เลียโฮนา
ปีติที่สูงขึ้น
พฤษภาคม 2024


15:37

ปีติที่สูงขึ้น

ขอให้เราทุกคนแสวงหาและพบปีติที่สูงขึ้นจากการอุทิศชีวิตแด่พระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักของพระองค์

ข้าพเจ้าได้รับพรอย่างมากที่ได้พูดในการประชุมใหญ่สามัญมาสามทศวรรษแล้ว ในช่วงเวลานั้น คนมากมายทั่วโลกถามคำถามข้าพเจ้าเกี่ยวกับข่าวสารเหล่านี้ เมื่อเร็วๆ นี้ มีคำถามหนึ่งเข้ามาเรื่อยๆ โดยปกติจะเป็นประมาณนี้: “เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ ผมตั้งใจฟังคำพูดล่าสุดของคุณแต่ … ไม่ได้ยินอะไรเรื่องการบินเลย”

หลังจากวันนี้ ข้าพเจ้าอาจจะไม่ได้ยินคำถามนั้นอีกสักพัก

เรื่อง “เสี้ยวเมฆเริงระบำ”

ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อ 120 ปีที่แล้วนี่เองที่วิลเบอร์กับออร์วิลล์ ไรท์ ทะยานสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งแรกและบินข้ามผืนทรายของคิตตี้ฮอว์ก รัฐนอร์ทแคโรไลนา เที่ยวบินสั้นๆ สี่เที่ยวบินในเดือนธันวาคมวันนั้นได้เปลี่ยนโลกและเปิดประตูไปสู่หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

การบินค่อนข้างเสี่ยงในยุคแรกๆ สองพี่น้องก็ทราบเรื่องนี้ มิลตันพ่อของพวกเขาก็เช่นกัน ที่จริงเขากลัวมากที่จะสูญเสียลูกชายทั้งสองคนจากอุบัติเหตุระหว่างบิน จนลูกชายสัญญากับเขาว่าพวกเขาจะไม่มีวันบินด้วยกัน

และพวกเขาก็ไม่เคยทำเลย—ยกเว้นครั้งเดียว เจ็ดปีหลังจากวันประวัติศาสตร์ที่คิตตี้ฮอว์ก ในที่สุดมิลตัน ไรท์ ก็ยินยอมและได้ดูวิลเบอร์และออร์วิลล์บินด้วยกันเป็นครั้งแรก หลังจากเครื่องลง ออร์วิลล์เกลี้ยกล่อมให้พ่อของเขาขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เพื่อจะได้รู้ด้วยตัวเองว่าเป็นอย่างไร

ขณะเครื่องบินยกขึ้นจากพื้น มิลตันวัย 82 ปีก็จมอยู่กับความตื่นเต้นในการบินจนความกลัวหายไปหมด ออร์วิลล์เบิกบานขณะพ่อของเขาตะโกนด้วยความชอบใจ “สูงขึ้นอีก ออร์วิลล์ สูงขึ้นอีก!”

นี่คือชายผู้มีใจหมือนข้าพเจ้า!

บางทีเหตุผลที่ข้าพเจ้าพูดถึงการบินเป็นครั้งคราวก็เพราะข้าพเจ้ารู้บางอย่างที่ครอบครัวไรท์รู้สึก ข้าพเจ้าเป็นอีกคนที่ “ไถลออกไปจากพันธนาการร้ายแห่งโลกา เต้นรำบนท้องฟ้าด้วยปีกสีเงินเริงร่า”

เที่ยวบินแรกของพี่น้องตระกูลไรท์ ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 37 ปีก่อนข้าพเจ้าเกิด ได้เปิดประตูแห่งการผจญภัย ความมหัศจรรย์ และปีติแท้จริงเข้ามาในชีวิตข้าพเจ้า

ทว่า แม้ปีตินั้นจะอัศจรรย์เพียงใด ก็ยังมีปีติแบบที่สูงกว่านั้นอีก วันนี้ ด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันกับมิลตัน ไรท์ที่ร้องว่า “สูงขึ้นอีก ออร์วิลล์ สูงขึ้นอีก” ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงปีติที่สูงขึ้นนี้—ว่ามาจากไหน เข้ามาในใจเราอย่างไร และเราจะประสบปีตินั้นในระดับที่มากขึ้นได้อย่างไร

เป้าหมายทั้งหมดของการดำรงอยู่ของมนุษย์

เป็นที่รู้กันว่าทุกคนต้องการมีความสุข แต่ก็เป็นที่รู้เช่นกันว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุข น่าเศร้าที่ดูเหมือนว่าสำหรับหลายๆ คน ความสุขนั้นหายาก

เพราะอะไร? หากความสุขเป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ปรารถนามากที่สุด ทำไมเราถึงล้มเหลวในการหาความสุขขนาดนั้น? ถ้าจะถอดความเพลงคันทรีเพลงหนึ่ง บางทีเราอาจกำลังมองหาความสุขผิดที่มาตลอดก็ได้

เราจะพบความสุขได้ที่ไหน?

ก่อนที่เราจะคุยกันถึงวิธีพบปีติ ข้าพเจ้ายอมรับว่าภาวะซึมเศร้าและปัญหายากๆ ทางจิตใจและทางอารมณ์นั้นมีอยู่จริง และคำตอบไม่ใช่แค่ “พยายามมีความสุขมากกว่านี้สิ” จุดประสงค์ของข้าพเจ้าในวันนี้ไม่ใช่เพื่อจะลดค่าหรือลดความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิต หากท่านเผชิญกับความท้าทายเช่นนั้น ข้าพเจ้าโศกเศร้ากับท่านและยืนเคียงข้างท่าน สำหรับบางคน การหาปีติอาจรวมถึงการขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตผู้อุทิศชีวิตให้กับการฝึกศิลป์ที่สำคัญมากของพวกเขา เราควรรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือเช่นนั้น

ชีวิตไม่ใช่ลำดับอารมณ์ที่ขึ้นไปแบบไม่รู้จบ “เพราะจำเป็นต้อง, มีการตรงกันข้ามในสิ่งทั้งปวง” และหากพระเจ้าเองทรงร้องไห้ดังที่พระคัมภีร์ยืนยัน แน่นอนว่าท่านและข้าพเจ้าก็จะร้องไห้เช่นกัน ความรู้สึกเศร้าไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลว ในชีวิตนี้ อย่างน้อยสุขและทุกข์ก็เป็นคู่ที่แยกจากกันไม่ได้ เช่นเดียวกับทุกท่าน ข้าพเจ้าก็รู้สึกถึงความผิดหวัง ความโศกเศร้าเสียใจ และความสำนึกผิด

แต่ข้าพเจ้าก็ประสบกับรุ่งอรุณอันรุ่งโรจน์ซึ่งเติมเต็มจิตวิญญาณด้วยปีติอย่างลึกซึ้งจนเก็บไว้แทบไม่อยู่ ข้าพเจ้าค้นพบด้วยตนเองว่าความมั่นใจอันสงบสุขนี้มาจากการติดตามพระผู้ช่วยให้รอดและเดินในทางของพระองค์

สันติสุขที่พระองค์ประทานให้เราไม่เหมือนที่โลกให้ มันดียิ่งกว่า สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่า พระเยซูตรัสว่า “เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์”

พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็น “ข่าวดีแห่งความยินดีอย่างยิ่ง” อย่างแท้จริง! เป็นข่าวสารแห่งความหวังที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้! ข่าวสารเรื่องการแบกแอกและการยกภาระ เรื่องการรวบรวมความสว่าง เรื่องความช่วยเหลือจากสวรรค์ ความเข้าใจที่สูงขึ้น พันธสัญญาที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ความปลอดภัยนิรันดร์ และรัศมีภาพอันไม่รู้จบ!

ปีติคือจุดประสงค์แท้จริงในแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับลูกๆ ของพระองค์ คือเหตุผลที่ท่านถูกสร้างขึ้นมา—“เพื่อ [ท่าน] จะมีปีติ”! ท่านถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้!

พระบิดาในสวรรค์ของเราไม่ได้ทรงซ่อนเส้นทางสู่ความสุข เส้นทางนั้นไม่ใช่ความลับ แต่มีให้ทุกคน!

ทรงสัญญากับคนที่เดินบนเส้นทางสานุศิษย์ ทำตามคำสอนและแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด รักษาพระบัญญัติ และให้เกียรติพันธสัญญาที่ทำกับพระผู้เป็นเจ้า ช่างเป็นคำสัญญาที่ล้ำเลิศยิ่งนัก!

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีอะไรจะให้มากกว่านั้น

เราต่างรู้จักคนที่บอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้าเพื่อจะมีความสุข และพวกเขามีความสุขเพียงพอโดยไม่มีศาสนา

ข้าพเจ้ารับทราบและเคารพความรู้สึกเหล่านี้ พระบิดาในสวรรค์ที่รักของเราทรงต้องการให้ลูกๆ ทุกคนมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พระองค์จึงทรงทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความเพลิดเพลินเบิกบานใจอันดีงาม “ทั้งทำให้จำเริญตาและจำเริญใจ” สำหรับข้าพเจ้า การบินนำมาซึ่งความสุขยิ่งใหญ่ คนอื่นๆ พบความสุขในดนตรี ศิลปะ งานอดิเรก หรือธรรมชาติ

โดยการเชื้อเชิญทุกคนและแบ่งปันข่าวดีของพระผู้ช่วยให้รอดเรื่องปีติอันยิ่งใหญ่ เราไม่มองข้ามแหล่งที่มาของปีติเหล่านั้น เราแค่กำลังบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีอะไรจะให้มากกว่านั้น ปีติที่สูงขึ้นและลึกซึ้งขึ้น—ปีติที่อยู่เหนือสิ่งใดที่โลกนี้จะให้ได้ เป็นปีติที่ทนใจสลาย ทะลวงความโศกเศร้า และบรรเทาความโดดเดี่ยว

ในทางตรงกันข้าม ความสุขทางโลกนั้นไม่ยั่งยืน มันยั่งยืนไม่ได้ เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งในโลกที่จะแก่ลง เสื่อมโทรม สึกหรอ หรือเก่าล้าสมัย แต่ปีติของพระเจ้านั้นเป็นนิรันดร์ เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นนิรันดร์ พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อยกเราออกจากทางโลกและแทนที่ความเน่าเปื่อยด้วยความไม่เน่าเปื่อย มีเพียงพระองค์ที่มีอำนาจนั้น และมีเพียงปีติของพระองค์ที่คงอยู่ตลอดไป

หากท่านรู้สึกว่าชีวิตท่านอาจมีปีติเช่นนี้มากขึ้นได้ ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญให้ท่านเริ่มต้นบนเส้นทางการติดตามพระเยซูคริสต์และพระมรรคาของพระองค์ นี่คือการเดินทางตลอดชีวิต—และหลังจากนั้น ข้าพเจ้าขอแนะนำขั้นตอนเบื้องต้นในการเดินทางอันคุ้มค่าของการค้นพบปีติที่แท้จริง

เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า

ท่านจำหญิงในพันธสัญญาใหม่ที่ต้องทนทุกข์จากโรคโลหิตตกนานถึง 12 ปีได้ไหม? เธอใช้เงินทั้งหมดที่มีไปหาหมอ แต่กลับแย่ลงเรื่อยๆ เธอเคยได้ยินเรื่องพระเยซู พลังเยียวยารักษาของพระองค์เป็นที่รู้จักกันดี แต่จะทรงรักษาเธอได้หรือไม่? แล้วเธอจะเข้าใกล้พระองค์ได้อย่างไร? ความเจ็บป่วยของเธอทำให้เธอ “เป็นมลทิน” ตามกฎของโมเสส เธอจึงต้องอยู่ห่างจากผู้อื่น

การเข้าหาพระองค์อย่างเปิดเผยเพื่อขอการรักษาดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

แต่เธอก็ยังคิดว่า “ถ้าฉันได้แตะ‍ต้องเพียงฉลอง‍พระ‍องค์ ฉันก็จะหาย‍โรค”

ในที่สุดศรัทธาของเธอก็เอาชนะความกลัวได้ เธอฝ่าคำตำหนิของคนอื่นและมุ่งหน้าไปหาพระผู้ช่วยให้รอด

ในที่สุดเธอก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เธอยื่นมือออกไป

แล้วเธอก็หายเป็นปกติ

เราทุกคนไม่เหมือนหญิงผู้นี้บ้างหรือ?

อาจมีหลายสาเหตุทำให้เราลังเลที่จะเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอด เราอาจเจอการเยาะเย้ยหรือการประณามโดยผู้อื่น ในความจองหอง เราอาจมองข้ามความเป็นไปได้ที่สิ่งเรียบง่ายมากๆ จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล เราอาจคิดว่าสภาพของเราทำให้เราไม่คู่ควรจะรับการรักษาจากพระองค์—เราห่างไกลเกินไปหรือบาปของเรามากเกินไป

เช่นเดียวกับหญิงผู้นี้ ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าถ้าเราเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าและยื่นมือออกไปสัมผัสพระองค์ เราจะพบการเยียวยา สันติสุข และปีติได้แน่นอน

มองหา

พระเยซูทรงสอนว่า “จงหาแล้วเจ้าจะพบ”

ข้าพเจ้าเชื่อว่าวลีง่ายๆ นี้ไม่เพียงเป็นคำสัญญาทางวิญญาณเท่านั้น แต่เป็นคำแถลงข้อเท็จจริง

ถ้าเราแสวงหาเหตุผลที่จะโกรธ สงสัย ขมขื่น หรือโดดเดี่ยว เราจะพบเช่นกัน

แต่ถ้าเราแสวงหาปีติ—ถ้าเรามองหาเหตุผลที่จะชื่นชมยินดีและติดตามพระผู้ช่วยให้รอดอย่างมีความสุข เราก็จะพบ

เราไม่ค่อยพบสิ่งที่เราไม่ได้มองหา

ท่านมองหาปีติอยู่หรือไม่?

จงหาแล้วจะพบ

จงแบกภาระของกันและกัน

พระเยซูทรงสอนว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”

เป็นไปได้ไหมว่าในการค้นหาปีติ วิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบคือการนำปีติไปสู่ผู้อื่น?

พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้และข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือความจริง! ปีติก็เหมือนหม้อแป้งหรือไหน้ำมันที่จะไม่มีวันหมด ปีติที่แท้จริงจะทวีคูณเมื่อมีการแบ่งปัน

ไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่หรือซับซ้อน

เราสามารถทำสิ่งเรียบง่าย

เช่น สวดอ้อนวอนเพื่อใครสักคนด้วยสุดใจของเรา

เอ่ยคำชมที่จริงใจ

ช่วยให้ใครสักคนรู้สึกเป็นที่ต้อนรับ เป็นที่เคารพ มีคนเห็นคุณค่า และเป็นที่รัก

แบ่งปันพระคัมภีร์ข้อโปรดและบอกว่ามีความหมายกับเราอย่างไร

หรือแม้แต่เพียงรับฟัง

“เมื่อท่านอยู่ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของท่าน ท่านก็อยู่ในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของท่านนั่นเอง” และพระเจ้าจะทรงตอบแทนความเมตตาของท่านอย่างล้นเหลือ ปีติที่ท่านมอบให้ผู้อื่นจะกลับมาหาท่าน “​แบบ​ยัด​สั่น​แน่น​พูน‍ล้น​”

“เราจะต้องทำอย่างไร?”

ในระหว่างวัน สัปดาห์ และเดือนที่จะมาถึง ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญให้ท่าน:

  • ใช้เวลาด้วยพยายามเต็มที่อย่างจริงใจเพื่อเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า

  • หมั่นแสวงหาช่วงเวลาแห่งความหวัง สันติสุข และปีติในทุกๆ วัน

  • นำปีติมาสู่คนรอบข้าง

พี่น้องทั้งหลาย มิตรสหายที่รัก เมื่อท่านค้นหาพระคำของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่องแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า จงตอบรับคำเชื้อเชิญเหล่านี้ และพากเพียรเดินในพระมรรคาของพระองค์ ท่านจะประสบกับ “สันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ” แม้อยู่ท่ามกลางความโศกเศร้า ท่านจะรู้สึกถึงความรักอันหาใดเทียบได้ของพระผู้เป็นเจ้าที่กำลังพองโตขึ้นในใจท่าน รุ่งอรุณแห่งแสงซีเลสเชียลจะทะลุทะลวงเงามืดแห่งการทดลองของท่าน และท่านจะเริ่มลิ้มรสความรุ่งโรจน์และความอัศจรรย์ที่ไม่อาจบรรยายได้แห่งอาณาจักรสวรรค์อันสมบูรณ์แบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ท่านจะรู้สึกว่าวิญญาณของท่านล่องลอยออกไปจากแรงดึงดูดของโลกนี้

และเช่นเดียวกับมิลตัน ไรท์ผู้ใจดี บางทีท่านอาจจะเปล่งเสียงด้วยความชื่นชมยินดีและตะโกนว่า “สูงขึ้นอีก พระบิดา สูงขึ้นอีก!”

ขอให้เราทุกคนแสวงหาและพบปีติที่สูงขึ้นจากการอุทิศชีวิตแด่พระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักของพระองค์ นี่คือคำสวดอ้อนวอนอย่างจริงจังและพรของข้าพเจ้าในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. John Gillespie Magee Jr., “High Flight,” poetryfoundation.org.

  2. ดู Christopher Klein, “10 Things You May Not Know about the Wright Brothers,” History, Mar. 28, 2023, history.com.

  3. Magee, “High Flight.”

  4. เมื่อสองพันสี่ร้อยปีก่อน อริสโตเติลตั้งข้อสังเกตว่าความสุขเป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนามากที่สุด ในบทความของเขา Nicomachean Ethics เขาสอนว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือสิ่งที่เราทำเพื่อเป็นจุดหมายในตัวมันเอง (ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราทำเพื่อเป็นหนทางไปสู่จุดหมายอื่น) ความสุขก็คือสิ่งนั้น ซึ่งอยู่เหนือทุกสิ่ง “เราปรารถนาความสุขเพื่อตัวมันเองเสมอ” เขากล่าว “และไม่เคยปรารถนาเพื่อเป็นหนทางไปสู่สิ่งอื่น” (The Nichomachean Ethics of Aristotle, trans. J. E. C. Weldon [1902], 13–14)

  5. ดู Harry Enten, “American Happiness Hits Record Lows,” CNN, Feb. 2, 2022, cnn.com; Tamara Lush, “Poll: Americans Are the Unhappiest They’ve Been in 50 Years,” Associated Press, June 16, 2020, apnews.com; “The Great Gloom: In 2023, Employees Are Unhappier Than Ever. Why?” BambooHR, bamboohr.com ด้วย

  6. ดู Wanda Mallette, Patti Ryan, และ Bob Morrison, “Lookin’ for Love (ใน All the Wrong Places)” (1980)

  7. 2 นีไฟ 2:11

  8. ดู ยอห์น 11:35; โมเสส 7:28–37

  9. ดู 2 นีไฟ 2:11

  10. ดู ยอห์น 14:27

  11. ยอห์น 10:10

  12. Luke 2:10, New Revised Standard Version.

  13. ดู มัทธิว 11:28–30

  14. 2 นีไฟ 2:25

  15. หากท่านมีข้อกังวลว่าพระบิดาในสวรรค์จะทรงยอมรับท่านและยอมให้ท่านรับปีติของพระองค์หรือไม่ ข้าพเจ้าขอเชิญท่านอ่านอุปมาของพระคริสต์เรื่องบุตรที่หายไปร่วมกับการสวดอ้อนวอน (ดู ลูกา 15:11–32) ในอุปมาเรื่องนั้น เราเรียนรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้สึกอย่างไรกับลูกๆ ของพระองค์ และทรงรอคอยและฉลองการกลับมาของเราหลังจากที่เราหลงไปจากพระองค์อย่างไร! นับตั้งแต่วินาทีที่เรา “กลับมาหาตนเอง” (ดู ข้อ 17) และเริ่มเดินทางกลับบ้าน พระองค์จะทรงเห็นเรา เพราะทรงยืนเฝ้าดูและรอคอย และทรงกำลังรออะไรอยู่? รอพวกเรา! เมื่อเราเข้าใกล้พระองค์ พระองค์จะทรงฉลองการกลับมาของเราและเรียกเราว่าลูกของพระองค์

  16. หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:18 การเปิดเผยนี้อธิบายด้วยว่า “เป็นที่พอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ประทานสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ไว้ให้มนุษย์; เพราะเพื่อจุดหมายนี้ จึงทรงรังสรรค์สิ่งเหล่านี้ไว้ใช้” (ข้อ 20)

  17. แด่คนที่เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ประทานสัญญาอันยิ่งใหญ่นี้ “เราจะเข้ามาอยู่ใกล้เจ้า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:63; ดู ยากอบ 4:8 ด้วย)

  18. ดู มาระโก 5:24–34

  19. ดู คู่มือพระคัมภีร์, “สะอาดและไม่สะอาด

  20. มาระโก 5:28

  21. มัทธิว 7:7

  22. โดยการแบกภาระของกันและกัน เรา “ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์” (กาลาเทีย 6:2; ดู โมไซยาห์ 18:8 ด้วย)

  23. กิจการของอัครทูต 20:35

  24. ดู 1 พงศ์กษัตริย์ 17:8–16

  25. โมไซยาห์ 2:17

  26. ในจดหมายถึงชาวโรมัน เปาโลกล่าวว่าพระเจ้า “จะประทานแก่ทุกคนตามควรแก่การกระทำของเขา สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติ และความเป็นอมตะนั้น พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้ … แต่ศักดิ์ศรี เกียรติ และสันติสุข จะมีแก่ทุกคนที่ประพฤติดี” (โรม 2:6–7, 10)

  27. ลูกา 6:38 ความรอดและความสุขนิรันดร์ของเราอาจขึ้นอยู่กับความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาที่เรามีต่อผู้อื่น (ดู มัทธิว 25:31–46)

  28. ลูกา 3:10

  29. ฟิลิปปี 4:7