นี่คือปาฏิหาริย์
หากท่านไม่ได้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาที่มีป้ายชื่อติดอยู่บนเสื้อนอกของท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่ท่านจะเขียนขึ้นมาอันหนึ่งในใจของท่าน—เขียนเหมือนกับที่เปาโลกล่าวว่า “ไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์”
พระชนม์ชีพมรรตัยของพระเยซูคริสต์เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ มารดาพรหมจรรย์ ดาวดวงใหม่ เหล่าเทพ การปรากฏต่อคนเลี้ยงแกะ คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ เทพในเกทเสมนีและอุโมงค์ และปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ การฟื้นคืนพระชนม์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์
ท่านจินตนาการได้ไหมถึงภาพของอัครสาวกสิบเอ็ดคนบนภูเขาใกล้กาลิลี เมื่อพระเจ้าผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์เสด็จมาหาพวกเขาและตรัสว่า “เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์”1 “พวกท่านจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน”2
“ทุกชาติ”? “ทั่วโลก”? “มนุษย์ทุกคน”? เป็นไปได้หรือ? แม้ว่าพระเยซูจะทรงให้ความมั่นใจ พวกเขาคงสงสัยว่าปาฏิหาริย์เหล่านี้จะติดตามพวกเขาในการออกไปประกาศพระกิตติคุณจริงๆหรือ3
ศรัทธาชนะความสงสัย และเปโตรเปล่งเสียงของท่าน กล่าวว่า
“พี่น้อง…ทุกท่านที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จง…ฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า…
“พระเยซูชาวนาซาเร็ธ … [ผู้ที่] ท่านทั้งหลายได้ประหารพระองค์ด้วยการตรึงพระองค์บนกางเขนโดยอาศัยน้ำมือของคนอธรรม…
“พระเยซูองค์นี้ … พระเจ้าได้ทรงให้คืนพระชนม์แล้ว [และ] เราทุกคนคือสักขีพยาน”4
มีการหลั่งเทพระวิญญาณที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในวันนั้น และ 3,000 คนรับบัพติศมา ดังที่พระเยซูทรงสัญญาไว้ สัญญลักษณ์และปาฏิหารย์จะตามมาหลังศรัทธาของผู้ที่เชื่อ
ขณะที่ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ได้รับการฟื้นฟูมายังโลกเมื่อ 183 ปีมาแล้ว คำสั่งของพระเจ้าต่อกลุ่มสานุศิษย์เล็กๆ ของพระองค์ยังคงสะท้อนก้องไปนานหลายศตวรรษ “เสียงเตือนจะมาถึงผู้คนทั้งปวง” 5 “เพราะ, ตามจริงแล้ว, เสียงต้องออกไป … สู่ทั่วโลก, และไปสู่แดนไกลสุดของแผ่นดินโลก” 6
“ผู้คนทั้งปวง?” “ทั่วโลก?” “แดนไกลสุดแผ่นดินโลก?” “เป็นไปได้หรือ?”
พระผู้ช่วยให้รอดทรงประทานความมั่นใจให้วิสุทธิชนยุคสุดท้าย7 แต่พวกเขาจะเห็นล่วงหน้าถึงจุดหมายปลายทางของงานอัศจรรย์นี้ไหม พวกเขาคงสงสัยว่าปาฏิหาริย์เหล่านี้จะติดตามพวกเขาในการออกไปประกาศพระกิตติคุณจริงๆ หรือ
อีกครั้งที่ศรัทธาชนะความสงสัย และหลายพันคนรับบัพติศมา ในประเทศอังกฤษ เอ็ลเดอร์ วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ได้พบชุมชนหนึ่งที่รอคอยการมาของท่าน พระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับพวกเขา และท่านให้บัพติศมานักเทศน์ 45 คนและสมาชิกอีกหลายร้อยคนในระหว่างช่วงเดือนแรกของท่านที่ไร่เบ็นบาว8
