a baby with his parents

วันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1953 ในเรดวูดซิตี รัฐแคลิฟอร์เนีย บุตรคนแรกในสามคนของจีนกับวอลเตอร์เกิด “ชื่อที่ตั้งให้เขาคือเกอร์ริท เป็นภาษาดัทช์ เพื่อเป็นเกียรติแก่เกอร์ริท เดอจอง” จีนอธิบาย “ชื่อกลางของเขาคือวอลเตอร์ เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาของเขา และนามสกุลของครอบครัวเราเป็นภาษาจีน เพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพชนของเขา”

จีนกล่าวว่าเกอร์ริทเอาใจใส่น้องๆ คือไบรอันกับมาร์กูไรท์ “เขาชอบช่วยน้องๆ” เธอกล่าว “แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยเช่นสอนน้องผูกเชือกรองเท้า” เธอจำได้ตอนกลับจากโบสถ์วันหนึ่งและบังเอิญได้ยินเกอร์ริทกับไบรอันคุยกันว่าคำพูดการประชุมศีลระลึกน่าเบื่อ “ดิฉันจึงท้าพวกเขาว่า ‘งั้นก็คิดคำพูดที่ดีกว่านั้นสิ’ พวกเขารับคำท้าและเริ่มเอาใจใส่คำพูดทั้งหมดมากขึ้น” เธอกล่าว

สมัยเป็นวัยรุ่น เกอร์ริทชอบสะพายเป้ไปเดินเขากับเยาวชนชายคนอื่นๆ ในวอร์ด วอลลี ซัลแบ็กคาเพื่อนชั่วชีวิตคนหนึ่งจำได้เมื่อเดินทางไปเข้าค่ายครั้งหนึ่ง “ผมอยู่ที่นั่นกับเกอร์ริทและไบรอันน้องชายของเขา และเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักร ด้วยเหตุผลบางอย่าง เราเริ่มร้องเพลงสวด เกอร์ริทร้องเมโลดี ไบรอันร้องเทเนอร์ และผมร้องเบส ผมคิดว่าเราร้อง 10 ถึง 20 เพลง เพียงเพราะชอบร้องเพลง นั่นเป็นประสบการณ์ที่ดี เพื่อนไม่เป็นสมาชิกของเราประทับใจ”

บราเดอร์ซัลแบ็กคาจำได้เช่นกันว่าสมัยเรียนมัธยมปลาย เกอร์ริทขอให้เชียร์ลีดเดอร์นำกองเชียร์ที่เงียบกริบให้เชียร์ทีมหมากรุก “เขาทำให้คนเหล่านั้นเชื่อว่าการให้กำลังใจมีผลดีต่อทุกคน” เขากล่าว “และพวกเขาชนะการแข่งขันในที่สุด!”

ภาพ
Elder Gong as a missionary and later with a missionary

จากซ้าย: มาร์จอรีกับกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ทักทายเกอร์ริทกับซูซานที่งานเลี้ยงสมรสของครอบครัวกอง สมัยเป็นผู้สอนศาสนาในไต้หวัน เอ็ลเดอร์กองสอนครอบครัวหนึ่ง และหลายปีต่อมา เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ท่านพบหลานชายของบุตรสาวคนหนึ่งของครอบครัวนี้ ในเวียดนาม เอ็ลเดอร์กับซิสเตอร์กองวาดภาพบนฝาผนังอันเป็นวิธีนำความเบิกบานใจมาให้เด็กที่ประสบความท้าทาย สมาชิกของครอบครัวกองมารวมกลุ่มกับคนที่ช่วยพวกเขาวาดภาพบนฝาผนังในเวียดนาม

หลังจบมัธยมปลาย เอ็ลเดอร์กองเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ ท่านรับใช้ในคณะเผยแผ่ไทเป ไต้หวันตั้งแต่ ค.ศ. 1973 ถึง ค.ศ. 1975 จากนั้นกลับไปบีวายยู และ ค.ศ. 1977 ได้รับปริญญาตรีสาขาเอเชียศึกษาและมหาวิทยาลัยศึกษา

