อำนาจแห่งสวรรค์
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตทั้งหนุ่มและสูงวัยต้องการสิทธิอำนาจและพลังอำนาจ---คำอนุญาตที่จำเป็นและความสามารถทางวิญญาณในการเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าในงานแห่งความรอด
พี่น้องชายที่รัก ข้าพเจ้าซาบซึ้งที่เราสามารถนมัสการด้วยกันเป็นผู้ดำรงฐานะปุโรหิตกลุ่มใหญ่ ข้าพเจ้าชอบและชื่นชมพวกท่านสำหรับความมีค่าควรและอิทธิพลของท่านเพื่อความดีที่มีอยู่ทั่วโลก
ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ทุกท่านไตร่ตรองว่าท่านจะตอบคำถามต่อไปนี้ที่ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ถามสมาชิกเมื่อหลายปีก่อนอย่างไร คำถามคือ “ถ้าเวลานี้มีคนขอให้ท่านแต่ละคนพูดถึงลักษณะเด่นของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมาหนึ่งประโยคหรือหนึ่งวลี คำตอบของท่านคืออะไร? (“The Mission of the Church and Its Members,” Improvement Era, Nov. 1956, 781)
คำตอบของประธานแมคเคย์ที่ตอบคำถามของท่านเองคือ “สิทธิอำนาจจากสวรรค์” ของฐานะปุโรหิต ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายต่างจากศาสนจักรอื่นๆ ที่อ้างสิทธิอำนาจของพวกเขาว่ามาจากการสืบทอดผ่านทางประวัติศาสตร์ พระคัมภีร์ หรือการอบรมทางศาสนศาสตร์ เราประกาศตนอย่างแจ้งชัดว่าสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตได้มีการมอบให้โดยการวางมือโดยตรงจากผู้ส่งสารจากสวรรค์ให้โจเซฟ สมิธ
ข่าวสารของข้าพเจ้าเน้นถึงฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์และอำนาจแห่งสวรรค์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจเพื่อทูลขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณของพระเจ้าขณะที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับความจริงที่สำคัญนี้ด้วยกัน
สิทธิอำนาจและพลังอำนาจฐานะปุโรหิต
ฐานะปุโรหิตคือสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมอบหมายให้ผู้ชายบนแผ่นดินโลกเพื่อกระทำทุกสิ่งเพื่อความรอดของมวลมนุษย์ (ดู Spencer W. Kimball, “Them Example of Abraham,” Ensign, June 1975,3) ฐานะปุโรหิตคือวิธีที่พระเจ้าทรงกระทำผ่านผู้ชายเพื่อช่วยจิตวิญญาณให้รอด องค์ประกอบที่เฉพาะอย่างหนึ่งของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน คือสิทธิอำนาจของพระองค์ ไม่มีศาสนจักรที่แท้จริงใดที่ไม่มีสิทธิอำนาจจากสวรรค์
ผู้ชายทั่วไปได้รับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต ความมีค่าควรและความเต็มใจ---ไม่ใช่ประสบการณ์ ทักษะความรู้ หรือการศึกษา--- ที่เป็นคุณสมบัติสำหรับการวางมือแต่งตั้งฐานะปุโรหิต
แบบแผนในการได้รับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตอธิบายอยู่ในหลักแห่งความเชื่อข้อห้า “เราเชื่อว่ามนุษย์ต้องได้รับการเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า, โดยการพยากรณ์, และโดยการวางมือโดยผู้มีสิทธิอำนาจ, เพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณและปฏิบัติศาสนพิธีของพระกิตติคุณนั้น.” ดังนั้นเด็กชายหรือผู้ชายได้รับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตและได้รับการแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งโดยผู้ที่ดำรงฐานะปุโรหิตและได้รับอนุญาตจากผู้นำที่มีกุญแจฐานะปุโรหิตที่จำเป็น
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตได้รับการคาดหมายให้ใช้สิทธิอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้ให้สอดคล้องกับพระดำริ พระประสงค์ และจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ฐานะปุโรหิตไม่ใช่การเอาตนเองเป็นที่ตั้ง ฐานะปุโรหิตมักจะใช้ในการรับใช้ ให้พร และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้อื่น
ฐานะปุโรหิตที่สูงกว่าได้รับโดยพันธสัญญาที่เคร่งครัดซึ่งรวมถึงหน้าที่ในการกระทำในสิทธิอำนาจ (ดู คพ. 68:8) ตำแหน่ง (ดู คพ. 107:99) ที่ได้รับ ในฐานะผู้ดำรงสิทธิอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เราคือตัวแทนที่จะกระทำและไม่ใช่ผู้ที่ถูกกระทำ (ดู 2 นีไฟ 2:26) โดยเนื้อแท้แล้วฐานะปุโรหิตเป็นสิ่งที่ต้องใช้ไม่ใช่มีไว้เฉยๆ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันสอนว่า
“การที่รับฐานะปุโรหิตแล้วนั่งรออยู่เฉยๆ จนกระทั่งมีคนมากระตุ้นให้เราใช้นั้นไม่เพียงพอ เมื่อเราได้รับฐานะปุโรหิต เรามีหน้าที่เพื่อมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและกระตือรือร้นในอุดมการณ์แห่งความชอบธรรมในแผ่นดินโลก เพราะพระเจ้าตรัสว่า
“‘… แต่คนที่หาได้ทำอะไรไม่จนกว่าเราจะบัญชาเขา, และรับคำบัญชาด้วยใจสงสัย, และรักษาคำบัญชานั้นด้วยความเกียจคร้าน, คนคนนั้นย่อมอัปมงคล.’ [คพ. 58:29]” (So Shall Ye Reap [1960], 21)
ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์เน้นให้คิดถึงคุณลักษณะที่แข็งขันของฐานะปุโรหิต “คนที่ละเมิดพันธสัญญาฐานะปุโรหิตโดยการล่วงละเมิดพระบัญญัติ---แต่โดยการละทิ้งหน้าที่ของเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้น การไม่รักษาพันธสัญญานี้ก็คือการอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย (The Miracle of Forgiveness [1969], 96)
เมื่อเราทำให้ความรับผิดชอบฐานะปุโรหิตของเราเกิดสัมฤทธิผลอย่างสุดความสามารถ เราจะได้รับพรโดยพลังอำนาจฐานะปุโรหิต พลังอำนาจของฐานะปุโรหิตคือพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่ดำเนินการผ่านเด็กชายและผู้ชายเช่นเราและเรียกร้องความชอบธรรมส่วนตัว ความซื่อสัตย์ การเชื่อฟัง และความพากเพียร เด็กชายหรือผู้ชายคนหนึ่งจะได้รับอำนาจฐานะปุโรหิตโดยการวางมือแต่จะไม่มีพลังอำนาจฐานะปุโรหิตถ้าเขาไม่เชื่อฟัง ไม่มีค่าควร หรือไม่เต็มใจรับใช้
“สิทธิของฐานะปุโรหิตเกี่ยวข้องกับอำนาจแห่งสวรรค์อย่างแยกจากกันไม่ได้, และ … อำนาจแห่งสวรรค์จะถูกบังคับหรือควบคุมไม่ได้นอกจากตามหลักธรรมแห่งความชอบธรรมเท่านั้น
“ว่าสิทธิเหล่านั้นจะประสาทบนเราทั้งหลายก็จริงอยู่; แต่เมื่อเราพยายามปกปิดบาปของเรา, หรือสนองความพอใจให้แก่ความจองหองของเรา, ความทะเยอทะยานอันถือดีของเรา, หรือใช้การควบคุมหรืออำนาจการปกครองหรือการบังคับจิตวิญญาณของลูกหลานมนุษย์, ในความไม่ชอบธรรมระดับใดก็ตาม, ดูเถิด, สวรรค์ย่อมถอนตัว; พระวิญญาณของพระเจ้าเศร้าโศก; และเมื่อถอนตัว, ย่อมเอเมนกับฐานะปุโรหิตหรือสิทธิอำนาจของชายผู้นั้น.” (คพ. 121:36–37 เน้นตัวเอน)
พี่น้องชายทั้งหลาย หากเด็กชายหรือผู้ชายคนหนึ่งได้รับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตแต่ละเลยในการทำสิ่งจำเป็นเพื่อให้มีคุณสมบัติต่อการมีพลังอำนาจฐานะปุโรหิตเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ต่อพระเจ้า ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตทั้งหนุ่มและสูงวัยต้องการสิทธิอำนาจและพลังอำนาจ---คำอนุญาตที่จำเป็นและความสามารถทางวิญญาณในการเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าในงานแห่งความรอด
บทเรียนจากบิดาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าได้รับการเลี้ยงดูมาโดยมารดาที่ซื่อสัตย์และบิดาที่ยอดเยี่ยม คุณแม่สืบเชื้อสายมาจากผู้บุกเบิกผู้เสียสละทุกอย่างเพื่อศาสนจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า คุณพ่อไม่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักรของเราและขณะที่ท่านเป็นหนุ่มท่านปรารถนาที่จะเป็นนักบวชคาทอลิก ในที่สุดท่านเลือกที่จะไม่ไปโรงเรียนด้านศาสนศาสตร์และเลือกที่จะมีอาชีพเป็นช่างทำเครื่องมือและแม่พิมพ์ตอกโลหะ
ส่วนใหญ่ในชีวิตแต่งงานของคุณพ่อ ท่านไปการประชุมของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกับครอบครัวของเรา แท้จริงแล้วหลายคนในวอร์ดของเราไม่รู้ว่าคุณพ่อไม่ใช่สมาชิกของศาสนจักร ท่านเล่นและเป็นโค้ชให้กับทีมซอฟบอลของวอร์ดเรา ช่วยกิจกรรมลูกเสือ และสนับสนุนคุณแม่ในการเรียกและความรับผิดชอบต่างๆ ของท่าน ข้าพเจ้าอยากจะบอกถึงบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากคุณพ่อเกี่ยวกับสิทธิอำนาจและพลังอำนาจของฐานะปุโรหิต
สมัยเป็นเด็กข้าพเจ้าถามคุณพ่อหลายครั้งในแต่ละสัปดาห์ว่าเมื่อไรท่านจะรับบัพติศมา ท่านตอบด้วยความรักแต่หนักแน่นทุกครั้งที่ข้าพเจ้ากวนใจท่าน “เดวิด พ่อจะไม่เข้าร่วมศาสนจักรเพราะแม่ เพราะลูก หรือเพราะใคร พ่อจะเข้าร่วมศาสนจักรเมื่อพ่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้าพเจ้ากำลังเป็นวัยรุ่นเมื่อการสนทนาต่อไปนี้เกิดขึ้นกับบิดาข้าพเจ้า เราเพิ่งกลับถึงบ้านจากการประชุมวันอาทิตย์ด้วยกันและข้าพเจ้าถามคุณพ่อว่าเมื่อไรจะรับบัพติศมา ท่านยิ้มและพูดว่า “ลูกเป็นคนเดียวที่ถามพ่อเสมอเกี่ยวกับเรื่องรับบัพติศมา วันนี้พ่อมีคำถามให้ลูก” ข้าพเจ้าด่วนสรุปด้วยความตื่นเต้นว่าตอนนี้เรากำลังก้าวหน้า
คุณพ่อพูดว่า “เดวิด โบสถ์ของลูกสอนว่าฐานะปุโรหิตถูกนำไปจากโลกในสมัยโบราณและฟื้นฟูโดยผู้ส่งสารจากสวรรค์ให้แก่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ใช่ไหม” ข้าพเจ้าตอบว่าคำพูดของท่านถูกต้อง จากนั้นท่านพูดว่า “นี่คือคำถามของพ่อ ทุกสัปดาห์ในการประชุมฐานะปุโรหิตพ่อฟังอธิการและผู้นำฐานะปุโรหิตคนอื่นเตือน วิงวอน และขอร้องให้ผู้ชายสอนประจำบ้านและปฏิบัติหน้าที่ฐานะปุโรหิตของพวกเขา ถ้าศาสนจักรของลูกมีฐานะปุโรหิตที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า เหตุใดผู้ชายหลายคนในโบสถ์ของลูกไม่แตกต่างจากผู้ชายในโบสถ์ของพ่อในเรื่องการทำหน้าที่ทางศาสนาของพวกเขา” ความคิดอันอ่อนวัยของข้าพเจ้าว่างเปล่าลงทันที ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบที่ดีพอให้คุณพ่อ
ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ถูกต้องที่คุณพ่อจะตัดสินความถูกต้องในคำยืนยันของศาสนจักรต่อสิทธิอำนาจจากสวรรค์โดยความบกพร่องของผู้ชายที่ท่านคบหาสมาคมในวอร์ด แต่ลึกๆ ในคำถามที่ท่านถามข้าพเจ้านั้นมีข้อสรุปที่ถูกต้องว่าผู้ชายที่ดำรงฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าควรแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ผู้ชายที่ดำรงฐานะปุโรหิตไม่ควรแต่เพียงรับสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตเท่านั้นแต่จะต้องเป็นช่องทางอันมีค่าควรและซื่อสัตย์แห่งอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า “เจ้าที่ถือภาชนะของพระเจ้าจงสะอาด” (คพ. 38:42)
ข้าพเจ้าไม่เคยลืมบทเรียนเกี่ยวกับสิทธิอำนาจและพลังอำนาจฐานะปุโรหิตที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากคุณพ่อของข้าพเจ้า คนดีที่ไม่ได้นับถือศาสนาของเรา ผู้คาดหวังมากขึ้นจากชายที่อ้างว่าดำรงฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า การสนทนาในบ่ายวันอาทิตย์นั้นกับคุณพ่อเมื่อหลายปีก่อนทำให้ข้าพเจ้ามีความปรารถนาในใจว่าจะเป็น “เด็กดี” ข้าพเจ้าไม่อยากเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีและเป็นสิ่งให้สะดุดต่อความก้าวหน้าของบิดาข้าพเจ้าในการเรียนรู้พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ข้าพเจ้าเพียงต้องการเป็นเด็กดี พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทุกคนผู้ดำรงสิทธิอำนาจของพระองค์ให้เป็นเด็กที่น่าเคารพ มีความบริสุทธิ์ และเป็นคนดีตลอดเวลาและในทุกที่
ท่านอาจสนใจใคร่รู้ในเรื่องนี้ หลายปีต่อมา บิดาข้าพเจ้ารับบัพติศมา และเมื่อเวลาที่เหมาะสม ข้าพเจ้ามีโอกาสประสาทฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนและเมลคีเซเดคให้ท่าน ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในชีวิตข้าพเจ้าคือเฝ้าดูคุณพ่อรับสิทธิอำนาจและสุดท้ายคือพลังอำนาจของฐานะปุโรหิต
ข้าพเจ้าเล่าให้ท่านฟังถึงบทเรียนสำคัญที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากบิดาข้าพเจ้าเพื่อเน้นถึงความจริงอันเรียบง่าย การรับสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตโดยการวางมือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญแต่นั่นไม่เพียงพอ การแต่งตั้งประสาทสิทธิอำนาจ แต่ความชอบธรรมเรียกร้องการกระทำด้วยพลังอำนาจขณะที่เราพยายามยกระดับจิตวิญญาณ สอนและเป็นพยาน ให้พรและคำปรึกษา และทำให้งานแห่งความรอดรุดหน้า
ในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์โลก ท่านและข้าพเจ้าในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตจำต้องเป็นชายผู้ชอบธรรมและเป็นเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า เราต้องลุกขึ้นยืนในฐานะบุรุษของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการดีที่ท่านและข้าพเจ้าจะเรียนรู้และเชื่อฟังแบบอย่างของนีไฟ ซึ่งเป็นหลานชายของฮีลามันและเป็นอัครสาวกสิบสองคนแรกที่ได้รับเรียกโดยพระผู้ช่วยให้รอดในตอนต้นของการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ท่ามกลางชาวนีไฟ “และ [นีไฟ] ปฏิบัติหลายอย่างต่อพวกเขา; … และนีไฟได้ปฏิบัติด้วยพลังอำนาจและสิทธิอำนาจมากมาย” (3 นีไฟ 7:17)
“โปรดช่วยให้สามีของดิฉันเข้าใจ”
ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ใบรับรองพระวิหารที่ข้าพเจ้าทำสมัยเป็นอธิการและประธานสเตค ข้าพเจ้ามักถามสมาชิกสตรีที่แต่งงานแล้วว่าข้าพเจ้าจะรับใช้พวกเขาและครอบครัวของพวกเขาให้ดีที่สุดได้อย่างไร คำตอบที่สอดคล้องกันซึ่งข้าพเจ้าได้รับจากสตรีผู้ซื่อสัตย์มีทั้งประโยชน์และน่าใจหาย พี่น้องสตรีบ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์น้อยมากแต่พวกเขามักตอบดังนี้ “โปรดช่วยให้สามีดิฉันเข้าใจหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นผู้นำฐานะปุโรหิตในบ้านของเรา ดิฉันยินดีที่จะเป็นคนนำในการศึกษาพระคัมภีร์ การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว และการสังสรรค์ในครอบครัว และดิฉันจะยังคงทำต่อไป แต่ดิฉันปรารถนาจะให้สามีดิฉันเป็นคู่ครองที่เท่าเทียมกันและให้ความเป็นผู้นำฐานะปุโรหิตที่เข้มแข็งซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ โปรดช่วยสามีของดิฉันเรียนรู้วิธีเป็นปิตุและผู้นำฐานะปุโรหิตในบ้านของเราผู้ที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวและให้ความคุ้มครอง”
ข้าพเจ้ามักนึกถึงความจริงใจของสตรีเหล่านี้และคำวิงวอนของสตรีเหล่านี้ ผู้นำฐานะปุโรหิตได้ยินข้อกังวลที่คล้ายกันในวันนี้ ภรรยาหลายคนวิงวอนให้สามีไม่เพียงมีสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตแต่ให้มีพลังอำนาจฐานะปุโรหิต พวกเธอปรารถนาที่จะเข้าเทียมแอกกับสามีผู้ซื่อสัตย์และคู่คิดฐานะปุโรหิตในงานแห่งการสร้างบ้านที่มีศูนย์กลางอยู่ที่พระคริสต์และมุ่งเน้นพระกิตติคุณ
พี่น้องชาย ข้าพเจ้าสัญญาว่าหากท่านและข้าพเจ้าไตร่ตรองร่วมกับการสวดอ้อนวอนถึงคำวิงวอนของพี่น้องสตรีเหล่านี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยให้เราเห็นตนเองดังที่เป็นอยู่ (ดู คพ. 93:24) และช่วยให้เรายอมรับสิ่งที่เราต้องเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง และเวลาที่ต้องทำคือเดี๋ยวนี้
เป็นแบบอย่างแห่งความชอบธรรม
คืนนี้ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำถึงคำสอนของประธานโธมัน เอส. มอนสัน ผู้เชื้อเชิญเราผู้ดำรงฐานะปุโรหิตให้เป็น “แบบอย่างของความชอบธรรม” ท่านเตือนเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเราทำงานของพระเจ้าและมีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือของพระองค์บนพื้นฐานความมีค่าควรของเรา (ดู “แบบอย่างของความชอบธรรม” เลียโฮนา พ.ค. 2008 หน้า 79–82) ท่านและข้าพเจ้าดำรงสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตที่กลับมาบนแผ่นดินโลกในสมัยการประทานนี้โดยผู้ส่งสารจากสวรรค์ แม้ยอห์นผู้ถวายบัพติศมา เปโตร ยากอบ และยอห์น ดังนั้นผู้ชายทุกคนที่ได้รับฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคสามารถย้อนสายสิทธิอำนาจส่วนตัวโดยตรงกลับไปถึงพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะสำนึกถึงพรอันน่าอัศจรรย์นี้ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราจะสะอาดและมีค่าควรต่อการเป็นตัวแทนของพระเจ้าขณะที่เราใช้สิทธิอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอให้เราทุกคนมีคุณสมบัติที่จะมีพลังอำนาจฐานะปุโรหิต
ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์แท้จริงแล้วได้รับการฟื้นฟูสู่แผ่นดินโลกในยุคสุดท้ายนี้และพบอยู่ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานว่าประธานโธมัส เอส. มอนสันเป็นมหาปุโรหิตควบคุมเหนือฐานะปุโรหิตระดับสูงของศาสนจักร (ดู คพ. 107:9, 22, 65–66, 91–92) และเป็นบุคคลเดียวบนแผ่นดินโลกที่ทั้งถือและได้รับอนุญาตให้ใช้กุญแจฐานะปุโรหิตทั้งหมด ข้าพเจ้าเป็นพยานอย่างหนักแน่นถึงความจริงเหล่านี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เอเมน