2010–2019
โจเซฟ สมิธ
ตุลาคม 2014


14:49

โจเซฟ สมิธ

พระเยซูคริสต์ทรงเลือกชายที่บริสุทธิ์ ชายที่ชอบธรรมให้นำการฟื้นฟูแห่งความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกโจเซฟ สมิธ

การมาเยือนครั้งแรกของเทพต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเมื่ออายุ 17 ปี เทพเรียกชื่อโจเซฟและบอกว่าตัวท่านคือโมโรไน เป็นผู้ส่งสารที่ส่งมาจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีงานให้โจเซฟทำ ลองนึกถึงสิ่งที่โจเซฟ สมิธคิดขณะเทพบอกท่านว่าชื่อของท่านจะ “ทั้งดีและชั่วในบรรดาประชาติ ตระกูล และภาษาทั้งปวง”1 อาจเพราะความตกใจที่แสดงออกในดวงตาของโจเซฟทำให้โมโรไนพูดอีกครั้งว่าจะมีผู้เอ่ยถึงทั้งในทางดีและชั่วในบรรดาผู้คนทั้งปวง2

การเอ่ยถึงโจเซฟ สมิธในทางดีเกิดขึ้นช้า การเอ่ยถึงในทางชั่วเกิดขึ้นในทันที โจเซฟเขียนว่า “ช่างแปลกอะไรอย่างนี้ที่เด็กซึ่งไม่มีใครรู้จัก … จะถูกมองว่า …มีความสำคัญเพียงพอจะดึงดูด … การข่มเหง…ที่หนักที่สุด”3

ขณะที่มีคนรักโจเซฟมากขึ้น คนมุ่งร้ายก็มีมากขึ้นเช่นกัน เมื่ออายุ 38 ท่านถูกฆาตกรรมจากฝูงคน 150 คนที่มอมหน้าดำ4 ขณะที่ชีวิตของศาสดพยากณ์จบอย่างกะทันหัน การเอ่ยถึงโจเซฟในทางดีและชั่วกำลังเริ่มต้น

เราควรประหลาดใจกับการพูดในทางชั่วถึงท่านไหม อัครสาวกเปาโลถูกเรียกว่าคลั่งและชอบก่อนกวน5 พระผู้ช่วยให้รอดที่รักของเรา พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ทรงถูกเรียกว่าคนตะกละ คนขี้เมา และเพื่อนของบรรดาคนเก็บภาษีและคนบาป6

พระเจ้าทรงบอกโจเซฟถึงชะตากรรมของท่าน

“สุดแดนแผ่นดินโลกจะสอบถามเกี่ยวกับนามของเจ้า, และคนโง่เขลาจะเห็นเจ้าสมควรแก่การถูกเยาะเย้ย, และนรกจะเดือดดาลต่อต้านเจ้า;

“ขณะที่ผู้มีใจบริสุทธิ์, … มีปัญญา, … และผู้มีคุณธรรม, จะแสวงหา … พรอยู่เสมอจากฝ่ามือเจ้า.”7

เหตุใดพระเจ้าจึงทรงยอมให้การพูดในทางชั่วอยู่คู่กับการพูดในทางดี เหตุผลหนึ่งก็คือ การต่อต้านสิ่งที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าทำให้ผู้แสวงหาความจริงคุกเข่าลงเพื่อหาตำตอบ8

โจเซฟ สมิธ คือศาสดาพยากรณ์แห่งการฟื้นฟู งานทางวิญญาณของท่านเริ่มด้วยการปรากฏของพระบิดาและพระบุตร ตามด้วยการมาเยือนจากสวรรค์อีกนับไม่ถ้วน ท่านเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะนำพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ หลักคำสอนที่สูญหาย และการฟื้นฟูฐานะปุโรหิตออกมาอีกครั้ง ความสำคัญในงานของโจเซฟ เรียกร้องมากกว่าการพิจารณาด้วยสติปัญญา สิ่งนี้เรียกร้องให้เรา “ทูลขอจากพระเจ้า”9 เช่นโจเซฟ คำถามทางวิญญาณสมควรได้รับคำตอบทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้า

ผู้คนมากมายที่ไม่สนใจงานแห่งการฟื้นฟูเพียงเพราะไม่เชื่อว่าสัตภาวะจากสวรรค์พูดกับมนุษย์บนแผ่นดินโลก พวกเขาพูดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เทพจะนำแผ่นจารึกทองคำมาให้แปลโดยพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า จากการไม่เชื่อนั้น พวกเขาปฏิเสธประจักษ์พยานของโจเซฟอย่างรวดเร็ว และบางคนลงต่ำถึงขนาดก่อความเสื่อมเสียให้ชีวิตของศาสดาพยากรณ์และพูดถึงอุปนิสัยของท่านในทางไม่ดี

เราเสียใจอย่างยิ่งเมื่อคนที่เคยเคารพโจเซฟ ละทิ้งจากความเชื่อมั่นของตนและจากนั้นใส่ร้ายศาสดาพยากรณ์10

“การศึกษาศาสนจักร … ผ่านทางสายตาของผู้ละทิ้งศาสนจักร” เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์เคยกล่าวไว้ว่าเป็น “เหมือนกับการสัมภาษณ์ยูดาห์เพื่อให้เข้าใจพระเยซู ผู้ที่ละทิ้งจะบอกเรื่องเกี่ยวกับตนเองมากกว่าสิ่งที่เขาละทิ้งไป”11

พระเยซูตรัส “จงรักศัตรูของท่าน … และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน”12 ขอให้เรามีเมตตาแก่ผู้ที่วิพากษวิจารณ์โจเซฟ สมิธ โดยเรารู้ในใจว่าท่านคือศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าและขอให้สบายใจว่าโมโรไนได้บอกเราล่วงหน้าถึงสิ่งนี้นานมาแล้ว

เราตอบอย่างไรกับผู้ที่ถามด้วยความจริงใจ ผู้ที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่ดีที่เขาหรือเธอได้ยินหรืออ่านมาเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธ แน่นอน เรายินดีรับฟังคำถามที่ซื่อตรงและจริงใจเสมอ

ในการตั้งคำถามเกี่ยวกับอุปนิสัยของโจเซฟ เราควรแบ่งปันถ้อยคำของคนหลายพันคนที่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวและผู้ที่สละชีวิตของพวกเขาเพื่องานที่โจเซฟช่วยสร้างไว้ จอห์น เทย์เลอร์ ผู้ถูกฝูงชนที่ฆ่าโจเซฟยิงสี่นัด ต่อมาประกาศว่า “ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า ต่อเหล่าเทพ และมนุษย์ว่า [โจเซฟ] เป็นคนดี น่าเคารพนับถือ [และ] มีคุณธรรม—...[และ] ลักษณะนิสัยทั้งโดยส่วนตัวและที่ปรากฏต่อสาธารณชนไม่มีที่ติ—ท่านมีชีวิตและเสียชีวิตเยี่ยงคนของพระผู้เป็นเจ้า”13

เราอาจเตือนผู้ถามด้วยความจริงใจว่าข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่มีตัวกรอง “ความจริง” ข้อมูลบางอย่างไม่ว่าจะน่าเชื่อถือเพียงไรไม่เป็นความจริง

เมื่อหลายปีก่อน ข้าพเจ้าอ่านนิตยสาร ไทม์ ที่รายงานว่าค้นพบจดหมายฉบับหนึ่งที่คาดว่าเขียนโดยมาร์ติน แฮร์ริสซึ่งขัดแย้งกับเรื่องราวของโจเซฟ สมิธที่พบแผ่นจารึกพระคัมภีร์มอรมอน14

สมาชิกบางคนออกจากศาสนจักรเพราะบทความนั้น15

น่าเศร้าที่พวกเขาออกเร็วเกินไป หลายเดือนต่อมาผู้เชี่ยวชาญค้นพบ (และสารภาพการปลอมแปลง) ว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นการหลอกลวงโดยสิ้นเชิง16 เป็นที่เข้าใจได้หากท่านมีคำถามถึงสิ่งที่ได้ยินในข่าว แต่ท่านต้องไม่สงสัยประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

เราอาจเตือนผู้ถามว่าข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับโจเซฟซึ่งถูกต้องอาจถูกนำเสนอในบริบทที่ต่างจากยุคสมัยและสถานการณ์ของท่านโดยสิ้นเชิง

เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแสดงให้เห็นประเด็นนี้ “ข้าพเจ้ารับใช้เป็นที่ปรึกษาแก่รัฐบาลสหรัฐที่ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติในแอตแลนตา จอร์เจีย ครั้งหนึ่งขณะรอแท็กซีเพื่อไปสนามบินหลังจากประชุมเสร็จ ข้าพเจ้ายืดเส้นยืดสายบนสนามหญ้าเพื่อรับแสงอบอุ่นยามเช้าก่อนกลับไปยังอากาศฤดูหนาวในยูทาห์ … ต่อมาข้าพเจ้าได้รับภาพส่งมาทางไปรษณีย์ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพผ่านทางเลนส์จากระยะไกลจับภาพขณะที่ข้าพเจ้าผ่อนคลายบนสนามหญ้า ใต้ภาพมีข้อความว่า ‘ที่ปรึกษารัฐบาลที่ศูนย์แห่งชาติ’ ภาพนั้นถูกต้อง คำบรรยายภาพถูกต้อง แต่ความจริงถูกใช้เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด”17 เราจะไม่ละทิ้งสิ่งที่เรารู้ว่าจริงด้วยเหตุจากสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ

เราอาจเตือนผู้ถามว่าโจเซฟไม่ได้อยู่ตามลำพังในการเยือนของเทพ

พยานในพระคัมภีร์มอรมอนเขียนว่า “เราประกาศด้วยถ้อยคำที่มีสติสัมปชัญญะ, ว่าเทพของพระผู้เป็นเจ้าลงมาจากสวรรค์, และ…ว่าเราเห็นและดูแผ่นจารึก”18 เราสามารถอ้างอิงคนอื่นๆ อีกมากมายด้วยเช่นกัน19

ผู้ถามอย่างจริงใจควรดูการแผ่ขยายของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูว่าเป็นผลแห่งงานของพระเจ้าผ่านศาสดาพยากรณ์

ปัจจุบันนี้มีสถานที่ประชุมกว่า 29,000 แห่งและผู้สอนศาสนา 88,000 คนสอนพระกิตติคุณอยู่ทั่วโลก วิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายล้านคนพยายามทำตามพระเยซูคริสต์ ดำเนิชีวิตอย่างมีเกียรติ ดูแลผู้ยากจน และอุทิศเวลากับความสามารถของพวกเขาในการช่วยเหลือผู้อื่น

พระเยซูตรัสว่า

“ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ …

“…พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา”20

คำอธิบายเหล่านี้น่าเชื่อถือ แต่ผู้ถามอย่างจริงใจไม่ควรพึ่งพาสิ่งเหล่านี้เพียงอย่างเดียวในการหยุดค้นหาความจริง

ผู้ที่เชื่อแต่ละคนต้องการการยืนยันทางวิญญาณถึงพันธกิจจากสวรรค์และอุปนิสัยของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ สิ่งนี้เป็นความจริงสำหรับทุกรุ่น คำถามทางวิญญาณสมควรได้รับคำตอบทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้า

เมื่อเร็วๆ นี้ ขณที่ข้าพเจ้าอยู่ในฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา อดีตผู้สอนศาสนาพูดกับข้าพเจ้าเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อมูลที่เขาได้รับมาเรื่องศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ พวกเขาคุยกันหลายครั้งและผลก็คืออดีตผู้สอนศาสนาดูเหมือนเริ่มจะมีข้อสงสัยบ้าง

ถึงแม้ข้าพเจ้าหวังให้เขาสามารถช่วยเพื่อนกลับมาเข้มแข็ง ข้าพเจ้ารู้สึกกังวลกับประจักษ์พยานของเขาเอง พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่าน ท่านจะช่วยคนอื่นไม่ได้มากนักถ้าศรัทธาของท่านไม่เข้มแข็ง

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนข้าพเจ้าขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาใต้ พนักงานต้อบรับบนเครื่องบินขอให้เราชมวีดิทัศน์เพื่อความปลอดภัย “ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น” เราได้รับคำเตือน “แต่ถ้าความดันในห้องโดยสารเปลี่ยน แผงเหนือศีรษะของคุณจะเปิด และหน้ากากออกซิเจนจะหล่นลงมา ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ให้เอื้อมมือไปดึงหน้ากาก ครอบบริเวณจมูกและปากของคุณ คล้องสายรัดไว้รอบศีรษะและปรับหน้ากากตามความเหมาะสม” จากนั้นมีคำเตือน “ขอให้ท่านแน่ใจว่าได้ปรับหน้ากากของท่านเองก่อนช่วยเหลือผู้อื่น”