มีคู่รักและแต่งงาน

หลังจบงานเผยแผ่ เอ็ลเดอร์กองอาสาจัดไฟร์ไซด์เย็นวันอาทิตย์ที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนาโพรโว ไฟร์ไซด์ช่วยให้ผู้สอนศาสนาที่จะไปไต้หวันคุ้นเคยกับผู้คน ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมที่นั่น ผู้สอนศาสนาหนึ่งในนั้นคือซิสเตอร์ซูซาน ลินด์เซย์จากเมืองเทยเลอร์สวิลล์ รัฐยูทาห์ บุตรสาวของริชาร์ด พี. กับแมเรียน บี. ลินด์เซย์ บราเดอร์ลินด์เซย์เป็นสมาชิกโควรัมที่สองแห่งสาวกเจ็ดสิบ “ข้าพเจ้ารู้สึกว่าซูซานเป็นคนที่ข้าพเจ้ารู้จักมานาน” เอ็ลเดอร์กองกล่าว

สองปีต่อมา ไม่กี่เดือนหลังซูซานกลับจากงานเผยแผ่มาบีวายยู เกอร์ริทอยู่ในโพรโวกับครอบครัวของท่าน บิดาท่านกำลังสอนที่มหาวิทยาลัย และเกอร์ริทวางแผนมาเยี่ยมสองสัปดาห์ การเยี่ยมเพิ่มเป็นสี่สัปดาห์ ขณะท่านกับซูซานออกเดททุกวัน จากนั้นเกอร์ริทไปฝึกงานในฮาวายก่อนกลับไปอ็อกซ์ฟอร์ด

“เราเป็นคู่รักที่อยู่คนละซีกโลก” เอ็ลเดอร์กองจำได้ “ข้าพเจ้าพยายามศึกษาในอังกฤษขณะเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอจากอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก”

“เราหมั้นหมายทางโทรศัพท์” ซิสเตอร์กองกล่าว “ท่านกลับบ้านอีกครั้งในวันขอบคุณพระเจ้า และเราแต่งงานวันแรกที่พระวิหารเปิดในปีใหม่” สองสัปดาห์ต่อมา พวกท่านบินไปอังกฤษเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน

“เมื่อคนเราแต่งงานกัน เราพูดคุยเกี่ยวกับสองครอบครัวที่จะกลายเป็นครอบครัวเดียว” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “และนั่นเกิดขึ้นจริงๆ กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลินด์เซย์ เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกอง”

ภาพ
Gong wedding photo with the Hinckleys

อาชีพที่โดดเด่น

หลังจากใช้เวลาช่วงสั้นๆ เป็นอาจารย์ที่อ็อกซ์ฟอร์ด อาชีพของเกอร์ริทเปลี่ยนเป็นงานราชการประจำในวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1984 ท่านอยู่ในคณะรณรงค์การเลือกตั้งใหม่ของเรเกน-บุช ท่านใช้ที่ทำงานร่วมกับไมค์ ลีวิทท์ซึ่งต่อมาเป็นผู้ว่าการรัฐยูทาห์ “เกอร์ริทเป็นคนช่างสังเกตและช่างคิด” บราเดอร์ลีวิทท์กล่าว “แต่เขาโดดเด่นเรื่องความมีน้ำใจไม่เสื่อมคลาย”

คริสต์ศักราช 1985 เกอร์ริทเป็นผู้ช่วยพิเศษของปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คริสต์ศักราช 1987 ท่านเป็นผู้ช่วยพิเศษของเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และตั้งแต่ ค.ศ.1989 ถึง ค.ศ. 2001 ท่านดำรงหลายตำแหน่งที่ศูนย์วิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ในวอชิงตัน ดี.ซี. จากนั้นหวนคืนสู่โลกวิชาการเมื่อท่านยอมรับตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่บีวายยู ท่านทำตำแหน่งนั้นเก้าปี

แคร์รี เจงคินส์ผู้ช่วยอธิการบดีด้านการสื่อสารของมหาวิทยาลัยที่บีวายยูอยู่ในห้องทำงานติดกัน เธอจำความสามารถของเกอร์ริท กองในการให้กำลังใจคนรอบข้างได้ “ถ้าคุณไม่มีความเชื่อมั่นว่าคุณสามารถทำงานยากได้ ท่านมีความเชื่อมั่นว่าคุณทำได้” เธอกล่าว “ท่านทำทุกอย่างสุดพลังความสามารถเพื่อแนะนำคุณ ให้ความหวังกับคุณ และให้คุณออกไปพิสูจน์ตัวเอง”

โธมัส บี. กริฟฟิธผู้พิพากษาสหพันธรัฐรู้จักเอ็ลเดอร์กองทั้งในวอชิงตันและที่บีวายยู เขาพูดถึงปฏิสัมพันธ์กับท่านทำนองนี้ “เมื่อจบการสนทนา คุณจะตระหนักว่าจุดสนใจนั้นคือคุณ ท่านเป็นผู้ฟังที่ดีมาก และท่านถามคำถามที่ทำให้คุณคิด”

