2010–2019
แสวงหาการเรียนรู้: ท่านมีงานต้องทำ
เมษายน 2012


2:3

แสวงหาการเรียนรู้: ท่านมีงานต้องทำ

จงเป็นพรแก่บุตรธิดาและครอบครัวในอนาคตของท่านโดยเรียนรู้ให้มากเท่าที่จะมากได้เวลานี้

เยาวชนหญิงที่รักทั้งหลาย เรารักแต่ละท่านมาก เราเห็นท่านลุกขึ้นอย่างกล้าหาญและฉายส่องความสว่างในโลกที่การท้าทายมากมายมาพร้อมโอกาสมากมาย นี่อาจทำให้ท่านสงสัยว่า “อนาคตของฉันจะเป็นอย่างไร” ดิฉันรับรองว่าเมื่อท่านเป็นธิดาที่มีคุณธรรมของพระผู้เป็นเจ้า อนาคตของท่านสดใสแน่นอน! ท่านอยู่ในเวลาที่ความจริงของพระกิตติคุณได้รับการฟื้นฟู และความจริงเหล่านี้พบได้ในพระคัมภีร์ของท่าน ท่านได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อครั้งรับบัพติศมา และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสอนความจริงแก่ท่านและเตรียมท่านให้พร้อมรับการท้าทายของชีวิต

พระผู้เป็นเจ้าประทานสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมและโอกาสให้ท่านเรียนรู้ขณะอยู่บนแผ่นดินโลก และพระองค์ทรงมีงานให้ท่านทำ เพื่อให้งานดังกล่าวสำเร็จลุล่วง ท่านมีความรับผิดชอบส่วนตัวที่ต้องแสวงหาการเรียนรู้ กุญแจสู่อนาคตของท่าน “รังสีเจิดจ้าของความหวัง”1 พบได้ในหนังสือ เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน เล่มใหม่ภายใต้หัวข้อมาตรฐานของการศึกษาและในคุณค่าของความรู้

“การศึกษา … จะเปิดประตูแห่งโอกาส”2 เมื่อท่านทำตามพระดำรัสเตือนของพระเจ้าให้ “แสวงหาการเรียนรู้, แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย”3 ท่านจะได้ไม่เพียงความรู้จากการศึกษาเท่านั้นแต่ได้ความสว่างเพิ่มขึ้นด้วยขณะเรียนรู้โดยศรัทธา

จงแสวงหาการเรียนรู้โดยหมั่นศึกษา ท่านอาจจะไม่สามารถทุ่มเทเวลาเรียนรู้ได้มากเท่าเวลานี้อีกแล้ว ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ แนะนำเยาวชนของศาสนจักรไว้อย่างชาญฉลาดว่า “รูปแบบการศึกษาที่ท่านสร้างในช่วงเรียนหนังสือตามเกณฑ์ส่วนใหญ่จะส่งผลให้ท่านกระหายความรู้ชั่วชีวิต”4 “ท่านต้องศึกษาหาความรู้ให้มากเท่าที่ท่านจะทำได้ … เสียสละสิ่งใดก็ตามที่ต้องเสียสละเพื่อให้ตัวท่านมีคุณสมบัติเหมาะจะทำงานของโลก [นี้] … ฝึกสมองและมือท่านให้เป็นอิทธิพลดีขณะที่ท่านก้าวหน้าไปกับชีวิต”5

ในการพูดเฉพาะกับสตรี ประธานโธมัส เอส. มอนสันกล่าวว่า “บ่อยครั้งเราไม่รู้อนาคต ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องพร้อมรับความไม่แน่นอน … ข้าพเจ้าขอให้ท่านศึกษาหาความรู้และเรียนรู้ทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานเพื่อท่านจะพร้อมจัดหาให้ครอบครัวหากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น”6

เยาวชนหญิงทั้งหลาย จงทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ที่ชาญฉลาดและได้รับการดลใจเหล่านี้ จงเป็นนักเรียนที่ดี ลุกขึ้นและฉายส่องในโรงเรียนของท่านด้วยความขยันขันแข็ง ความซื่อสัตย์ และความสุจริต ถ้าท่านกำลังหนักใจและท้อแท้กับการแสดงออกในโรงเรียน จงขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง ครู และสมาชิกศาสนจักรที่ช่วยได้ อย่ายอมแพ้!

จงเขียนสิ่งที่ท่านต้องการเรียนรู้ จากนั้น “บอกเป้าหมายการศึกษาของท่านกับครอบครัว มิตรสหาย และผู้นำเพื่อพวกเขาจะสนับสนุนและให้กำลังใจท่านได้”7 นี่คือแบบฉบับของความก้าวหน้าส่วนบุคคล

ด้วยเทคโนโลยี ท่านกำลังเห็นการระเบิดความรู้ ท่านถูกระดมยิงไม่ขาดสายด้วยเสียง วีดิทัศน์ และเน็ตเวิร์ค จงเลือกให้ดีและอย่ายอมให้คลื่นยักษ์ของข้อมูลรบกวนหรือชะลอความก้าวหน้าของท่าน จงลุกขึ้น เยาวชนหญิงทั้งหลาย! ท่าน กำหนดเป้าหมายของท่าน ท่าน ตัดสินใจจะให้อะไรเข้ามาในความคิดและจิตใจท่าน

การเรียนรู้สำคัญที่สุดของท่านบางครั้งจะอยู่นอกห้องเรียน จงแวดล้อมตัวท่านด้วยสตรีที่เป็นแบบอย่างผู้สามารถสอนทักษะงานบ้าน งานศิลป์ ดนตรี ประวัติครอบครัว กีฬา การเขียน หรือการพูดแก่ท่านได้ จงทำความรู้จักพวกเธอและขอให้พวกเธอสอนท่าน เมื่อท่านเรียนรู้สิ่งใหม่ จงสอนที่สหกิจกรรมหรือเป็นครูพี่เลี้ยงให้เยาวชนหญิงคนอื่นๆ อันเป็นข้อกำหนดส่วนหนึ่งของภุมราเกียรติยศ

นอกจากมารดาที่ยอดเยี่ยมของดิฉันแล้ว ดิฉันยังมีครูพี่เลี้ยงหลายคนในชีวิตด้วย ดิฉันคุ้นเคยกับขั้นตอนการเป็นครูพี่เลี้ยงครั้งแรกเมื่ออายุเพียงเก้าขวบ ครูปฐมวัยสอนดิฉันปักประโยคที่ว่า “ฉันจะนำความสว่างของพระกิตติคุณเข้ามาในบ้าน” เป็นภาพที่แขวนในห้องของดิฉันช่วงดิฉันเป็นวัยรุ่น ครูแนะนำ แก้ไข และให้กำลังใจดิฉันเรื่อยมา ดิฉันมีครูพี่เลี้ยงอีกหลายคน ช่างเย็บผ้าที่เก่งมากสองคนในวอร์ดสอนดิฉันเย็บผ้า ด้วยคำแนะนำ ความอดทน และกำลังใจของพวกเธอ ดิฉันส่งชุดเข้าประกวดการตัดเย็บเมื่ออายุ 14 ปีและดิฉันได้รับรางวัล! ขั้นตอนเหล่านี้เพิ่มความกระหายใคร่รู้และความเป็นเลิศในด้านอื่นๆ เช่นกัน

การตักตวงความรู้เวลานี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลเมื่อท่านเป็นมารดา “ระดับการศึกษาของมารดามีอิทธิพลลึกซึ้งต่อการเลือกศึกษาของ [บุตรธิดา]”8 การศึกษาของมารดาเป็น “กุญแจหยุดยั้งวัฏจักรความยากจน”9 เพราะ สตรีที่มีการศึกษา “มักให้กำเนิดทารกที่สุขภาพดีกว่า มีบุตรธิดาที่สุขภาพดีกว่า มั่นใจ ร่าเริง มีเหตุผลและวิจารณญาณดีกว่า”10

เราเรียนรู้ใน “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ว่า “มารดารับผิดชอบเบื้องต้นในการเลี้ยงดูบุตรธิดา” 11 การให้การศึกษาแก่บุตรธิดาเป็นส่วนหนึ่งของการเลี้ยงดู และเป็นความรับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ดังนักรบหนุ่มซึ่ง “ได้รับการสอนจากมารดา”12 ท่านจะเป็นครูคนสำคัญที่สุดเท่าที่บุตรธิดาของท่านจะเคยมี ดังนั้นจงเลือกการเรียนรู้ของท่านอย่างรอบคอบ จงเป็นพรแก่บุตรธิดาและครอบครัวในอนาคตของท่านโดยเรียนรู้ให้มากเท่าที่จะมากได้เวลานี้

จงแสวงหาการเรียนรู้โดยศรัทธา เราเรียนรู้โดยศรัทธาเมื่อเราหมั่นตักตวงความรู้ทางวิญญาณผ่านการสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ และการเชื่อฟัง และเมื่อเราแสวงหาการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงเป็นพยานถึงความจริงทั้งปวง ถ้าท่านทำส่วนของท่านเพื่อตักตวงความรู้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำให้ความคิดของท่านสว่าง เมื่อท่านพยายามดำรงตนมีค่าควร พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานการนำทางและเพิ่มความสว่างแก่การเรียนรู้ของท่าน

สมัยเป็นเยาวชนหญิง ดิฉันยืมสกีที่ยาวเกินตัว รองเท้าบูทที่ใหญ่เกินเท้า และเพื่อนคนหนึ่งสอนดิฉันเล่นสกี! เราออกไปเล่นในวันฤดูใบไม้ผลิที่สดใส มีแดดจ้า หิมะตกกำลังดี ท้องฟ้าสีคราม และไม่มีเมฆเลย ความกังวลกับเนินลาดชันเปลี่ยนเป็นความสุขใจขณะเรียนรู้ ถึงแม้จะหกคะเมนบนสกียาวๆ บ้าง แต่ดิฉันก็ลุกขึ้นและพยายามต่อไป ดิฉันรักกีฬาซะแล้ว!

แต่ไม่นานดิฉันก็พบว่าวันเล่นสกีและสภาพอากาศใช่จะดีแบบนี้ทุกวัน ในวันที่เมฆครึ้ม เราจะสกีในสภาพที่เรียกว่า “แสงระนาบ” แสงระนาบเกิดขึ้นเมื่อเมฆทำให้แสงแดดกระจายกว้าง เวลามองออกไปที่หิมะสีขาวท่านจะพบว่าการมองเห็นแนวลึกจะหายไป และท่านจะมองไม่เห็นความชันของเนินลาดหรือทางสูงต่ำบนเนินเขา

เยาวชนหญิงทั้งหลาย ท่านอาจกำลังตั้งตาคอยอนาคตเหมือนดิฉันมองเนินสกีลาดชัน บางครั้งท่านอาจรู้สึกว่าท่านอยู่ในแสงระนาบ มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า การเรียนรู้โดยศรัทธาจะให้ความเชื่อมั่นและจะช่วยให้ท่านพบทางผ่านช่วงเวลาของความไม่แน่นอน

ในบทที่ 25 ของมัทธิว อุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคนสอนเราว่าการเตรียมพร้อมทางวิญญาณสำคัญยิ่ง และแต่ละคนต้องเตรียมด้วยตนเอง ท่านคงจำได้ว่าหญิงพรหมจารีทั้งสิบได้รับเชิญให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานเลี้ยงสมรส แต่มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่เตรียมน้ำมันใส่ตะเกียง

“พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว

“พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า

“เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด”13

ท่านอาจคิดว่าหญิงมีปัญญาห้าคนเห็นแก่ตัวไม่ยอมแบ่งน้ำมัน แต่นั่นไม่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ แต่ละคนต้องเตรียมทางวิญญาณเอง ทีละหยด และแบ่งให้กันไม่ได้

ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องหมั่นเพิ่มพูนความรู้ทางวิญญาณให้ตนเอง ทีละหยด ผ่านการสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ และการเชื่อฟัง ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะศึกษาหาความรู้---ทีละหยด ความคิดและการกระทำที่บริสุทธิ์แต่ละอย่างจะเพิ่มน้ำมันให้ตะเกียงของท่าน ทำให้ท่านมีคุณสมบัติคู่ควรรับการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ครูจากเบื้องบน

พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำทางท่านตลอดการเดินทางในความเป็นมรรตัยนี้ แม้เมื่อท่านรู้สึกว่าอยู่ในแสงระนาบ ไม่มั่นใจกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ท่านไม่ต้องกลัว ขณะอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำทางท่านในการตัดสินใจและการเรียนรู้ของท่าน

ดิฉันเป็นพยานจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าถ้าท่านจะแสวงหาการเรียนรู้ไม่เพียงโดยการศึกษาเท่านั้นแต่โดยศรัทธาด้วย ท่าน จะ ได้รับการนำทางในสิ่งที่ “พระเจ้า … จะทรงต้องการให้ท่านทำและสิ่งที่ท่านจะต้องรู้”14

ดิฉันได้รับปิตุพรเมื่อเป็นเยาวชนหญิง และได้รับคำแนะนำให้เตรียมตัวด้วยการตั้งใจศึกษาและเรียนรู้คุณธรรมเหล่านั้นแต่เนิ่นๆ ในชีวิตซึ่งนำไปสู่การทำงานบ้านและการเลี้ยงดูครอบครัว ดิฉันต้องการพรของครอบครัว แต่พรนั้นไม่มาถึงจนดิฉันอายุ 37 ปี เมื่อดิฉันแต่งงานในท้ายที่สุด สามีดิฉันเป็นพ่อม่าย ด้วยเหตุนี้วันที่เรารับการผนึกในพระวิหาร ดิฉันจึงได้รับพรอย่างฉับพลันให้มีไม่เพียงสามีเท่านั้นและมีลูกสี่คนด้วย

นานก่อนหน้านั้น มีหลายวันที่ดิฉันรู้สึกเหมือนกำลังเล่นสกีในแสงระนาบ พลางถามว่า “อนาคตของฉันจะเป็นอย่างไร” ดิฉันพยายามทำตามคำตักเตือนในปิตุพร ดิฉันหมั่นศึกษาจนได้เป็นครูและยังคงศึกษาจนเป็นครูใหญ่โรงเรียนประถม ดิฉันสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์และแสวงหาการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดิฉันเชื่อมั่นในคำสัญญาของศาสดาพยากรณ์ผู้รับรองกับดิฉันว่าถ้าดิฉัน “ยังคงแน่วแน่และซื่อสัตย์ รักษาพันธสัญญา [ของดิฉัน] รับใช้พระผู้เป็นเจ้า และรักพระบิดาในสวรรค์และพระเจ้าพระเยซูคริสต์ [ดิฉัน] จะไม่ได้รับการปฏิเสธพรนิรันดร์ทุกประการที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีให้บุตรธิดาที่ซื่อสัตย์ของพระองค์”15

ดิฉันรู้ว่าการศึกษาเตรียมดิฉันให้พร้อมรับชีวิตที่ดิฉันมองไม่เห็นเมื่อครั้งเป็นเยาวชนหญิง ดิฉันคิดว่าดิฉันกำลังศึกษาเพื่อสอนนักเรียนและลูกๆ ในอนาคต แต่ดิฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงเตรียมดิฉันให้พร้อมสอนภาษาอังกฤษในมองโกเลียในงานเผยแผ่กับสามีและสอนเยาวชนหญิงของศาสนจักรทั่วโลกและสอนหลานๆ ของดิฉันให้รู้คุณค่าของความรู้---พรวิเศษสุดทั้งหมดที่ดิฉันไม่นึกไม่ฝันมาก่อน

ดิฉันเป็นพยานว่าพระบิดาในสวรรค์ทรงรู้จักและรักท่าน พระองค์ทรงวางใจท่านมากและมีงานที่ ท่าน เท่านั้นจะทำได้ ดิฉันต้องการรับรองกับท่านว่าท่าน จะ พร้อมทำงานใหญ่นั้นถ้าท่านแสวงหาการเรียนรู้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย ดิฉันเป็นพยานถึงสิ่งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ “Reaching Down to Lift Another,” Liahona, ม.ค. 2002, 67; Ensign, Nov. 2001, 54

  2. เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน (จุลสาร 2011) หน้า 9

  3. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:118

  4. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ Way to Be! Nine Ways to Be Happy and Make Something of Your Life (2002), 28

  5. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ “Seek Learning,” New Era, ก.ย. 2007, 2, 4

  6. โธมัส เอส. มอนสัน “หากเจ้าพร้อม เจ้าจะไม่กลัว” เลียโฮนา พ.ย. 2004 หน้า 143

  7. เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน หน้า 9

  8. เชอรีล เฮนวิคซ์ และซูซาน อาร์. แมดเซ็น “The Influence of a Mother on a Daughter’s College Decision,” Utah Women and Education Project, Research Snapshots, no. 3, (ม.ค. 2011):1

  9. มาร์จอรี คอร์เทซ “Mom’s Education Key to Halt Poverty Cycle,” Deseret News, ก.ย. 23, 2011, A1.

  10. โอลีน วอล์คเกอร์ “More Utah Women Need to Finish College,” Salt Lake Tribune, ต.ค. 30, 2011, O4

  11. “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” เลียโฮนา พ.ย. 2010 หน้า 165

  12. แอลมา 56:47

  13. มัทธิว 25:8–10

  14. เฮนรีย์ บี. อายริงก์ “Education for Real Life,” Ensign, ต.ค. 2002, 18.

  15. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด “Preparing for the Future,” Ensign, ก.ย. 2011, 27.