ในสมัยของเราก็ไม่ต่างกัน เมื่อเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์และข้าพเจ้าเป็นผู้สอนศาสนาประมาณ 40 ปีที่แล้ว(และข้าพเจ้าอยากให้ท่านแน่ใจว่าเราไม่ได้เป็นอดีตผู้สอนศาสนาที่อายุมากที่สุดที่นั่งบนเก้าอี้สีแดงนี้) เรามีผู้สอนศาสนา 16,000 คน ดังที่ประธานโธมัส เอส. มอนสันรายงานเมื่อวานนี้ ขณะนี้เรามี 65,000 คน— มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในเวลานั้นมี 562 สเตค ปัจจุบันเรามีมากกว่า 3,000 สเตค สมัยนั้น วอร์ดและสาขาของเรามีอยู่ใน 59 ประเทศ ปัจจุบันเรามีการชุมนุมใน 189 ประเทศจาก 224 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก เราอาจจะมีจำนวนน้อย ตามที่นีไฟบอกล่วงหน้าไว้ 9 แต่ขณะเดียวกันท่านและข้าพเจ้าเห็นกับตาถึงถ้อยคำพยากรณ์ของดาเนียลที่ว่า “หิน…ถูกตัด…ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์… [กำลังเต็ม] พิภพ”10
สมัยของเราคือช่วงเวลาของปาฏิหาริย์ที่โดดเด่น หกเดือนที่แล้วประธานมอนสันได้ประกาศเปลี่ยนแปลงอายุของคนหนุ่มสาวที่ปรารถนาจะรับใช้ในงานเผยแผ่ นั่นเป็นการหลั่งเทของพระวิญญาณที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ศรัทธาชนะความสงสัย และคนหนุ่มสาวมุ่งไปข้างหน้า วันพฤหัสบดีถัดจากการประชุมใหญ่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้รับรองการเรียกผู้สอนศาสนาต่อฝ่ายประธานสูงสุด ข้าพเจ้าประหลาดใจมากที่ได้เห็นใบสมัครมากมายของชายอายุ 18 ปีและสตรีอายุ 19 ปีที่ได้ปรับแผนของพวกเขาแล้ว ไปพบแพทย์แล้ว รับการสัมภาษณ์จากอธิการและประธานสเตคแล้วและได้ส่งใบสมัครผู้สอนศาสนาของพวกเขาแล้วด้วย—ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงห้าวัน ตอนนี้คนนับพันๆ คนได้เข้ามาร่วมกับพวกเขาแล้ว นี่คือปาฏิหาริย์
เราซาบซึ้งต่อศรัทธาอันแรงกล้าของบรรดาพี่น้องสตรีของเรา จำนวนผู้สอนศาสนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายทั่วโลก และจำนวนของคู่สามีภรรยาที่พร้อมจะรับใช้ มีการประกาศคณะเผยแผ่ใหม่ถึงห้าสิบแปดแห่ง และอาคารศูนย์อบรมผู้สอนศาสนาของเราในโพรโว ก็มีเพื่อนใหม่ที่น่าอัศจรรย์ในเม็กซิโกซิตี้
ประธานโธมัส เอส. มอนสันได้กล่าวไว้ว่า “เราทำตามพระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดอย่างเคร่งครัด… ‘เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ…ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์’”11 “อุดมการณ์…นี้…จะดำเนินต่อไปข้างหน้าขณะเปลี่ยนชีวิตและเป็นพรให้ชีวิต…ไม่มี…อิทธิพลใดในสากลโลกจะหยุดยั้งงานของพระผู้เป็นเจ้าได้”12
เรากำลังเป็นพยานถึงปาฏิหาริย์ของพระเจ้าขณะที่พระกิตติคุณของพระองค์ถูกประกาศไปทั่วโลก
พี่น้องชายหญิง แน่นอนว่าเมื่อพระเจ้าทรงดลใจให้มีผู้สอนศาสนามากขึ้นในการรับใช้ พระองค์ก็ทรงปลุกความคิดและเปิดใจคนดีและซื่อสัตย์ให้รับผู้สอนศาสนาของพระองค์มากขึ้นด้วย ท่านรู้จักพวกเขาอยู่แล้วหรือจะได้รู้จักในอนาคต พวกเขาอยู่ในครอบครัวของท่านและอาศัยในระแวกบ้านของท่าน พวกเขาเดินผ่านท่านบนถนน นั่งกับท่านในโรงเรียน และติดต่อกับท่านทางออนไลน์ ท่านเองก็เป็นส่วนสำคัญของของปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นนี้
หากท่านไม่ได้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาที่มีป้ายชื่อติดอยู่บนเสื้อนอกของท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่ท่านจะเขียนขึ้นมาอันหนึ่งในใจของท่าน—เขียนเหมือนกับที่เปาโลกล่าวว่า “ไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์”13 และอดีตผู้สอนศาสนา ขอให้ท่านหาป้ายชื่อเก่าของท่านให้พบ ไม่ต้องนำมาติดเสื้อ แต่ให้เอาวางไว้ในที่ที่ท่านมองเห็นได้ พระเจ้าทรงต้องการท่านมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในฐานะเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์ เราทุกคนมีส่วนช่วยในการสร้างปาฏิหาริย์นี้
สมาชิกที่ชอบธรรมทุกคนของศาสนจักรเคยคิดถึงวิธีแบ่งปันพระกิตติคุณ บางคนแบ่งปันพระกิตติคุณได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเราสามารถเรียนรู้ได้มากจากพวกเขา14 บางคนต่อสู้ดิ้นรนและสงสัยว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร และอยากให้ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในบางครั้งหายไป
ความปรารถนาของเราที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณทำให้เราทุกคนต้องคุกเข่าลง และควรเป็นเช่นนั้น เพราะเราต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ประธานมอนสันขอให้เราสวดอ้อนวอนให้ “ประเทศต่างๆ ที่เราถูกจำกัดการแบ่งปันพระกิตติคุณอย่างเสรี” 15 ขณะที่เราวิงวอนพระบิดาบนสวรรค์อย่างจริงจังและเป็นหนึ่งเดียว พระเจ้าจะเปิดประตูที่สำคัญให้แก่เรา
เราสวดอ้อนวอนให้เรามีโอกาสของเราเองที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณด้วย อัครสาวกเปโตกล่าวว่า “จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบ เหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน”16
ด้วยความสับสน17 และความโกลาหล18 ของโลกวันนี้ ไม่แปลกที่มีผู้คนจำนวนไม่มากนักไปสถานที่นมัสการของพวกเขา ถึงแม้ว่าหลายคนต้องการเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ายิ่งขึ้นและมีความเข้าใจจุดประสงค์ของชีวิตมากขึ้น พวกเขากลับมีคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ หลายคนมีใจที่เปิดรับความจริง แต่เป็นดังที่ศาสดาพยากรณ์อาโมส อธิบายไว้ “เขาจะวิ่งไปมา เพื่อแสวงหาพระวจนะของพระยาห์เวห์ แต่จะหาไม่พบ”19 ท่านสามารถช่วยตอบคำถามเขาได้ ในการสนทนาทุกวันของท่าน ท่านสามารถเพิ่มศรัทธาในพระคริสต์ของเขา20
พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “จงชูแสงสว่างของเจ้าขึ้นเพื่อมันจะส่องโลก, ดูเถิดเราเป็นแสงสว่างซึ่งเจ้าจะชูขึ้น”21
ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่า ขณะที่ท่านสวดอ้อนวอนเพื่อรู้ว่าใครที่ท่านจะพูดด้วย ชื่อและใบหน้าคนนั้นจะเข้ามาในความคิดท่าน ถ้อยคำที่ต้องพูดจะให้แก่ท่านในเวลานั้นที่ท่านต้องการมัน22 โอกาสรอท่านอยู่ ศรัทธาจะชนะความสงสัย และพระเจ้าจะประทานพรท่านด้วยปาฏิหาริย์ที่เป็นของท่านเอง
พระผู้ช่วยให้รอดสอนเราถึงวิธีแบ่งปันพระกิตติคุณ ข้าพเจ้าชอบเรื่องของอันดรูว์ ผู้ที่ถามว่า “รับบี ท่านพักอยู่ที่ไหน?”23 พระเยซูสามารถตอบได้ว่าพระองค์อยู่ที่ไหน แต่แทนที่จะตอบอย่างนั้น พระองค์กลับตรัสกับอันดรูว์ว่า “มาดูเถิด”24 ข้าพเจ้าชอบคิดว่าพระผู้ช่วยให้รอดจะตรัสว่า “มาและดูไม่ใช่แค่เราอยู่ที่ไหนแต่ดูว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไร มาและดูว่าเราเป็นใคร มาและสัมผัสพระวิญญาณ” เราไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับวันนั้น แต่เรารู้ว่าเมื่ออันดรูว์เจอซีโมนพี่ชายของเขา เขาประกาศว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว”25
แก่คนที่สนใจในการสนทนาของเรา เราก็สามารถทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดโดยเชิญเขาให้ “มาและดู” บางคนจะตอบรับการเชื้อเชิญของเราและคนอื่นอาจจะไม่ เราทุกคนจะรู้จักบางคนที่ถูกเชิญหลายครั้งแล้วก่อนจะยอมรับการเชิญให้ “มาและดู” ขอให้เราคิดถึงคนที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่กับเราและตอนนี้เราไม่ค่อยได้เจอเขา ให้เชื้อเชิญเขากลับมาและดูอีกครั้งหนึ่ง
เราเคารพการเลือกและช่วงเวลาของแต่ละคน พระเจ้าตรัสว่า “ให้มนุษย์ทุกคนเลือกด้วยตนเอง”26 คนที่ไม่สนใจไม่จำเป็นต้องลดข้อผูกมัดแห่งมิตรภาพและความรักของเราลง ไม่ว่าคำเชื้อเชิญที่ท่านมอบให้คนอื่นจะได้รับการตอบรับให้ “มาและดู” หรือไม่ ท่านก็จะยังรู้สึกถึงการยอมรับจากพระเจ้าและ โดยการยอมรับนั้น รู้สึกถึงศรัทธาเพิ่มขึ้นอีกหน่อยที่จะแบ่งปันความเชื่อของท่านครั้งแล้วครั้งเล่า
สำหรับคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ มีช่องทางใหม่ให้เชิญผู้อื่น “มาและดู” ขอให้เราแบ่งปันศรัทธาของเราออนไลน์มากขึ้นจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน LDS.org, Mormon.org, เฟสบุ๊ก, ทวิตเตอร์—ทั้งหมดนี้ให้โอกาสเหล่านั้น
เพื่อแบ่งปันพระกิตติคุณ สมาชิกที่เยาว์วัยในบอสตันเปิดบล็อกมากมาย27 คนที่เข้าร่วมศาสนจักรเริ่มเรียนรู้ทางออนไลน์ ตามด้วยการสนทนากับผู้สอนศาสนา ประสบการณ์นี้ยังช่วยเยาวชนให้มีศรัทธายิ่งขึ้นในการพูดคุยเกี่ยวกับพระกิตติคุณด้วยตนเอง เยาวชนคนหนึ่งในนั้นกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่งานเผยแผ่ศาสนา นี่เป็นความสนุกสนานของงานเผยแผ่”28
เราทำงานทั้งหมดนี้ร่วมกัน กับเพื่อนสมาชิกในวอร์ดและผู้สอนศาสนา เราวางแผนและสวดอ้อนวอนและช่วยกันและกัน ขอให้คิดถึงผู้สอนศาสนาเต็มเวลาและสวดอ้อนวอนให้พวกเขาเสมอ มอบความวางใจให้เขาด้วยครอบครัวและเพื่อนๆของท่าน พระเจ้าไว้ใจพวกเขาและเรียกพวกเขามาให้สอนและเป็นพรแก่คนที่แสวงหาพระองค์
ประธานเปาโล เคร็ทลีย์แห่งคณะเผยแผ่มาพูโต โมซัมบิกได้แบ่งปันประสบการณ์นี้ “นี่เป็นเรื่องปกติในโมซัมบิกที่ชายหญิงจะอยู่ด้วยกัน [โดยไม่แต่งงาน เพราะ] ประเพณีของแอฟริกากำหนดสินสอดไว้แพงมาก สินสอดที่คู่สามีภรรยาส่วนใหญ่ไม่อาจหามาได้”29
สมาชิกและผู้สอนศาสนาคิดถึงเรื่องนี้และสวดอ้อนวอนเพื่อหาวิธีช่วย
คำตอบที่ได้รับคือพวกเขาต้องเน้นเรื่องกฏความบริสุทธิ์ทางเพศและความสำคัญของการแต่งงานและครอบครัวนิรันดร์ และขณะที่ช่วยคู่สามีภรรยาให้กลับใจและแต่งงานตามกฏหมาย พวกเขาก็จะสอนถึงเรื่องความสุขที่มาโดยผ่านการดำเนินชีวิตตามพระเยซูคริสต์เท่านั้น
นี่คือรูปของคู่สามีภรรยาจากสองเมืองในโมซัมบิก แต่งงานวันศุกร์ และรับบัพติศมาพร้อมลูกที่โตแล้วในวันเสาร์30 เพื่อนๆ และครอบครัวได้รับเชิญให้ “มาและดู” และคนนับร้อยๆ คน “มาและดู”
หลังจากบัพติศมา พี่น้องสตรีคนหนึ่งกล่าวว่า “เราต้องเลือกว่าจะทำตามประเพณีของบรรพบุรุษหรือตามพระเยซูคริสต์ เราเลือกที่จะตามพระคริสต์”31
ท่านอาจไม่ได้อยู่ในโมซัมบิก แต่โดยวิธีของท่านเอง ในวัฒนธรรมของท่านเอง ท่านสามารถแบ่งปันพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ได้
สวดอ้อนวอนถึงพระบิดาบนสวรรค์ของท่าน นี่คืองานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงนำทางท่านให้ทำในสิ่งที่ต้องทำ พระองค์จะทรงเปิดประตู ย้ายสิ่งกีดขวาง และช่วยท่านเอาชนะอุปสรรค พระเจ้าทรงประกาศว่า “เสียงเตือนจะมาถึงผู้คนทั้งปวง, โดยปากของสานุศิษย์เรา…และไม่มีใครจะยับยั้งพวกเขา.”32
ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าสุรเสียงของพระเจ้า [จะ] มาถึงสุดแดนแผ่นดินโลก, เพื่อคนทั้งปวงที่ตั้งใจฟังจะได้ยิน” 33 นี่คือปาฏิหาริย์ นี่คือปาฏิหาริย์ ในพระน+ามของพระเยซูคริสต์ เอเมน