เซซิล โอ. ซามูเอลสัน สาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่เกียรติคุณและอดีตอธิการบดีของบีวายยูกล่าวว่าเอ็ลเดอร์กองเป็นคน “เงียบ แต่ล้อหมุนตลอดเวลา”

ภาพ
Gong family in Vietnam

ชีวิตครอบครัว

เกอร์ริทกับซูซาน กองเป็นบิดามารดาของบุตรชายสี่คน—เอบราแฮม แซมิวเอล คริสโตเฟอร์ และแมทธิว—ผู้เติบใหญ่ในสภาวะแวดล้อมแตกต่างหลากหลาย

“เมื่อเราอยู่ปักกิ่ง ลูกๆ ได้รับพรของการเป็นเพื่อนสนิทต่อกัน” เอ็ลเดอร์กองกล่าว

“ด้านหนึ่ง พวกเขามีโอกาสเห็นมุมกว้างของโลก” ซิสเตอร์กองกล่าว “อีกด้านหนึ่งคือช่วยให้เราเป็นครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ลูกชายของเรายังคงพูดว่าเรื่องดีที่สุดที่พ่อแม่อย่างเราทำคือให้พี่น้องแก่พวกเขา

“ครั้งหนึ่ง เราใช้ไมล์สะสมของสายการบิน” เอ็ลเดอร์กองกล่าว “เราให้แต่ละคนเลือกจุดหมาย เราเริ่มในวอชิงตัน ดี.ซี. ที่เราอยู่ จากนั้นเราไปอังกฤษ สาธารณรัฐเช็ก กรีซ ตุรกี อินเดีย จีน และญี่ปุ่น

“เรามีกฎเข้มงวดข้อหนึ่งระหว่างการเดินทางครั้งนั้น” ซูซานกล่าว “คือไม่ว่าเราไปที่ไหน เราจะกินอาหารที่คนพื้นถิ่นกิน” สุดท้าย ในญี่ปุ่นตอนสิ้นสุดการเดินทาง เอ็ลเดอร์กองบอกลูกๆ ว่าท่านจะพาพวกเขาไปภัตตาคารที่มีชื่อเสียงระดับโลกเรื่องเนื้อวัว ที่แม็คโดนัลด์ ลูกชายที่หิวโซสี่คนกับพ่อแม่กินแฮมเบอร์เกอร์ไป 17 ชิ้น!

“ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ให้ความสำคัญมากกับการเรียนรู้โดยประสบการณ์” อับราฮัมกล่าว “คุณพ่อคิดอย่างลึกซึ้งว่าประสบการณ์หล่อหลอมคนเราอย่างไร รวมไปถึงวัฒนธรรมทั้งหมดด้วย” เอบราแฮมสังเกตเห็นเช่นกันว่าบิดาของเขา “พูดอย่างระมัดระวังเพราะท่านต้องหมายความอย่างที่พูดจริงๆ และเชื่ออย่างนั้นจริงๆ”

แซมจำได้ว่า “แม้จะมีงานยุ่งที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่คุณพ่อใช้เวลาทุกคืนฝึกสอนผมเพื่อเข้าแข่งคณิตศาสตร์ประถมสามที่ผมอยากเข้าร่วมเรียกว่า ‘Challenge 24’ ท่านบอกว่าถ้าผมชนะ เราจะจัดปาร์ตี้ไอศกรีมซันเดที่มีท็อปปิ้งโรยหน้า 24 อย่าง” แซมเข้ารอบสุดท้ายแต่ไม่ชนะ ไม่ว่าอย่างไรครอบครัวกองก็ยังได้กินไอศกรีมซันเด แต่ไม่ง่ายที่จะมีท็อปปิ้ง 24 อย่าง—อย่างหนึ่งคือเนื้อแดดเดียว

คริสโตเฟอร์กับแมทธิวแสดงความเห็นว่าพวกเขา “ชื่นชมความไว้วางใจ ความรัก และความภักดีที่พ่อแม่มีให้กันมาก” เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์กองมีความรักเช่นนั้นต่อกันและต่อบุตรชายแต่ละคนและต่อเครือญาติ

“เกอร์ริทเป็นลูกชายและพี่ชายที่ใส่ใจเท่าๆ กับเป็นพ่อที่ใส่ใจ” ซูซานกล่าว “บทบาทเหล่านั้นสำคัญต่อท่าน ท่านช่วยให้เราเข้าใจว่าสัมพันธภาพครอบครัวสำคัญที่สุด”

