บทเรียนสามประการ จากการศึกษาหลักคำสอนและพันธสัญญา
เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับเราขณะที่เราเรียนรู้วิธีที่พระองค์ทรงทำงานกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในอดีต
การศึกษาหลักคำสอนและพันธสัญญาในปีนี้ทำให้ผมนึกถึงวิธีต่างๆ ที่ผมรู้จักพระผู้เป็นเจ้า บางครั้งผมรู้สึกถึงพระสิริของพระองค์โดยทันที ผมมักจะประหลาดใจว่ารู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์เพียงใดเมื่อผมใช้เวลาในธรรมชาติ และผมสามารถระบุช่วงเวลาที่พระเจ้าตรัสกับผมอย่างชัดเจนด้วยพระวิญญาณ
หนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดในภารกิจของผมที่จะรู้จักพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวข้องกับการมองย้อนกลับไปในอดีต ตัวอย่างเช่น ผมมักจะสามารถค้นหาความหมายในการทดลองของผมหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้วเท่านั้น นอกจากนั้นผมยังได้รับประโยชน์จากการศึกษาชีวิตของผู้อื่นซึ่งแสวงหาที่จะรู้จักพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย ประสบการณ์ของพวกเขาช่วยให้ผมมีความอดทนมากขึ้นในความมุ่งมั่นของผม รวมทั้งตระหนักและไว้วางใจในการกระตุ้นเตือนทางวิญญาณของผมเอง กล่าวสั้นๆ คือสิ่งเหล่านั้นช่วยให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าพระเจ้าทรงมีปฏิสัมพันธ์กับบุตรธิดาของพระองค์อย่างไร
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่พระเจ้าทรงบัญชาวิสุทธิชนในการประชุมก่อตั้งศาสนจักร “ดูเถิด, จะต้องมีการเขียนบันทึกในบรรดาพวกเจ้า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:1) บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สงวนไว้โดยสมาชิกศาสนจักรยุคแรกเป็นแหล่งข้อมูลมากมายสำหรับการศึกษาว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานกับเราอย่างไร ผมพบว่าการศึกษาการเปิดเผยในบริบททางประวัติศาสตร์มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยใช้แหล่งช่วยในหมวดการฟื้นฟูและประวัติศาสนจักรของคลังค้นคว้าพระกิตติคุณ
ต่อไปนี้เป็นบทเรียนสามประการที่เกี่ยวข้องกันซึ่งผมเรียนรู้จากการศึกษาหลักคำสอนและพันธสัญญา และประวัติศาสตร์ในช่วงต้นของศาสนจักรในปีนี้
คำถามมาก่อนการเปิดเผย
การเปิดเผยเกือบทั้งหมดในหลักคำสอนและพันธสัญญาประทานไว้เพื่อตอบคำถาม มีเพียงการเปิดเผยเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการแทรกแซงจากสวรรค์ที่ไม่ได้คาดหมาย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 27) คำถามที่นำไปสู่การเปิดเผยเหล่านี้ได้รับการกระตุ้นเตือนจากการศึกษาพระคัมภีร์ การทดลองที่ทรมาน หรือแนวคิดทางวัฒนธรรมของสมัยนั้น1 สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นศรัทธา ความสงสัย ความคลางแคลง และความหวาดกลัวของวิสุทธิชนยุคแรก
หลักคำสอนและพันธสัญญา 42 คือการตอบคำถามเฉพาะ 5 ข้อเกี่ยวกับวิธีที่วิสุทธิชนควรรวมตัวและสนับสนุนซึ่งกันและกัน2 คำตอบของพระเจ้ามีความสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะเนื้อหาของคำตอบเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสิ่งที่คำตอบบอกเราว่าการเปิดเผยนั้นเกิดขึ้นอย่างไร วิสุทธิชนได้รับการเตรียมจากสภาวการณ์และการไตร่ตรองของตน พวกเขาตั้งคำถามขึ้นมา ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า และเห็นคุณค่าในพระดำรัสตอบของพระองค์อย่างแท้จริง
