ดิจิทัลเท่านั้น
ฉันเรียนรู้ที่จะรับใช้ด้วยความรักอย่างไร
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในมิสซูรี สหรัฐอเมริกา
การรับใช้เป็นพรแก่ผู้ที่เรารับใช้ แต่ถ้าเรารับใช้ด้วยเจตคติที่เหมาะสมเราจะได้รับพรเช่นกัน
ผมเข้ามาเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเมื่ออายุ 35 มีสิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้อย่างรวดเร็วคือ ผมจำเป็นต้องเต็มใจรับใช้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือใครบางคนย้ายบ้าน ดูแลสนามหญ้า ซ่อมแซม หรือขับรถพาไปสถานที่ต่างๆ ผมพยายามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อตอบรับคำขอในงานรับใช้จากโควรัมหรือจากแต่ละบุคคล
ผมรู้สึกว่าผมรับใช้ได้ดี แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมตระหนักว่าผมรับใช้จากความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ ไม่ใช่จากความรู้สึกรักผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมไม่ได้มองการรับใช้ของผมว่าเป็นความพยายามที่จะเป็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า1
หลังจากผมย้ายไปมิสซูรีตอนกลาง สหรัฐอเมริกา ผมมีโอกาสรับใช้คู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่ง บ้านหลังเล็กเก่าๆ นอกเมืองของพวกเขาต้องซ่อมแซมมากมายรวมถึงหลังคาที่รั่วซึม อย่างไรก็ตาม สามีภรรยาคู่นี้มีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถออกแรงทำงานหนัก
ในวันที่อากาศร้อนในเดือนกรกฎาคม ผมกับดัลลัส มาร์ติน เพื่อนที่ดีของผมอยู่บนหลังคาเพื่อวางแผ่นกระเบื้องใหม่ เรารู้สึกไม่สบายตัวและเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ทันใดนั้น ดัลลัสหยุดตอกตะปู ยืนขึ้น และมองผม
“คุณรู้ใช่ไหมว่าเราได้รับพรมากแค่ไหนที่สามารถขึ้นมาอยู่บนนี้ มาทำงานนี้ได้และไม่ใช่คนที่อยู่ข้างในที่ไม่สามารถทำได้?” เขาถาม
คำถามของเขาฟาดผมเหมือนสายฟ้าฟาด เป็นชั่วขณะที่เปลี่ยนชีวิตจริงๆ มุมมองทั้งหมดของผมเกี่ยวกับการรับใช้มีความหมายใหม่ ผมตระหนักว่าได้รับพรมากเพียงใดที่สามารถทำทุกสิ่งที่ผมสามารถทำได้
ในชั่วขณะนั้น ผมรู้สึกว่าดัลลัสกับผม ไม่ได้ ให้ความช่วยเหลืออย่างเรียบง่ายเนื่องจากความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เท่านั้นแต่ช่วยเหลือด้วยความรู้สึกสำนึกคุณ พระเจ้าประทานพรให้เรามีความสามารถในการเป็นพระหัตถ์ของพระองค์อย่างแท้จริง ด้วยการตระหนักเช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะรู้สึกรักผู้ที่เราช่วยเหลือ
นับตั้งแต่วันนั้น เมื่อใดก็ตามที่ผมช่วยในโครงการรับใช้ หรือเมื่อใดก็ตามที่มีใครบางคนต้องการความช่วยเหลือที่ผมสามารถให้ได้ ผมพยายามคำนึงถึงมุมมองนั้นเสมอ ผมไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป แต่มุมมองนั้นเป็นพรยิ่งใหญ่ในชีวิตผม ช่วยให้ผมรักษาเจตคติที่ดีเกี่ยวกับการรับใช้อย่างแท้จริง
เมื่อผมมีปัญหาหรือความท้าทาย ผมพยายามนึกถึงคนที่เผชิญกับการทดลองที่หนักกว่าผม แล้วผมจะขอบพระทัยพระเจ้าสำหรับพรทั้งหมดที่พระองค์ประทานแก่ผม
หากเราให้การรับใช้ของเราอยู่ในมุมมองที่เหมาะสม การรับใช้จะมีความหมายใหม่ ข้อความสองข้อเกี่ยวกับการรับใช้ของประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910– 2008) สะดุดใจผม
-
“ยารักษาโรคสมเพชตัวเองที่ได้ผลชงัดที่สุดคือสละตนเองในการรับใช้ผู้อื่น”2
-
“ยาถอนพิษความกังวลที่ได้ผลที่สุดที่ข้าพเจ้ารู้จักคือการทำงาน วิธีแก้ความเหนื่อยล้าที่ได้ผลที่สุดคือการท้าทายให้ช่วยคนที่เหนื่อยกว่า ความย้อนแย้งมากที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิตคือ: ผู้ที่รับใช้จะได้ประโยชน์มากกว่าผู้ที่ได้รับการรับใช้เสมอไปเกือบทุกครั้ง”3
สิ่งนั้นจะเป็นจริงถ้าเรารับใช้ผู้อื่นด้วยเจตคติที่เหมาะสม หากเราพยายามอย่างแท้จริงที่จะช่วยเหลือเพราะเรารู้สึกรักพี่น้องของเราและเพราะเราต้องการเป็นพระหัตถ์ของพระเจ้าอย่างจริงใจ การรับใช้ของเราจะเป็นพรแก่เราไม่เพียงในชีวิตนี้เท่านั้นแต่ในชีวิตที่จะมาถึงอีกด้วย