ประสบการณ์ในศาสนจักร

ถึงแม้จะยุ่งกับงานอาชีพและครอบครัว แต่เอ็ลเดอร์กองก็ยังเต็มใจรับใช้ในศาสนจักรเสมอโดยทำการเรียกในฐานะสมาชิกสภาสูง หัวหน้ากลุ่มมหาปุโรหิต ประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สเตค ครูเซมินารี อธิการ ประธานงานเผยแผ่สเตค ประธานสเตค และสาวกเจ็ดสิบภาค

ไม่ว่าจะได้รับเรียกให้ทำอะไร และในชีวิตครอบครัวก็เช่นกัน ท่านแสดงให้เห็นลักษณะพิเศษบางอย่างเสมอ “ท่านมองว่าทุกคนเป็นบุตรหรือธิดาของพระบิดาบนสวรรค์” ซิสเตอร์กองกล่าว “แต่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านรักพระเจ้า ท่านปรารถนาสุดหัวใจอยากสร้างอาณาจักรและเป็นพรแก่บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์”

และท่านชื่นชมภรรยา “ไม่ว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ทำอะไร” ท่านกล่าว “ซูซานอยู่เคียงข้างข้าพเจ้า เธอเป็นกันเองกับทุกคนและปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น เธอเต็มใจไปสถานที่ใหม่ๆ และลองสิ่งใหม่เสมอ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจมาก”

การรับใช้กับโควรัมสาวกเจ็ดสิบ

วันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2010 เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กองได้รับการสนับสนุนเป็นสาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ท่านได้รับมอบหมายให้อยู่ในฝ่ายประธานภาคเอเชีย สำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ต่อมาท่านเป็นประธานภาคเอเชีย วันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เอ็ลเดอร์กองได้รับการสนับสนุนให้อยู่ในฝ่ายประธานสาวกเจ็ดสิบ ที่ซึ่งประสบการณ์ต่างประเทศของท่านดำเนินต่อไป รวมถึงการตรวจงานภาคในภูมิภาคต่างๆ ของโลกเช่นแอฟริกาและอเมริกากลางด้วย

“คุณพบและรู้สึกรักวิสุทธิชนในทุกที่เหล่านี้” ท่านกล่าว “คุณรู้สึกได้รับพรที่มีคนเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขา เพราะประสบการณ์ที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานในชีวิตพวกเขากลายเป็นความเข้าใจว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นใครและพระองค์ทรงรักเราแต่ละคนอย่างไร”

“เมื่อเราส่งเอ็ลเดอร์กองไปในสถานการณ์ใดก็ตาม คนที่เกี่ยวข้องรู้สึกว่าพวกเขาพบเพื่อน” ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าว “ท่านมีความรู้ระดับสูง แต่ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านเชื่อมสัมพันธ์กับคนทุกระดับ พร้อมเสมอ และโน้มน้าวคนได้ตลอดเวลา”

ภาพ
Gongs in Thailand

จากซ้าย: ในประเทศไทย เอ็ลเดอร์กองพบปะพูดคุยกับพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกกรุงเทพฯ เอ็ลเดอร์กองชอบเดินทางไปกับบุตรชายสองต่อสอง เช่นการเดินทางไปแคนาดาครั้งนี้กับแซมบุตรชายของท่าน เอ็ลเดอร์กองแบ่งปันความคิดเรื่องอาหารแห่งชีวิตให้กับครูเซมินารีและสถาบันในปี ค.ศ. 2017 ซิสเตอร์กองแลกเปลี่ยนคำทักทายในบ้านของสมาชิกชาวกัมพูชา

การเรียกเป็นอัครสาวก

เมื่อประธานเนลสันเรียกเอ็ลเดอร์กองให้รับใช้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ท่านศาสดาพยากรณ์ “จับมือข้าพเจ้าไว้ในมือท่านด้วยความรัก [โดยมี] ซูซานที่รักอยู่ข้างๆ และมอบการเรียกอันศักดิ์สิทธิ์นี้จากพระเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าลืมหายใจ” (“พระคริสต์เจ้าคืนชีพวันนี้,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 97) เอ็ลเดอร์กองยอมรับการเรียกอย่างนอบน้อม แต่ด้วยความรักและความวางใจในพระเจ้า ท่านได้รับการสนับสนุนวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2018 พระเจ้าทรงเตรียมท่านมาอย่างดี และเวลานี้ท่านจะปฏิบัติศาสนกิจในฐานะ “พยานพิเศษถึงพระนามของพระคริสต์ในทั่วโลก” (คพ. 107:23)

พิมพ์