ลองนึกถึงวิธีที่ท่านตอบสนองต่อข้อมูลที่ท่านได้รับนอกบริบท เช่นโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ท่านไม่ได้ต้องการเกี่ยวกับรองเท้าบางรุ่น ท่านอาจสนใจ แต่มีความเป็นไปได้มากว่าท่านจะเพิกเฉย ทว่าเมื่อท่านต้องการรองเท้าและมองหาคู่ที่เหมาะกับความต้องการของท่านและเท้าของท่าน ท่านจะใส่ใจกับสิ่งที่ท่านพบและตัดสินใจที่จะลงมือ สิ่งนี้นำมาใช้กับการแสวงหาทางวิญญาณของเราเช่นกัน
พระเจ้าทรงให้เกียรติสิทธิ์เสรีของเรา
การเลือกของเรามีความสำคัญ ไม่เพียงมีความสำคัญต่อการเติบโตของเราเท่านั้นแต่ต่อความก้าวหน้าในงานของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกด้วย พระองค์ทรงเป็นวาทยกร และเราเป็นสมาชิกวงออร์เคสตรา พรสวรรค์ ภูมิหลัง และการตัดสินใจของเราล้วนมีส่วนช่วยสร้างความไพเราะให้กับดนตรี เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ มีความโดดเด่นขึ้นในศาสนจักรยุคแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้สอนศาสนายุคแรกเลือกที่จะหยุดที่นั่นและไปเยี่ยมเพื่อนๆ ระหว่างเดินทางไปสนามเผยแผ่ซึ่งพวกเขาได้รับเรียก ความเชื่อมโยงและการเลือกที่ได้รับการดลใจของพวกเขาในการเยือนเคิร์ทแลนด์มีความสำคัญต่อการฟื้นฟู
และพระเจ้าทรงอนุญาตให้เราทุกคน รวมถึงโจเซฟ สมิธ ทำผิดพลาดได้ เราเป็นบุตรธิดาของพระองค์ และเช่นเดียวกับบิดามารดาที่เฉลียวฉลาดคนใดก็ตาม พระองค์ใส่พระทัยการเติบโตของเราและทรงต้องการให้เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
พระเจ้าทรงอนุญาตให้โจเซฟ สมิธมอบคำแปลพระคัมภีร์มอรมอน 116 หน้าแรกแก่มาร์ติน แฮร์ริส แม้พระเจ้าจะทรงทราบว่ามันจะสูญหายไป ประสบการณ์นี้สร้างความเจ็บปวดให้โจเซฟ แต่เขาเรียนรู้ที่จะเป็นผู้พิทักษ์ที่ระมัดระวังมากขึ้น เขาได้รับการให้อภัยและ “ได้รับเรียกมายังงานอีก” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 3:10)
ที่นี่นิดและที่นั่นหน่อย
พระเจ้าไม่ได้ประทานคู่มือที่ครอบคลุมเกี่ยวกับคำแนะนำในป่าศักดิ์สิทธิ์แก่โจเซฟ สมิธ การเปิดเผยนี้สะท้อนให้เห็นบทสนทนาอย่างต่อเนื่องระหว่างพระเจ้ากับศาสดาพยากรณ์อีกด้วย บางครั้งการเปิดเผยก็เปิดวิสัยทัศน์สู่นิรันดร บ่อยครั้งเพียงพอสำหรับความต้องการของวันนั้น แล้วโจเซฟก็กลับมาพร้อมคำถามเพิ่มเติมในภายหลัง
การเปิดเผยยุคแรกบัญชาให้วิสุทธิชนมารวมกันและสร้างเมืองไซอันในมิสซูรี เมื่อวิสุทธิชนถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ พระเจ้าทรงชี้แนะให้โจเซฟ สมิธพยายามนำดินแดนกลับคืนมา โดยเริ่มแรกจากค่ายไซอันและภายหลังผ่านการเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังจากนั้นโจเซฟจึงเรียนรู้ว่าไซอันใหญ่กว่าเมืองเดียวมาก การรวมตัวสามารถดำเนินต่อไปในสถานที่อื่นๆ ขณะที่วิสุทธิชนก่อตั้งสเตคและสร้างพระวิหาร3
เมื่อเวลาผ่านไป สภาวการณ์ที่วิสุทธิชนดำเนินชีวิตอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นับเป็นพรที่เรามีการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้เราหาหนทางสนองความต้องการของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงของเรา! หลักคำสอนที่เป็นแก่นของพระกิตติคุณยังคงอยู่ แต่การฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องยังคงมีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลง