เรื่องราวจาก วิสุทธิชน เล่ม 3
ประธานสาขาชาวบราซิลคนแรกในเซาเปาลู
ไม่นานหลังจากคลาวดิอูและมารีย์ ดูส ซานตูสรับบัพติศมาในเซาเปาลู บราซิล ประธานคณะเผยแผ่ วิลเลียม ซีกมิลเลอร์ถามคลาวดิอูว่าเขาอยากเป็นเอ็ลเดอร์ไหม คลาวดิอูประหลาดใจ แต่ตอบว่า “ครับ” เนื่องจากเพิ่งมาโบสถ์ได้ไม่กี่เดือน เขาจึงไม่ค่อยเข้าใจชัดเจนนักว่าการเป็นเอ็ลเดอร์หมายความว่าอย่างไร เขารู้ว่าเราเรียกผู้สอนศาสนาทุกคนว่า “เอ็ลเดอร์” และพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นผู้อุทิศชีวิตตนแด่พระผู้เป็นเจ้า ถ้านั่นคือความหมายของการเป็นเอ็ลเดอร์ เขาก็อยากเป็น1
เช้าวันอาทิตย์ต่อมา ก่อนโรงเรียนวันอาทิตย์จะเริ่ม ประธานซีกมิลเลอร์แต่งตั้งเขาสู่ตำแหน่งเอ็ลเดอร์ในฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขากล่าวว่า “ตอนนี้เราจะเตรียมศีลระลึกและเตรียมพร้อมสำหรับโรงเรียนวันอาทิตย์”
คลาวดิอูงงนิดหน่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก และเขาไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่มากนัก แต่เขาทำตามที่ประธานแนะนำและปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบของฐานะปุโรหิตเป็นครั้งแรก
เย็นวันนั้น ระหว่างการประชุมศีลระลึกสาขา ประธานซีกมิลเลอร์ขอความช่วยเหลือจากคลาวดิอูอีกครั้ง ครั้งนี้ให้เป็นล่ามขณะเขาพูดกับวิสุทธิชนเป็นภาษาอังกฤษ คลาวดิอูอยู่ระหว่างเรียนภาษาอังกฤษและไม่เคยเป็นล่ามมาก่อน แต่เขาตกลงที่จะลองดู2
ตอนเริ่มประชุม ประธานซีกมิลเลอร์ขอให้วิสุทธิชนสนับสนุนการแต่งตั้งคลาวดิอู คลาวดิอูประหลาดใจที่เขาเข้าใจประธานซีกมิลเลอร์อย่างชัดเจน และแปลคำพูดนั้นเป็นภาษาโปรตุเกสได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นประธานซีกมิลเลอร์บอกที่ประชุมว่า เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาเขียนจดหมายแจ้งฝ่ายประธานสูงสุดว่าในบราซิลมีผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่พูดภาษาโปรตุเกสได้ไม่เพียงพอสำหรับการสนับสนุนสาขาต่างๆ แต่ตอนนี้เขารู้สึกละอายใจที่เขียนจดหมายนั้น คนอย่างคลาวดิอูพิสูจน์แล้วว่าเขาผิด “ตอนนี้” เขายืนยันกับผู้ฟัง “ผมต้องเขียนจดหมายถึงฝ่ายประธานสูงสุดอีกหนึ่งฉบับ”
ประธานซีกมิลเลอร์กล่าวต่อว่า “วันนี้บราเดอร์คลาวดิอูได้รับแต่งตั้งเป็นเอ็ลเดอร์ พวกท่านจะสนับสนุนให้เขาเป็นประธานสาขาชาวบราซิลคนแรกในเซาเปาลูหรือไม่?”
คลาวดิอูแปลถ้อยคำเหล่านั้น แต่เขาอึ้งไป เขานึกถึงการขาดประสบการณ์ของตน “ผมมีความรู้อะไรหรือ? เขาสงสัย เขารู้เรื่องราวของโจเซฟ สมิธ แต่ไม่เคยอ่านพระคัมภีร์มอรมอน สิ่งเดียวที่เขามีให้คือความกระตือรือร้นต่อพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู และนั่นอาจเป็นทั้งหมดที่พระเจ้าทรงต้องการจากเขา
เขามองออกไปยังที่ประชุมและเห็นพวกเขายกมือสนับสนุนการเรียกของเขา เขารู้สึกเป็นเกียรติ เขาอาจไม่รู้อะไรมากนัก แต่เขาเต็มใจที่จะทำงาน3
คลาวดิอูเริ่มหน้าที่รับผิดชอบของเขาทันที เขารับผิดชอบการประชุมวันอาทิตย์และให้พรศีลระลึก ผู้สอนศาสนาสอนคลาวดิอูให้อ่านโน้ตดนตรี และไม่นานเขาพัฒนารายการเพลงสวดได้ประมาณยี่สิบเพลงโดยใช้ออร์แกนดังนั้นเขาสามารถเล่นคลอไปกับการขับร้องของวิสุทธิชนเซาเปาลูได้ แรกเริ่ม เขามีผู้ช่วยเป็นที่ปรึกษาเพียงหนึ่งคน แต่ชายทั้งสองก็ทำสุดความสามารถที่จะจัดสรรงานและหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวขณะที่ต้องปฏิบัติศาสนกิจแก่วิสุทธิชนที่กระจายกันอยู่ทั่วเมืองขนาดมหึมานั้นไปด้วย
แม้จะด้อยประสบการณ์ แต่คลาวดิอูวางใจว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่เรียกเขาเป็นผู้นำสาขา “ถ้านี่คือศาสนจักรที่แท้จริง ถ้ามีพระผู้เป็นเจ้าทรงดูแล พระองค์ต้องทรงเลือกใครสักคน” เขาบอกตนเอง “ต้องทรงเลือกใครสักคนที่กระตือรือร้นจนสามารถรับสิทธิอำนาจและทำงานได้”4