เราเป็นธิดาของพระบิดาบนสวรรค์
ในฐานะธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราแต่ละคนพิเศษและแตกต่างกันตามสภาพการณ์และประสบการณ์ของเรา กระนั้นส่วนของเราก็สำคัญ—เพราะเราสำคัญ
ทุกสัปดาห์ เยาวชนหญิงทั่วโลกท่องสาระสำคัญของเยาวชนหญิง ไม่ว่าในภาษาใดก็ตาม ทุกครั้งที่ดิฉันได้ยินคำว่า “เราเป็นธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ผู้ทรงรักเราและเรารักพระองค์”1 พระวิญญาณทรงยืนยันต่อจิตวิญญาณดิฉันว่าถ้อยคำเหล่านั้นเป็นความจริง ไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงลักษณะของเราเท่านั้น—ว่าเราเป็นใคร—แต่เป็นการยอมรับด้วยว่าเราเป็นธิดาของใคร เราเป็นธิดาของพระสัตภาวะสูงส่ง!
ในทุกประเทศและทุกทวีป ดิฉันได้พบปะกับเยาวชนหญิงหลายคนที่มีความมั่นใจและชัดเจน เปี่ยมด้วยความสว่าง ได้รับการขัดเกลาโดยงานหนักและการทดลอง ผู้มีศรัทธาอันบริสุทธิ์และเรียบง่าย พวกเธอบริสุทธิ์ พวกเธอเป็นผู้รักษาพันธสัญญาที่ “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา และในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง”2 พวกเธอทราบว่าตนเป็นใครและมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
สมัยอยู่มหาวิทยาลัย ดิฉันเป็นสมาชิกของนักเต้นระบำพื้นเมืองนานาชาติของบีวายยู ฤดูร้อนครั้งหนึ่ง กลุ่มของเราได้รับเกียรติพิเศษให้เดินสายทำพันธกิจในยุโรป นี่เป็นฤดูร้อนที่ยากสำหรับดิฉันเพราะไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คุณพ่อของดิฉันเสียชีวิตกะทันหัน ขณะที่เราอยู่ในสกอตแลนด์ ดิฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและท้อแท้เป็นพิเศษ คืนนั้นเราแสดงที่โบสถ์แห่งหนึ่ง หลังจากแสดงจบ เราไปที่บ้านพักคณะเผยแผ่ซึ่งอยู่ถัดไป ขณะเดินไปตามทาง ดิฉันเห็นแผ่นศิลาวางอยู่ข้างประตูทางเข้าสวนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดิฉันอ่านถ้อยคำบนนั้นว่า “ไม่ว่าท่านเป็นใคร จงทำส่วนของท่านให้ดี” ชั่วขณะนั้นถ้อยคำดังกล่าวแผ่ซ่านเข้าไปในส่วนลึกของใจดิฉัน และสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจจากสวรรค์ที่หยิบยื่นข่าวสารมาให้ ดิฉันทราบว่าพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักทรงรู้จักดิฉัน ดิฉันไม่รู้สึกเดียวดาย ดิฉันยืนอยู่ในสวนนั้นทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ไม่ว่าท่านเป็นใคร จงทำส่วนของท่านให้ดี” ข้อความเรียบง่ายนั้นเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้ดิฉันใหม่ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักดิฉันและทรงมีแผนสำหรับชีวิตดิฉัน และพระวิญญาณที่ดิฉันรู้สึกช่วยให้ดิฉันเข้าใจว่าส่วนของดิฉันนั้นสำคัญ
ต่อมาดิฉันเรียนรู้ว่าถ้อยคำนี้เคยสร้างแรงผลักดันให้แก่ศาสดาพยากรณ์เดวิด โอ. แมคเคย์มาแล้ว ขณะรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่มในสกอตแลนด์ ท่านเห็นข้อความดังกล่าวบนแผ่นศิลาที่อาคารหลังหนึ่งในยามท้อแท้ในชีวิตและขณะทำงานเผยแผ่ของท่านและถ้อยคำเหล่านั้นยกจิตวิญญาณท่าน หลายปีต่อมา เมื่อมีการรื้อถอนอาคารหลังนั้น ท่านจัดการให้นำแผ่นศิลาดังกล่าวมาตั้งไว้ในสวนบ้านพักคณะเผยแผ่3
ในฐานะธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราแต่ละคนพิเศษและแตกต่างกันตามสภาพการณ์และประสบการณ์ของเรา กระนั้นส่วนของเราก็สำคัญ—เพราะ เรา สำคัญ การบำเพ็ญประโยชน์ประจำวันของเราในการบำรุงเลี้ยง การสอน และการเอาใจใส่ผู้อื่นอาจดูธรรมดา ด้อยความสำคัญ ยากลำบาก และไร้เกียรติในบางครั้ง แต่ถ้าเราจดจำบรรทัดแรกในสาระสำคัญของเยาวชนหญิงที่ว่า—“เราเป็นธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ผู้ทรงรักเรา” —ข้อความนี้จะทำให้สัมพันธภาพและการตอบสนองของเราแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่นานมานี้คุณแม่ที่ยอดเยี่ยมวัย 92 ปีของดิฉันถึงแก่กรรม เธอจากชีวิตนี้ไปอย่างเงียบๆ เหมือนกับที่เธอใช้ชีวิต ชีวิตเธอไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนไว้ สามีของเธอ คุณพ่อของดิฉัน ถึงแก่กรรมตอนอายุ 45 ปี ทิ้งเธอไว้กับลูกสามคน—ดิฉันและน้องชายสองคน เธอใช้ชีวิตในฐานะหญิงม่าย 47 ปี เลี้ยงดูครอบครัวโดยการสอนหนังสือระหว่างวันและสอนเปียโนตอนกลางคืน เธอดูแลบิดาสูงอายุของเธอ คุณตาของดิฉันซึ่งอยู่บ้านถัดไป เธอต้องแน่ใจว่าเราทุกคนได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย จริงๆ แล้วเธอยืนกรานเช่นนั้นเพื่อเราจะได้เป็น “ผู้ทำคุณประโยชน์” และเธอไม่เคยบ่นว่าเลย เธอรักษาพันธสัญญาและเพราะเธอทำเช่นนั้น เธอจึงเรียกพลังจากสวรรค์ลงมาให้พรกับบ้านและส่งปาฏิหาริย์มาให้ เธอวางใจในพลังของการสวดอ้อนวอน ฐานะปุโรหิต และสัญญาจากพันธสัญญา เธอซื่อสัตย์ในการรับใช้พระเจ้า การอุทิศตนอันแน่วแน่ของเธอประคับประคองเราซึ่งเป็นลูกๆ เธอมักจะกล่าวถึงพระคัมภีร์ข้อนี้บ่อยๆ ว่า “เรา, พระเจ้า, ถูกผูกมัดเมื่อเจ้าทำสิ่งที่เรากล่าว; แต่เมื่อเจ้าไม่ทำสิ่งที่เรากล่าว, เจ้าย่อมไม่มีสัญญา” 4 นั่นคือคติพจน์ของเธอและเธอรู้ว่านั่นเป็นความจริง เธอเข้าใจว่าการเป็นผู้รักษาพันธสัญญาหมายความว่าอย่างไร โลกไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอ แต่เธอไม่ต้องการเช่นนั้น เธอเข้าใจว่าตนเป็นใครและเป็นของใคร—เธอเป็นธิดาของพระผู้เป็นเจ้า ตามจริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่าคุณแม่ของเราได้ทำส่วนของเธอเป็นอย่างดีแล้ว
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ เคยกล่าวถึงสตรีและมารดาว่า
“เราต้องไม่ลืมเอาใจใส่ความเข้มแข็งของสตรี…มารดานี่แหละคือผู้ที่มีอิทธิพลโดยตรงมากที่สุดต่อชีวิตของลูกๆ…มารดานี่แหละที่บำรุงเลี้ยงลูกๆ และเลี้ยงดูพวกเขาในทางของพระเจ้า อิทธิพลของพวกเธอสูงเทียมฟ้า…
“…พวกเธอคือผู้สร้างชีวิต พวกเธอคือผู้บำรุงเลี้ยงลูกๆ พวกเธอคือครูของเยาวชนหญิง พวกเธอคือคู่ชีวิตที่จะขาดเสียมิได้ พวกเธอคือผู้ร่วมงานของเราในการสร้างเสริมอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า บทบาทของพวกเธอยิ่งใหญ่เพียงใด การอุทิศตนของพวกเธอน่าอัศจรรย์เพียงใด”5
ดังนั้นมารดาและบิดาปลูกฝังบุตรสาวอย่างไรถึงความจริงอันสูงส่งและเป็นนิรันดร์ว่าเธอเป็นธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราช่วยให้เธอละทิ้งโลกและก้าวเข้าไปในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร
ในโลกที่กำลังเสื่อมถอยทางศีลธรรม เยาวชนหญิงต้องการสตรีและบุรุษที่จะ “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าในทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง” สิ่งนี้ไม่เคยสำคัญมากเท่าเวลานี้มาก่อน เยาวชนหญิงต้องการมารดาและผู้ชี้นำที่เป็นแบบอย่างของสตรีที่บริสุทธิ์ มารดาทั้งหลาย สัมพันธภาพของท่านกับธิดาของท่านสำคัญเทียมฟ้า แบบอย่างของท่านก็เช่นกัน วิธีที่ท่านรักและให้เกียรติบิดาของเธอ ฐานะปุโรหิตของเขา และบทบาทแห่งสวรรค์ของเขาจะสะท้อนและอาจขยายเจตคติและพฤติกรรมในลูกสาวของท่าน
อะไรคือส่วนนั้นที่เราทุกคนต้อง “ทำให้ดี” ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวบอกชัดเจนว่า
“โดยแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้า บิดาเป็นผู้นำครอบครัวด้วยความรัก ด้วยความชอบธรรมและรับผิดชอบที่จะจัดหาสิ่งจำเป็นต่างๆ ของชีวิต และคุ้มครองครอบครัว มารดารับผิดชอบเบื้องต้นในการเลี้ยงดูบุตรธิดา ในความรับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ บิดาและมารดามีหน้าที่ช่วยเหลือกันในฐานะเป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กัน…
“เราขอเตือนว่าผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนพันธสัญญาแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ผู้ที่ทำร้ายคู่ครองหรือบุตรธิดา หรือผู้ที่ล้มเหลวต่อสัมฤทธิผลของความรับผิดชอบในครอบครัว วันหนึ่งเขาจะยืนชี้แจงต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า”6
ในสังคมที่เสื่อมทรามในสมัยของมอรมอน ท่านเศร้าโศกที่สตรีถูกพรากสิ่งอันเป็นที่รักยิ่งและมีค่าที่สุดเหนือทุกสิ่งไป—ความบริสุทธิ์และพรหมจรรย์7
ดิฉันขอเรียกให้หวนคืนสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้ง ความบริสุทธิ์คือพละกำลังและพลังอำนาจของธิดาพระผู้เป็นเจ้า โลกจะเป็นอย่างไรหากความบริสุทธิ์—อันเป็นแบบแผนความคิดและพฤติกรรมตามมาตรฐานศีลธรรมอันสูงส่ง รวมถึงความบริสุทธิ์ทางเพศ8—ถูกนำกลับคืนสู่สังคมของเราอีกครั้งในฐานะคุณค่าสูงสุด หากความไร้ศีลธรรม สื่อลามก และทารุณกรรมลดลง จะมีการแต่งงานที่แตกแยก ชีวิตพังทลาย และใจที่ชอกช้ำลดลงหรือไม่ สื่อจะช่วยยกย่องธิดาที่ล้ำค่าของพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าเห็นเป็นของเล่นและลดคุณค่าพวกเธอหรือไม่ หากมนุษย์เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความสำคัญของข้อความที่ว่า “เราเป็นธิดาของพระบิดาบนสวรรค์” สตรีจะถูกมองและได้รับการปฏิบัติอย่างไร
หลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ศูนย์การประชุมใหญ่แห่งนี้ใกล้จะสร้างเสร็จ ดิฉันเข้ามาในอาคารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตรงชั้นระเบียงพร้อมหมวกแข็งกับแว่นตานิรภัย พร้อมที่จะดูดฝุ่นพรมซึ่งสามีกำลังช่วยปู ตรงแท่นพูดที่ตั้งอยู่ตอนนี้คือที่ซึ่งรถตักกำลังตักฝุ่นออกไป และฝุ่นในอาคารนี้หนามาก เมื่อเสร็จแล้ว ก็ทำเช่นเดียวกันบนพรมผืนใหม่ ส่วนที่ดิฉันต้องทำคือดูดฝุ่น ดิฉันจึงดูดฝุ่นซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังจากนั้นสามวัน เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กของดิฉันก็ไหม้!
ช่วงบ่ายก่อนการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกในอาคารสวยงามหลังใหม่แห่งนี้ สามีเรียกดิฉัน เขากำลังจะปูพรมผืนสุดท้าย—ใต้แท่นพูดประวัติศาสตร์แท่นนี้
เขาถามว่า “ผมควรเขียนพระคัมภีร์ข้อไหนไว้ใต้พรมผืนนี้ดี”
ดิฉันพูดว่า “โมไซยาห์ 18:9 ‘ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง’”
ในโลกท้าทายอย่างที่สุด นั่นคือสิ่งที่ดิฉันเห็นเยาวชนหญิงและสตรีทุกคนของศาสนจักรแห่งนี้กำลังทำอยู่ พวกเธอเป็นอิทธิพลสำหรับคุณความดี พวกเธอบริสุทธิ์และเป็นแบบอย่างที่ดี ฉลาดและวิริยะอุตสาหะ พวกเธอกำลังทำสิ่งที่แตกต่างเพราะพวกเธอแตกต่าง พวกเธอกำลังทำส่วนของตนเองให้ดี
หลายปีมาแล้ว ขณะที่ดิฉันกำลังดูดฝุ่นพรมนี้—พยายามทำส่วนเล็กๆ ของดิฉันให้ดี—ดิฉันไม่ทราบเลยว่าวันหนึ่งดิฉันจะได้ยืนบนพรมใต้แท่นพูดนี้ด้วยตนเอง
วันนี้ในฐานะธิดาของพระผู้เป็นเจ้า ดิฉันยืนเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระเยซูคือพระคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเรา โดยผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันไร้ขอบเขตของพระองค์นั่นเองที่จะทำให้ดิฉันกลับไปอยู่กับพระองค์อีกครั้ง—ได้รับการพิสูจน์ บริสุทธิ์ และได้รับการผนึกในครอบครัวนิรันดร์ ดิฉันจะสรรเสริญพระองค์ตลอดไปสำหรับเกียรติของการเป็นสตรี ภรรยา และมารดา ดิฉันเป็นพยานว่าเราได้รับการนำโดยศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ประธานโธมัส เอส. มอนสัน และดิฉันขอบพระทัยสำหรับบุรุษที่ชอบธรรมที่ฐานะปุโรหิตของพวกเขาเป็นพรให้แก่ชีวิตดิฉัน และดิฉันจะสำนึกคุณเสมอสำหรับความเข้มแข็งที่ได้รับโดยผ่านอำนาจแห่งการช่วยเหลือจากการชดใช้อันหาที่สุดมิได้ของพระผู้ช่วยให้รอดขณะดิฉันพยามต่อไปที่จะ “ทำส่วนของ [ดิฉัน] ให้ดี” ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน