ประสบการณ์การเรียนรู้ 9
การเตรียมบทเรียน: ตัดสินใจว่าจะสอนอะไร
สาระโดยสังเขป
หมายเหตุ: ประสบการณ์การเรียนรู้ห้าเรื่องต่อจากนี้จัดทำไว้เพื่อช่วยให้ท่านเรียนรู้วิธีเตรียมบทเรียน ประสบการณ์การเรียนรู้ 9-10 เน้นการตัดสินใจว่าจะสอนอะไร และประสบการณ์การเรียนรู้ 11-13 เน้นการตัดสินใจว่าจะสอนอย่างไร
ประสบการณ์การเรียนรู้นี้ครอบคลุมแนวคิดต่อไปนี้
-
การสอนพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ
-
การสร้างสมดุลระหว่างสอนอะไรและสอนอย่างไร
-
การตัดสินใจว่าจะสอนอะไร
แนวคิดหลัก
ครูที่ได้รับเรียกใหม่มักมีคำถามดังต่อไปนี้
-
การสอนเซมินารีต่างจากการสอนชั้นเรียนอื่นอย่างไร เช่น ชั้นเรียนหลักคำสอนพระกิตติคุณ สมาคมสงเคราะห์ โควรัมเอ็ลเดอร์ และอื่นๆ
-
ฉันเตรียมบทเรียนอย่างไร
-
ฉันควรใช้เวลาเลือกนานเท่าใดว่าจะสอนอะไรและสอนอย่างไร
-
ฉันตัดสินใจอย่างไรว่าจะสอนอะไร
ประสบการณ์การเรียนรู้นี้จะช่วยตอบคำถามเหล่านี้บางข้อ
การศึกษาและการสอนพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ
ในหลักสูตรเซมินารีและสถาบันที่มุ่งเน้นงานมาตรฐานจะสอนพระคัมภีร์เรียงตามลำดับหนังสือและบทที่ปรากฎในพระคัมภีร์ บทเรียนเรียงตามช่วงพระคัมภีร์ไม่ใช่ตามหัวข้อ ช่วงพระคัมภีร์แต่ละช่วงอาจมีหลายบท หลายหลักธรรม และหลายหัวข้อที่ท่านสามารถเน้นได้ วิธีนี้ต่างจากหลักสูตรสถาบันที่สอนตามสาระสำคัญ
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การศึกษาพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ” (0:46) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดถึงประโยชน์ของการศึกษาพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ
เมื่อสอนช่วงพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ ท่านจะสอนหลักธรรมหลายข้อภายในบทเรียนเดียว หลักธรรมแต่ละข้อจะได้รับการเน้นในระดับที่ต่างกัน
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การสอนพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ” (4:28) มีอยู่ที่ LDS.org วีดิทัศน์เรื่องนี้แสดงให้เห็นแนวคิดสำคัญๆ หลายประการที่พึงพิจารณาเมื่อวางแผนการสอนช่วงพระคัมภีร์เรียงตามลำดับ
อะไรและอย่างไร: สร้างสมดุลการเตรียมของท่าน
ระหว่างเตรียมบทเรียน สำคัญที่ต้องสร้างสมดุลขณะพยายามตัดสินใจว่าจะสอนอะไรและสอนอย่างไร
การเตรียมที่ไม่สมดุล
-
อะไร
เมื่อครูใช้เวลาและความพยายามมากเกินไปกับการตัดสินใจว่าจะสอน อะไร ครูจะมีเวลาไม่พอพิจารณาวิธีช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ บ่อยครั้งจะส่งผลให้บทเรียนน่าเบื่อและครูเป็นศูนย์กลางมากเกินไป
-
อย่างไร
เมื่อครูใช้เวลาและความพยายามมากเกินไปกับการตัดสินใจว่าจะสอน อย่างไร บทเรียนจะขาดจุดประสงค์และพลัง ในกรณีนี้ นักเรียนอาจจดจำวิธีสอนมากกว่าข่าวสารที่ได้รับการดลใจจากพระคัมภีร์
การเตรียมที่สมุดล
“เมื่อเตรียมบทเรียน ครูทุกคนต้องตัดสินว่า ‘ฉันจะสอนอะไร’ และ ‘ฉันจะสอนอย่างไร’” (การสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ, 52) ท่านเพิ่งเรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไร อะไร และ อย่างไร ไม่สมดุลในการเตรียมของท่าน ตอนนี้ให้อ่านหัวข้อต่อไปนี้และสังเกตลักษณะของการเตรียมเมื่อ อะไร และ อย่างไร สมดุลกัน