คำวิจารณ์ในทางลบเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจะมีมากขึ้นขณะที่เราเข้าสู่การเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด ความจริงเพียงครึ่งเดียวและการหลอกลวงที่แนบเนียนจะไม่น้อยลง จะมีคนในครอบครัวและเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือของท่าน บัดนี้คือเวลาที่จะปรับหน้ากากออกซิเจนทางวิญญาณของท่านเองเพื่อที่ท่านจะเตรียมช่วยผู้อื่นที่แสวงหาความจริง21

ประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสามารถมาสู่เราได้ในทางที่ต่างกัน อาจเกิดขึ้นขณะท่านคุกเข่าสวดอ้อนวอน ทูลขอให้พระผู้เป็นเจ้ายืนยันว่าท่านนี้คือศาสดาพยากรณ์ที่แท้จริง อาจเกิดขึ้นขณะท่านอ่านเรื่องนิมิตแรก ประจักษ์พยานอาจกลั่นลงมาบนจิตวิญญาณท่านขณะท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนซ้ำแล้วซ้ำอีก อาจเกิดขึ้นขณะท่านแสดงประจักษ์พยานของท่านถึงศาสดาพยากรณ์หรือขณะท่านยืนอยู่ ในพระวิหารพร้อมกับตระหนักว่าโดยผ่านโจเซฟ สมิธอำนาจแห่งการผนึกอันศักดิ์สิทธิ์ได้รับการฟื้นฟูบนแผ่นดินโลก22 โดยมีศรัทธาและเจตนาแท้จริง ประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจะแข็งแกร่ง ลูกโป่งน้ำที่กระหน่ำมาจากข้างทางอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ท่านเปียกเป็นครั้งคราว แต่มันไม่ควรดับไฟแห่งศรัทธาอักลุกโชนของท่าน

ถึงเยาวชนที่ฟังอยู่ในวันนี้หรือจะอ่านถ้อยคำเหล่านี้ในวันข้างหน้า ข้าพเจ้าให้การท้าทายที่เจาะจงดังนี้ จงหาพยานส่วนตัวเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเฟ สมิธ ขอให้เสียงของท่านช่วยทำให้ถ้อยคำที่พยากรณ์ไว้ของโมโรไนที่จะพูดถึงศาสดาพยากรณ์ในทางดีเกิดสัมฤทธิผล มีอยู่สองแนวคิดคือ: หนึ่ง หาข้อพระคัมภีร์ในพระคัมภีร์มอรมอนตรงที่ท่านรู้สึกและรู้ว่าเป็นความจริงแน่นอน จากนั้นแบ่งปันกับครอบครัวและเพื่อนที่การสังสรรค์ในครอบครัว เซมินารี และชั้นเรียนเยาวชนชายและเยาวชนหญิง โดยยอมรับว่าโจเซฟ สมิธเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า ต่อไปให้อ่านประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในไข่มุกอันล้ำค่าหรือในจุลสารนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ใน 158 ภาษา ท่านสามารถหาเอกสารนี้ทางออนไลน์ที่ LDS.org หรือขอจากผู้สอนศาสนา นี่คือประจักษ์พยานส่วนตัวของโจเซฟถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ขอให้อ่านเป็นประจำ อาจบันทึกประจักษ์พยานของโจเซฟ สมิธด้วยเสียงของท่าน ฟังเป็นประจำและแบ่งปันกับเพื่อน ฟังประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์ในเสียงของท่านเองจะช่วยให้ท่านพบพยานที่ท่านแสวงหา

มีวันที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมรออยู่เบื้องหน้า ประธานโธมัส เอส. มอนสันกล่าว “ อุดมการณ์ยิ่งใหญ่นี้…จะดำเนินต่อไปข้างหน้าขณะเปลี่ยนชีวิตและเป็นพรให้ชีวิต … ไม่มีอุดมการณ์ใดหรืออิทธิพลใดในสากลโลกจะหยุดยั้งงานของพระผู้เป็นเจ้าได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อุดมการณ์ยิ่งใหญ่นี้จะก้าวไปข้างหน้า”23

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานของข้าพเจ้าว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์ทรงเลือกชายที่บริสุทธิ์ ชายที่ชอบธรรมให้นำการฟื้นฟูแห่งความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกโจเซฟ สมิธ

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าโจเซฟ สมิธเป็นชายที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เป็นสานุศิษย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ทรงปรากฏต่อท่าน ท่านแปลพระคัมภีร์มอรมอนโดยของประทานและสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า

ในสังคมหลังม่านแห่งความตายของเรา เราจะเข้าใจอย่างเต็มที่ถึงการเรียกอันศักดิ์สิทธิ์และพันธกิจจากสวรรค์ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ในอีกไม่นาน ท่านกับข้าพเจ้า และ “คนนับล้าน [ล้าน] จะรู้จัก ‘โจเซฟ’ อีก” 24 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:33.

  2. ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:29–46.

  3. ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:23.

  4. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 135:1.

  5. ดู กิจการของอัครทูต 26:24.

  6. ดู มัทธิว 11:19; ยอห์น 10:20.

  7. หลักคำสอนและพันธสัญญา 122:1–2.

  8. ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า “โปรดจงสงสัยความสงสัยของท่านก่อนที่ท่านจะสงสัยศรัทธาของท่านเอง เราต้องไม่มีวันยอมให้ความสงสัยกักขังเราและกันเราออกจากความรักจากสวรรค์ สันติสุข และของประทานที่มาจากศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์” (“เชิญมาร่วมกับเรา” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 23) เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์กล่าวว่า “งานศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดำเนินอยู่พร้อมด้วยพรจากงานนี้ที่มีให้เห็นทั่วทุกสารทิศ ดังนั้นโปรดอย่าตื่นตระหนกหากมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวให้เราต้องพินิจพิจารณา ทำความเข้าใจ และหาทางแก้ ปัญหาเกิดขึ้นจริงและจะเป็นไปเช่นนั้น ในศาสนจักรนี้ สิ่งที่เรารู้จะอยู่เหนือกว่าสิ่งที่เราไม่รู้เสมอ และพึงระลึกว่าในโลกใบนี้ ทุกคนดำเนินไปด้วยศรัทธา” (“ข้าพเจ้าเชื่อ” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 94).

  9. ยากอบ 1:5; ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:11–13 ด้วย.

  10. ดาเนียล ไทเลอร์เล่าว่า “ข้าพเจ้ากับบราเดอร์ไอแซค เบฮูนินไป [เยี่ยมศาสดาพยากรณ์] ท่านถึงที่พัก การข่มเหงท่านเป็นหัวข้อการสนทนาของเรา ท่านพูดทบทวนคำบอกเล่าผิดๆ มากมายที่ไม่สอดคล้องและขัดแย้งกันของผู้ละทิ้งความเชื่อ …ท่านบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ … [ที่เต็มใจ] จะปลิดชีวิตท่าน แต่เมื่อท่านถูกจับต่างหันมาเข้าข้างท่าน [โดยที่รู้จักท่านมากขึ้น] …“…บราเดอร์เบฮูนินกล่าวว่า ‘ถ้าผมออกจากศาสนจักรนี้ ผมจะไม่ทำอย่างที่พวกเขาทำ ผมจะไปให้ไกลในสถานที่ซึ่งไม่เคยมีใครได้ยินเรื่องของชาวมอรมอน จะปักหลักที่นั่น และจะไม่มีใครรู้ว่าผมรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้’“[โจเซฟ] ตอบทันทีว่า ‘บราเดอร์เบฮูนิน คุณไม่รู้หรอกว่าคุณจะทำอะไร เป็นไปได้มากว่าคนเหล่านี้เคยคิดแบบคุณ ก่อนเข้าร่วมศาสนจักรนี้ คุณยืนอยู่ตรงกลาง … ตอนที่คุณเข้าร่วมศาสนจักรนี้ คุณสมัครเข้ามารับใช้พระผู้เป็นเจ้า เมื่อคุณทำเช่นนั้นคุณได้ก้าวออกจากพื้นที่ตรงกลาง และคุณจะกลับไปอีกไม่ได้ หากคุณทิ้งพระอาจารย์ที่คุณสมัครมารับใช้ นั่นเป็นเพราะการเสี้ยมสอนของคนชั่วคนนั้น และคุณจะทำตามคำบอกของเขาและเป็นผู้รับใช้เขา’” (ใน คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 349)

  11. นีล เอ. แม็กซ์เวลล์, “All Hell Is Moved” (Brigham Young University devotional, Nov. 8, 1977), 3; speeches.byu.edu.

  12. มัทธิว 5:44.

  13. คำสอนของประธานศาสนาจักร: จอห์น เทย์เลอร์ (2001), 82; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญาด้วย 135:3.

  14. ดู ริชาร์ด เอ็น. ออสท์ลิงก์, “Challenging Mormonism’s Roots,” Time, May 20, 1985, 44.

  15. ดู ออสท์ลิงก์, “Challenging Mormonism’s Roots,” 44; ดู กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์,, “Lord, Increase Our Faith,” Ensign, Nov. 1987, 52; นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “การทดลองศรัทธาของท่าน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 41.

  16. ดู ริชาร์ด อี. เทอร์ลีย์. จูเนียร์, Victims: The LDS Church and the Mark Hofmann Case (1992).

  17. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “Truth—and More,Ensign, Jan. 1986, 71.

  18. “ประจักษ์พยานของพยานสามคน,” พระคัมภีร์มอรมอน.

  19. ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:71, หมายเหตุ; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:23 ด้วย.

  20. มัทธิว 7:18, 20.

  21. ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ พูดเกี่ยวกับผู้ที่สงสัย กล่าวว่า “โดยที่ท่านรักพวกเขา ท่านอาจตัดสินใจพยายามทำสิ่งที่พวกเขาขอ ท่านอาจถูกล่อลวงให้ไปกับพวกเขาทางความสงสัยของพวกเขาโดยหวังว่าท่านสามารถหาข้อพิสูจน์หรือเหตุผลที่จะขจัดความสงสัยของพวกเขา ผู้ที่มีความสงสัยมักจะต้องการพูดในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นความจริงหรือข้อโต้แย้งที่ทำให้พวกเขาสงสัยและว่าสิ่งนั้นเจ็บปวดเพียงไร…“ท่านกับข้าพเจ้าทำได้ดีกว่านี้ถ้าเราไม่ใช้เวลานานกับสิ่งที่นักเรียนของเราเห็นว่าเป็นที่มาของความสงสัยของพวกเขา  … ปัญหาของพวกเขาไม่ได้อยู่ในสิ่งที่พวกเขาเห็นแต่อยู่ในสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น  … เราทำได้ดีที่สุดถ้าเราเปลี่ยนการสนทนาในทันที่ไปสู่สิ่งทางใจ การเปลี่ยนแปลงต่างๆของใจที่เปิดตาทางวิญญาณ” (“‘And Thus We See’: Helping a Student in a Moment of Doubt” [address to Church Educational System religious educators, Feb. 5, 1993], 3, 4; si.lds.org).

  22. ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ กล่าวว่า “หลายปีก่อนเมื่ออายุสิบสองขวบ ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นมัคนายก คุณพ่อของข้าพเจ้า ผู้เป็นประธานสเตคของสเตคเรา พาข้าพเจ้าไปการประชุมฐานะปุโรหิตสเตคครั้งแรกของข้าพเจ้า … [เพลงเปิดคือ “สรรเสริญบุรุษ”] พวกเขาร้องเพลงถึงโจเซฟ สมิธ และเมื่อพวกเขาร้องเพลงใจของข้าพเจ้ามีความรักและความเชื่อในศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยการประทานนี้ขึ้นอย่างรวดเร็ว … ทันใดนั้นข้าพเจ้ารู้โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง” (“Praise to the Man,” Ensign, Aug. 1983, 2; Tambuli, Jan. 1984, 1, 2).

  23. โธมัส เอส. มอนสัน, “เมื่อเรามารวมกันอีกครา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2012, 4.

  24. “สรรเสริญบุรุษ,” หนังสือเพลง, บทเพลงที่ 14.