-
อะไร
การเตรียมสอน อะไร ประกอบด้วย
-
การเข้าใจบริบท (ภูมิหลัง วัฒนธรรม และสภาวะแวดล้อม)
-
การเข้าใจเนื้อหา (โครงเรื่อง ผู้คน เหตุการณ์ โอวาท และคำอธิบายที่ได้รับการดลใจ)
-
การระบุหลักคำสอนหรือหลักธรรมสำคัญ
-
-
อย่างไร
การเตรียมสอน อย่างไร ประกอบด้วยการคิดหาวิธีและกิจกรรมที่ท่านจะใช้ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ (การสนทนาในชั้นเรียน คำถาม โสตทัศนอุปกรณ์ แบบฝึกหัด งานกลุ่มเล็ก และอื่นๆ)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ 4.3.2 (“ตัดสินใจว่าจะสอนอะไรและสอนอย่างไร”) ในหน้า 52 ของหนังสือคู่มือ การสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ
ข้อกังวลของครูคนใหม่
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “ได้พระวจนะ” (8:54) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ เลอาห์ เมอร์เรย์เป็นมารดาที่มีงานยุ่งและเพิ่งได้รับเรียกให้เป็นครูเซมินารี เช่นเดียวกับครูที่ได้รับเรียกใหม่หลายคน เธอรู้สึกหวั่นใจเรื่องหาเวลาเตรียมบทเรียนและสอนทุกวัน เธอสงสัยว่าจะเริ่มตรงไหน ขณะดูวีดิทัศน์ ให้มองหาว่าเธอไปหาใครเมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือเรื่องการเรียกของเธอ ให้มองหาเช่นกันว่าเธอได้รับคำแนะนำอะไรเกี่ยวกับจุดสำคัญที่สุดที่ต้องเริ่มเมื่อเตรียมบทเรียน
การตัดสินใจว่าจะสอนอะไร: สี่ขั้นตอน
ขณะเตรียมบทเรียน ให้ทำตามสี่ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อช่วยท่านตัดสินใจว่าจะสอนอะไร ขั้นตอนเหล่านี้อธิบายไว้ในหนังสือคู่มือ การสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ หัวข้อ 4.3.3 (“ตัดสินใจว่าจะสอนอะไร”) ในหน้า 52-55
-
ตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์ให้เข้าใจบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์
-
ระบุและพยายามเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมที่พบในช่วงพระคัมภีร์
-
ตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
-
ตัดสินใจว่าจะเน้นย้ำช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนในระดับใด
กิจกรรมต่อไปนี้จะเน้นสี่ขั้นตอนของการตัดสินใจว่าจะสอนอะไร สำหรับกิจกรรมทั้งสี่ส่วน ให้ดูวีดิทัศน์แสดงวิธีทำแต่ละขั้นตอน จากนั้นให้ฝึกสิ่งที่ท่านเรียนรู้โดยสร้างบันทึกบทเรียนขณะทำสรุปสาระสำคัญ โมไซยาห์ 27
กิจกรรมการเตรียมบทเรียน
ขั้นตอน 1: เข้าใจบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์
หนังสือคู่มือ การสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ มีข้อเสนอแนะสี่ประการให้พิจารณาเมื่อพยายามเข้าใจบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์
-
ตั้งใจศึกษาช่วงพระคัมภีร์จนเนื้อหาชัดเจนและคุ้นเคย
-
สังเกตการแบ่งวรรคตามธรรมชาติในช่วงพระคัมภีร์ที่เกิดการเปลี่ยนหัวข้อหรือการกระทำ
-
แบ่งช่วงพระคัมภีร์ออกเป็นตอนสั้นๆ หรือกลุ่มข้อโดยอาศัยการแบ่งวรรคตามธรรมชาติ (หมายเหตุ: ท่านจะใช้ตอนสั้นๆ เหล่านี้จัดลำดับบทเรียน และอย่างน้อยก็ให้ความใส่ใจบ้างกับเนื้อหาทั้งหมดในช่วงพระคัมภีร์)
-
สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์แต่ละตอน
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การเตรียมบทเรียน: การแบ่งเป็นตอนๆและข้อความสรุป” (5:08) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ ซิสเตอร์วิลสันสาธิตขั้นตอนเหล่านี้
สร้างเอกสารเปล่าคล้ายกับที่ท่านเห็นในวีดิทัศน์ หรือใช้เอกสารแจกชื่อ “ตัดสินใจว่าจะสอนอะไร” ซี่งมีอยู่ในภาคผนวกของคู่มือเล่มนี้ จากนั้นให้ระบุบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์โดยทำดังนี้
-
ศึกษาช่วงพระคัมภีร์ (โมไซยาห์ 27) เพื่อให้คุ้นเคยกับบริบทและเนื้อหา
-
สังเกตการแบ่งวรรคตามธรรมชาติที่เกิดการเปลี่ยนหัวข้อหรือการกระทำ
-
แบ่งช่วงพระคัมภีร์ออกเป็นกลุ่มข้อสั้นๆ ตามการแบ่งวรรคตามธรรมชาติเหล่านี้
-
เขียนข้อความสรุปลงในเอกสารของท่านโดยบอกว่าเกิดอะไรขึ้นภายในพระคัมภีร์แต่ละตอน
ขั้นตอน 2: ระบุและเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรม
หลังจากสรุปข้อพระคัมภีร์เป็นตอนๆ แล้ว ท่านจะระบุหลักคำสอนและหลักธรรมในแต่ละตอน จากนั้นท่านจะเขียนข้อความที่ชัดเจนและเรียบง่ายเพื่อสรุปหลักคำสอนและหลักธรรมที่ท่านระบุ
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การเตรียมบทเรียน: ระบุหลักคำสอนและหลักธรรม” (2:57) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ ซิสเตอร์วิลสันสาธิตวิธีระบุหลักคำสอนและหลักธรรม สรุปเป็นข้อความที่เรียบง่าย และเขียนไว้ในสรุปสาระสำคัญบทเรียนของเธอ
กลับไปดูบันทึกบทเรียนของท่านสำหรับ โมไซยาห์ 27 และทำดังนี้
-
ระบุหลักคำสอนและหลักธรรมในพระคัมภีร์แต่ละตอน
-
เขียนหลักคำสอนหรือหลักธรรมแต่ละข้อลงในเอกสารของท่านโดยใช้ข้อความที่เรียบง่ายและชัดเจน
ขั้นตอน 3: ตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
ช่วงพระคัมภีร์มักมีเนื้อหามากเกินกว่าจะสนทนาในชั้นเรียนได้ พิจารณาประเด็นต่อไปนี้เมื่อตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
-
การกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์
-
เจตนาของผู้เขียนที่ได้รับการดลใจ
-
หลักคำสอนและหลักธรรมที่ทำให้เปลี่ยนใจเลื่อมใส
-
ความต้องการและความสามารถของนักเรียนของท่าน
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การเตรียมบทเรียน: ตัดสินใจว่าจะเน้นหลักธรรมใด” (5:07) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ ซิสเตอร์วิลสันสาธิตวิธีตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
กลับไปดูบันทึกบทเรียนของท่านสำหรับ โมไซยาห์ 27 และทำดังนี้
-
ตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้ ขณะทำเช่นนั้น ให้พิจารณาดังนี้
-
การกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์
-
เจตนาของผู้เขียนที่ได้รับการดลใจ
-
หลักคำสอนและหลักธรรมที่ทำให้เปลี่ยนใจเลื่อมใส
-
ความต้องการและความสามารถของนักเรียนของท่าน
-
-
ในเอกสารของท่าน ให้วงกลมหรือทำเครื่องหมายหลักคำสอนและหลักธรรมที่ท่านตัดสินใจว่าสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
ขั้นตอน 4: ตัดสินใจว่าจะเน้นย้ำช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนระดับใด
หลังจากพิจารณาหลักคำสอนและหลักธรรมสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้แล้ว ขั้นต่อไปคือตัดสินใจว่าควรเน้นช่วงพระคัมภีร์ตอนใดมากที่สุดในระหว่างบทเรียน โดยทั่วไปท่านจะเน้นช่วงพระคัมภีร์ซึ่งประกอบด้วยความจริงที่ท่านค้นพบว่าสำคัญที่สุด
เพื่อช่วยท่านตัดสินใจว่าจะเน้นพระคัมภีร์แต่ละตอนมากน้อยเพียงใด ท่านอาจจะถามตนเองด้วยคำถามบางข้อต่อไปนี้ ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ ในช่วงพระคัมภีร์ตอนนี้ ฉันจะวางแผนช่วยให้นักเรียน
-
เข้าใจบริบทและเนื้อหาหรือไม่
-
ระบุหลักคำสอนและหลักธรรมหรือไม่
-
เข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมหรือไม่
-
รู้สึกถึงความจริงและความสำคัญของหลักคำสอนและหลักธรรมเหล่านั้นหรือไม่
-
ประยุกต์ใช้ความจริงในชีวิตพวกเขาหรือไม่
ดูวีดิทัศน์เรื่อง “การเตรียมบทเรียน: ตัดสินใจว่าจะเน้นพระคัมภีร์แต่ละตอนมากน้อยเพียงใด” (6:57) มีอยู่ที่ LDS.org ในวีดิทัศน์เรื่องนี้ ซิสเตอร์วิลสันสาธิตวิธีใช้รูปแบบการเรียนรู้ตัดสินใจว่าจะเน้นช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนมากน้อยเพียงใด
กลับไปดูบันทึกบทเรียนของท่านสำหรับ โมไซยาห์ 27 และทำงานต่อไปนี้ให้เสร็จ
-
ขณะที่ท่านดูช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนในเอกสารของท่าน ให้พิจารณาว่าจะเน้นแต่ละตอนในระดับใดโดยถามตัวท่านด้วยคำถามต่อไปนี้จากรูปแบบการเรียนรู้ ในช่วงพระคัมภีร์ตอนนี้ ฉันจะวางแผนช่วยให้นักเรียน
-
เข้าใจบริบทและเนื้อหาหรือไม่
-
ระบุหลักคำสอนและหลักธรรมหรือไม่
-
เข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมหรือไม่
-
รู้สึกถึงความจริงและความสำคัญของหลักคำสอนและหลักธรรมเหล่านั้นหรือไม่
-
ประยุกต์ใช้ความจริงในชีวิตพวกเขาหรือไม่
-
-
เขียนลงในบันทึกบทเรียนของท่านว่าท่านได้เลือกเน้นช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนในระดับใด
สรุปและการประยุกต์ใช้
หลักธรรมที่พึงจดจำ
-
ในหลักสูตรเซมินารีและสถาบันที่มุ่งเน้นงานมาตรฐานจะสอนพระคัมภีร์เรียงตามลำดับหนังสือและบทที่ปรากฎในพระคัมภีร์
-
เมื่อเตรียมบทเรียน การสร้างสมดุลระหว่างสอนอะไรกับสอนอย่างไรทำให้ประสบการณ์การเรียนรู้มีจุดประสงค์และมีพลังมากขึ้น
-
เมื่อตัดสินใจว่าจะสอนอะไรให้ทำดังนี้
-
ตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์ให้เข้าใจบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์
-
ระบุและพยายามเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมที่พบในช่วงพระคัมภีร์
-
ตัดสินใจว่าหลักธรรมและหลักคำสอนใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้
-
ตัดสินใจว่าจะเน้นย้ำช่วงพระคัมภีร์แต่ละตอนในระดับใด
-
ภาพเอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์“จงพิจารณาตามขีดความสามารถและความต้องการของนักเรียนแต่ละคนของท่านว่าอะไรมีความสำคัญสูงสุด ถ้านักเรียนเข้าใจหลักธรรมสำคัญ รับไว้ในใจ และทำให้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือแนะแนวชีวิตของพวกเขา เมื่อนั้นท่านย่อมบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญที่สุด” (ริชาร์ด จี. สก็อตต์, “To Understand and Live Truth” [an evening with Elder Richard G. Scott, Feb. 4, 2005], 2–3, si.lds.org)
“ฉะนั้น เราต้องทำอะไร”
เพื่อสรุปประสบการณ์การเรียนรู้นี้ ให้จดบางสิ่งที่ท่านจะทำโดยยึดหลักธรรมที่ท่านเรียนรู้วันนี้